More Related Content
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร (20)
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร
- 1. โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร
โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร
บทคัดย่อ
โครงงานการพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger เรื่อง นี้ ซอฟต์แวร์
คอมพิวเตอร์ จัดทาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนาเอาความรู้ความเข้าใจไปใช้ในการเรียน ทั้งนี้ได้
ทางการศึกษาค้นคว้าเนื้อหาความรู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ หมายถึง
ชุดคาสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นลาดับขั้นตอน ของการทางาน ชุดคาสั่งเหล่านี้ได้จัดเตรียมไว้
ในหน่วยความจาของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์อ่านชุดคาสั่งแล้วทางานตาม ซอฟต์แวร์จึงเป็น
สิ่งที่มนุษย์จัดทาขึ้น และคอมพิวเตอร์จะทางานตามคุณลักษณะของซอฟต์แวร์ที่วางไว้แล้ว
เท่านั้น
บทที่ 1
บทนา
ที่มา และความสาคัญ
- 2. ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อ
ทุกวงการทั่วโลก รวมทั้งวงการศึกษาไทยด้วย และผลพวงที่ติดตามมาในแง่เทคนิควิธีการเกี่ยวกับ
กระบวนการเรียนรู้คือแนวโน้มในการเรียนรู้แบบโต้ตอบสองทาง (Interactive) ที่กาลังก้าวเข้ามาแทนที่กระบวนการ
เรียนรู้แบบเดิม ที่ผู้รับได้แต่ “รับเอา” โดยไม่อาจ “เลือก” แต่อย่างใด จากแนวคิดดังกล่าว ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างหันมา
ให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนในทุกระดับ มีการใช้เครื่อง
คอมพิวเตอร์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ผู้เรียนรุ่นใหม่จะเป็นผู้เรียนที่มีความคิดรักการเรียนรู้ มีหลักในการศึกษาค้นคว้า
อย่างเป็นระบบมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มีความรู้ทักษะที่จาเป็นในการแสวงหา
ความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น จึงเป็นที่ยอมรับว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กลายเป็นปัจจัยที่สาคัญในการพัฒนาประเทศการจัด
การศึกษาจึงต้องมีการปรับตัวในการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการ
จัดการเรียนการสอนนั้น ได้มีข้อกาหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ว่า รัฐต้องส่งเสริมและ
สนับสนุนให้มีการผลิตสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตและผู้ใช้ให้มีความรู้
ความสามารถ มีทักษะตลอดจนผู้เรียนให้มีสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยี
เพื่อการศึกษา ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ดังนั้นเพื่อให้เป็นบทเรียนที่เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็น
สาคัญ ขณะเดียวกันผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบทีมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการ
เรียนรู้ และยังสามารถเป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเรื่องอื่นๆ
ต่อไป
วัตถุประสงค์
1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วยWord pressเรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ได้
2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
3 เพื่อศึกษาให้เข้าใจกับซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
ขอบเขตของโครงงาน
1. จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วย Word pressเรื่อง ซอฟต์แวร์นาเสนอ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1 ได้รับความรู้เกี่ยวกับพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วย Word pressเรื่องซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
