Submit Search
Upload
เสถียร โพธินันทะ
•
0 likes
•
166 views
Tongsamut vorasan
Follow
เสถียร โพธินันทะ
Read less
Read more
Education
Report
Share
Report
Share
1 of 46
Download now
Download to read offline
Recommended
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
Padvee Academy
ความรู้ทั่วไปของปรัชญาอัตถิภาวนิยม Existentialism
ความรู้ทั่วไปของปรัชญาอัตถิภาวนิยม Existentialism
Padvee Academy
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาเล่าจื๊อ
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาเล่าจื๊อ
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๒ ความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญา ศาสนา วิทยาศาสตร์
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๒ ความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญา ศาสนา วิทยาศาสตร์
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
Padvee Academy
590806 บทที่-5-แก้ไขแล้ว
590806 บทที่-5-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
บทที่ 1
บทที่ 1
manit akkhachat
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
รมณ รมณ
Recommended
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
Padvee Academy
ความรู้ทั่วไปของปรัชญาอัตถิภาวนิยม Existentialism
ความรู้ทั่วไปของปรัชญาอัตถิภาวนิยม Existentialism
Padvee Academy
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาเล่าจื๊อ
วิชาปรัชญาจีน ตอน ปรัชญาเล่าจื๊อ
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๒ ความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญา ศาสนา วิทยาศาสตร์
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๒ ความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญา ศาสนา วิทยาศาสตร์
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
Padvee Academy
590806 บทที่-5-แก้ไขแล้ว
590806 บทที่-5-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
บทที่ 1
บทที่ 1
manit akkhachat
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
รมณ รมณ
590802 บทที่-1-แก้ไขแล้ว
590802 บทที่-1-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๕ คุณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๕ คุณวิทยา
Padvee Academy
590806 บทที่-4-แก้ไขแล้ว
590806 บทที่-4-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
ปรัชญาทั่วไป บทที่1
ปรัชญาทั่วไป บทที่1
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๗ ปรัชญาตะวันตก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๗ ปรัชญาตะวันตก
Padvee Academy
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
Padvee Academy
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
Padvee Academy
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
pentanino
ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๔ ญาณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๔ ญาณวิทยา
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๓ อภิปรัชญา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๓ อภิปรัชญา
Padvee Academy
Lesson 3
Lesson 3
manit akkhachat
บทที่ 3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา
บทที่ 3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
พุทธอภิปรัชญา ความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โลก มนุษย์และสังสารวัฏ
พุทธอภิปรัชญา ความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โลก มนุษย์และสังสารวัฏ
CUPress
590805 บทที่-3-แก้ไขแล้ว
590805 บทที่-3-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
บรรพต แคไธสง
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
พัชรี ฝันถึงภูมิ
ปรัชญาเบื้องต้น
ปรัชญาเบื้องต้น
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Tongsamut vorasan
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
More Related Content
What's hot
590802 บทที่-1-แก้ไขแล้ว
590802 บทที่-1-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๕ คุณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๕ คุณวิทยา
Padvee Academy
590806 บทที่-4-แก้ไขแล้ว
590806 บทที่-4-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
ปรัชญาทั่วไป บทที่1
ปรัชญาทั่วไป บทที่1
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๗ ปรัชญาตะวันตก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๗ ปรัชญาตะวันตก
Padvee Academy
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
Padvee Academy
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
Padvee Academy
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
pentanino
ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๔ ญาณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๔ ญาณวิทยา
Padvee Academy
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๓ อภิปรัชญา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๓ อภิปรัชญา
Padvee Academy
Lesson 3
Lesson 3
manit akkhachat
บทที่ 3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา
บทที่ 3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
พุทธอภิปรัชญา ความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โลก มนุษย์และสังสารวัฏ
พุทธอภิปรัชญา ความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โลก มนุษย์และสังสารวัฏ
CUPress
590805 บทที่-3-แก้ไขแล้ว
590805 บทที่-3-แก้ไขแล้ว
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
บรรพต แคไธสง
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
พัชรี ฝันถึงภูมิ
ปรัชญาเบื้องต้น
ปรัชญาเบื้องต้น
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
What's hot
(18)
590802 บทที่-1-แก้ไขแล้ว
590802 บทที่-1-แก้ไขแล้ว
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๕ คุณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๕ คุณวิทยา
590806 บทที่-4-แก้ไขแล้ว
590806 บทที่-4-แก้ไขแล้ว
ปรัชญาทั่วไป บทที่1
ปรัชญาทั่วไป บทที่1
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๗ ปรัชญาตะวันตก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๗ ปรัชญาตะวันตก
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
ปรัชญาทั่วไป ตอน ปรัชญาอินเดีย
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
สายธารปรัชญาคือที่มาของสรรพศาสตร์
ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๔ ญาณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๔ ญาณวิทยา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๓ อภิปรัชญา
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๓ อภิปรัชญา
Lesson 3
Lesson 3
บทที่ 3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา
บทที่ 3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา
พุทธอภิปรัชญา ความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โลก มนุษย์และสังสารวัฏ
พุทธอภิปรัชญา ความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โลก มนุษย์และสังสารวัฏ
590805 บทที่-3-แก้ไขแล้ว
590805 บทที่-3-แก้ไขแล้ว
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
บทที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจริยธรรม
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาเบื้องต้น
ปรัชญาเบื้องต้น
More from Tongsamut vorasan
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Tongsamut vorasan
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
Tongsamut vorasan
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
Tongsamut vorasan
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
Tongsamut vorasan
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
Tongsamut vorasan
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
Tongsamut vorasan
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
Tongsamut vorasan
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
Tongsamut vorasan
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
Tongsamut vorasan
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
Tongsamut vorasan
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
Tongsamut vorasan
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
Tongsamut vorasan
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
Tongsamut vorasan
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
More from Tongsamut vorasan
(20)
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
เสถียร โพธินันทะ
1.
1 พระพุทธศาสนากับคนหนุม โดย เสถียร กมลมาลย* (เสถียร
โพธินันทะ) * ในขณะนั้นยังมิไดเปลี่ยนนามสกุล (จากธรรมจักษุ ฉบับสันติภาพ เลม ๓๐ ตอนที่ ๓-๑๒ ประจําเดือนธันวาคม ๒๔๘๗ - กันยายน ๒๔๘๘) “ยุวชน เสถียร กมลมาลย อายุ ๑๗ ป เปนนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดบพิตรพิมุข สอบไดชั้น มัธยมศึกษาปที่ ๕ เปนผูมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไดประหยัดรายไดคาขนมที่มารดาให ซื้อหนังสือ ทางพระพุทธศาสนาทุกชนิดอาน เทาที่จะหาไดในประเทศไทย และไดรวบรวมหนังสือทางศาสนาอื่นเพื่อศึกษา เปรียบเทียบ ความรูความเขาใจในพระพุทธศาสนาของยุวชนผูนี้ มีในขนาดไร และพระพุทธศาสนาไดชนะ หัวใจของเขาอยางไร ทานผูอานจะพิจารณาไดจากเรื่องนี้ อนึ่ง ควรบันทึกไวในที่นี้ดวยวา เรื่องบางเรื่องที่นําลงในธรรมจักษุฉบับนี้ ที่เปนเรื่องแปลหรือแตงก็ดี ยุวชนผูนี้ ไดมีสวนชวยเปนเลขานุการ เขียนตามคําบอกแหงเจาหนาที่ของเราดวยความสมัครใจ และยินดีที่ไดรับใช พระพุทธศาสนา อันเราจะเวนเสียมิไดซึ่งความรูสึกอนุโมทนาในกุศลเจตนาของยุวชนผูนี้” กองบรรณาธิการธรรมจักษุ .....................................
2.
