02.ทำไม ต้องลอยอังคาร
- 1. ทําไม ต้องลอยอังคาร
ตอบ เพราะเป็ นการลอยเถ้าถ่าน รวมถึงกระดูกของผูตายไปตามสายนํ า เป็ นการเก็บเศษกระดูก เศ
้
เถ้าถ่านของผูตายให้ดูเหมาะสม ตามคติพุทธ เป็ นปริศนาธรรมแห่งการปล่อยวาง ไม่มธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อีก
้
ี
ต่อไปในภพนี
คําว่า อังคาร หมายถึง เถ้าถ่าน ขีเถ้า เศษกองฟืนทีไหม้แล้ว มิได้หมายถึง กระดูกหรืออัฐแต่อย่าง
ิ
ใด แต่เศษกระดูกก็รวมอยู่กบขีเถ้าด้วย ดังนันการลอยอังคาร ก็คอการลอยเศษขีเถ้าจากการเผาทีรวมถึง
ั
ื
เศษกระดูกเอาไว้ดวย
้
การลอยอังคาร เชือว่าเป็ นคติทไทยรับมาจากอินเดียตามหลักศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ เมือชาว
ี
ั
ฮินดูตายจะนํ าศพไปเผาริมฝงแม่นําศักดิสทธิ โดยเฉพาะแม่นําคงคา หลังจากเผาจะกวาดเถ้าถ่านหรือเศษ
ิ
ไฟทีโหมไหม้ศพ ให้ลอยล่องไปตามแม่นําคงคา บางครังก็ยงมีเศษศพเหลืออยู่ หรือบางศพ เช่น
ั
๑.ศพเด็กหรือสตรีทตายท้องกลม เพราะเชือว่า เด็กในท้องเป็ นผูบริสุทธิ
ี
้
๒.ศพหญิงสาวพรหมจรรย์
๓.ศพนักบวชทีเรียกว่า สันยาสี ซึงออกบวชเพือแสวงหาโมกขธรรมทังหลาย
๔.ศพผูถูกฟาผ่า งูเห่ากัดตาย (เพราะพระเป็ นเจ้าต้องการตัวด่วน) เป็ นโรคเรือนตาย (เพราะรับ
้ ้
ทุกข์ทรมานในโลกมนุ ษย์มากแล้ว ตายลงไปสวรรค์ได้เลย)
ศพทีว่ามานีไม่ต้องเผา เพียงถ่วงนํ าชําระล้างบาปให้ลอยไปตามกระแสนํ าเท่านัน การทิงศพหรือเ
เถ้าถ่ านลงแม่นําคงคาหรือแม่นําศักดิสทธิ เชือว่าผูตายจะไปสู่สรวงสวรรค์หรือ อยูกบพระเป็ นเจ้า ไทยร
ิ
้
่ ั
วัฒนธรรมทางศาสนามาจากอินเดีย จึงนําแนวการปฏิบตบางอย่างมาด้วย แต่ไม่ได้นํามาใช้เสียทังหมด เช่น
ั ิ
การเผาศพ เมือเผาแล้วจะนํ าเฉพาะอังคารเท่านันลอยนํ า เพราะยังมีความเชือตามหลักพระพุทธศาสนาอยู
ประจําใจ
ตามหลักพระพุทธศาสนา มิได้เน้ นการลอยอังคาร ในพุทธประวัตจะพบการปฏิบติต่อคน
ิ
ั
ตายคือการเผา จากนันนํ าอัฐหรือกระดูกมาเก็บไว้ในสถูปเพือสักการะ เช่น พระพุทธสรีระ หลังจากมัลละ
ิ
กษัตริยแห่งเมืองกุสนารา ประชาชน และพระสงฆ์ซงมีพระมหากัสสปะเป็ นประธานได้ทําการถวายพระเพลิง
์
ิ
ึ
แล้ว แบ่งพระบรมสารีรกธาตุหรือกระดูกของพระพุทธเจ้าเป็ น ๘ ส่วน เพือแจกจ่ายแก่เมืองต่างๆ ทีมาขอ
ิ