2 ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นามาเป็นบทเรียนในการสร้างเว็บบล็อกคือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
3 ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
- 3. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
1 ความหมายของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ส่วนที่ทาหน้าที่เป็นคาสั่งที่ใช้ควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ
อาจเรียกว่า “ โปรแกรม ” ก็ได้ซึ่งหมายถึงคาสั่งหรือชุดคาสั่ง สามารถใช้เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทางาน เราต้องการให้
เครื่องคอมพิวเตอร์ทาอะไรก็เขียนเป็นคาสั่งที่จะต้องสั่งเป็นขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนต้องทาอย่างละเอียดและครบถ้วนก็
จะเรียกว่า นักเขียนโปรแกรม (Programmer) สาหรับการเขียนโปรแกรมดังกล่าวใช้ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม
โดยเฉพาะ หรือหมายถึง ภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้เช่น ภาษาเบสิก ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล เป็นต้น
โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาก็จะนาไปใช้ในงานเฉพาะอย่าง เช่น โปรแกรมสต็อกสินค้าคงคลัง โปรแกรมคานวณภาษี โปรแกรม
คิดเงินเดือนพนักงาน เป็นต้น
ประเภทของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์จะแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟต์แวร์
ประยุกต์( Application Softwaer) ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software)
หมายถึง โปรแรกมที่มีหน้าที่ควบคุมการทางานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่างและอานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
แบ่งออกเป็นโปรแกรมตามหน้าที่การทางานดังนี้
1.1 OS (Operating System)
คือ โปรแกรมระบบที่ทาหน้าที่ควบคุมการใช้งานส่วนต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ควบคุมหน่วยความจา ควบคุม
หน่วยประมวลผล ควบคุมหน่วยรับและควบคุมหน่วยแสดงผล ตลอดจนแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพในการทางาน
สูงที่สุด และสามารถใช้อุปกรณ์ทุกสาวนของคอมพิวเตอร์และช่วยจัดการกระบวนการพื้นฐานที่สาคัญ ๆ ภายในเครื่อง
คอมพิวเตอร์ เช่นการเปิด หรือปิดไฟล์การสื่อสารกันระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่อง การส่งข้อมูลออกสู่เครื่องพิมพ์
หรือสู่จอภาพ เป็นต้น ก่อนที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะสามารถอ่านไฟล์ต่าง ๆ หรือสามารถใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้จะต้อง
ผ่านการดึงระบบปฏิบัติการออกมาฝังตัวอยู่ในหน่วยความจาก่อน ปัจจุบันนี้มีโปรแกรมระบบบอยู่หลายตัวด้วยกันซึ่งแต่ละ
ตัวนั้นก็เป็นโปรแกรมระบบปฏิบัติการเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ลักษณะการทางานจะไม่เหมือนกัน
ดังนี้ DOS (Disk operating System) เป็น
ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่ในอดีตออกมาพร้อมกับเครื่องพีซีของไอบีเอ็มรุ่นแรก ๆ จากนั้นก็มีการพัฒนารุ่นใหม่
ออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเวอร์ชั่นสุดท้ายคือ เวอร์ชั่น 6.22 หลังจากที่มีการประกาศใช้วินโดวส์ 95 ก็คงจะไม่
ผลิต DOS เวอร์ชชั่นใหม่ออกมาแล้ว โดยทั่วไปจะนิยมใช้วินโดวส์ 3. x ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมเสริมชนิดหนึ่งที่ใช้ใน
ดอส
UNIX เป็นระบบ OS ที่สามารถใช้ร่วมกันได้หลายคน (Multiuser) หรือเป็นระบบปฏิบัติการแบบ
เครือข่าย โดยที่ผู้ใช้แต่ละคนจะต้องมีชื่อและพาสเวิร์ดส่วนตัว และสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ทั่วโลก โดยผ่านทาง