2 คนหนุม ๆ ในสมัยนี้โดยมากไมใครรูจักคุณคาของศาสนา
เพราะเขาทั้งหลายตางมีหนาที่ในการ สะสางปญหาภายนอก ซึ่งไมไดเกี่ยวกับศาสนา เขามีความคิดขัดแยงกับความคิดของปูยาตายาย จิตใจของเขา กําลังวุนเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากหลาย ชายหัวใหมหรือคนหนุม ๆ เหลานี้ เห็นการถือศาสนาเปนของครึ ลาสมัย การไปวัดไปวาเปนของนาอับอาย เห็นวาสูไปอยูตามโรงภาพยนตร หรือ ตามฮอลล หรือสโมสร ซึ่งมีพวกสาว ๆ หอมลอมในทามกลางเสียงดนตรีกับเสียงแกวเหลาไมได ถามีใครไปพูด เรื่องธรรมะเขา เขาเหลานั้นก็ไมตองการจะฟง และผูพูดอาจจะถูกยิ้มเยาะวาหัวโบราณบาง งมงายบาง แตที่ พูดมาดังนี้ ไมใชปรักปรําพวกหนุม ๆ วาไมดีไปเสียหมด ความจริงที่เขาไมสนใจในเรื่องศาสนา อาจเนื่องดวย เขายังไมมีความรูพอที่จะสาวหาความจริงจากศาสนาก็ได ตามที่พวกเขาเขาใจ ก็เพียงรูวา ศาสนานั้นสอนแต เรื่องสวรรค-นรก หรือใชสวรรคมาลอ ใชนรกมาขูเทานั้น นอกนั้นไมมีอะไรอีก ฉะนั้นถาใครไปเลื่อมใสใน ศาสนาเขา ก็เลยถูกหาวาเปนคนงมงายไป ศาสนาทั้งหลายในโลกนี้มีอยูดวยกันหลายศาสนา ศาสนาที่ใหญ มีคนนับถือมากมีอยู ๕ ศาสนาดวยกัน คือ พุทธศาสนา, คริสตศาสนา, อิสลาม หรือ มหมัดศาสนา และ ศาสนาขงจื้อ ศาสนาทั้ง ๕ นี้ เปนเหมือนหนึ่ง บิดามารดาที่อบรมจิตใจ ตลอดจนถึงศีลธรรมจรรยาใหแกมนุษย ทุก ๆ ศาสนายอมมีจุดมุงหมายมุงที่จะให มนุษยมีความสุข แตวิธีที่จะบรรลุถึงซึ่งความสุขนั้นแตกตางกัน บางศาสนามีที่คลายคลึงกันทางศีลธรรม สวน ทางปรัชญาและการปฏิบัติแลว ตางกันอยางไกลลิบ แตเฉพาะพระพุทธศาสนานั้น มีลักษณะแปลดประหลาดอยูอยางหนึ่ง คือธรรมะของพระพุทธเจาแนบสนิทกับ แนวคิดอันตองการเหตุผลของพวกหนุม ๆ และเหมาะสมกับจิตใจของมนุษย ไมวาในอดีต, ปจจุบัน หรือ อนาคต ฉะนั้นจึงมีคําสรรเสริญธรรมะของพระองควา “อกาลิโก” ไมเลือกกาลเวลา ใครปฏิบัติไดเวลาไหน ก็ ใหผลในเวลานั้น ไมตองรอคอยชาติหนาหรือชาติไหน ๆ คําวา พุทธะ แปลวา “ผูตื่นแลว” เปนนามอันพระศรีศากยมุนีทรงไดรับในฐานะที่พระองคไดเปนผูคนพบความ จริงที่ประกอบดวยเหตุผล และเปนผูประกาศธรรมะทั้งหลายในศาสนานี้ และสรรพสัตวทั้งหลายก็อาจเปน พุทธะไดดวยเหมือนกัน ฉะนั้นคําวาพุทธะ จึงมิใชจํากัดแตเฉพาะพระศรีศากยะมุนีพุทธเจาพระองคเดียว ถา ผูใดอยากเปนพระพุทธเจาบางก็เปนได แตจะตองบําเพ็ญคุณความดีใหเสมอดังพระพุทธเจา “เพราะพุทธภาวะ นี้เปนคุณชาติอันหนึ่ง ซึ่งตั้งอยูอยางไมรูจักสุดสิ้น และเปนนิจนิรันดร สัตวทั้งหมดก็เปนผูมีสวนรวมของคุณ ชาติอันนั้น” (จากหลัก สัทธัมมปุณฑริกสูตร ของพระพุทธศาสนามหายาน) หลักอันนี้ แสดงใหเห็นวา ธรรมะของพระพุทธศาสนาไมจํากัดบุคคล ชั้นวรรณะ หรือจํากัดความดีใหมีขอบเขต ดังศาสนาอื่น ซึ่งแมผูใดบําเพ็ญความดีแสนดีเทาไร ก็คงยังตองเปนทาสของพระเจา จะเปนดังพระเจาไมได อีก ประการหนึ่ง หลักของพระพุทธศาสนาที่สําคัญที่สุดคือ หลักแหงเหตุและผลตามเปนจริง พระพุทธองคผูเปน พระบรมศาสดาของเรา พระองคทรงเทศนาสั่งสอนตลอดเวลา ๔๕ ปแหงพระชนมายุ ก็เพื่อปลุกใหตื่นจาก ความงมงายอันไรเหตุผลของมนุษย กอนที่จะเชื่ออะไรนั้น พระพุทธองคตรัสสอนใหพิจารณาหาเหตุผลนั้นกอน ดังปรากฏใน กาลามสูตร (ติกนิบาต. อัง.) เรื่องมีอยูวา
3.
3 สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาของเราประทับอยู ณ
หมูบานแหงหนึ่ง ชื่อวา เกสปุตติยะ ของชาวกาลามะ ๆ เหลานั้นไดเขาเฝาพระพุทธองค กราบทูลเรื่องวา มีเจาลัทธิศาสนาตาง ๆ ไดสั่งสอนศาสนาในหมูบาน ตางคน ตางแสดงความเห็นของตนวาถูกตองดี ของผูอื่นผิด ชาวกาลามะมีความสงสัย ไมรูวาจะปฏิบัติในลัทธิใดจึงจะ ถูกตอง พระพุทธองคตรัสวา “ดูกอนกาลามชน ! ทานควรสนเทห ควรสงสัย ความสงสัยของทานเกิดขึ้นแลวในที่ควรสงสัย กาลามชน ! ทานอยาไดถือโดยฟงตามกันมา, อยาไดถือโดยเขาใจวาเปนของเกาสืบ ๆ กันมา, อยาไดถือโดยตื่นขาว, อยาได ถือโดยอางตํารา, อยาไดถือโดเหตุนึกเดาเอา, อยาไดถือโดยใชคาดคะเน, อยาไดถือโดยความตรึกตามอาการ, อยาไดถือโดยชอบใจวาตองกันกับลัทธิของตน, อยาไดถือเอาโดยเชื่อวาผูพูดควรเชื่อได, อยาไดถือโดยนับถือวา สมณะผูนี้เปนครูของเรา ดูกอนกาลามชน ! เมื่อทานใดรูไดดวยตนเองวา ธรรมเหลานี้เปนอกุศล... มีโทษ... ทานผูรูติเตียน... ทําถึงที่สุด แลวไมมีประโยชน... เปนทุกข กาลามชน ! ทานพึงละเสียเมื่อนั้น ฯลฯ ดูกอนกาลามชน ! เมื่อใดทานรูไดดวยตนเองวา ธรรมเหลานี้เปนกุศล... ไมมีโทษ... ทานผูรูสรรเสริญ... ทําถึง ที่สุดแลวมีประโยชน... เปนสุข กาลามชน ! ทานพึงทําสิ่งเหลานั้นใหเต็มที่เถิด” นี่แหละเปนหลักอันศักดิ์สิทธิ์สําหรับตัดสิน กอนที่จะเชื่อลงในสิ่งใด ๆ และแสดงใหเห็นวา พระพุทธศาสนาให เสรีภาพในการเชื่อของพวกเราเต็มที่ ไมมีการบังคับวา ไมเอาแลวจะมีผูลงโทษใหตกนรกหมกไหมอยูไมรูสิ้นสุด อุบัติเหตุอีกเรื่องหนึ่ง อันแสดงถึงความที่พระพุทธองคทรงตองการใหเราทั้งหลายพิจารณาซึ่งเหตุและผลกอน แลวคอยเชื่อนั้น คือใน อุบาลีวาทสูตร แหงมัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เรื่องกลาวโดยยอมีวา อุบาลี คฤหบดี ของเมืองนาลันทา เดิมนับถือศาสนาเชน ซึ่งมี นิครนถนาฏบุตร หรือ มหาวีระเปนศาสดา ตองการ โตเถียงปญหากับพระพุทธเจา กอนจะไป ไดอวดอางตัวตาง ๆ กับนิครนถนาฏบุตร ผูเปนศาสดาวา จะเอาชนะ พระพุทธเจากลับมา ครั้นภายหลัง ไดโตเถียงปญหาแลว อุบาลีกลับเลื่อมใสขอถึงพระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆเปนที่พึ่ง พระพุทธเจาตรัสอยางที่ศาสดาของศาสนาอื่นจะไมกลาพูดวา “คฤหบดี ! ทานจงทําการ ใครครวญกอน การใครครวญกอนแลวจึงทําลง ยอมเปนความดีของคนมีชื่อเสียงดังเชนทาน” อุบาลีไดฟงแลวเกิดความชื่นชมยินดี ตอบวา “...แมดวยเหตุนี้ก็ทําใหขาพระองคพอใจ ชื่นใจนักตอพระผูมีพระ ภาค เพราะวาพวกอัญญเดียรถีย (พวกศาสนาอื่น) ไดขาพระองคเปนสาวกแลว, ก็จะพึงยกธงแผนผาขึ้นทั่ว เมืองนาลันทา แลวประกาศวา ‘อุบาลีคฤหบดีไดถึงความเปนสาวกของพวกเราแลว’ ก็และพระผูมีพระภาคได ตรัสแกขาพระองคอยางนี้วา ‘คฤหบดี ! ทานจงทําการใครครวญกอน การใครครวญกอนแลวจึงทําลง ยอมเปน ความดีของคนมีชื่อเสียงดังเชนทาน’ ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขาพระองคนี้ ขอถึงพระผูมีพระภาค, พระธรรม และพระสงฆ เปนที่พึ่งครั้งที่ ๒ขอ พระผูมีพระภาคจงทรงจําขาพระองควา ไดถึงพระรัตนตรัยเปนที่พึ่งเสมอดวยชีวิตตั้งแตวันนี้ไป” พระพุทธเจาไดทรงเตือนอีก อุบาลีก็ยิ่งเกิดความเลื่อมใสมากขึ้นเพราะตัวยังไมไดเคยพบวา ศาสดาใดที่สอน แลวมีคนเลื่อมใส กลับตักเตือนใหพิจารณาคนหาเหตุผลดูกอนแลวคอยเชื่อ มีแตพระพุทธเจาเทานั้น พระสูตร
4.
