More Related Content Similar to The way of_zen Similar to The way of_zen (9) The way of_zen1. 'วิถีแห่ งเซน' ของสตีฟ จอบส์
ซีอโอแสนล้ านค่ าย Apple ยักษ์ ใหญ่ วงการคอมพิวเตอร์
ี
แม้จะเป็นนักธุรกิจร่ํารวยระดับแสนล้าน แต่ไม่วาจะปรากฏกาย ณ ที่แห่ง
่
ใด หรือแม้แต่ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple คนทั่วไปมักชินตากับ
ภาพ สตีฟ จอบส์ ในชุดแต่งกายเรียบง่าย สวมเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีดํา ยี่ห้อ St.
Croix กางเกงยีนส์ลวายส์ รุ่น 501 และสวมรองเท้ากีฬายี่ห้อ New Balance รุ่น
ี
992 เป็นประจํา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจําตัวของเขา
2. สตีฟ จอบส์ หรือสตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) เป็นนักธุรกิจชาว
อเมริกัน ซีอโอใหญ่ แห่ งค่ าย Apple Inc. ยักษ์ ใหญ่ ในวงการคอมพิวเตอร์ ผู้ผลิต
ี
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกของโลก รวมทั้งเป็น ผู้บริหารระดับสูง
ของค่ายพิกซาร์ แอนิเมชัน สตูดิโอ (Pixar Animation Studios)ด้วย
กว่าจะถึงวันนี้ ชีวิตของซีอีโอใหญ่ได้เผชิญปัญหามานับครั้งไม่ถ้วน แต่
ด้วยหลักธรรมคําสอนในพุทธศาสนานิกายเซน ที่เขาได้ศึกษาเรียนรู้ ช่วยให้เขา
ก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงมาได้
3. „ ชีวตช่ วงแรก ไม่ ได้ ปริญญา แต่ ได้ วชา
ิ ิ
เริ่มสนใจศึกษาพุทธศาสนา
สตีเฟน พอล จอบส์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 ที่เมืองซานฟราน
ซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรนอกสมรสของนักศึกษาสาว
มหาวิทยาลัย กับศาตราจารย์ทางด้านรัฐศาสตร์ มารดาแท้ๆ ยกเขาให้เป็นบุตร
บุญธรรมแก่ครอบครัว “จอบส์” ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวเป็นช่างเครื่อง โดยขอ
สัญญาว่า บุตรชายของเธอจะต้องได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
เมื่อโตขึ้นจอบส์เข้าศึกษาต่อที่ Reed College ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอ
เรกอน ได้เพียง 6 เดือน ก็ลาพักเรียน เพราะไม่เห็นความน่าสนใจของสิ่งที่เขา
เรียนอยู่ แต่เขาก็กลับเข้าศึกษาใหม่อีก 1 ปีครึ่ง โดยลงเรียนเฉพาะ คอร์สที่เขา
สนใจ เช่น การประดิษฐ์ตัวอักษร (ซึ่งภายหลังเขาได้นําไปใช้ประโยชน์ในการ
ออกแบบตัวพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ Macintosh) หลังจากนั้น เขาหยุดเรียนถาวร
และไม่ได้ศึกษาจนจบมหาวิทยาลัยตามทีมารดาแท้ๆ ของเขาหวังไว้
่
ในช่ วงเรียนมหาวิทยาลัยนีเ้ องทีจอบส์ เริ่มหันมาศึกษาพุทธศาสนานิกาย
่
เซน เขาสนใจอ่ านวรรณกรรมทางพุทธศาสนาหลายเล่ ม และหนังสื อทีมีอทธิพล
่ ิ
สู งสุ ดกับเขาคือ Zen Mind, Beginner’s Mind ซึ่งเขียนโดยชุนริว ซูซุกิ กล่ าว
กันว่ า หลังการศึกษาหลักธรรมของเซน จอบส์ เริ่มมีความเชื่อว่ า การหยังรู้โดย
่
สั ญชาตญาณนั้น ก่ อให้ เกิดปัญญา เขาจึงเริ่มฝึกสมาธิในห้องนอนแคบๆ ที่แชร์
ร่วมกับ “แดเนียล คอตคี” เพื่อนสนิท ท่ามกลางกลิ่นธูป
4. „ ออกแสวงหาตัวตนที่แท้ จริง
ในปี 1974 จอบส์ ในวัย 19 ปี ได้ขอลาพักงานประจํา ที่เขาทําอยู่ในบริษัท
เครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ Atari เพื่อเดินทางไปอินเดีย เป็นเวลา 1 เดือน พร้อมกับ
เพื่อนรัก “แดเนียล คอตคี” เพื่อแสวงหาคําตอบเกี่ยวกับการรู้แจ้งเห็นจริงด้านจิต
