บทที่1
- 1. บทที่ 1
บทนำ
1.1 ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปัญหำ
จำกสถำนกำรณ์ประชำกรที่กำลังได้รับควำมสนใจในสังคมโ
ล ก ปั จ จุ บั น
คงจะหนีไม่พ้นเรื่องโครงสร้ำงประชำกรที่กำลังมีกำรเปลี่ยนแปลงอ
ย่ ำ ง ต่ อ เนื่ อ ง เข้ ำ สู่ "สั ง ค ม ผู้ สู ง อ ำ ยุ " ( Aging Society)
โด ย ป ร ะ ช ำก ร โ ล ก มี แ น ว โน้ ม เพิ่ ม ขึ้ น ใ น ปี พ .ศ .2 5 4 3
มีจำนวนประชำกรโลกทั้งหมด 6,500 ล้ำนคน มีประชำกรผู้สูงอำยุ
390 ล้ ำ น ค น แ ล ะ ค ำ ด ก ำ ร ณ์ ว่ ำ ใ น ปี พ .ศ . 2 5 6 8
จ ะ มี ป ร ะ ช ำ ก ร โ ล ก ทั้ ง สิ้ น 8 , 2 0 0
ล้ำนคนและในจำนวนนี้จะเป็นประชำกรผู้สูงอำยุจำนวน 1,100
ล้ำนคน (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ. 2556)
พิ จ ำ ร ณ ำ ใ น แ ต่ ล ะ ภู มิ ภ ำ ค ข อ ง โ ล ก พ บ ว่ ำ
ยุโรปเป็นภูมิภำคที่มีสัดส่วนของประชำกรสูงอำยุมำกที่สุดในโลก
โด ยเฉ พ ำะป ระ เท ศอิต ำลี ก รีซ เยอร มนี สวิสเซ อร์แลน ด์
ประเท ศเห ล่ำนี้ มีอัตรำเจ ริญพัน ธุ์รวมต่ำกว่ำระดับท ด แท น
มี อั ต ร ำ ต ำ ย ข อ ง ป ร ะ ช ำ ก ร ค่ อ น ข้ ำ ง ต่ ำ
ในขณะที่แอฟริกำเป็นภูมิภำคที่มีโครงสร้ำงของประชำกรวัยเด็กมำ
ก ก ว่ ำ ป ร ะ ช ำ ก ร วั ย สู ง อ ำ ยุ
มีอัตรำเจริญพันธุ์รวมและอัตรำตำยของประชำกรค่อนข้ำงสูง
ประชำกรมีอำยุขัยเฉลี่ยต่ำ (ศูนย์อนำมัยที่ 5 นครรำชสีมำ. 2555)
อ ง ค ์ก ำ ร ส ห ป ร ะ ช ำ ช ำ ต ิ ( UN) ไ ด ้น ิย ำ ม ว ่ำ
ประเทศใดมีประชำกรอำยุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนเกิน 10%
- 2. 2
ห รืออ ำยุ 65 ปีขึ้ น ไ ป เกิน 7% ข องป ร ะ ช ำก ร ทั้งป ร ะเท ศ
ถือว่ำประเท ศนั้นได้ก้ำวเข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุ (Aging Society)
แ ล ะ จ ะ เป็ น สั งค ม ผู้ สู งอ ำ ยุ โ ด ย ส ม บู ร ณ์ (Aged Society)
เมื่อสัดส่วนประชำกรอำยุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มเป็น 20% และอำยุ 65
ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 14% โดยประเทศไทย ได้นิยำมคำว่ำ “ผู้สูงอำยุ”
ไว้ใน พระรำชบัญญัติผู้สูงอำยุ พ.ศ. 2546 ว่ำหมำยถึง “ผู้ที่มีอำยุ
60 ปีขึ้นไป” (กรมอนำมัย. 2556)
ข ณ ะ นี้ โล ก ก้ ำวเข้ ำสู่สั งค มผู้ สู งอำยุ เรี ยบ ร้อ ยแ ล้ ว
เนื่องจ ำก ป ระ ชำก รผู้สูงที่ มีอำยุ 65 ปีขึ้น ไป เกิน ร้อยละ 7
ข ณ ะ ที่ จ ำก ข้ อมู ล ข องส ถ ำบั น วิ จัย ป ร ะ ช ำก ร แล ะ สั งค ม
มหำวิทยำลัยมหิดล ในปี 2555 พบว่ำโลกมีประชำกรจำนวน 7,058
ล้ำนค น มีผู้สูงอำยุที่มีอำยุ 65 ปีขึ้น ไป จำนวน 565 ล้ำน ค น
คิดเป็นร้อยละ 8 ขณะที่ผู้สูงอำยุของประเทศไทยมีอำยุ 65 ปีขึ้นไป
มีมำกถึงร้อยละ 12.59 ซึ่งถือว่ำมำกที่สุดใน ประเท ศอำเซียน
(กรมอนำมัย. 2556)
ประชำกรในประเทศอำเซียนปัจจุบันก็ได้เข้ำสู่สังคมสูงวัยแล้
วเช่นเดียวกัน (ร้อยละ 7) และในอีกประมำณ 27 ปีข้ำงหน้ำ คือ
พ .ศ. 2583 อำเซียน จะเริ่มเข้ำสู่ “สังคมสูงวัยระดับ สุด ยอด ”
เมื่อเปรียบเทียบประชำกรสูงวัยในแต่ละประเทศ พ บว่ำ ใน ปี
2556ประเทศสิงคโปร์แก่ที่สุดในอำเซียน (12%) รองลงมำคือ ไทย
(11%) และเวียด น ำม (7%) และค ำด ป ร ะมำณ ว่ำ ใน อีก 27
ปี ข้ ำ ง ห น้ ำ คื อ พ . ศ . 2583
ทั้ ง ส ำ ม ป ร ะ เท ศ ก็ จ ะ เข้ ำ สู่ สั ง ค ม สู ง วั ย ร ะ ดั บ สุ ด ย อ ด
ส ำ ห รั บ ป ร ะ เท ศ บ รู ไ น กั ม พู ช ำ ล ำ ว แ ล ะ ฟิ ลิ ป ปิ น ส์
ถือไ ด้ว่ำยั งเป็นป ระเท ศที่มีสัด ส่วน ผู้สูงอำยุน้อยใน ปัจ จุบัน
- 3. 3
ซึ่งจัดอยู่ในก ลุ่มประเท ศเด็ก ในข ณ ะที่ประเทศอินโดนีเซีย
เ มี ย น ม ำ ร์ แ ล ะ ม ำ เ ล เ ซี ย
จัดเป็นประเทศที่กำลังเข้ำสู่สังคมสูงวัยในปัจจุบัน อย่ำงไรก็ตำม
ในอีกไม่ถึง10 ปีข้ำงหน้ำทั้งสำมประเทศนี้จะเข้ำสู่สังคมสูงวัยอย่ำงเ
ต็ ม ตั ว แ ล ะ ใ ช้ เ ว ล ำ อี ก เ พี ย ง ไ ม่ เ กิ น 17 ปี
จะเข้ำสู่สังคมสูงวัยอย่ำงสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2583 (กรมอนำมัย.