สายโทรศัพท์และมี Modem เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลหรือโอนย้ายข้อมูล นิยมใช้อย่างแพร่หลายในมหาวิทยาลัย
หน่วยงานรัฐบาล หรือบริษัทเอกชนที่มีระบบคอมพิวเตอร์ใหญ่ ๆ ใช้ในระบบยูนิกซ์เองก็มีวินโดวส์อีกชนิดหนึ่งใช้
เรียกว่า X Windows สาหรับผู้ที่ต้องการใช้ระบบยูนิกซ์ในเครื่องพีซีที่บ้านก็มีเวอร์ชั่นสาหรับพีซี
เรียกว่า Linux ซึ่งจะมีคาสั่งพื้นฐานคล้าย ๆ กับระบบยูนิกซ์
- 4. LAN เป็นระบบปฏิบัติการแบบเครือข่ายเช่นเดียวกัน แต่จะใช้เชื่อมโยงกันใกล้ๆ เช่น ในอาคารเดียวกัน
หรือระหว่างอาคารที่อยู่ใกล้กัน โดยใช้สาย Lan เป็นตัวเชื่อมโยง
WINDOWS เป็นระบบปฏิบัติการที่กาลังนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาถึง
รุ่น Windows 2000 แล้ว บริษัทไมโครซอฟต์ได้เริ่มประกาศใช้ MS Windows 95 ครั้งแรกเมื่อ 24 สิงหาคม
ค.ศ.1995 โดยมีความคิดที่ว่าจะออกมาแทน MS-DOS และ วินโดวส์ 3. X ที่ใช้ร่วมกันอยู่ลักษณะของวินโดวส์ 95
จึงคล้ายกับเป็นระบบโอเอสที่มีทั้งดอสและวินโดวส์อยู่ในตัวเดียวกัน แต่เป็นวินโดวส์ที่มีลักษณะพิเศษกว่าวินโดวส์เดิม
เช่น มีคุณสมบัติเป็น Plug and playซึ่งสามารถจะรู้จักฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องได้โดยอัตโนมัติ มีลักษณะ
เป็นระบบ 32 บิต ในขณะที่วินโดวส์ เดิมเป็นระบบ 16 บิต เป็นต้น บริษัทไมโครซอฟต์ไม่ได้หยุดเพียงแค่วินโดวส์ 95 แต่
ได้มีการพัฒนาเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ เข้าไป ในที่สุดก็ออกระบบโอเอสตัวถัดมาเป็น MS Windows 98 และ MS
Windows 2000 ตามลาดับโดยที่มีการติดตั้ง และการใช้งานที่มีพื้นฐานไม่แตกต่างกันมากนัก จึงง่ายสาหรับผู้ใช้ในการ
ปรับตัวเข้ากับระบบโอดอสใหม่ ๆ
Windows NT เป็นระบบ OS ที่ผลิตจากบริษัทไมโครซอฟต์เข่นเดียวกัน เป็นระบบ 32 บิต มีรูปลักษณ์
เป็นกราฟิกที่ต้องใช้เมาส์กล้ายกับวินโดวส์ทั่วไป แต่นิยมใช้ในระบบเวิร์กสเตชันมากกว่าในเครื่องพีซีทั่ว ไป
OS/2 เป็นระบบ OS ที่ผลิตออกมาจากบริษัท IBM เป็นระบบ 32 บิต ที่มีรูปลักษณ์เป็นกราฟฟิกที่ต้องใช้
เมาส์ คล้ายกับวินโดวส์ทั่วไปเช่นกัน
1.2 Translation Program คือโปรแกรมที่ทาหน้าที่ในการแปลโปรแกรมหรือชุดคาสั่งที่เขียนด้วย
ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาเครื่อง หรือภาษาเครื่องที่ไม่เข้าใจให้เป็นภาษาที่เครื่องสามารถรู้เรื่องเข้าใจ และนาไปปฏิบัติได้เช่น
ภาษา BASIC ,COBOL,C, PASCAL, FORTRAN, ASSEMBLY เป็นต้น สาหรับตัวแปลนั้น
จะมี 3 แบบคือ
Assembler เป็นโปแกรมที่ใช้แปลภาษาแอสแซมบลี ซึ่งมีลักษณะการแปลทีละคาสั่ง เมื่อทาตามคาสั่งนั้น
เสร็จแล้ว ก็จะแปลคาสั่งถัดไปเรื่อย ๆ จนจบ
Interpreter เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาเบสิก โดยจะแปลทีละคาสั่งแล้วทาตามคาสั่งนั้น แล้วแปลต่อไป
เรื่อย ๆ จนจบโปรแกรม
Compiler เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ซึ่งจะแปลทั้งโปรแกรมให้เสร็จก่อน
จากนั้นจึงจะปฏิบัติตามคาสั่งทีละคาสั่ง
1.3 Utility Program คือ โปรแกรมระบบที่ทาหน้าที่ในการอานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ ให้สามารถทางานได้สะดวก รวดเร็วและง่ายขึ้น เช่น โปรแกรมที่ใช้ในการเรียงลาดับข้อมูล โปรแกรม
โอนย้ายข้อมูลจากชนิดหนึ่งไปยังอักชนิดหนึ่ง โปรแกรมรวบรวมข้อมูล 2 ชุดเข้าด้วยกัน โปรแกรมคัดลอกข้อมูลเป็นต้น
1.4 Diagnostic Program คือ โปรแกรมระบบที่ทาหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาดใน การทางานของ
อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ โปแกรม QAPLUS โปรแกรม NORTON เป็นต้น และเมื่อพบ
ข้อผิดพลาดก็จะแจ้งขึ้นบนจอภาพให้ทราบ
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์(Application Software)
