More Related Content
Similar to การปฏิวัติประเทศจีน.
Similar to การปฏิวัติประเทศจีน. (6)
การปฏิวัติประเทศจีน.
- 2. สารบัญ
• กำรปฏิวัติของประเทศจีนครั้งแรก
• สำเหตุกำรปฏิวัติครั้งแรกของจีน
• สำเหตุที่ ๑
• สำเหตุที่ ๒
• สำเหตุที่ ๓
• ลัทธิไตรรำษฎร์
• ลัทธิที่ ๑
• ลัทธิที่ ๒
• ลัทธิที่ ๓
ผลของกำรปฏิวัติครั้งแรก
ผลกระทบของกำรปฏิวัติจีนครั้งแรกต่อโลก
กำรปฏิวัติของประเทศจีนครั้งที่ ๒
กำรปฏิวัติของจีนครั้งที่ ๒
สำเหตุกำรปฏิวัติครั้งที่ ๒ ของจีน
ควำมสำเร็จของกำรปฏิวัติของจีนครั้งที่ ๒
ผลกระทบของกำรปฏิวัติจีนครั้งแรก
บรรณำนุกรม
- 3. กำรปฏิวัติของประเทศจีนครั้งแรก
กำรปฏิวัติจีนครั้งแรก เกิดในปี ค.ศ. ๑๙๑๑ เป็นกำรโค่นล้มอำนำจกำรปกครองของรำชวงศ์ชิง
รำชวงศ์สุดท้ำยที่ปกครองจีน และสถำปนำสำธำรณรัฐจีน
กำรปฏิวัตินี้ได้ชื่อว่ำซินไฮ่เพรำะมีขึ้นใน ค.ศ. ๑๙๑๑ ซึ่งตรงกับอักษรซินไฮ่ในแผนภูมิสวรรค์ใน
ปฏิทินจีน โดยกำรนำของ ดร.ชุน ยัดเซน หัวหน้ำพรรคก๊ก มิน ตั๋ง เป็นผลทำให้จีนเปลี่ยนแปลงกำรปกครองเข้ำ
สู่ระบอบประชำธิปไตยในที่สุด
- 5. สำเหตุที่ ๑ : สงครำมจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่๑
หลังกำรปฏิรูปเมจิในญี่ปุ่นช่วงปลำยศตวรรษที่ ๑๙ ญี่ปุ่นเริ่มขยำยอำนำจออกนอกประเทศ โดยมี
เป้ำหมำยที่แผ่นดินจีนอันกว้ำงใหญ่ ด้วยกำรนำกองทัพบุกยึดครองเกำหลีซึ่งเป็น ประเทศรำชของจีนเพื่อหวัง
เป็นเส้นทำงเข้ำสู่จีน
ปี พ.ศ. ๒๔๓๗ (ค.ศ. ๑๘๙๔) รัชศกกวงซี่ ปีที่ ๒๐ เกำหลีเกิดจลำจลกลุ่มภูมิปัญญำตะวันออก(ตงเส
วียตั่ง) ขึ้น จึงร้องขอให้จีนช่วยเหลือ จีนส่งกองทัพไปตำมคำขอ ส่วนญี่ปุ่นส่งกองทัพเรือไปยึดครองเกำหลีและ
โจมตีทหำรจีนอันเป็นกำรประกำศสงครำมอย่ำงเป็นทำงกำร กองทหำรชิงพ่ำยแพ้ ญี่ปุ่นยังรุกต่อเนื่องทำให้รำช
สำนักชิงหวั่นเกรงควำมเข้มแข็งของกองทัพญี่ปุ่น จึงรีบขอเจรจำสงบศึกก่อน
- 6. สงครำมจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่1 (ต่อ)
ในปีค.ศ. ๑๘๙๕ จึงทำสนธิสัญญำ ชิโมโนเซกิ ระหว่ำงขุนนำงหลี่หงจำง กับ ผู้นำญี่ปุ่นชื่อ นำยอิโต อิโรบูมิ
ควำมสูญเสียของจีนคือ ยกเกำหลี ไต้หวัน คำบสมุทรเหลียวตง ให้ญี่ปุ่น ใช้เงินค่ำปฏิกรรมสงครำมนับสองร้อยล้ำน
ตำลึง อนุญำตให้ตั้งโรงงำนตำมเมืองท่ำของจีนได้
ผลจำกสนธิสัญญำนี้บำงส่วนไปกระทบต่อควำมมั่นคงของรัสเซียซึ่งมีดินแดนบำงส่วนติดกับจีนที่บริเวณ
คำบสมุทรเหลียวตง รัสเซียร่วมกับฝรั่งเศส เยอรมัน ทำกำรคัดค้ำนกำรยึดครองดินแดนผืนนั้นอย่ำงหนักหน่วง ญี่ปุ่น
จำใจคืนคำบสมุทรเหลียวตงให้จีน โดยแลกกับเงินแท่งหลำยล้ำนตำลึง กำรต้องใช้จ่ำยเงินจำนวนสูงมำกในหลำย