2556)
สำหรับประเทศไทยมีประชำกรผู้สูงอำยุเป็นอันดับที่ 19
ของโลก และจำกกำรศึกษำประชำกรที่มีอำยุ 60 ปีขึ้นไป พบว่ำ
อัตรำส่วนของผู้สูงอำยุเพิ่มขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง จำกร้อยละ 8.11 ในปี
พ .ศ . 2538 เ พิ่ ม ขึ้ น ร้ อ ย ล ะ 9.19 ใ น ปี พ .ศ . 2543
และ คำด ว่ำจ ะเพิ่มสูงขึ้น เป็น ร้อยละ 15.28 ใ น ปี พ .ศ. 2563
(สำนักส่งเสริมสุขภำพ, 2556)
ประเทศไทยได้เริ่มเข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุ (Aging Society)
ตั้ ง แ ต่ พ .ศ .2 5 4 7 ป ร ะ เท ศ ไ ท ย มี ป ร ะ ช ำ ก ร อ ำ ยุ 6 0
ปีขึ้นไปต่อประชำกรทั้งหมดทุกช่วงอำยุ คิดเป็นร้อยละ 10.18 ทั้งนี้
ไ ด้ มี ก ำ ร ค ำ ด ป ร ะ ม ำ ณ กั น ไ ว้ ว่ ำ
ประเท ศไทยจะกลำยเป็น สังคมผู้สูงอำยุโดยสมบูรณ์ (Aged
Society) ใ น ปี พ .ศ . 2 5 7 0 ค น ไ ท ย เกื อ บ 1 ใ น 4
เป็ น ผู้ สู ง อ ำ ยุ แ ล ะ ป ร ะ ช ำ ก ร ร ว ม มี แ น ว โ น้ ม ล ด ล ง
ส่ ว น ป ร ะ ช ำ ก ร สู ง วั ย ต้ น มี แ น ว โ น้ ม ล ด ล ง
ขณะที่ประชำกรสูงอำยุที่ช่วยเหลือตัวเองได้และช่วยเหลือตัวเองไม่
ได้มีแน วโน้มเพิ่มขึ้ น และมีสัด ส่วน เป็น ห ญิ งมำก ก ว่ำชำย
ภ ำค ต ะ วั น อ อ ก เฉี ย ง เห นื อ มี จ ำน ว น ผู้ สู ง อ ำยุ ม ำก ที่ สุ ด
ขณะที่กรุงเทพมหำนครจะมีจำนวนผู้สูงอำยุเพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็ว
(สำนักส่งเสริมสุขภำพ, 2556)
- 4. 4
ผ ล ก ร ะ ท บ จ ำ ก ก ำ ร เ ป็ น สั ง ค ม ผู้ สู ง อ ำ ยุ
ภำระพึ่งพิงมีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลให้วัยแรงงำนมีภำระในกำรดูแลป
ร ะ ช ำ ก ร วั ย เ ด็ ก แ ล ะ วั ย สู ง อ ำ ยุ เ พิ่ ม ม ำ ก ขึ้ น
ภำระค่ำใช้จ่ำยของภำครัฐและภำคครัวเรือนในกำรดูแลผู้สูงอำยุจะเ
พิ่มสูงขึ้น ก ระท บต่อฐำน ะทำงกำรเงินกำรค ลังข องประเท ศ
รูปแบบของกำรเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อ
กำรจัด บ ริก ำร ด้ำน สุข ภำพ ทั้งใน เชิงป ริมำณ และคุณ ภำพ
กำรผลิตสินค้ำและบริกำรพื้นฐำนจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สำมำรถ
ต อ บ ส น อ ง ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ข อ ง ผู้ สู ง อ ำ ยุ ใ ห้ ม ำ ก ขึ้ น
ประเทศไทยที่เป็นสังคมผู้สูงอำยุจะขำดแคลนแรงงำนซึ่งส่งผลให้มี
ก ำ ร เ ค ลื่ อ น ย้ ำ ย แ ร ง ง ำ น อ ย่ ำ ง เ ส รี ม ำ ก ขึ้ น
(สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ.