วิญญาณ และเมื่อเดินทางกลับสหรัฐฯ อีกครั้งหนึง เขาได้กลายเป็น
่
พุทธศาสนิกชน สวมเสื้อผ้าแบบอินเดียโบราณและโกนศีรษะ
หลังจากนั้น เขาได้แวะเวียนไปที่ศูนย์เซน ลอส อัลทอส ในเมืองลอส อัล
ทอส รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นประจํา ที่นี่เขาเริ่มฝึกการบําบัดแบบกรีดร้องดังๆ และ
รับประทานผลไม้เป็นอาหาร และผลไม้ทเี่ ขาโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือ แอปเปิ้ล
นั่นเอง
5. ในปี 1976 ขณะอายุ 21 ปี จอบส์ได้เข้าทํางานกับบริษัทฮิวเลตต์-แพค
การ์ด และเริ่มต้นศึกษาพุทธศาสนานิกายเซนอย่างจริงจังกับ “โกบุน ชิโนะ โอ
โตโกวะ” พระอาจารย์ชาวญี่ปน ที่ศูนย์เซน ลอส อัลทอส (ซึ่งภายหลัง เมื่อ
ุู
จอบส์เข้าพิธีแต่งงานแบบเซน กับ “ลอรีน เพาเวล” ในวันที่ 18 มีนาคม 1991
พระอาจารย์โอโตโกวะได้มาเป็นประธานในพิธ)
ี
„ เริ่มก่ อตั้งบริษท Apple
ั
ดีไซน์ สินค้ าด้ วยแนวคิดเซน
ในปี 1976 จอบส์และเพื่อนสมัยเรียนที่ชื่อ “สตีฟ วอซเนียก” ได้ร่วมกัน
ก่อตั้งบริษท Apple Computer ขึ้นที่โรงรถในบ้านของจอบส์ เครื่องคอมพิวเตอร์
ั
6. เครื่องแรกที่จอบส์กับวอซเนียกได้นําเสนอออกสู่สายตาได้แก่เครื่อง Apple I
และเพียง 10 ปีให้หลัง Apple ก็เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โต
ทีมมลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ และพนักงานมากกว่า 4,000 คน!!
่ ี ู
จอบส์เคยกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Wired ของอเมริกาว่า “มี
คาคาหนึ่งในศาสนาพุทธ คือ จิตของผู้เริ่ มต้ น มันเป็ นสิ่ งมหัศจรรย์ อย่างยิงทีทุก
่ ่
คนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้ น” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่ง
ทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆ ทําให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่ง
เหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนําหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิต
บริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลําเอียงให้คิดว่า จิตของผู้
เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความ
สงสัย และความ ประหลาดใจ
ด้วยความเชื่อดังกล่าว สตีฟ จอบส์ จึงนาแนวคิดแบบเซนมาใช้ กบบริษท
ั ั
Apple Inc ของเขา ในการออกแบบรูปลักษณ์ และการใช้ งานของสิ นค้ าให้ มี
แนวทางบริสุทธิ์ ครบถ้ วนสมบูรณ์ และง่ ายต่ อการใช้ งาน
7. „ พบมรสุ มชีวต แต่ พชิตด้ วยความรักในงาน
ิ ิ
เมื่อจอบส์อายุ 30 ปี หลังจากเพิ่งเปิดตัว Macintosh เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดี
ที่สุดของตัวเองได้ปีเดียว เขาถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง หลังจาก
ทะเลาะกับผู้บริหาร และกรรมการบริษัทก็เข้าข้างผู้บริหารคนนั้น
8. เรื่องนี้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา จอบส์กล่าวว่า เขาได้
สูญเสียสิ่งที่ได้ทํามาตลอดชีวิตไปในพริบตา ถึงกับคิดจะออกจากวงการ
คอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต เขาไม่ได้ทําอะไรหลังจากนั้นอีกหลายเดือน
แต่แล้วความรู้สึกอย่างหนึ่งก็สว่าง ขึ้นข้างในตัวของจอบส์ ซึงเขาค้นพบ
่
ว่า ตัวเองยังคงรักในสิ่งที่ทํามาแล้ว ความล้มเหลวที่ Apple ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