4 นี้ก็แสดงถึงการเชื่ออยางไมงมงาย อันเปนที่ตองการอยางยิ่งของพวกเราชายหนุมทั้งหลาย ยังมีพระสูตรอีกสูตรหนึ่ง แสดงวาพระพุทธเจาไมไดตองการใหใครเชื่อพระองคอยางงมงาย
คือ วัปปสูตร (อัง คุตรนิกาย จตุกกนิบาต) “สมัยหนึ่ง พระพุทธเจาประทับที่นิโครธาราม ในหมูชนชาวสักกรัฐ มีเจาศากยะองคหนึ่งชื่อวัปปะ เปนสาวก ของนิครนถ ไดเขาไปถามปญหากะพระโมคคัลลานะ พอดีพระพุทธเจาเสด็จมา พระมหาโมคคัลลานะ จึงได กราบทูลเรื่องใหทรงทราบ พระพุทธองคตรัสวา “วัปปะ ถาทานพึงยอม ขอที่ควรยินยอมแกเรา และพึงคัดคาน ขอที่ควรคัดคาน อนึ่ง ทานยังไมทราบ เนื้อความแหงภาษิตของเราขอใด ทานพึงยอนถามเราในขอนั้นตอไป วาขอนี้เปนอยางไร ภาษิตนี้มีเนื้อความวา อยางไร ดังนี้แลว เราก็จะพึงสนทนาปราศรัยกันในเรื่องนี้ได” พระพุทธเจาของเราทรงเปดโอกาสใหผูไมรู ซักถามไดหรือคัดคานไดอยางไมตองเกรงอกเกรงใจ หรือเกรงวา ถาขืนคัดคานจะถูกพระองคหรือใครลงโทษ และการที่พระพุทธเจาไดตรัสรูและทรงแสดงธรรมโปรดสัตวนั้น พระองคไมไดอางวา พระองคเปนผูแทนของใคร หรือใครดลใจใหพูด ความตรัสรูที่ไดนั้นเปนดวยความ พากเพียรของพระองคเอง ที่พระองคไดบรรลุสัมโพธิญาณ ก็ไมใชวาไดมาอยางลอย ๆ หรือมีใครบันดาล หาก ดวยความดีงามที่พระองคอุตสาหะบําเพ็ญสั่งสมมาในอเนกชาติ จนสามารถบรรลุคุณธรรมอันนี้ พระองคไมได ตรัสวา พระองคสามารถลางบาป หรือประทานบุญแกคนทั่วไปได หากผูใดไมปฏิบัติตามคําสอนของพระองค ๆ ก็ไมสามารถจะทรงชวยได หรือผูใดหันหลังใหพระองค โดยไม ยอมฟงเสียงใด ๆ จากพระองคแลว พระองคก็ชวยผูนั้นไมได พระองคชวยไดก็เฉพาะผูที่ประพฤติตนดี เชื่อฟง คําสอนของพระองคแลวปฏิบัติ พระองคตรัสวา พระองคเปนเพียงผูบอกทางใหเราไปถึงที่อันเกษม การไปนั้น เราจะตองไปดวยตนเอง (คณกโมคคัลลานสูกตร) มีบางคนเขาใจวา ผูที่จะปฏิบัติตามธรรมในพระพุทธศาสนานั้นตองเปนภิกษุ และธรรมในพระพุทธศาสนา ลึกซึ้งเกินไป จนตัวผูไมไดบวชเปนภิกษุจะปฏิบัติไมได การเขาใจดังนี้เปนความเขาใจผิดมาก ความจริงธรรมะของพระพุทธเจานั้น เหมาะกันชนทุกชั้นทุกวัย แตเราจะตองเลือกปฏิบัติ เปรียบเหมือนกับยา แกโรค เราจะตองรูจักใชมันใหถูกทาง ถาเปนเด็กเราก็กินตามขนาดเด็ก เมื่อเปนผูใหญก็เพิ่มขึ้นตามลําดับ ธรรมะของพระพุทธศาสนาก็เชนเดียวกัน คือมีแบงเปนสามขั้น ตั้งแตเบื้องตน, กลาง, จนถึงยอดสุด ทั้งสามขั้น นี้เราอยูในขั้นไหน ก็เลือกประพฤติเอาขั้นนั้น เมื่อพระพุทธเจาทรงสอนผูครองเรือน หรือผูยังเกี่ยวดวยโลก ทรงสอนวา “ดูกอนพยัคฆปชชะ ! ทางดี ๔ อยางคือ ไมเปนนักเลงหญิง, ไมเปนนักเลงเหลา, ไมเลนการพนัน, คบคนดี ทั้ง ๔ อยางนี้ ยอมเปนทางเจริญแหงโภคทรัพย” (พยัคฆปชชสูตร)
5.
5 และ “ความเปนผูศึกษามาก, ศิลปะ,
ระเบียบวินัยที่ฝกฝนแลวเปนอยางดี, และถอยคําที่เปนสุภาษิต... การ บํารุงมารดาและบิดา, การสงเคราะหลูกเมีย, การงานทั้งหลายไมอากูล, ขอนี้เปนมงคลอันสูงสุด” (มงคลสูตร) นี้คือธรรมะขั้นตน มีศัพทเรียกวา ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน คือประโยชนในปจจุบัน พวกหนุม ๆ ก็สามารถ ประพฤติปฏิบัติได สวนธรรมขั้นกลางนั้น เรียกวา สัมปรายิกัตถประโยชน ประโยชนในภายหนา เมื่อเรามี หลักฐานดีเบื้องตนไมงอนแงนคลอนแคลน เราก็ควรบําเพ็ญความดีใหยิ่งขึ้นไปอีก แตถาใครเห็นวาตัวไม สามารถบําเพ็ญตอไป ก็ขอใหมีความดีในขั้นตนก็ยังดี พระพุทธเจาตรัสเทศนาสั่งสอนสัตว ทรงกําหนดรู อุปนิสัยของเขาวามีนิสัยไปในทางใด เชนผูใดพอจะสอนในทางศีลธรรมได พระองคก็ทรงตรัสสอนใหอยูใน กรอบแหงศีลธรรม เพื่อความสุขความเจริญในอนาคตกาลของผูนั้น ธรรมะขั้นนี้มีอยู ๔ ประการคือ (๑) สัทธาสัมปทา ถึงพรอมดวยศรัทธา ศรัทธาแปลวาความเชื่อ ความเชื่อในพระพุทธศาสนา ไมใหเชื่องมงาย ดังกลาวมาแลวขางตน ความเชื่อในที่นี้ หมายถึงความเชื่อในการกระทําของเราวา ทําดีก็ไดดี ทําชั่วก็ไดชั่ว ไมมี ใครหรือไมมีพระเจาองคใดจะมาสับเปลี่ยนใหดีเปนชั่ว ชั่วเปนดีได (๒) สีลสัมปทา ถึงพรอมดวยศีล คือ รักษากาย วาจา ใหเรียบรอย มีหลักใหญ ๆ อยู ๕ ขอ เรียกวา เบญจศีล หรือ ศีล ๕ คือ เวนจากการทําลายชีวิตสัตว, เวนจากการถือเอาของที่เจาของไมไดให, เวนจากการประพฤติผิด ในกาม, เวนจากการกลาวเท็จ, เวนจากการดื่มน้ําเมา (๓) จาคสัมปทา ถึงพรอมดวยการบริจาคทาน คือใหเรารูจักความเอื้อเฟอเผื่อแผ ไมเปนคนตระหนี่ เห็นแกตัว ฝายเดียว (๔) ปญญาสัมปทา ถึงพรอมดวยปญญา เปนคนมีเหตุผล รูวาสิ่งใดชั่วก็ไมประพฤติ ประพฤติแตสิ่งที่ดี มี ประโยชน สวนธรรมขั้นที่สาม เรียกวา ปรมัตถประโยชน หรือประโยชนอยางยอด ธรรมในขั้นนี้ เปนปรัชญาอันสูงสุด ของพระพุทธศาสนา เหมาะแกผูใฝใจไปในทางปรัชญา หรือธรรมะขั้นสูง พระพุทธเจาทรงสอนวา ทุกสิ่งทุก อยางในโลกนี้ไมมีตัวตน เรียกวาอนัตตา ไมทรงสอนเรื่องพระเจาผูสรางโลก สิ่งทั้งหลายยอมเกิดขึ้นตามปจจัยและตามธรรมชาติ และสิ่งใดมีเหตุมีปจจัย สิ่งนั้นยอมไมเที่ยง และเมื่อสิ่งใด ไมเที่ยง สิ่งนั้นก็เปนทุกข ความเวียนวายตายเกิดในโลกนั้น เรียกวา “วัฏฏสงสาร” เปนทุกข การที่พูดเชนนี้ ไมใชมองดูโลกในแงราย มีใครบางที่เกิดมาแลวสามารถประกาศวาตนไมเคยมีทุกขเลย จนกระทั่งวันตาย ทานไมทุกขมาก ก็ทุกขนอย แมพระพุทธเจาเมื่อสมัยพระองคยังไมไดตรัสรู พระองคก็เคย พบกับความทุกขมาแลว หากพระองคมีพระปรีชา ไมใชรูวาทุกขแลวก็หยุดไวแคนั้น พระองคทรงพยายาม คนควาสาวหาตนเหตุของมันวามาจากไหน และทรงรีบดับลงเสียได จนพระองคไดตรัสรูเปนพระพุทธเจา และ
6.