2552)
สถำนกำรณ์โรคเรื้อรังของผู้สูงอำยุมีสำเหตุจำกพฤติกรรมกำ
ร ด ำ ร ง ชี วิ ต
ถึงแม้ควำมก้ำวหน้ำทำงวิทยำศำสตร์กำรแพทย์และสำธำรณสุขและ
กำรกระจำยบริกำรสำธำรณสุขที่กว้ำงขวำงครอบคลุมในทุกพื้นที่
จะส่งผลให้ผู้สูงอำยุโดยรวมมีสุขภำพที่ดีและมีอำยุยืนยำวขึ้นแต่จำ
กพฤติกรรมกำรดำรงชีวิตและพฤติกรรมกำรบริโภคไม่เหมำะสม
ส่งผลทำให้ผู้สูงอำยุมีแนวโน้มกำรเจ็บป่วยด้วยโรคควำมดันโลหิตสู
งและโรคเบำหวำน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ป้องกันได้เพิ่มมำกขึ้น
โ ด ย ใ น ช่ ว ง 10 ก ว่ ำ ปี ที่ ผ่ ำ น ม ำ
พบว่ำผู้สูงอำยุมีกำรเจ็บป่วยด้วยโรคควำมดันโลหิตสูงเพิ่มจำกร้อยล
ะ 25.0 ใ น ปี 2537 เ ป็ น ร้ อ ย ล ะ 31.7 ใ น ปี 2550
แล ะ โร ค เบ ำห ว ำน เพิ่ มจ ำก ร้อ ย ละ 5.0 เป็ น ร้ อย ล ะ 13.3
ใ น ช่ ว ง เ ว ล ำ เ ดี ย ว กั น
สำหรับโรคหัวใจถึงแม้จะมีแนวโน้มลดลงแต่ยังคงมีอัตรำที่ค่อนข้ำง
สู ง คื อ ร้ อ ย ล ะ 7 ข อ ง ผู้ สู ง อ ำ ยุ
- 5. 5
แ ล ะ ส่ ว น ใ ห ญ่ จ ะ ป่ ว ย ด้ ว ย โร ค เรื้ อ รั ง ม ำก ก ว่ ำ 1 โร ค
นอกจำกนี้เมื่อพิจำรณำพฤติกรรมที่ส่งเสริมกำรมีสุขภำพที่ดีของผู้สู
ง อ ำ ยุ พ บ ว่ ำ ผู้ สู ง อ ำ ยุ เ พี ย ง ร้ อ ย ล ะ
41.2เท่ำนั้นที่มีกำรออกกำลังกำยเป็นประจำและร้อยละ 63.1
ที่ รั บ ป ร ะ ท ำ น ผั ก ส ด แ ล ะ ผ ล ไ ม้ เ ป็ น ป ร ะ จ ำ
(สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ.
2552)
เนื่องจำกปัจจุบันวิถีกำรดำเนินชีวิตของชุมชนชนบทและชุม
ชนเมืองมีควำมแตกต่ำงกัน จึงทำให้พบโรคเรื้อรังในผู้สูงอำยุ
ใ น ชุ ม ช น เ มื อ ง ม ำ ก ก ว่ ำ ชุ ม ช น ช น บ ท
ทั้งนี้เนื่องจำกพฤติกรรมของผู้สูงอำยุในชุมชนเมืองมีควำมเสี่ยงต่อโ
รคเรื้อรัง เช่น เบำหวำน ควำมดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง
โรคภูมิแพ้ เป็นต้น ซึ่งรวมไปถึงพฤติกรรมกำรบริโภคอำหำรรสจัด
ก ำ ร บ ริ โ ภ ค อ ำ ห ำ ร fast food
อ ำ ห ำ ร ถุ ง ที่ ป รุ ง ส ำ เ ร็ จ ซึ่ ง อ ำ จ มี สิ่ ง ป น เ ปื้ อ น
ซึ่งต่ำงจำกชุมชนชนบทที่มักจะเก็บผักปลอดสำรพิษริมรั้วมำรับประ
ท ำ น กั บ น้ ำ พ ริ ก แ ล ะ มั ก รั บ ป ร ะ ท ำ น เ นื้ อ ป ล ำ
กำรออกกำลังกำยพบว่ำผู้สูงอำยุในเมืองส่วนใหญ่มักจะไม่ออกกำลั
ง ก ำ ย มี พ ฤ ติ ก ร ร ม เ ก็ บ ตั ว อ ยู่ แ ต่ บ้ ำ น
ซึ่งต่ำงจำกผู้สูงอำยุในชนบทที่ชอบเดินเล่นไปหำเพื่อนบ้ำนบริเวณ
ใ ก ล้เคี ยงและ ใ น ช น บ ท มัก จ ะ มีงำน อ ดิเร ก ม ำก ก ว่ำ เช่ น
ก ำ ร ถั ก ท อ ผ้ ำไ ห ม ก ำ ร เลี้ ย ง ห ม่ อ น จั ก ร ส ำ น เป็ น ต้ น
จึงทำให้ผู้สูงอำยุในชนบทไม่มีควำมเครียดเท่ำกับผู้สูงอำยุในชุมช
นเมืองที่มีควำมเค รียด จำกก ำรปรับ ตัวห ลังจำก อำยุเก ษียณ
ทำให้ผู้สูงอำยุต้องอยู่บ้ำน ไม่ได้ท ำงำน (กรมอนำมัย. 2556)
ในกำรแก้ปัญหำโรคเรื้อรังจึงมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะได้รับกำรพั