หมายถึง โปรแกรมที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นผู้เขียนมาใช้งานเอง เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทางานอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่
ต้องการ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
- 5. 2.1 User Program คือ โปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนมาใช้เอง โดยใช้ภาษาระดับต่าง ๆ ทาง
คอมพิวเตอร์ เช่น ภาษา BSDIC , COBOL , PSDCSL , C , ASSEMBLY FORTRAN ฯลฯ
ซึ่งการที่จะเลือกใช้ภาษาใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของงานเหล่านั้นด้วย เช่น โปรแกรมระบบบัญชี, โปแกรม
ควบคุมสต็อกสินค้า, โปแกรมแฟ้มทะเบียนประวัติ โปรแกรมคานวณภาษี,โปรแกรมคิดเงินเดือน เป็นต้น
2.2 Package Program คือ โปรแกรมสาเร็จรูปซึ่งเป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างหรือเขียนขึ้นมา
โดยบริษัทต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะนาไปใช้งานต่าง ๆ ได้ทันทีตัวอย่างเช่น
Word Processor โปรแกรมที่ช่วยในการทาเอกสาร พิมพ์งานต่าง ๆ เช่น เวิร์ดจุฬา, เวิร์ดราชวิถี, Microsoft
Word, WordPerfect, AmiPro เป็นต้น
Spreadsheet โปรแกรมที่ใช้ในการคานวณข้อมูล มีลักษณะเป็นตาราง เช่น Lotus 1-2-3, Microsoft
Excel เป็นต้น
Database โปรแกรมที่ใช้ในการทางานทางด้านฐานข้อมูลจะใช้เก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่ และมีข้อมูล
เป็นจานวนมาก เช่น dBASE lll Plis, Foxbase, Microsoft Access, foxpro, Visual
Foxpro เป็นต้น
โปรแกรมที่ใช้ในการทางานทางด้านการสร้างรูปภาพและกราฟฟิกต่าง ๆ รวมทั้งงานทางด้านสิ่งพิมพ์การทาโบร
ชัวร์ แผ่นพับ นามบัตร เช่น CorelDraw, Photoshop, Harvard Graphic, Freelance Graphic,
PowerPoint, PageMakerเป็นต้น
จากข้างต้นเป็นตัวอย่างของ Package Program ที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบัน ที่จริงแล้ว Package
Program สามารถแบ่งออกได้เป็น 9 ประเภทด้วยกัน สาหรับรายละเอียดของโปรแกรมแต่ละประเภทนั้น มีรายละเอียด
ดังนี้
1. โปรแกรมทางด้าน Word Processor
โปรแกรมทางด้าน Word Processor นั้น เป็นโปรแกรมที่ทางานเกี่ยวกับทางด้านการประมวลผลคา
สามารถจัดทาเอกสาร รายงาน จดหมาย หนังสือต่าง ๆ ได้ทาให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ สวยงาม เนื่องจากสามารถ
จัดรูปแบบงานตามต้องการได้รวมทั้งยังแก้ไขงานที่ทาได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการแก้ไขงาน และสามารถ
ค้นหาข้อความต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
โปรแกรมที่จัดอยู่ในกลุ่ม Word Processor มีดังนี้ คือ WordStat, ราชวิถีเวิร์ด เวิร์ดจุฬา โปรแกรม
เหล่านี้จะเป็นโปรแกรมที่ทางานบน Dos นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมที่ทางานบนวินโดวส์อีกด้วย คือ Word
Perfect, Microsoft Wordและ AmiPro โปรแกรมเหล่านี้จะใช้งานง่าย สะดวก สามารถจัดรูปแบบต่าง ๆ
ได้ตามต้องการ รวมทั้งสามารถนาภาพมาประกอบกับงานเอกสาร หรือนาเอกสารจากโปรแกรมอื่นมาจัดรูปแบบใน
โปรแกรมเหล่านี้ก็ได้
2. โปรแกรมทางด้าน Spreadsheet
โปรแกรมทางด้าน Spreadsheet เป็นโปรแกรมที่มีลักษณะเป็นกระดาษทาการขนาดใหญ่ หรือ
เรียกว่า Worksheetประกอบด้วยส่วนที่เป็น Row หรือแถวตามแนวนอนและส่วนที่เป็น Column หรือแถวตาม
แนวตั่ง ซึ่งใช้ในด้านการคานวณเป็นส่วนมาก นอกจากนั้นยังมีการนาเสนอข้อมูลออกมาในรูปของกราฟโดยสร้างเป็น
กราฟ 2 มิติและ 3 มิติได้อีกด้วย โปรแกรม Spreadsheet เหมาะกับการทางานในด้านการบัญชี การเงิน การวิเคราะห์
- 6. ข้อมูล หรืองานการคิดคะแนนและเกรดของนักศึกษา เป็นต้น สาหรับโปแกรมที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ โปรแกรม Lotus ซึ่ง