6 ทรงสอนผูอื่นใหรูดวย ความทุกขยากตาง ๆ
ที่เราไดรับนี้ ตนเหตุที่มาก็คือตัณหา ความอยากนั่นเอง และความ อยากอันนี้เปนเหตุใหเกิดอุปาทาน ความยึดมั่นในตัวตนวา ของเรา, เปนเรา, เมื่อเกิดความยึดถือในตัวแลว สิ่ง ภายนอกอื่น ๆ ที่เกี่ยวของกับตัวก็พลอยยึดไวดวย ทีนี้ถาตัวมีความอยากในสิ่งใด แตไมสมอยาก ก็เกิดความ ทุกข ตลอดจนสิ่งภายนอกของตัวเองดวย ความจริงรูปรางของเรานี้ ประกอบขึ้นดวยธาตุ ดิน, น้ํา, ลม, ไฟ, และขันธ, อายตนะ, ไมมีสิ่งใดที่จะเรียกไดวา เปนตัวตน ถาเราแยกมันออกมาทีละชิ้น เหมือนกับการแยกสวนตาง ๆ ของรถ เชน ดินสวนดิน, น้ําสวนน้ํา, ฯลฯ แลว ก็มีผลวา มันวางเปลา แตที่เห็นเปนรูปเปนราง ก็เพราะสวนตาง ๆ เหลานี้มาคุมกันเขาถูกสวน และ มีจิตบงการใหรูสึกนึกคิดเทานั้น ความจริงแยกออกแลวไมมีอะไร นอกจากความสูญ, วางเปลา, ไมมีตัวตน ฉะนั้นการที่เราหลงยึดเอาความวางเปลานี้มาเปนตัวตนเขา ก็เทากับวา เราไปหาทุกขมาใสตัวของเราเอง ใคร สามารถละความยึดมั่นไดเทาไร ก็มีทุกขนอยลงตามลําดับ จนที่สุด ถาไมยึดมั่นอะไรไวเลย ผลก็คือความเปนผู ไมมีทุกขอะไรเลย ดังเชนพระพุทธเจาและพระอรหันตทั้งหลาย ขอใหพวกเราหนุม ๆ พิจารณาดูวา พระพุทธศาสนานั้น สมควรจะเปนศาสนาสากลหรือไม และสมควรที่จะรับ ปฏิบัติไดแลวหรือยัง ? เราจะหาศาสนาไหนอีกเลาที่เหมาะสมกับชีวิตจิตใจ ตลอดจนความเปนอยูของเรา เชน พระพุทธศาสนา เราจะเห็นวา พระพุทธศาสนาเทานั้นที่เปนศาสนาสากล และพระพุทธศาสนาเทานั้นที่ไมขัด กับหลักวิทยาศาสตร พระพุทธศาสนาเทานั้นที่ควรไดรับความยกยอง ทีนี้ขาพเจาขอพูดถึงมติสวนตัวของขาพเจาบางเล็กนอย วาธรรมะในพระพุทธศาสนานั้น ควรจะไดรับการบรรจุ ไวในหลักสูตรการเรียนตามโรงเรียน เมื่อสมัยกอนเคยมีอยูพักหนึ่ง แตทําไมกลับเลิกไป? หลักสูตรศีลธรรมชั้น มัธยมก็มีเคาจากธรรมะในพระพุทธศาสนา เชน ใน สิงคาโลวาทสูตร เปนตน เราควรจะจัดใหมีการเรียนธรรมะโดยตรง เชน พุทธประวัติ - คิหิปฏิบัติ ไวในชั่วโมงเรียนศีลธรรม ปจจุบัน เด็กหนุมของเราโดยมาก ไมรูจักแมเพียงประวัติของพระพุทธเจา ขาพเจาเคยไดยินเขาเลามาเรื่องหนึ่ง วา มีเด็กไทยที่ไปเรียนตางประเทศ ถูกนักบวชตางศาสนาถามวา พระพุทธเจาคือใคร ? เขาตอบไมได ทั้ง ๆ ที่ เขาบอกวาเขาเปนพุทธศาสนิก นี่เปนขออับอายเหลือประมาณในการที่เขาเปนคนไทยซึ่งบูชาพระพุทธศาสนา เปนศาสนาประจําชาติ เราจงดูตัวอยางของโรงเรียนในยุโรป หรือโรงเรียนของพวกมิชชันนารีในประเทศเรา การเรียนคัมภีรไบเบิลเปนหลักสูตรสําคัญของโรงเรียนอยางยิ่ง มีบางคนเลาวา เรียนไปทําไม ธรรมะธรรมโม ไมเห็นมีประโยชน เรียนไปแลวก็ไปประกอบอาชีพอะไรไมได เรา อยาลืมวา ศาสนาเปนบอเกิดแหงคุณธรรม ศาสนาเปนบอเกิดของความเจริญทางจิตใจ ศาสนาจะทําใหการ เห็นแกตัวลดนอยลง และสามารถปลูกฝงศีลธรรมอันดีไว อยาลืมวาชาติจะตองอาศัยพลเมือง ถาพลเมืองมี ศีลธรรม มนุษยธรรมดีแลว ชาติก็ยอมหวังความเจริญ และทายที่สุดก็คือ ศาสนาสามารถทําลายความริษยา เกลียดชังระหวางชาติได เปนการตัดเหตุแหงสงคราม นี่แหละคือผลแหงศาสนาละ
7.
7 ฉะนั้นเราจึงควรหันมาสนใจในศาสนา ชาติไทยเรามีพระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ นับวาเปนบุญลาภ อันยิ่งใหญของเรา
เราทั้งหลายจงบํารุงรักษาสมบัติอันยิ่งใหญกวาสมบัติใด ๆ ไว และจงศึกษาธรรมะอัน ประกอบไปดวยเหตุผล ซึ่งสมเด็จพระศรีศากยมุนีบรมศาสดาของเราไดทรงบรรลุ ณ ควงไมโพธิพฤกษนั้นเถิด. .....................................
8.
8 เสียงแหงเมตตากรุณา โดย เสถียร กมลมาลย (จากธรรมจักษุ
เลม ๓๑ ตอนที่ ๑ - ๔ ประจํา ตุลาคม ๒๔๘๘ - มกราคม ๒๔๘๙) ......................................... เราไดเสนอบทความเรื่อง “พระพุทธศาสนากับคนหนุม” ของยุวชน อายุ ๑๗ ปผูนี้ในธรรมจักษุฉบับสันติภาพ แลว ในฉบับนี้ ทานจะไดอานเรื่อง “เสียงแหงเมตตากรุณา” ของเขาตอไป อนึ่ง เราขอแจงใหทราบวา ยุวชนผู นี้ ไดเขียนเรื่องสงใหเราแลวหลายเรื่อง ซึ่งเราจะไดนําลงเสนอผูอานตามโอกาสอันควร สพฺเพ สตฺตา สุขี โหนฺตุ ขอสรรพสัตวทั้งหลายจงมีสุขเถิด เสียงอันไพเราะ เต็มไปดวยความรักใครเอ็นดูในสรรพสัตว ไดเปลงออกจากโอษฐของพุทธศาสนิกชน ทั้งหลาย ในฐานะที่เปนสาวกของพระสัมมาสัมพุทธะ เจาแหงมหาเมตตามหากรุณา ไมเพราะความเมตตา กรุณาอันนี้หรือที่พระศรีศากยมุนีในชาติหนึ่ง เปนดาบสชื่อ สุเมธะ ไดตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ เฉพาะพระพักตร พระทีปงกรพุทธเจาวา จะขอยอมตนลําบากในการสรางสมอบรมความดีตาง ๆ เพื่อใหไดบรรลุถึงพระ อภิสัมโพธิญาณ แลวจะไดชวยสรรพสัตวใหพนทุกข หลังจากไดฟนฝาอุปสรรคเครื่องขัดขวางการบรรลุวิโมกข ธรรมของพระองคสําเร็จแลว พระองคก็ไดทรงแสดงธรรมที่ ไพเราะในเบื้องตน, ไพเราะในทามกลาง, ไพเราะ ในที่สุด ปลุกสรรพสัตวใหตื่นจาก “กิเลสนิทรา” และประทานฝนอมฤตตกลงดับเพลิง คือ ราคะ, โทสะ, โมหะ, ใหมอดดับไป รอยแหงเมตตากรุณาของพระองค เราจะเห็นไดจากเรื่องชาดก อันเปนประวัติบรรยายถึงความดี ตาง ๆ ประการที่พระองคไดทํามา นอกจากนี้ เรายังจะพบรอยแหงเมตตากรุณาของพระองคอีกในประวัติศาสตรแหงภารตวรรษ (อินเดีย) สมัย เมื่อพระพุทธเจายังไมอุบัติ ประชาชนสวนมากตกเปนทาสของคําสอนอันปราศจากความกรุณาของพวก พราหมณ ผูเปนศาสดาจารยแหงลัทธิพิธีที่ตองใชการฆาสัตวกระทําพลี สัตวตาง ๆ มีแพะ แกะ หรือ บางทีก็มี มนุษยเปนเครื่องพลีที่ดีที่สุด ใครจะทําพลีหรือลางบาป ก็ตอง “บูชายัญดวยชีวิต” โลหิตวารีไดไหลนองทวมทน ทั้งแผนดิน เสียงคร่ําครวญของเหลาสัตวที่จะถูกฆาก็ระงมไปทั่ว แตเมื่อพระพุทธเจาอุบัติขึ้นแลว ตรัสวจนะนี้วา “สัตวทั้งหลายยอมหวาดตออาชญาทั้งสิ้น ชีวิตเปนที่รักของ สัตวทั้งหมด คนควรทําตนใหเปนอุปมาแลว ไมควรประหารเอง ไมควรใชใหประหาร” และในสมัยนั้น พวก พราหมณเรียกตนเองวา อริยะ แปลวาผูเจริญ แตพระพุทธเจาตรัสวา “บุคคลยังเบียดเบียนสัตวทั้งหลายอยู เพราะเหตุใด จะชื่อวาเปนอริยะเพราะเหตุนั้นหามิได บุคคลที่เราเรียกวาอริยะ เพราะความไมเบียดเบียนสัตว ทั้งปวง” และพระองคไดวางกฎไวสําหรับสาวกของพระองค ขอแรกที่สุด (หมายถึงศีล ๕) วา “ไมประหารชีวิต
9.