ฒนำพฤติกรรมของผู้สูงอำยุในชุมชนเมืองผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษำ
ใ น ช ม ร ม ผู้ สู ง อ ำ ยุ ตั ก สิ ล ำ น ค ร
- 6. 6
ซึ่ ง เ ป็ น ป ร ะ ช ำ ก ร ตั ว แ ท น ข อ ง ชุ ม ช น เ มื อ ง
ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทำงในกำรพัฒนำพฤติกรรมสุขภำพในชุมชนชนบ
ทต่อไป
จ ำ ก ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ จ ำ น ว น ป ร ะ ช ำ ก ร ผู้ สู ง อ ำ ยุ
จังหวัดมหำสำรคำม พบว่ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจำก 91,543 คน ในปี
พ . ศ . 2555 เ ป็ น 92,457 ใ น ปี 2556
แนวโน้มสถำนกำรณ์ป่วยด้วยโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นทุกปี จำก 21,578
ค น ใ น ปี พ .ศ . 2555 เป็ น 22,574 ค น ใ น ปี พ .ศ . 2556
จ ำก ส ถ ำน ก ำร ณ์ ข้ อมู ล ก ำร ต ร ว จ สุ ข ภ ำพ ข อ งผู้ สู งอำ ยุ
ในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร เทศบำลเมืองจังหวัดมหำสำรคำม
ในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งมีจำนวนผู้สูงอำยุในชมรมทั้งหมด 450 คน
โดยมีผู้สูงอำยุที่ผ่ำนกำรตรวจสุขภำพจำนวนทั้งสิ้น 442 คน พบว่ำ
มีผู้สูงอำยุที่อยู่ในกลุ่มป่วย 139 รำย คิดเป็น ร้อยละ 31.4 5
โด ยป่วยด้วยโร ค เบ ำห วำน 43 รำย คิ ด เป็น ร้อยละ 30.93
ป่วยด้วยโรคควำมดันโลหิตสูง 52 รำย คิด เป็น ร้อยละ37.41
ป่วยด้วยโรคเบำหวำนและควำมดันโลหิตสูง 20 รำย คิดเป็นร้อยละ
14.39 และป่วยด้วยโรค อื่น ๆ 24 รำย คิด เป็น ร้อยละ 17.27
พบกลุ่มเสี่ยง 97 รำย คิดเป็นร้อยละ 21.94 พบกลุ่มปกติ 206 รำย
คิ ด เ ป็ น ร้ อ ย ล ะ 46.61 ( ก ลุ่ ม ง ำ น เว ช ก ร ร ม สั ง ค ม
โรงพยำบำลมหำสำรคำม, 2556)
จ ำ ก ค ว ำ ม เป็ น ม ำ แ ล ะ ส ภ ำ พ ปั ญ ห ำ ดั ง ก ล่ ำ ว
ผู้วิจัยจึงมีควำมสนใจที่จะศึกษำพฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตนเองข
องผู้สูงอำยุใน ชมรมตักสิลำน คร เทศบ ำลเมืองมหำสำรค ำม
โดยผู้วิจัย ได้นำรูป แบบ PRECEDE Framework Model ของ
Green and Kreuter (1980)
ซึ่งใช้ศึกษำและอธิบ ำยพ ฤติก รรมสุขภำพ ข องบุคค ลมำใ ช้
- 7. 7
เป็นแนวทำงในกำรศึกษำพฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตนเองของผู้สูง
อ ำ ยุ ใ น ช ม ร ม ผู้ สู ง อ ำ ยุ ตั ก สิ ล ำ น ค ร
จึงมีควำมสำคัญและจำเป็นเพื่อให้ได้ข้อมูลพื้นฐำนที่เป็นประโยชน์ใ
นก ำรวำงแผน และก ำห นด นโยบำย วำงแผน งำน และกลวิธี
ในกำรพัฒนำพฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตนเองของผู้สูงอำยุ
ตำมหลัก 5อ.ของกรมอนำมัย ให้มีสุขภำพอนำมัยที่สมบูรณ์แข็งแรง
อันจะนำไปสู่กำรมีสุขภำวะที่ดีและส่งผลต่อกำรมีคุณภำพชีวิตที่ดีต่อ
ไป
1.2 คำถำมกำรศึกษำ
1. พ ฤ ติก รร มก ำรดูแลสุข ภำพ ต น เองข องผู้สูงอำยุ
ในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร เทศบำลเมืองมหำสำรคำมเป็นอย่ำงไร
2.