มีทั้งที่ทางานบน Dosและบน Windows, โปรแกรม Microsoft Excel โปรแกรมเหล่านี้สามารถจัดรูปแบบ
ตัวอักษรและกาหนดขนาดตัวอักษร รวมทั้งสามารถตีกรอบ สร้างตารางระบายสีลงในเซลล์ต่าง ๆ ได้นอกจากนั้นยัง
สามารถนารูปกราที่สร้างไว้มารวมกับข้อมูลที่อยู่ใน Worksheet เดียวกันได้ทาให้ได้งานที่สมบูรณ์ขึ้น
3. โปรแกรมทางด้าน Database
โปรแกรมประเภทนี้เป็นโปรแกรมที่ทางานทางด้านการจัดการฐานข้อมูล ช่วยจัดเก็บข้อมูล แก้ไข ค้นหา เพิ่มเติม
รวมทั้งการจัดเรียงข้อมูล ทาให้ผู้ใช้สะดวกรวดเร็วสามารถทางานได้เป็นระบบ โปรแกรม Database เหมาะกับการ
ทางานที่มีข้อมูลมาก ๆ เช่น การเก็บสต็อกสินค้าคงคลัง การเก็บประวัติพนักงาน การเก็บรายชื่อนักศึกษาในโรงเรียน การ
เก็บรายชื่อหนังสือในห้องสมุด เป็นต้น
โปรแกรมที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ โปรแกรม dBase lll Plus ซึ่งทางานบน Dos โปรแกรม Foxpro ซึ่งมี
หน้าที่ทางานบน Dos และบน Windows, โปรแกรม Microsoft Access และในปัจจุบันมี
โปรแกรม Visual Foxpro ซึ่งเป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่ทางานบน Windows เช่นกัน
4. โปรแกรมทางด้าน Graphic
โปรแกรม Graphic ส่วนมากแล้วจะเกี่ยวกับทางด้านงานออกแบบ เขียนแบบวาดภาพ จัดทาสิ่งพิมพ์และจะเป็น
ทางด้านการนาเสนองาน สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในงานโฆษณา ทา Slide Show หรือนาไปใช้กับ
ระบบ Multimediaได้ปัจจุบันโปรแกรมกลุ่มนี้เป็นที่นิยมมาก
สาหรับโปรแกรมที่ทางานทางด้าน Graphic นั้น มีอยู่หลายโปรแกรมและแต่ละโปรแกรมนั้น ส่วนใหญ่จะ
ทางานคล้ายกัน แต่มีบางคาสั่งที่แตกต่างกันไปดังนี้
CorelDraw และ Photoshop จะทาเกี่ยวกับงานออกแบบ วาดภาพ จัดทา สิ่งพิมพ์ตกแต่งภาพให้สวยงาม เหมาะ
กับงานทางด้านโฆษณา
Harvard Graphic, Freelance Graphic และ PowerPoint เหมาะกับงานที่ต้องการนาเสนอ หรือ
แสดงออกโดยการสร้างSlide Show สามารถนาภาพและเสียงมาประกอบกับงานได้ทาให้ได้ Presentation ที่
สวยงามออกมา
PageMaker เหมาะกับงานประเภทสิ่งพิมพ์ใช้สร้างโบรชัวร์ แผ่นพับ ใบปลิว นามบัตร และการทาหนังสือ โปรแกรม
ที่นิยมใช้กับโรงพิมพ์มาก
5. โปรแกรมเกม ( Game)
เป็นโปรแกรมที่แพร่หลายเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ และปัจจุบันนี้มีโปรแกรมเกมต่าง ๆ
มากมาย ทั้งแบบธรรมดาและแบบ 3 มิติ ซึ่งที่จริงแล้วโปรแกรมเกมส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยผ่อนคลายความตึง
เครียดในการทางานแต่ละส่วนใหญ่แล้วจะพบว่าเด็กจะเล่น เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินมากกว่า ผู้ใหญ่ควรควบคุมเกม
ที่เด็ก ๆเล่นด้วย เพราะบางเกมเป็นลักษณะของการต่อสู้ เพื่อให้เกิดชัยชนะ ซึ่งจะทาให้เด็กสร้างนิสัยผิด ๆ กลายเป็นเด็กที่
ชอบเอาชนะคนอื่นชอบการต่อสู้และอาจเป็นคนดุร้าย เห็นแก่ตัวได้
6. โปรแกรมทางด้านการสร้างสถานการณ์จาลอง
- 7. เป็นโปรแกรมที่ให้ผู้เล่นได้ทดลองสร้างสถานการณ์จาลองของงานที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรืออาจจะเรียกว่า เกมส์ทาง
ธุรกิจ โดยให้ผู้เล่นได้รู้จักวางแผนในการทางาน คิดถึงผลกาไรขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นได้รู้จักจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ให้
ได้ผลกาไรมากที่สุด
7. โปรแกรมทางด้านการติดต่อสื่อสารเป็นโปรแกรมที่มักนิยมใช้ตามสานักงานต่างๆทั้งของรัฐและเอกชนในการนัดหมาย
ประชุม การทาจดหมายเวียนไปตามฝ่ายต่างๆ โดยการเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์แทนที่จะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ เพื่อ
แจ้งให้พนักงานทราบ ข้อดีของโปรแกรมชนิดนี้คือ ทาให้ประหยัดกระดาษลงไปได้มาก
8. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
โปรแกรมประเภทนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า CAI (Computer Assisted Instruction) เป็นโปรแกรมที่นามา
สอนให้กับนักเรียนในวิชาต่าง ๆ โดยที่นักเรียนจะเรียนกับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์และครูเป็นผู้ชีแนะ ทดสอบ และวัด
ความเข้าใจ รวมทั้งสรุปเนื้อหาที่นักเรียนได้เรียนจากโปรแกรม CAI นี้ ปัจจุบันโปรแกรมประเภทนี้เริ่มนาเข้ามาใช้ใน
โรงเรียนแพร่หลายมากขึ้น เพราะทุกโรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการสอนของครูวีหนึ่ง ที่ทาให้
นักเรียนไม่รู้สึกเบื่อ และสนใจการเรียนมากขึ้นด้วย
บทที่ 3
วิธีดาเนินงานโครงงาน
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วยWordPress เรื่องซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ นี้
ผู้จัดทาโครงงานมีวิธีดาเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการพัฒนา
3.1.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ http://www.wordpress.com
3.1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น http://www.facebook.com http://www.ckw.ac.th/krunee
3.2 ขั้นตอนการดาเนินงาน
3.2.1 คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
3.2.2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือเรื่องซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด
และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทาเนื้อหาต่อไป
3.2.3 ศึกษาการสร้างเว็บบล็อกที่สร้างจากเว็บไซต์ WordPress จากเอกสารที่ครูประจาวิชากาหนด และจากเว็บไซต์
ต่างๆ ที่นาเสนอเทคนิค วิธีการสร้างเว็บบล็อก
3.2.4 จัดทาโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา
3.2.5 ปฏิบัติการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog)ด้วย WordPress เรื่องแท็บเล็ต
โดยการสมัครสมาชิก และสร้างบทเรียนที่สนใจตามแบบเสนอโครงร่างที่เสนอไว้แล้ว
3.2.6 นาเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาโครงงานเข้าไปตรวจความก้าวหน้าของ
โครงงานผ่านเว็บไซต์ http://www.ckw.ac.th/krunee ซึ่งครูที่ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้จัดทาเนื้อหาและ
การนาเสนอที่น่าสนใจต่อไป ทั้งนี้เมื่อได้รับคาแนะนาก็จะนามาปรับปรุง แก้ไขให้เป็นที่สนใจยิ่งขึ้น
3.2.7 จัดทาเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ โดยนาเสนอในรูปแบบไฟล์คอมพิวเตอร์และนาฝากข้อมูลไฟล์
- 8. 3.2.8 ประเมินผลงาน โดยการนาเสนอผ่านเว็บบล็อก ที่ชื่อ ด.ช.พัฒนพงษ์วรรณรัตน์ เลขที่5 ม.3/2 แล้วให้ครูที่
ปรึกษาประเมินผลงาน และให้เพื่อนๆ ผู้สนใจเข้าร่วมประเมิน โดยการสร้างกล่อง Like Box เพื่อให้คลิก Like และคอม
เมนท์ในหน้าเว็บบล็อก
3.2.9 นาเสนอผ่านเว็บบล็อก ที่ชื่อ ด.ช.พัฒนพงษ์วรรณรัตน์ เลขที่5 ม.3/2เพื่อให้ผู้สนใจศึกษาหาความรู้ต่อไ
บทที่ 4
ผลการดาเนินงานโครงงาน
การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก
(WebBlog)ด้วย WordPress เรื่อง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเว็บบล็อก
(WebBlog) ด้วย WordPress เพื่อให้ผู้จัดทาโครงงานสามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้
ของตนเองมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจทั่วไป ซึ่งมีผลการดาเนินงาน
โครงงาน ดังนี้
การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย WordPress เรื่องแท็บเล็ต นี้ ผู้จัดทาได้เริ่มดาเนินงานตาม
4.1 ผลการพัฒนาเว็บบล็อก
ขั้นตอนการดาเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว แล้วได้สมัครเป็นสมาชิกเว็บบล็อกที่
ชื่อ http://www.wordpress.com จากนั้นได้นาเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยได้นาเผยแพร่ที่เว็บบล็อกชื่อ ด.ช.พัฒนพงษ์วรรณรัตน์