9 สัตวใหลวง” ดวยพุทธวจนะอันศักดิ์สิทธิ์นี้เอง ไดชวยชีวิตสัตวทั้งหลายใหพนจากการถูกประหาร
โลหิตวารีได ถูกน้ําแหงมหาเมตตากรุณาชําระลางแลว เสียงคร่ําครวญกลับกลายเปนเสียงเสดงความรื่นรมยแลว อีกขอหนึ่งคือเรื่องวรรณะ พวกพราหมณไดแบงชั้นของมนุษยออกโดยสวนใหญ ๆ ๔ ชั้นดวยกัน คือ ชั้น กษัตริย, พราหมณ, พอคาวาณิช, กรรมกรหรือศูทร และอีกพวกหนึ่งซึ่งมีสภาพเกือบไมใชเปนมนุษย คือ จัณฑาล พวกศูทร กับ จัณฑาลเปนพวกที่นาสงสารที่สุด ไมไดรับเสรีภาพชนิดที่มนุษยจะพึงมี ที่อยูตองอยูกัน เปนพวก ๆ ไมกลาปะปนกับพวกวรรณะสูงกวา บางที่ตองไปตั้งหลักแหลงกันนอกเมือง จะไปไหนมาไหน ตอง มีเครื่องหมายแสดงใหเขารูวาตนเปนศูทร หรือ จัณฑาล เวลาเดินไปมา ตองระวังไมใหถูกตองกับพวกวรรณะ สูง โดยเฉพาะพวกพราหมณเห็นพวกนี้ไมได ถือวาไมเปนมงคล และถาบังเอิญไปถูกพวกนี้เขา ก็ตองมีการชําระ ลางมลทินกันใหญโต พวกเหลานี้เวลาจะซื้อของกินของใชจากพวกวรรณะสูงกวา ตองใหเขาโยนใหดังนี้ แตมาถึงสมัยพระพุทธเจา พระพุทธเจาตรัสวา คนเราจะสูงต่ํา ไมใชอยูที่วรรณะเลย ที่แมอยูที่ความประพฤติ ตางหากถาพวกพราหมณหรือพวกวรรณะอื่น ๆ ที่ประพฤติตนเลวทราม ก็ต่ํายิ่งกวาพวกศูทรหรือจัณฑาลที่ ประพฤติดีเสียอีก พระองคเคยโตตอบปญหาเรื่องวรรณะกับหัวหนาพราหมณหลายคน จนพวกพราหมณยอม แพ บางคนถึงกับขอบวชเปนภิกษุก็มี ผูที่จะมาสูธรรมวินัยของพระพุทธเจาตองไมถือชั้นวรรณะ ตัวอยาง พระพุทธเจาทรงบัญญัติใหภิกษุผูมีอาวุโสนอย ตองเคารพออนนอมตอภิกษุชั้นเถระที่มีอาวุโสสูงกวา พวกศูทร และจัณฑาลจึงไดรับเสรีภาพและสมภาพสมบูรณขึ้น ยังอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องทาส พระพุทธเจาทรงบัญญัติไมใหภิกษุคาทาส ทรงชี้ความไมดีของการคาทาสวาชั่ว เพียงไร และทรงจัดการคาทาสนี้เปนมิจฉาอาชีวะ อันพุทธศาสนิกไมควรทํานี้ดวย นี้คือรอยแหงเมตตากรุณา ของพระศากยมุนีพุทธเจาที่ไดทรงประทับไวใหแกโลก เราจะคนหารอยของเมตตากรุณาไดอีกในประวัติศาสตร นักศึกษาประวัติศาสตรทุกคนเชื่อวาคงมีความทึ่งในการที่ พระเจาอโศกมหาราช แหงปาฏลีบุตร ผูมีอาณาเขต กวางขวางใหญโต ทําสงครามชนะแทบทุกแควนในอินเดีย ไดยอมสละอาวุธ หันมาดําเนินตามวิถีของ พระพุทธเจา เหตุที่เปลี่ยนใจของมหาราชองคนี้ เราจะพบในศิลาจารึกดังนี้ “เมื่อพระเจาเทวานัมปริยทรรศิน (อโศก) ราชาภิเศกแลวแปดป ก็ปราบไดแควนกลิงค ไดเชลยจากที่นั้น หนึ่งแสนหาหมื่น ฆาเสียที่นั้นหนึ่งแสน และหลายเทา คนมากหลายไดตาย ตั้งแตไดแควนกลิงคจนตราบเทา ณ บัดนี้ พระเจาเทวานัมปริยก็นอมแนวสู ธรรม, ใครธรรม, และธรรมานุศาสน นั้นคือความกําสรวลสลดของพระเจาเทวานัมปริยที่ไดปราบกลิงค “ที่แท การพิฆาตฆา ความตายและการจับคราซึ่งประชาชน อันพึงมีเมื่อประเทศไมถูกปราบไดถูกปราบนั้น พระเจาเท วานัมปริยทรงตระหนักวาเดือดรอนและนาสังเวชแสนสาหัส” .....พระเจาเทวานัมปริยทรงปรารถนาใหแกสรรพสัตว ซึ่งความไมประทุษราย ความสังวรตน ความประพฤติ สม่ําเสมอและความสุภาพ รอยแหงเมตตากรุณาของมหาราชองคนี้ เราก็จะไดพบในศิลาจารึกตอไปวา “ทุกหน ทุกแหงในราชอาณาจักรของสมเด็จพระปยะและธีรมหาราชา และทั้งดินแดนของผูที่อยูติดพระราชอาณาเขต ของพระองค... ทุกหนทุกแหง มีสถานที่ทําการรักษาโรคของสมเด็จพระปยะและธีรมหาราชา ๒ ชนิด คือการ รักษาโรค จัดทําไวสําหรับคน และการรักษาโรคทําไวสําหรับสัตว ยาสมุนไพรดวย ยาสมุนไพรสําหรับทั้งคน และสัตว แหงใดไมมี ก็ไดนําเขาไปและปลูกขึ้นไว, รากเหงาดวย, และลูกไม ณ ที่ใดขาดแคลน ก็ไดนําเขาไป และปลูกขึ้นไวตามถนนหนทางเหมือนกัน ไดจัดการขุดบอน้ําและปลูกตนไมสําหรับความสําราญของคนและ สัตว ลูกไม ณ ที่ใดขาดแคลน ก็ไดนําเขาไปและปลูกขึ้นไวตามถนนหนทางเหมือนกัน ไดจัดการขุดบอน้ําและ
10.
10 ปลูกตนไมสําหรับความสําราญของคนและสัตว (ขอความในศิลาจารึกคัดจากเรื่อง เมืองทอง
ของ ขุนศิริวัฒน อาทร และของ พระยาประมวลวิชาพูล) นอกจากนี้ พระเจาอโศกยังทรงเปนอัครศาสนูปถัมภกในการ สังคายนาพระไตรปฎกครั้งที่ ๓ ดวย นี้คือการแผอานุภาพซึ่งจะเอาชนะใจของชาวโลกทั้งหมดได มีบางคนกลาววา คนที่มีเมตตากรุณา คือคนออนแอ คอยเปนผูแพ ไมมีลักษณะของความกลาหาญ ขอใหผู เขาใจดังนี้จงเขาใจเสียใหม คําวาเมตตาหมายความวา เราปรารถนาที่จะใหสรรพสัตวมีความสุขสบาย สวน กรุณาหมายถึง ถาสรรพสัตวมีความทุกขยาก เราจะชวยเหลือปลดเปลื้องความทุกขใหหมดไป ไมมีขอใดแสดง ความออนแอหรือไมกลาหาญเลย ผูที่จะอบรมความดีเพื่อการบรรลุพุทธภูมินั้น ในบรรดาความดีทั้งหมด ก็ตองมีขอเมตตาบารมีดวย ซึ่งนัยเปน ความดีขอที่ ๙ และในขณะเดียวกันก็ปรากฏวา มีวิริยบารมี ความขยันหมั่นเพียรเปนที่ ๕ ขันติบารมี ความอด กลั้นตอสิ่งทั้งปวงเปนขอที่ ๖ สัจจบารมี การพูดจริง เปนขอที่ ๗ และอธิษฐานบารมี ความตั้งใจมั่นคง เปนขอ ที่ ๘ ดังนี้ จะหาวา พระโพธิสัตวทานออนแอ ทอแทไดอยางไร ? มนุษยที่ออนแอคนไหนบางที่สามารถอดทน เพียรกอสรางบารมีตาง ๆ ซึ่งตองใชเวลานานถึง ๔ อสงไขยแสน กัลป บางครั้งถึงกับตองสละชีวิตเพื่อรักษาความดีนั้น ๆ ไว ถาหากไมใชคนกลาหาญใจเด็ดเดี่ยวเชนพระมหา สัตว คนที่มีเมตตากรุณา คือ คนไมเห็นแกตัว เขาจะทําสิ่งไร ๆ ลงไป เขาจะตองมองดูผลของมันกอน วาจะ เปนผลดีหรือไมดี ตอคนทั่วไปหรือไม จะทําใหเขาตองรอนตัว รอนใจหรือไม ถาผลไมดีเขาก็ไมทํา เขาทําแตสิ่ง ที่มีผลดีมีประโยชน ทานผูหนึ่งไดแปลสุภาษิตฝรั่งบทหนึ่ง ผูเขียนไดอานพบดังนี้วา “คนกลาหาญที่สุด ยอมออนหวานที่สุด คนที่ เปนผูดีที่สุด ยอมออนโยนที่สุด” (The bravest is tenderest. The noblest is humblest.) คนมีเมตตา กรุณา ก็คือคนที่ออนโยน หวานเสมอ ไมรูจักโกรธ, ใจหนักแนน, หรือมีน้ําใจเปนนักกีฬาแท, ไมเอารัดเอา เปรียบเพื่อนมนุษยดวยกัน นี้คือลักษณะผูมีเมตตากรุณา มีคนถามวา คุณประโยชนของเมตตากรุณามีอะไรบาง ? ขอตอบวา ประโยชนนะหรือ มีมากมายเหลือเกิน แต ประโยชนขออื่นจงยกไวกอน เรามาพิจารณาดูประโยชนของขอที่วา เมตตากรุณา คําสองคํานี้ สามารถหาม สงครามหรือทําใหโลกไมตองมีสงครามได มหาสงครามโลกครั้งที่สองนี้ เปนบทเรียนที่ดีของพวกผูนําแตละ ประเทศ เปนบทเรียนที่ดีของพวกชอบสงคราม และเปนบทเรียนที่ดีของมนุษยทั้งหมดดวย เพียงแตความ ทะเยอทะยานของมนุษยไมกี่คน ไดพาโลกทั้งโลกตองลุกเปนไฟประลัยกัลปขึ้น ตามปกติมนุษยเราก็ถูกไฟ ภายใน คือ ราคะ, โทสะ, โมหะ เผาอยูทุกวันแลว ยังจะถูกไฟภายนอกมาเผาทับอีก สงครามทุก ๆ ครั้ง มีผลที่ ไดอยางแนแททั้งฝายผูแพหรือผูชนะ คือ พอจากลูก, ลูกจากแม, สามีจากภรรยา ฯลฯ และเสียงคร่ําครวญของ แมที่ร่ํารองถึงบุตรที่ตายไป, ภรรยาคร่ําครวญถึงสามี, บุตรคร่ําครวญถึงบิดา, คร่ําครวญถึงญาติพี่นอง, ถึง ทรัพยสมบัติตาง ๆ ที่ไดเสียหายไป พวกชนะก็กอเวร พวกแพก็ทุกขตรอมใจ (ตามนัยสุภาษิต) นี่คือผลของ สงคราม อาจมีผูแยงวา ผลสงครามของฝายชนะ คือไดดินแดน ทรัพยสมบัติ, เกียรติ ฯลฯ แตเราตองตรองดูวา ดินแดน ทรัพยสมบัติ ตลอดจนเกียรติยศ, เกียรติศักดิ์, ชื่อเสียงอะไรเหลานี้นะ เราเชื่ออยางแนนอนแลวหรือวา เปนของเราตลอดไปไมมีวันเปลี่ยนแปลงไดเลย ? ทุกสิ่งในโลกเปนอนิจจัง วันนี้ชื่อเสียงเกียรติยศเปนของเรา พรุงนี้อาจเปนของเขา วันนี้เรามีอํานาจที่จะสั่งใหตัดหัวคนได พรุงนี้เราอาจกลายเปนคนที่จะถูกตัดหัวเอง
11.
11 ประวัติศาสตรเปนตัวอยางที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ ประเทศตาง ๆ
ที่มีความเจริญในสมัยโบราณกาล ปจจุบันนี้เปน อยางไร ? กาวแรกเราจงระลึกถอยหลังไปสูอดีต เมื่อสมัย ๖,๐๐๐ ป สมัยที่บานเมืองแถบลุมแมน้ําไตกริสกับยู เฟรตีส และลุมแมน้ําไนลกําลังรุงเรือง เชน อียิปต, สุเมอเรียน, บาบิโลน, อัสสิเรียน, เฟนิเชียน เราไมลืมสมัย เจริญของพระเจาฮัมมูราบีแหงบาบิโลน, ไมลืมรัชสมัยของพระเจาไซรัสแหงเปอรเซีย ไมลืมกรีกและบุคคล สําคัญอีกคนหนึ่งของกรีก คือ พระเจาอเล็กซานเดอรมหาราช ผูมีอาณาเขตอันกวางใหญไพศาล ไมลืมจีนในรัช สมัยพระเจาฉิงสื่อหวง ผูสรางกําแพงยักษ, ไมลืมพระเจาถางไถจง และดินแดนตาง ๆ ที่พระองคตีได ไมลืมทัพ อันมีพลานุภาพพิเศษของพระเจาออคโกไดขาน และกุบไลขาน (เวี๋ยนสือจู) ทัพมงโกลของพระองคสามารถตีได เปอรเซีย, จีน, อินเดียภาคเหนือ, อาฟกานิสถาน, ตุรกีสถาน อาหรับและบุกเขาไปถึงยุโรป ไดรัสเซีย, ฮังการี, จนจดแดนเยอรมันและจดฝงทะเลเอเดรียติค ไมลืมความรุงโรจนของอินเดียสมัยพระเจาอโศกมหาราช, พระ เจาศีลาทิตย, พระเจาอักบาร, ไมลืมพระเจานโปเลียนของฝรั่งเศส, ใกลเขามา เราไมลืมความรุงโรจนของสุ มาตราในสมัยกรุงศรีวิชัย, ไมลืมอํานาจของเขมรในสมัยนครธม, นครวัต, จนที่สุดเราไมลืมความสามารถของ พระเจาอโนรธา, บุเรงนอง, และอลองพญาของพมา แตมาบัดนี้ สิ่งเหลานี้ไดผานไปอยางไมมีความเที่ยงแท เปนแตเพียงประวัติที่เขาบันทึกลงไวสําหรับใหชาวโลกในกาลตอมาไดรูไดเห็น หลังจากการสิ้นพระชนมของ พระเจาอเล็กซานเดอรมหาราช ดินแดนตาง ๆ ที่พระองคตีไดเปนอยางไร ? ใครเลยจะนึกบางวา พระเจานโป เลียนมหาราชของฝรั่งเศสตองถูกจับขังไวบนเกาะ และสิ้นพระชนมในที่คุมขัง ณ บนเกาะนั้น เขมร พมาเดี๋ยวนี้ เปนอยางไร ? การที่จะซื้อเอาชื่อเสียง เกียรติยศหรือดินแดน ทรัพยสินตาง ๆ ซึ่งเปนของไมเที่ยง บางทีมีไมตลอดชีวิตของเรา ดวยการเอาชีวิตมนุษยไปพลาเลน แลกเอามานั้นเปนของนาติเพียงไร มนุษยเราขาดหลักสําคัญคือความเมตตา กรุณาไปเสีย จึงไดมีการรบราฆาฟนกัน ถาเรามีเมตตากรุณาตอกันและกัน รูจักการใหอภัย ไมอาฆาตจองเวร คอยชวยเหลือซึ่งกัน เห็นมนุษยทั้งหลายเปนพี่นองญาติสาโลหิตเดียวกัน ไมมีศัตรูเพราะไมมีผูใดเปนศัตรูเรา และเมื่อใดผูนําของประเทศตาง ๆ ไดยอมละการแผอํานาจแบบเดชานุภาพ มาเปนแผแบบความรักอันไมมี ขอบเขตจํากัดคือเมตตานี้ และเมื่อใดที่รัฐประศาสนทั้งหมดไดดําเนินไปตามหลักของพระพุทธศาสนา ก็เปนอัน หวังไดอยางแนนอนวา สงครามจะไมมีแลว โลกอันกอปรไปดวยเพลิงทุกข ความเห็นแกตัวก็จะลดนอยสงบลง กวาแตกอนมาก ดังพระพุทธภาษิตวา “ความไมเบียดเบียนคือความสํารวมในสัตวทั้งหลาย เปนสุขในโลก” และทานนิจิเร็นโชนิน คณาจารยเอกของนิกายเท็นได ไดกลาววา “เมื่อใดกฎหมายของรัฐแกไขไปจนตรงกับ หลักธรรมในพระพุทธศาสนา ในขณะนั้นจะบรรลุรุงอรุณแหงสุวรรณสมัย” ขอมนุษยทั้งหลายจงชวยกันปาว ประกาศเสียงแหงเมตตากรุณาดังนี้วา “ขอสัตวทั้งปวง จงเปนผูมีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด สัตวมีชีวิตทั้งหลายเหลาใดเหลาหนึ่งมีอยู ยัง เปนผูสะดุง (คือมีตัณหา) หรือ เปนผูมั่นคง (คือไมมีตัณหา) ทั้งหมดไมเหลือเหลาใด ยาวหรือใหญ หรือปาน กลาง หรือสั้น หรือผอมพี เหลาใดที่เราเห็นแลว หรือมิไดเห็น เหลาใดอยูในที่ไกล หรือที่ไมไกล ที่เกิดแลว หรือ กําลังแสวงหาความเกิดก็ดี ขอสัตวทั้งปวงเหลานั้น จงเปนผูมีตนถึงความสุขเถิด สัตวอื่นอยาพึงขมเหงสัตวอื่น อยาพึงดูหมิ่นอะไร ๆ ที่เขาในที่ไร ๆ เลย ไมควรปรารถนาทุกขแกกันและกัน เพราะความกริ้วโกรธและเพราะ ความคุมแคน มารดาถนอมลูกคนเดียว ผูเกิดในตน ดวยยอมพราชีวิตไดฉันใด พึงเจริญเมตตามีในใจไมมี ประมาณในสัตวทั้งปวงแมฉันนั้น” (จากกรณียเมตตสูตร สวดมนตแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย)
12.