ปัจจัยใดที่มีผลต่อพฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตนเองของผู้สูงอำยุ
ในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร เทศบำลเมืองมหำสำรคำม
1.3 วัตถุประสงค์กำรศึกษำ
วัตถุประสงค์ทั่วไป
เพื่อศึกษำปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตนเองของผู้สูง
อำยุ ในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร เทศบำลเมืองมหำสำรคำม
วัตถุประสงค์เฉพำะ
- 9. 9
1.5 ขอบเขตกำรศึกษำ
กำรศึกษำวิจัยในครั้งนี้ เป็นกำรศึกษำเชิ งพ รรณ น ำ
( Descriptive Study)
ได้ศึกษำเกี่ยวกับกำรดูแลสุขภำพตนเองของผู้สูงอำยุตำมหลัก5อ.
ประชำกรที่ศึกษำในครั้งนี้เป็นผู้สูงอำยุในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร
เ ท ศ บ ำ ล เ มื อ ง ม ห ำ ส ำ ร ค ำ ม จ ำ น ว น 450
ค น จ ำ น ว น ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ ำ ง ทั้ ง ห ม ด 206 ค น
ผู้สูงอำยุทั้งเพ ศชำยและเพ ศห ญิ งที่มีตั้งแต่อำยุ 60ปีขึ้น ไ ป
ใน ชมร มผู้สูงอำยุตั ก สิลำน ค ร เท ศบ ำลเมืองมห ำสำร ค ำม
ระยะเวลำในกำรเก็บข้อมูลระหว่ำงเดือนตุลำคมถึงเดือนพฤศจิกำยน
พ.ศ. 2556
1.6 ตัวแปรในกำรศึกษำ
ตัวแปรต้น ประกอบด้วย
1. ปัจจัยทำงชีวสังคม ได้แก่ เพศ อำยุ สถำนภำพสมรส
รำยได้ ที่อยู่อำศัย อำชีพ ระดับกำรศึกษำ กำรพักอำศัย
กำรตรวจร่ำงกำย 1 ปีที่ผ่ำนมำ โรคประจำตัว
2. ปัจจัยนำ ได้แก่ ควำมรู้ เจตคติ
3. ปัจจัยเอื้อ ได้แก่ กำรเข้ำถึงกำรบริกำรสุขภำพ
กำรรับรู้กำรส่งเสริมในชมรมผู้สูงอำยุ
4. ปัจจัยเสริม ได้แก่
กำรสนับสนุนจำกบุคลำกรทำงกำรแพทย์และบุคคลในครอบครัวหรื
อบุคคลใกล้ชิด กำรได้รับข่ำวสำรจำกสื่อต่ำงๆ
ตัวแปรตำม
- 10. 10
คือ พ ฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตน เองของผู้สูงอำยุ
ในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร เทศบำลเมืองมหำสำรคำม ตำมหลัก 5
อ. ได้แก่ อำหำร ออกกำลังกำย อำรมณ์ อดิเรก และอนำมัย
1.7 นิยำมศัพท์เฉพำะในกำรศึกษำ
ปั จ จั ย น ำ ห ม ำ ย ถึ ง
ปัจจัยภำยในตัวบุคคลที่เป็นปัจจัยพื้นฐำนและก่อให้เกิดแรงจูงใจใน
ก ำ ร แ ส ด ง พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง บุ ค ค ล ไ ด้ แ ก่
ควำมรู้เกี่ยวกับกำรดูแลสุขภำพ เจตคติกำรดูแลสุขภำพ
ปั จ จั ย เ อื้ อ ห ม ำ ย ถึ ง
สิ่งเอื้อต่อกำรปฏิบัติกิจกรรมกำรดูแลสุขภำพให้ง่ำยขึ้น ซึ่งได้แก่