ความรักที่เขามีตอสิ่งที่ได้ทํามาแล้วได้ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
่
ซึ่งต่อมาเขาได้พบว่า การที่เขาถูกไล่ออกจาก Apple ได้กลายเป็นสิ่งที่ดที่สุดที่
ี
เกิดขึ้นในชีวิต เพราะภาระอันหนักจากการประสบความสําเร็จในอดีตทีเ่ ขาแบก
ไว้นั้น ได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายในการเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งช่วย
ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ นันก็คือเขาได้ปล่อยวางความสําเร็จเก่านั้นลง และ
่
เริ่มต้นใหม่ด้วยใจทีเ่ บาสบาย เบิกบาน เป็นจิตของผู้เริ่มต้นอย่างที่เขาเคยบอกไว้
นั่นเอง
จอบส์กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขม แต่เป็นสิ่งจําเป็นสําหรับคนไข้
เมื่อชีวิตเล่นตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คณรัก ดังนั้นคุณ
ุ
จะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทําให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่าง
แท้จริง คือการได้ทาในสิ่งที่คุณเชือว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่จะทําให้คุณ
ํ ่
สามารถทําสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทํา และถ้าหากคุณยัง
หามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมือคุณได้ค้นพบสิ่งที่
่
คุณรักแล้ว
9. หลังจากนั้น เขาได้เริ่มตั้งบริษทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar (ซึ่งขณะนี้เป็น
ั
สตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดในโลก) ได้สร้างภาพยนตร์
การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story
ส่วน Apple ซึ่งไร้เงาของจอบส์นั้น ไม่ได้เฟื่องฟูขึ้นเลย ดังนั้นบริษัทฯ จึง
ได้หันมาซื้อบริษัท NeXT เพื่อทําให้จอบส์ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง รวมทั้ง
เทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นที่ NeXT ก็ได้กลายเป็นหัวใจในยุคฟื้นฟูของ Apple
10. „ ใช้ การเจริญมรณสติทุกวัน
เป็ นเครื่องมือช่ วยการตัดสิ นใจในชีวต
ิ
เมื่ออายุ 17 ปี จอบส์ประทับใจข้อความหนึ่งที่เขาได้อ่านจากหนังสือ ซึ่ง
สอนให้ทุกคนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่า วันนีเ้ ป็ นวันสุ ดท้ ายของชีวต และตลอดชีวตที่
ิ ิ
ผ่ านมา เขาจะถามตัวเองในกระจกทุกเช้ าว่ า ถ้ าวันนีเ้ ป็ นวันสุ ดท้ ายในชีวตของ
ิ
เขา เขาจะยังคงต้ องการทาสิ่ งที่กาลังจะทาในวันนีหรือไม่ ถ้าหากคําตอบเป็น
้
“ไม่” ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง
จอบส์เล่าว่า วิธีคดว่ าคนเราอาจจะตายวันตายพรุ่ง เป็ นเครื่องมือที่
ิ
สาคัญทีสุดเท่ าทีเ่ ขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ ช่วยให้ เขาสามารถตัดสิ นใจครั้งใหญ่ ๆ ใน
่
ชีวตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้ า แทบทุกสิ่ งทุกอย่ าง ไม่ ว่าจะเป็ น
ิ
ความคาดหวังของคนอืน ชื่อเสี ยงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้ องอับอายขายหน้ า
่
หรือล้ มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้กแต่ เพียงสิ่ งทีมีคุณค่ า มี
็ ่
ความหมายและความสาคัญที่แท้ จริงเท่ านั้น
“วิธีคดเช่ นนี้ ยังเป็ นวิธีทดทสุด ทีจะช่ วยให้ คุณไม่ ตกลงไปในกับดัก
ิ ี่ ี ี่ ่
ความคิดทีว่า คุณมีอะไรทีจะต้ องสู ญเสี ย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้ วนมี