เจ้าเมืองต่างๆ ก็สร้างสถูปสําหรับบรรจุนําพระบรมสารีรกธาตุไว้บูชา ซึงมีลกษณะเป็ นกองดินหรือก้อนศิลา
ิ
ั
ั ั
วางเรียงเป็นชันๆ ดังทีเราเรียกปจจุบนว่าเจดีย์ แม้พระพุทธสรีรงคาร (เถ้าถ่านของพระพุทธเจ้า) ก็มกษัตริย์
ั
ี
โมริยะ เมืองปิปผลิวน ซึงมาขอพระบรมสารีรกธาตุหลังจากแบ่งหมดแล้ว เมือไม่ได้ จึงนํ าพระอังคารไปสร้าง
ั
ิ
เป็ นสถูปบูชาเช่นกัน ชือว่า อังคารสถูป เมืองปิปผลิวน
ั
ทะนานทองทีโทณพราหมณ์ใช้ตวงแบ่งพระบรมสารีรกธาตุให้เหล่ากษัตริย์ โทณพราหมณ์เองก็ได้
ิ
ขอประทานเพือนําไปสร้างสถูป ชือว่า ตุมพสถูป อยู่ ณ เมืองกุสนารา
ิ
ส่วนสถานทีถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ได้สร้างเป็ นกองดินหรือก้อนศิลา เรียกว่า มกุฏพันธนเจดีย์
- 2. ทีจริงแล้ว คําว่า เจดีย์ มิได้ถงสถานทีเผาศพ หรือสถานทีเก็บอัฐเท่านัน แต่สถานทีใดหรืออะไรทีมี
ึ
ิ
ความสําคัญ ควรแก่การเคารพบูชา เพือระลึกถึงคุณงามความดี เรียกว่าเจดียได้ เช่น ในพุทธประวัตระบุ
์
ิ
เจดียไว้มากมาย โดยสรุปแล้วมี ๔ ประเภท คือ
์
๑.ธาตุเจดีย์ หมายถึง พระบรมสารีรกธาตุ
ิ
๒.บริโภคเจดีย์ หมายถึง สถานทีทีพระพุทธเจ้าทรงเคยประทับหรือสิงของทีทรงเคยใช้ เช่น สังเวช
นียสถาน ๔ แห่ง อัฐบริขาร ต้นพระศรีมหาโพธิ
๓. ธรรมเจดีย์ หมายถึง คําสังสอนของท่ าน รวมถึง สิงทีบัน ทึกจดจําคําสอน เช่ น พระไตรปิ ฎ ก
หนังสือธรรมะ
๔.อุทเทสิกเจดีย์ หมายถึง สิงทีเป็ นตัวแทนของพระองค์เพือให้ระลึกถึง เช่น พระพุทธรูป รอยพระ
บาท
นอกจากนี ในพุทธประวัตยงระบุถงอัฐของพระอัครสาวกทังสอง คือพระสารีบุตร และพระมหาโมค
ิ ั
ึ ิ
คัลลานะ หลังจากท่านทังสองนิพพานแล้ว พระพุทธองค์ได้อนุ ญาตให้ก่อสถูปสําหรับบรรจุอฐของท่านไว้ใกล้
ัิ
ซุมประตูวด โดยพระสารีบุตรบรรจุไว้ ณ วัดเชตวัน พระมหาโมคคัลลานะบรรจุไว้ ณ วัดเวฬุวน
้
ั
ั
ด้วยเหตุนี ชาวพุทธจึงนิยมบรรจุอฐไว้บริเวณประตูหรือกําแพงวัด สันนิษฐานว่า ได้รบแนวคิดจาก
ัิ
ั
การบรรจุอฐของพระอัครสาวกเป็นตัวอย่าง แต่กบรรจุเพียงบางส่วนเท่านัน หากเป็ นเถ้าถ่านหรืออังคารนิยม
ัิ
็
ั ่
นําไปฝงทีปาช้า ญาติบางคนก็นําไปลอยอังคาร ซึงเป็ นวิธหนึงสําหรับเก็บเถ้าถ่านของคนตายให้ดูเหมาะสม
ี
เพราะอาจเกรงว่า จะมีคนมารบกวนผูตายทีตนนับถือก็เป็ นได้
้
พระมหาสุรชัย พุดชู