ก ำ ร เ ข้ ำ ถึ ง ก ำ ร บ ริ ก ำ ร สุ ข ภ ำ พ
กำรรับรู้พฤติกรรมกำรส่งเสริมพฤติกรรมสุขภำพในชมรมผู้สูงอำยุ
ปั จ จั ย เ ส ริ ม ห ม ำ ย ถึ ง
ปัจจัยภำยนอกที่เป็นแรงเสริมหรือแรงกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมกำรดู
แ ล สุ ข ภ ำ พ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย
กำรสนับสนุนจำกบุคลำกรทำงกำรแพทย์และบุคคลในครอบครัวหรื
อบุคคลใกล้ชิด กำรได้รับข่ำวสำรจำกสื่อต่ำงๆ
ปัจจัยทำงชีวสังคม หมำยถึง ลักษณะพื้นฐำนของบุคคล
ที่กำหนดไว้ดังนี้ คือ เพศ อำยุ สถำนภำพสมรส รำยได้ ที่อยู่อำศัย
อำชีพ ระดับกำรศึกษำ สถำนที่พักอำศัย ผู้ที่พักอำศัยอยู่ด้วย
ภำวะสุขภำพ
พ ฤ ติ ก ร ร มก ำร ดู แลสุ ข ภ ำพ ต ำมห ลัก 5อ. ห มำยถึ ง
กำรแสดงออกหรือกำรกระทำของผู้สูงอำยุในกำรเลือกรับประทำนอ
ำหำรที่มีประโยชน์ (อ.อำหำร) กำรออกกำลังกำยอย่ำงเหมำะสม
(อ.ออ ก ก ำลั งก ำย) ก ำร มีอ ำร ม ณ์ ที่ แ จ่ม ใ ส (อ .อำร ม ณ์ )
ก ำ ร เ ลื อ ก ง ำ น อ ดิ เ ร ก ที่ ท ำ แ ล้ ว มี ค ว ำ ม สุ ข
(อ.อดิเรก)และกำรหมั่นตรวจสุขภำพและดูแลสุขภำพร่ำงกำยอยู่เสม
อ (อ.อนำมัย)
- 11. 11
ผู้ สู งอ ำ ยุ ห ม ำ ย ถึ ง ผู้ ที่ มี อ ำยุ ตั้ งแ ต่ 60 ปี ขึ้ น ไ ป
ทั้ ง เ พ ศ ช ำ ย แ ล ะ เ พ ศ ห ญิ ง
โดยกำรนับอำยุเป็นปีเต็มและเป็น ผู้ที่สำมำรถพูดคุยได้รู้เรื่อง
โต้ตอบได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นผู้พิกำร
ชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำน คร เท ศบำลเมืองมหำสำรคำม
ห ม ำ ย ถึ ง ก ลุ่ ม ผู้ สู ง อ ำ ยุ ที่ ม ำ ร ว ม ตั ว กั น
โดยมีจุดมุ่งหมำยที่จะช่วยพัฒนำผู้สูงอำยุทั้งทำงด้ำนร่ำงกำย
อำรมณ์ และสังคมร่วมกัน
1.8 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
1.
ทรำบถึงปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพตนเองของผู้สูงอ
ำยุ ในชมรมผู้สูงอำยุ
ตักสิลำนคร เทศบำลเมืองมหำสำรคำม
2.
นำผลกำรศึกษำที่ได้ไปวำงแผนเพื่อกำหนดนโยบำยในกำรดำเนินง
ำนส่งเสริมสุขภำพของผู้สูงอำยุและพัฒนำกำรจัดรูปแบบในกำรดำเ
นินงำนด้ำนสุขภำพในชมรมผู้สูงอำยุตักสิลำนคร
เทศบำลเมืองมหำสำรคำม
3. ใช้เป็นแนวทำงในกำรศึกษำค้นคว้ำเพิ่มเติม
เพื่อพัฒนำควำมรู้
แนวทำงกำรปฏิบัติงำนและงำนวิจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป