ปลากระเบน (อังกฤษ: Stingrays, Rays, อันดับใหญ่: Batoidea) หมายถึงปลากระดูกอ่อน
จำาพวกหนึ่งที่พบได้ทั้งนำ้าจืดสนิทนำ้ากร่อยและทะเลมีรูปร่างแบนราบ มีท่อนำ้าออก 1
คู่ อยู่ด้านหลังของหัวซึ่งทำาหน้าที่ให้นำ้าผ่านเข้าทางเพื่อไหลเวียนผ่านเหงือกเพ่อ
การหายใจซึ่งจะไม่ไหลเวียนผ่านปากซึ่งอยู่ด้านล่างลำาตัว เหมือนปลากระดูกอ่อน
หรือปลากระดูกแข็งจำาพวกอื่น หากินบริเวณพื้นนำ้า มีหลายวงศ์หลายสกุลขนาด
แตกต่างหลากหลายไปตามสกุลและชนิด กระจายไปตามเขตอบอุ่นทั่วโลก เช่น ใน
วงศ์ปลากระเบนหางสั้น (Potamotrygonidae) มีหางสั้น รูปร่างกลมคล้ายจานข้าว ใน
วงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae) รูปร่างค่อนข้างกลม จะงอยปากแหลม หางยาวคล้าย
แส้มีเงี่ยงพิษที่โคนหาง 1 - 2 ชิ้น ที่เมื่อหักไปแล้วสามารถงอกใหม่ได้ในวงศ์ปลากระ
เบนไฟฟ้า (Narcinidae และ Torpedinidae) พบในทะเล มี
ขนาดเล็กมีรูปร่างต่างไปจากกระเบนชนิดอื่น ๆและ
สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อป้องกันตัวและล่าเหยื่อได้ด้วย

        ปลากระเบนราหู เป็นปลากระเบนนำำาจืดที่มี
ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นปลากระเบนที่ใหญ่
เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากปลากระเบนแมนตาที่
พบได้ในทะเล จัดเป็นปลานำำาจืดไทยอีกชนิดหนึ่งที่
ใกล้จะสูญพันธุ์หากินโดยจับสัตว์เล็ก เช่น กุ้ง ปู ปลา
เป็นอาหาร
เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดกว้างกว่า 250 เซนติเมตร
และหนักกว่า 600 กิโลกรัมมีลักษณะลำาตัวเกือบเป็น
ทรงกลมใหญ่เหมือนราหูอมจันทร์ตามความเชื่อของ
คนโบราณจึงได้ชื่อว่าปลากระเบนราหู ปลายหัว
แหลม ขอบด้านหน้ามนกลมคล้ายใบโพด้านใต้ขอบลำาตัวมีแถบสีดำาตัดชัดเจน มี
หางเรียวยาวเหมือนแส้มีเงี่ยงแหลมที่โคนหาง 2 ชิน ซึ่งเมื่อหักแล้วสามารถงอก
                                                  ำ
ขึำนมาใหม่ได้กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่ม
หยาบ ๆ ด้านบนของปีกและตัวเป็นสี
เทาหรือนำำาตาลนวลหางสีคลำำา ด้าน
ล่างของตัวมีสีขาวนวล ที่ขอบปีกด้าน
ล่างเป็นด่างสีดำาตัวเมียมีขนาดใหญ่
กว่าตัวผู้ บางครัำงมีนำาหนักมากกว่าถึง
80 เท่าสันนิษฐานว่าที่ต้องมีขนาดตัว
ใหญ่ เพื่อมิให้ตกเป็นอาหารของนัก
ล่าชนิดต่าง ๆในแม่นำา
ปลากระเบนยักษ์นีำออกลูกเป็นตัวที่
อยู่อาศัยคือบริเวณที่พืำนเป็นโคลน
หรือทราย ใกล้ปากแม่นำาสายใหญ่ ๆ
อยู่ในเขตนำำาจืดถึงนำำากร่อยทั่วประเทศ
พบครัำงแรกในแม่นำาเจ้าพระยา เมื่อปี
2533 จัดเป็นปลานำำาจืดไทยอีกชนิด
หนึ่งที่ใกล้จะสูญพันธุ์[2]โดย
ศ.ดร.สุภาพ มงคลประสิทธิ์ อดีตคณบดีคณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และ ดร.ไทสัน โรเบิร์ตส์แห่งสถาบันกองทุนสัตว์ป่าโลก จึงได้ชื่อทาง
วิทยาศาสตร์ว่า HimanturachaophrayaMonkolprasit& Roberts.
Stingrays
Stingrays
Stingrays