12 “ดวงชีพทั้งหลาย ! ขอทานทั้งปวงจงมีเมตตากรุณาในสรรพสัตวทั้งหลายเถิด
ทานจงละความอาฆาตจองเวร เสีย อยาไดผูกโกรธกับผูใดเลย เพราะการผูกโกรธโดยคิดวา เราจะตองแกแคนเขาดังนี้ นักปราชญทั้งหลาย มี พระพุทธเจาเปนตน ยอมไมสรรเสริญ เวรานุเวรใด ๆ ในโลกนี้ จะสงบลงไปได ก็ดวยการไมจองเวร ดวงชีพทั้งหลายเอย ! ทานอยาไดเบียดเบียนสัตวทั้งหลายผูเปนเพื่อนรวมโลกของทานเลย ในสังสารวัฏฏอัน ไมมีที่สิ้นสุดนี้ ทานและเขาไดถูกหมุนเวียนไปเรื่อย ชีวิตเปนของนอยอยูแลวดวยถูกความเจ็บความตายคอย ประหารอยู ไมควรที่จะชวยตัดรอนใหมันสั้นเขาอีก ทานมีความหวาดกลัว ในเมื่อทานจะถูกประหาร หรือทาน มีความคับแคนใจในเมื่อทานถูกเบียดเบียนฉันใด สัตวทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทานตองการมีความสุขฉันใด สัตวทั้งหลายก็ฉันนั้น ดวงชีพทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้นแล ทานทั้งปลายจงแผความรักที่เปนธรรม คือเมตตา กรุณาในเขาเหลานั้น ตลอดถึงศัตรูของทานดวย และแลวสรรพสัตวในโลกทั้งหมดก็คือภราดรของทานเอง แลว นั่นคือกาวแรกที่ทานไดกาวขึ้นสู ‘วิถีแหงสัจจธรรม’ ซึ่งสมเด็จพระศรีศากยมุนีพุทธเจาผูเปนนาถะแหงไตร โลกไดตรัสไว” ๑๒ กันยายน ๒๔๘๘ ............................................
13.
13 ประวัติพระไตรปฎก ฉบับจีนพากย เรียบเรียงโดย อ.เสถียร
โพธินันทะ ...................................................... เมื่อประเทศไทยไดประกอบรัฐพิธีเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระ เจาอยูหัว ไดเชิญผูแทนพุทธบริษัทนานาชาติทั่วโลก มารวมอนุโมทนาในมหากุศลกรรมนี้โดยพรอมเพรียงกัน ผูแทนพุทธบริษัทจีนคณะชาติที่ไตหวัน มีพระสมณาจารยกานจูฮูตุกตู ชาวมงโกล เปนประธาน พระสมณะอิน สุ อาจารยใหญแหงสํานักปริยัติ ธรรมฟูเยนฯ เปนรองประธานพรอมดวยคณะผูติดตามอีก ๗ ทาน ไดอัญเชิญ พระไตรปฎกฉบับจีน ๒ จบมาดวย และไดทําพิธีมอบเปนธรรมบรรณาการ แกสภาการศึกษามหามกุฏราช วิทยาลัยจบหนึ่ง มอบแกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุอีกจบหนึ่ง ในฐานะเปนสถาบันศึกษา พระพุทธศาสนาสูงสุด ๒ แหงของประเทศไทย พระไตรปฎก ฉบับนี้เปนของถายพิมพจากฉบับญี่ปุน ไดเริ่ม พิมพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ โดยสํานักวัฒนธรรมพุทธศาสนาแหงประชาชาติจีนเมืองไทเป จบหนึ่งมี ๒,๒๓๖ คัมภีร คิดเปนผูกได ๙,๐๐๖ ผูก เปนสมุดพิมพ ขนาดเอ็นไซโคลปเดีย ๕๕ เลมใหญหนามาก นับวาพระไตรปฎกฉบับ นี้ เปนผลงานของชาวพุทธบริษัทฝายมหายานที่ใหมที่สุด ถึงแมวาอาศัยถายพิมพมาจากฉบับญี่ปุนคือฉบับ ไดโช ก็จริง แตพระไตรปฎกฉบับญี่ปุนคือไตรปฎกจีนนั่นเอง เพราะญี่ปุนรับพระพุทธศาสนาไปจากจีน ชนิด ถายเอาตัวอักษรไปดวย แตโดยที่ญี่ปุน เขาใจเก็บรวบรวมเกงกวาจีน ฝายจีนซึ่งเปนเจาของเดิม จึงกลับตองไป อาศัยของเขามาถายพิมพ ผูเขียนซึ่งมีหนาที่บรรยายวิชาประวัติศาสตรพระพุทธศาสนาสากล และโดยเฉพาะ ลัทธิมหายานในสภาการศึกษาฯ จะขอถือโอกาสคนควาประวัติปฎกจีนพากยฉบับนี้มาเลาสูกันฟง เมื่อพระพุทธศาสนาไดแพรหลายออกไปในนานาประเทศ เริ่มแตรัชสมัยพระเจาอโศกมหาราช และ ขยับขยายแพรหลายตอเนื่องกันตอมาจนกระทั่งพระพุทธศาสนาสิ้นสูญจากอินเดีย ประเทศตางๆ ซึ่งยังรับชวง พระสัทธรรม กลับปรากฏวาเปนแหลงเจริญของพระพุทธศาสนาแทนที่มาติภูมิ แกนสําคัญของ พระพุทธศาสนาที่จะเปนเหตุใหเจริญตั้งมั่นอยูไดก็อยูที่พระธรรมวินัย ปรากฏวาพระธรรมวินัยที่แพรหลายไป ในดินแดนตางๆ หาได เสมอเหมือนกันไม จําแนกออกเปน ๓ ประเภทใหญๆ คือ ๑. พระธรรมวินัยที่ถือภาษามคธ หรือบาลีเปนหลัก มีลัทธิเถรวาทในพระพุทธศาสนาฝายสาวก ยานเปนฝายประกาศเจริญแพรหลายในลังกา, ไทย, พมา, เขมร และลาว พระไตรปฎกของ ประเทศทั้ง ๕ จึงเหมือนกัน ๒. พระธรรมวินัยที่ถือภาษาสันสกฤตเปนหลัก มีลัทธิมหายานและนิกายสรวาสติวาทิน ซึ่งเปน นิกายหนึ่งของฝายสาวกยานเปนฝายประกาศเจริญแพรหลายในประเทศจีน แตจีนมิไดรักษา ตนภาษาเดิมไว เอามาแปลถายไวในภาษาจีนหมด แลวจึงแพรหลายตอออกไปในเกาหลี, ญี่ปุน และญวน ๓. พระธรรมวินัยที่ถือภาษาสันสกฤตเปนหลักเหมือนประเภทที่ ๒ และเปนลัทธิมหายานดุจกัน แตประกาศหนักไปในนิกายมนตรยาน อันเปนสาขาหนึ่งของมหายาน เจริญแพรหลายใน
14.
14 ประเทศธิเบต และแปลสูภาษาธิเบตแลวหมด จากธิเบตจึงแพรตอออกไปในมงโกเลีย
และ มานจูเรีย พระธรรมวินัยทั้ง ๓ ประการนี้ ถาจะวาโดยชัดแจงแลว กลาวไดวาคือพระไตรปฎกภาษาบาลี, พระไตรปฎกภาษาจีน และพระไตรปฎกภาษาธิเบตนั่นเอง พระไตรปฎกภาษาจีนมีลักษณะพิเศษกวางขวาง โอบอุมเอาคติธรรมตางๆ ในพระไตรปฎกบาลีกับธิเบตไว ดวยคือมีปกรณลัทธินิกายสําคัญในพระพุทธศาสนา ไมจํากัดเฉพาะลัทธิมหายานเทานั้น ลักษณะนี้พระไตรปฎกบาลีหามีไม สวนพระไตรปฎกธิเบตถึงมีอยูบางก็ยัง นอยกวาฝายจีน ฉะนั้น พระไตรปฎกจีนจึงเปนธรรมสาครอันยิ่งใหญที่สุดของพระพุทธศาสนา ในที่นี้จะยก อุทาหรณปกรณสําคัญของตางนิกายที่มีในพระไตรปฎกจีนมากลาว เชนหมวดพระวินัยปฎก มี: ๑. ทศภาณวารสรวาสติวาทวินัย ๖๐ ผูก พระวินัยปฎกของนิกายสรวาสติวาทิน แปลสูภาษาจีนโดย พระปุณยาตระ, พระกุมารชีพ, พระธรรมรุจิ, พระวิมลรักษ รวม ๔ รูป เมื่อ พ.ศ. ๙๔๗ - ๙๕๐ ตอมาสมณะอี้ จิงไดแปลวินัยปกรณของนิกายนี้อีก ๑๕ ปกรณ ซึ่ง สวนมากเปนเรื่องปลีกยอย วาดวยเรื่องอุปสมบทกรรม, การจําพรรษา, เภสัชชะและเรื่อง สังฆเภทเปนตน ๒. จตุรอัธยายธรรมคุปตวินัย ๖๐ ผูก พระวินัยปฎกของนิกายธรรมคุปตแปลสูภาษาจีน โดยพระ พุทธยศ เมื่อ พ.ศ. ๙๕๓ ๓. มหาสังฆิกวินัย ๓๐ ผูก พระวินัยปฎกของนิกายมหาสังฆิกะ แปลสูภาษาจีนโดย พระพุทธภัทรกับ สมณะฟาเหียน เมื่อ พ.ศ. ๙๖๓ - ๙๖๕ ๔. ปญจอัธยายมหิศาสกวินัย ๓๐ ผูก พระวินัยปฎกของนิกายมหิศาสกะ แปลสูภาษาจีน โดย พระ พุทธชีวะ กับ สมณะเตาเซง เมื่อ พ.ศ. ๙๖๖ ๕. สมันตปาสาทิกาวินัยอรรถกถา ๑๘ ผูก เปนอรรถกถา พระวินัยปฎกนิกายเถรวาท แปลสู ภาษาจีนโดยพระสังฆภัทร เมื่อ พ.ศ. ๑๐๓๒ แตเปนฉบับยอไมมีพิสดาร เชน ตนฉบับบาลี ๖. ปาฏิโมกขศีลสูตร ของนิกายกาศยปยะ เปนเพียงหนังสือสั้นๆ มิใชพระวินัยปฎกทั้งหมด หมวดพระสุตตันตปฎก ถือตามมติของศาสตราจารยเหลียงฉีเชา ก็มี: ๑. เอโกตตราคม ๕๑ ผูก คือ อังคุตตรนิกายของนิกายสรวาสติวาทิน แปลสูภาษาจีนโดยพระธรรม นันทิ เมื่อ พ.ศ. ๙๒๗ ๒. มัธยามาคม ๖๐ ผูก มัชฌิมนิกาย ของนิกายสรวาสติวาทิน แปลสูภาษาจีนโดย พระสังฆรักษกับ พระสังฆเทวะ เมื่อ พ.ศ. ๙๔๑ ๓. ทีรฆาคม ๒๒ ผูก ทีฆนิกายของนิกายธรรมคุปต แปลสูภาษาจีน โดยพระพุทธยศเมื่อ พ.ศ. ๙๕๖
15.
15 ๔. สังยุกตาคม ๕๐
ผูก สังยุตตนิกายของนิกายมหิศาสกะ แปลสูภาษาจีน โดยพระคุณภัทรเมื่อ พ.ศ. ๙๘๖ สวนประเภทพระอภิธรรมปฎก และคัมภีรประเภทศาสตรหรือปกรณวิเศษของนิกายตางๆ ก็มีอุดม เชน อภิธรรมสังคีติบรรยายปาทศาสตร ๒๐ ผูก, อภิธรรมสกันธปาทศาสตร ๑๒ ผูก, อภิธรรมวิชญานกายปาท ศาสตร ๑๖ ผูก, อภิธรรมปกรณะปาทศาสตร ๑๘ ผูก, อภิธรรมมหาวิภาษาศาสตร ๒๐๐ ผูก, อภิธรรมนยายนุ สารศาสตร ๘๐ ผูก, อภิธรรมปกรณศาสนศาสตร ๔๐ ผูก, อภิธรรมหฤทัยศาสตร ๔ ผูก, สังยุกตาภิธรรมหฤทัย ศาสตร ๑๑ ผูก, ปกรณเหลานี้เปนของนิกายสรวาสติวาทิน, อภิธรรมโกศศาตร ๒๐ ผูก, คัมภีรนี้ระคนดวยลัทธิ ในนิกายสรวาสติวาทิน กับนิกายเสาตรันติกวาทิน, สารีปุตราภิธรรม ๓๐ ผูก ของนิกายวิภัชวาทิน, อภิธรรม สัตยสิทธิวยกรณศาสตร ๑๖ ผูก ของนิกายมหาสังฆิกะหรือนิกายเสาตรันติก หรือนิกายพหุสุตวาทยังไม แนนอน จตุราริยสัจจปกรณ ๔ ผูก, และคัมภีรวิมุตติมรรค ๑๒ ผูก คัมภีรนี้เปนของนิกายเถรวาทมีเคาโครง อยางเดียวกับคัมภีรวิสุทธิมรรคมาก ขาพเจาไดเขียนวิจารณไวในหนังสือเรื่องนารู ๑๕ เรื่องแลว คุณวิภังคนิ ทเทศศาสตร ๓ ผูก ของนิกายมหาสังฆิกะ, สัมมิติยะศาสตร ๒ ผูก ของนิกายสัมมิติ ยะ ฯลฯ เฉพาะคัมภีรฝายมหายานซึ่งตนฉบับสันสกฤตที่ตกคางเหลืออยูในปจจุบันมีไมถึง ๑ ใน ๑๐ เพราะ เมื่อพวกขาศึกตางศาสนารุกรานเขามาในอินเดียไดเที่ยวเผาวัดวาอารามของพระพุทธศาสนา ทําลาย พระไตรปฎกเสียมากกวามาก มหาวิทยาลัยนาลันทาและมหาวิทยาลัยวิกรมศิลา ซึ่งเปนสถาบันศึกษา พระพุทธศาสนาสูงสุดในสมัยนั้น ก็ถูกเผาเสียปนป คัมภีรตางๆ จึงสูญหายไปมาก ที่ยังเหลือตกคางอยูบาง ก็ เปนดวยภิกษุสงฆพาหนีไป กับหลบทารุณภัยเขาไปอยูในเนปาลบาง ในธิเบตบาง ประกอบทั้งเมื่อสมัย พระพุทธศาสนาแพรหลายเขาไปในประเทศเหลานี้อยูทั้งในเนปาลบาง ในธิเบตบาง ประกอบทั้งเมื่อสมัย พระพุทธศาสนาแพรหลายเขาไปในประเทศเหลานี้ไดพาคัมภีรสันสกฤตมาเปนตนฉบับ จึงพอจะหาไดบางก็ที่ ตกคางเหลืออยูในเนปาล, ธิเบต, จีน และญี่ปุน แตหาพบในเนปาลกับธิเบตมากกวาแหงอื่น และสวนใหญเปน คัมภีรนิกายมันตรยาน โชคดีที่คัมภีรสันสกฤตของลัทธิมหายานไดถูกแปลถายไวในภาษาจีนเปนอันมาก การศึกษาลัทธิมหายานจึงจําเปนตองผานทางภาษาจีน ในหนังสือประมวลสารัตถะพระไตรปฎก แตงครั้ง ราชวงศหงวน ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ไดบอกจํานวนคัมภีรในพระไตรปฎกจีนพากยไวดังนี้ ๑. พระสูตรฝายมหายาน ๘๙๗ คัมภีร ๒,๙๘๐ ผูก ๒. พระวินัยฝายมหายาน ๒๘ คัมภีร ๕๖ ผูก ๓. ศาสตรฝายมหายาน ๑๑๘ คัมภีร ๖๒๘ ผูก ๔. พระสูตรฝายสาวกยาน ๒๙๑ คัมภีร ๗๑๐ ผูก ๕. พระวินัยฝายสาวกยาน ๖๙ คัมภีร ๕๐๔ ผูก ๖. ศาสตรฝายสาวกยาน ๓๘ คัมภีร ๗๐๘ ผูก รวมทั้งสิ้นเปน ๑,๔๔๑ คัมภีร ๕,๕๘๖ ผูก แตจํานวนคัมภีรในพระไตรปฎกจีนพากยนี้ ชําระกันหลาย ครั้งหลายคราว จํานวนคัมภีรกับจํานวนผูกเปลี่ยนแปลงไมเสมอกันทุกคราว ในหนังสือวาดวยสารัตถะความรู จากการศึกษาพระไตรปฎก แตงครั้งราชวงศเหม็ง ไดแบงหมวดพระไตรปฎก เพื่อสะดวกแกการศึกษาดังนี้
Download now