ทั้งนี้เว็บบล็อกดังกล่าว สามารถจัดการและเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งครูที่ปรึกษา เพื่อนๆในห้องเรียน
ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ โดยแสดงความเห็นในเนื้อหาและรูปแบบของการนาเสนออย่างหลากหลาย ซึ่งทา
ให้เกิดการเรียนรู้และเป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์อย่างหลากหลายและรวดเร็ว
บทที่ 5
สรุปผลการดาเนินงาน และข้อเสนอแนะ
การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วยWordPress เรื่องแท็บเล็ต นี้
สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้
5.1 การดาเนินงานจัดทาโครงงาน
5.1.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน
5.1.1.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วยWordPress เรื่องแท็บเล็ต
5.1.1.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับแท็บเล็ต
- 9. 5.1.1.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อกจากWordPress ได้ด้วยตนเองและ
นามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น
5.1.1.4 เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจทั่วไป
5.2.2 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการพัฒนา
5.2.1.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
5.2.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ http://www.wordpress.com
5.2.1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
เช่น http://www.facebook.com http://www.ckw.ac.th/krunee
5.2 สรุปผลการดาเนินงานโครงงาน
ขั้นตอนการดาเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว แล้วได้สมัครเป็นสมาชิกเว็บบล็อกที่
ชื่อ http://www.wordpress.com จากนั้นได้นาเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยได้นาเผยแพร่ที่เว็บบล็อกชื่อ ด.ช.พัฒนพงษ์วรรณรัตน์ เลขที่5 ม.3/2
ทั้งนี้เว็บบล็อกดังกล่าว สามารถจัดการและเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งครูที่ปรึกษา เพื่อนๆในห้องเรียน
ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ โดยแสดงความเห็นในเนื้อหาและรูปแบบของการนาเสนออย่างหลากหลาย ซึ่งทา
ให้เกิดการเรียนรู้และเป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์อย่างหลากหลายและรวดเร็ว
5.3 ข้อเสนอแนะ
5.3.1 ข้อเสนอแนะทั่วไป
5.3.1.1 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ WordPress เป็นเว็บบล็อกสาเร็จรูปที่ใช้ทา
เว็บไซต์ได้ง่าย และรวดเร็ว แต่ถ้าเราใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม ก็จะส่งผลต่อการละเมิดลิขสิทธิ์และ
ได้รับความรู้ที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นผู้จัดทาควรเผยแพร่สิ่งที่ดี ๆ ให้บุคคลที่เข้ามาเยี่ยมหรือศึกษาได้ความรู้และสิ่งดี ๆ นา
ไปเผยแพร่ต่อให้ผู้อื่นมาศึกษาความรู้ ที่เป็นประโยชน์ต่อไป
5.3.1.2 ควรมีการจัดทาเนื้อหาของโครงงานให้หลากหลายให้ครบทุกกลุ่มสาระ การเรียนรู้
5.3.1.3 ควรมีการจัดทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเพิ่มเติม
5.3.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนา
5.3.2.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอกับการทาโครงงาน และบางครั้งอินเทอร์เน็ตมีปัญหา เข้าพร้อมกัน
ก็จะทาให้ช้า จึงทาให้การพัฒนาเว็บบล็อกเกิดความล่าช้าตามไปด้วย
5.3.2.2 เพื่อนนักเรียนบางคนเรียนรู้การพัฒนาเว็บบล็อกค่อนข้างช้า ทาให้ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้ เพราะ
ครูผู้สอนไม่สามารถสอนเนื้อหาเพิ่มเติมได้
บรรณานุกรม
สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558 แหล่งข้อมูลจาก
แหล่งข้อมูลจาก