่ ่
แต่ ตัวเปล่าๆ ด้ วยกันทั้งนั้น”
11. จอบส์พูดถึงความตายว่า กลางปี 2004 เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง
ตับอ่อนชนิดรุนแรงและไม่มีทางรักษา เขาจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 3-6 เดือน
แพทย์ที่รักษาแนะนําให้เขากลับบ้านและจัดการสะสางภารกิจที่มีอยู่ให้เรียบร้อย
ซึ่งความหมายก็คือให้ “เตรียมตัวตาย”
แต่แล้วในเย็นนั้น เมื่อแพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อน ไปตรวจอย่าง
ละเอียด ผลปรากฏว่า เขาเป็นมะเร็งตับอ่อน ชนิดที่พบเพียงแค่ 1 เปอร์เซนต์ของ
ผู้ปูวย ซึ่งรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ในปี 2009 จอบส์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับ
ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ และกลับไปทํางานที่ Apple อีกครั้ง หลังลาหยุดเป็น
เวลา 6 เดือน
ซีอีโอใหญ่ของ Apple กล่าวว่า นี่เป็นประสบการณ์เฉียดตายที่สุดของ
เขา ซึ่งทําให้เขาสามารถพูดได้เต็มปากยิ่งกว่าเมื่อตอนที่ใช้ความตายมาเตือน
ตัวเองเป็นมรณานุสติ และเมื่อผ่านห้วงเวลานั้นมาได้ เขาบอกว่าความตายคือ
ประดิษฐกรรมที่ดีทสุดของ “ชีวิต” ความตายคือสิงที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เขาได้พูด
ี่ ่
ถึงความตายไว้ว่า
“ไม่ มีใครอยากตาย แม้ ว่าคนที่อยากขึนสวรรค์ ก็ไม่ อยากตายเพือจะได้
้ ่
ไปที่นั่น แต่ เราทุกคนต้ องตาย ไม่ มีใครรอดพ้นไปได้ ดังนั้น ความตายก็คอตัว
ื
เปลียนแปลงชีวต มันจะกาจัดคนเก่ าออกไป(ตาย) เพือเปิ ดทางให้ คนใหม่ ได้ เข้ า
่ ิ ่
มา(เกิด) ตอนนีคนใหม่ กคอพวกคุณ แต่ ในไม่ ช้า พวกคุณก็จะค่ อยๆ แก่ และถูก
้ ็ ื
กาจัดออกไป(ตาย) นี่คอหลักความจริง”
ื
12. จอบส์ได้เตือนว่า “เวลาของคุณจึงมีจากัด และอย่ ายอมเสี ยเวลามีชีวตอยู่
ิ
ในชีวตของคนอืน จงอย่ ามีชีวตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอืน และอย่ ายอม
ิ ่ ิ ่
ให้ เสี ยงของคนอืนๆ มากลบเสี ยงทีอยู่ภายในตัวของคุณ และทีสาคัญทีสุดคือ คุณ
่ ่ ่ ่
จะต้ องมีความกล้ าทีจะก้ าวไปตามทีหัวใจคุณปรารถนาและสั ญชาตญาณของคุณ
่ ่
จะพาไป เพราะหัวใจและสั ญชาตญาณของคุณรู้ดว่า คุณต้ องการจะเป็ นอะไร”
ี
จอบส์ ถือปฏิบัติตามแบบเซน ที่มีวิถีแห่ งความเรี ยบง่ ายแต่ ล่ มลึก และเขา
ุ
มักอ้ างคาพูดของอาจารย์ เซนหลายๆท่ าน และหลักปรั ชญาเซน ในระหว่ างการ
แสดงสุนทรพจน์ ในที่ต่างๆ และจอบส์ ได้ เสี ยชี วิตด้ วยโรคมะเร็ งตับอ่ อนใน
วันที่ 5 ตุลาคม 2554 ในวัย 56 ปี
13. 9 บทเรียนทองของสตีฟ จอบส์
9 คาพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี ้ จะช่ วยให้ คุณทางานได้ สาเร็ จตามสไตล์ ซี
อีโอแสนล้ าน
1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “นวัตกรรมเป็ นสิ่ งที่ทาให้ เกิดความแตกต่ าง
ระหว่ างผู้นาและผู้ตาม”
นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจํากัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่
มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทํางานในภาคธุรกิจที่
กําลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทํางานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทําให้ลูกค้า
พึงพอใจ และอยากจะทําธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กําลังหดตัว ต้องรีบ
ออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค
ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจําไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้
ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้
2. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “จงเป็ นคนทีมีคุณภาพสู ง คนบางคนไม่ เคยชินกับ
่
การอยู่ในสภาพแวดล้ อมทีคาดหวังความเป็ นเลิศ”
่
ไม่มีหนทางลัดสู่ความเป็นเลิศ คุณจะต้องตั้งใจและให้ความสําคัญ ใช้
14. ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ที่มี พยายามทําให้มากกว่าคนอื่น มี
มาตรฐานสูงกว่า และใส่ใจในรายละเอียดที่ทําให้เกิดความแตกต่าง ความเป็น
เลิศไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องลงมือทําทันที แล้วคุณจะประหลาดใจในสิ่งดีๆที่
เกิดขึ้นในชีวิต
3. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “วิธีเดียวทีจะทางานให้ ได้ ผลดีเยียม คือ คุณต้ องรัก
่ ่
ในสิ่ งที่ทา ถ้ าคุณยังไม่ เจอสิ่ งทีรักในตอนนี้ จงมองหาไปเรื่อยๆ อย่ าด่ วนสรุป
่
เพราะมันเป็ นเรื่องของหัวใจ คุณจะรู้ได้ เอง เมื่อเจอสิ่ งทีรัก”
่
จงทําในสิงที่รัก มองหาอาชีพการงานที่ทําให้คุณมีจุดประสงค์ ทิศทาง
่
และความพึงพอใจในชีวิต เมื่อคุณมีเปฺาหมายและพยายามไปให้ถึง มันจะทําให้
ชีวิตของคุณมีความหมาย ทิศทาง และความพอใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้มสุขภาพดี
ี
และอายุยืนยาว แต่ยงจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญอุปสรรค
ั
4. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “คุณก็รู้ว่า อาหารส่ วนใหญ่ ที่เรากิน เราไม่ ได้ ผลิต
ด้ วยตัวเราเอง เราสวมใส่ เสื้อผ้ าทีคนอืนผลิต เราพูดภาษาทีคนอืนพัฒนาขึน เรา
่ ่ ่ ่ ้
ใช้ คณิตศาสตร์ ที่คนอืนค่ อยๆ ปรับปรุงมาเรื่อยๆ ผมหมายถึงว่ า เราเป็ นฝ่ ายรับ
่
อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น คงเป็ นความรู้สึกทีน่าปลาบปลืมอย่ างยิงทีเ่ ราสามารถ
่ ้ ่
สร้ างสรรค์ บางสิ่ งบางอย่ าง ที่เป็ นประโยชน์ ต่อมวลมนุษยชาติ”
15. จงใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรม พยายามทําให้เกิดความแตกต่างบนโลกใบนี้
และมีส่วนร่ วมให้ เกิดสิ่ งทีดงามยิงขึน คุณจะพบว่ า มันจะทาให้ ชีวตของคุณมี
่ ี ่ ้ ิ
ความหมายมากยิงขึน แถมยังเป็นยาแก้ความเบื่อหน่ายที่ได้ผลดีอีกด้วย ลองมอง
่ ้
ไปรอบๆตัว แล้วคุณจะพบว่า มีสิ่งต่างๆให้คุณทําอยู่เสมอ และจงพูดคุยกับผู้อื่น
ถึงสิ่งที่คุณกําลังทํา แต่อย่าพร่ําสอน หรือคิดว่าตัวเองถูกต้อง หรือหลงตัวเอง
เพราะจะทําให้คนอื่นไม่อยากคุยด้วย ขณะเดียวกัน คุณต้ องไม่ กลัวทีจะทาตน
่
เป็ นตัวอย่าง และใช้โอกาสที่มี บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณกําลังทํา
5. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “มีคาพูดในพุทธศาสนาว่ า จิตของผู้เริ่มต้ น มันเป็ น
สิ่ งมหัศจรรย์ อย่ างยิงทีทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้ น” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า
่ ่
มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทําให้เรา
ตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนําหลักการของ
เซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความ
ลําเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความ
อยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ
6. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “เราคิดว่ า โดยทั่วไปแล้ ว คุณดูโทรทัศน์ เพือพัก
่
สมอง และคุณใช้ คอมพิวเตอร์ เมื่อต้ องการให้ สมองทางาน”
16. ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานการศึกษาจํานวนมากที่ยืนยันหนักแน่นว่า
การดูทีวีส่งผลเสียด้านจิตใจและมีอิทธิพลด้านศีลธรรม และคนที่ติดทีวีส่วนมาก
แม้จะรู้ว่า มันทําให้ชินชาและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็ยังใช้เวลาส่วน
ใหญ่นั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ดังนั้น จงปิดทีวีซะ เพื่อถนอมเซลล์สมอง แต่ต้อง
ระวัง เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นการพักสมองได้เช่นกัน ลองเปลี่ยนมา
เล่นเกมที่พัฒนาสติปัญญาดีกว่า
7. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ผมสู ญเงินไป 250 ล้ านดอลลาร์ ภายใน 1 ปี มันทา
ให้ ผมรู้จกตนเองดีขน”
ั ึ้
อย่ามองว่า การทําผิดกับความผิดเป็นเรื่องเท่าเทียมกัน เพราะคนที่ประสบ
ความสําเร็จ โดยไม่เคยล้มเหลวหรือทําผิดเลยนั้น ไม่มีหรอก มีแต่คนที่ประสบ
ความสําเร็จ เคยทําผิดพลาดและรู้จักเปลียนแปลงแก้ไข เพื่อทําให้ถูกต้องในครัง
่ ้
ต่อไป พวกเขามองความผิดพลาดเป็ นเครื่องเตือนสติมากกว่ าความสิ้นหวัง การ
ไม่เคยทําผิดเลย แสดงว่า คนนั้นไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
8. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ในโลกนีไม่ เคยมีใครทีไม่ เคยทาผิดพลาด เราเกิด
้ ่
มาบนโลกใบนีแล้ วก็ได้ ทาสิ่ งผิดพลาดเช่ นกัน ไม่ ง้นแล้ ว เราจะเกิดมาทาไม”
้ ั
คุณรู้หรือไม่ว่า มีเรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่องที่ต้องทําให้สําเร็จในชีวิต และรู้
17. หรือไม่ว่า เรืองสําคัญเหล่านั้นจะถูกฝุูนจับ เมื่อคุณใช้เวลามัวแต่นั่งคิดมากกว่า
่
ลงมือทํา เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้ อมของขวัญชิ้นหนึ่งทีจะมอบให้ กบชีวตของ
่ ั ิ
เราเอง ของขวัญที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความสนใจ ความหลงใหล และ
ความอยากรู้อยากเห็น ของขวัญชิ้นนี้ แท้ จริงแล้ ว มันคือเป้ าหมายของเรานั่นเอง
และคุณตั้งเปฺาหมายของคุณได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น
หัวหน้างาน ครู พ่อแม่ นักบวช หรือเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อาจเลือกเปฺาหมายให้คุณได้
คุณต้องหาจุดมุ่งหมายด้วยตัวคุณเอง
9. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “เวลาของคุณมีจากัด จงอย่ าเสี ยเวลาใช้ ชีวตตาม
ิ
แบบคนอืน อย่ าติดอยู่ในหลักความเชื่อ ซึ่งทาให้ คุณใช้ ชีวตตามผลความคิดของ
่ ิ
ผู้อน อย่ ายอมให้ เสี ยงความคิดของคนอืน มากลบเสี ยงทีอยู่ภายในตัวของคุณ
ื่ ่ ่
และทีสาคัญทีสุด คือ คุณต้ องมีความกล้า ที่จะทาตามหัวใจปรารถนาและ
่
สั ญชาติญาณ เพราะมันรู้ดว่า จริงๆแล้ ว คุณต้ องการเป็ นอะไร เรื่องอืนๆ
ี ่
กลายเป็ นเรื่องรองไปโดยสิ้นเชิง”
คุณเบื่อหรือเปล่าต่อการใช้ชีวิตตามความฝันของคนอื่น ไม่ต้องสงสัยเลย
ก็มันเป็นชีวิตของคุณเอง คุณมีสิทธิใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องมี
ใครมาคอยขัดขวาง ลองให้โอกาสตัวเองฝึกความคิดริเริ่มในบรรยากาศที่
ปราศจากความกลัวและแรงกดดัน จงใช้ชีวิตตามแบบที่คุณเลือก และเป็น
เจ้านายตัวเอง