Stingrays

  • 1.
    ปลากระเบน (อังกฤษ: Stingrays,Rays, อันดับใหญ่: Batoidea) หมายถึงปลากระดูกอ่อน จำาพวกหนึ่งที่พบได้ทั้งนำ้าจืดสนิทนำ้ากร่อยและทะเลมีรูปร่างแบนราบ มีท่อนำ้าออก 1 คู่ อยู่ด้านหลังของหัวซึ่งทำาหน้าที่ให้นำ้าผ่านเข้าทางเพื่อไหลเวียนผ่านเหงือกเพ่อ การหายใจซึ่งจะไม่ไหลเวียนผ่านปากซึ่งอยู่ด้านล่างลำาตัว เหมือนปลากระดูกอ่อน หรือปลากระดูกแข็งจำาพวกอื่น หากินบริเวณพื้นนำ้า มีหลายวงศ์หลายสกุลขนาด แตกต่างหลากหลายไปตามสกุลและชนิด กระจายไปตามเขตอบอุ่นทั่วโลก เช่น ใน วงศ์ปลากระเบนหางสั้น (Potamotrygonidae) มีหางสั้น รูปร่างกลมคล้ายจานข้าว ใน วงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae) รูปร่างค่อนข้างกลม จะงอยปากแหลม หางยาวคล้าย แส้มีเงี่ยงพิษที่โคนหาง 1 - 2 ชิ้น ที่เมื่อหักไปแล้วสามารถงอกใหม่ได้ในวงศ์ปลากระ เบนไฟฟ้า (Narcinidae และ Torpedinidae) พบในทะเล มี ขนาดเล็กมีรูปร่างต่างไปจากกระเบนชนิดอื่น ๆและ สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อป้องกันตัวและล่าเหยื่อได้ด้วย ปลากระเบนราหู เป็นปลากระเบนนำำาจืดที่มี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นปลากระเบนที่ใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากปลากระเบนแมนตาที่ พบได้ในทะเล จัดเป็นปลานำำาจืดไทยอีกชนิดหนึ่งที่ ใกล้จะสูญพันธุ์หากินโดยจับสัตว์เล็ก เช่น กุ้ง ปู ปลา เป็นอาหาร เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดกว้างกว่า 250 เซนติเมตร และหนักกว่า 600 กิโลกรัมมีลักษณะลำาตัวเกือบเป็น ทรงกลมใหญ่เหมือนราหูอมจันทร์ตามความเชื่อของ คนโบราณจึงได้ชื่อว่าปลากระเบนราหู ปลายหัว แหลม ขอบด้านหน้ามนกลมคล้ายใบโพด้านใต้ขอบลำาตัวมีแถบสีดำาตัดชัดเจน มี หางเรียวยาวเหมือนแส้มีเงี่ยงแหลมที่โคนหาง 2 ชิน ซึ่งเมื่อหักแล้วสามารถงอก ำ ขึำนมาใหม่ได้กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่ม หยาบ ๆ ด้านบนของปีกและตัวเป็นสี เทาหรือนำำาตาลนวลหางสีคลำำา ด้าน ล่างของตัวมีสีขาวนวล ที่ขอบปีกด้าน ล่างเป็นด่างสีดำาตัวเมียมีขนาดใหญ่ กว่าตัวผู้ บางครัำงมีนำาหนักมากกว่าถึง 80 เท่าสันนิษฐานว่าที่ต้องมีขนาดตัว ใหญ่ เพื่อมิให้ตกเป็นอาหารของนัก ล่าชนิดต่าง ๆในแม่นำา ปลากระเบนยักษ์นีำออกลูกเป็นตัวที่ อยู่อาศัยคือบริเวณที่พืำนเป็นโคลน หรือทราย ใกล้ปากแม่นำาสายใหญ่ ๆ อยู่ในเขตนำำาจืดถึงนำำากร่อยทั่วประเทศ พบครัำงแรกในแม่นำาเจ้าพระยา เมื่อปี 2533 จัดเป็นปลานำำาจืดไทยอีกชนิด หนึ่งที่ใกล้จะสูญพันธุ์[2]โดย
  • 2.
    ศ.ดร.สุภาพ มงคลประสิทธิ์ อดีตคณบดีคณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และดร.ไทสัน โรเบิร์ตส์แห่งสถาบันกองทุนสัตว์ป่าโลก จึงได้ชื่อทาง วิทยาศาสตร์ว่า HimanturachaophrayaMonkolprasit& Roberts.