กรณีโดยรำชสำนักชิง ทำให้ประชำชนเดือดร้อนหนักจำกกำรรีดภำษี ควำมยำกแค้นแผ่ขยำยกว้ำงขึ้นเรื่อยๆ แรงคับ
แค้นใจถูกเก็บอัดแน่นมำกขึ้นในหมู่ประชำชน
- 7. สำเหตุที่ ๒ : รัฐธรรมนูญของรำชวงศ์ชิง
ช่วงปลำยลมหำยใจของพระนำงซูสีไทเฮำ ฝ่ำยต่อต้ำนรำชสำนักชิงมีพลังมำกขึ้นและแยกเป็นสองฝ่ำย
คือ ฝ่ำยสนับสนุนให้มีรัฐธรรมนูญโดยยังมีฮ่องเต้ของคังโหย่วเหวยกับ ฝ่ำยล้มล้ำงรำชวงศ์ชิงของดร.ซุนยัดเซน
เพื่อเป็นกำรลดควำมร้อนแรงของประชำชน รำชสำนักชิงเลือกจะร่ำงรัฐธรรมนูญตำมที่ประชำชนต้องกำร ทำให้ฝ่ำย
ล้มล้ำงรำชวงศ์ชิงไม่เป็นที่สนใจ เพรำะควำมหวังใหม่ในท่ำทีอ่อนลงของรำชสำนัก
พระนำงซูสีไทเฮำคัดเลือกรัชทำยำทใหม่และ ถือเป็นคนสุดท้ำยของรำชวงศ์ชิงก่อนสิ้นลมหำยใจ คือ
จักรพรรดิผู่อี๋หรือผู่อี๋ ตอนนั้นมีพระชนมำยุไม่ถึง ๓ ขวบ และเปลี่ยนเป็นรัชศกเซียนถ่ง โดยมีพระบิดำ คือ เจ้ำชำยฉุน
(ไจ้เฟิง) เป็นผู้สำเร็จรำชกำรบริหำรแผ่นดินแทน
- 9. สำเหตุที่ ๓ : ควำมเสื่อมโทรมของระบบจักรพรรดิ
ประเทศจีนอยู่ภำยใต้กำรนำของรำชวงศ์แมนจูเป็นเวลำสองร้อยปีเศษก็ถึงซึ่งควำมเสื่อม เมื่อเรำ
สังเกตประวัติวัฏจักรของรำชวงศ์จีนเป็นเวลำ ๒,๐๐๐ ปีเศษแล้ว กำรเสื่อมโทรมของรำชวงศ์แมนจูก็เป็นไป
ตำมกฎกำรเกิดกำรเสียอำนำจของรัฐบำลจีนดังได้กล่ำวแล้ว แต่กำรสูญเสียอำนำจของรำชวงศ์แมนจูครั้งนี้ผิด
กับกำรสูญเสียอำนำจของรำชวงศ์จีนในสมัยก่อน ในข้อที่ว่ำ มีมหำอำนำจตะวันตกเข้ำไปแทรกแซงด้วยกำลัง
อำวุธ อันทันสมัย
มหำอำนำจตะวันตกได้ฝ่ำน้ำข้ำมทะเลไปแสดงแสนยำนุภำพหรือ “ควำมป่ำเถื่อน” ต่อชนชำวจีน
ด้วยกำรประเดิมชัยในสงครำมฝิ่น ปี ค.ศ. ๑๘๔๐ - ๑๘๔๒ และสงครำมแอโร ปี ค.ศ. ๑๘๕๗ - ๑๘๕๘
ประเทศจีนต้องยอมจำนนต่อกำรบีบบังคับด้วยอำนำจของมหำอำนำจตะวันตก
อันเป็นผลให้ต้องชำระ ค่ำปฏิกรรมสงครำม ต้องเปิดเมืองท่ำ และผลซึ่งตำมมำก็คือกำรแทรกซึมใน
ด้ำนกำรเมือง จนทำให้กำรปกครองตำมระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์ ตลอดทั้งรำกฐำนในทำงเศรษฐกิจ
กำรสังคมต้องสั่นคลอนไปตำมกัน ๓
- 10. ลัทธิไตรรำษฎร์
๑. ลัทธิประชำชำติมีควำมหมำย ๒ ด้ำนคือปลดแอกตนเองจำกกำรถูกครอบงำของบรรดำจักรวรรดินิยม และ
กำรปลดแอกประชำชนที่ถูกกดขี่ให้มีควำมเสมอภำคกัน
๒. ลัทธิประชำสิทธิ คือ ประชำชนทุกคนมีสิทธิเสมอภำคกันโดยถ้วนหน้ำ ไม่ใช่ปล่อยให้อำนำจถูกผูกขำดไว้
กับกลุ่มบุคคลหรือชนชั้นใด แล้วใช้อำนำจนั้นย้อนกลับมำกดขี่ประชำชน ต้องยึดอำนำจคืนมำจำกคนขำย
ชำติ สุนัขรับใช้จักรวรรดิินิยม และพวกขุนศึกบ้ำอำนำจ
๓. ลัทธิประชำชีพ คือ กำรเฉลี่ยสิทธิที่ดินและควบคุมทุน ดึงที่ดินที่ถูกผูกขำดไว้ในมือคนกลุ่มน้อยของ
ประเทศที่มีเพียงหยิบมือหนึ่งออกมำปันส่วน กระจำยสิทธิกำรถือครองที่ดินทำกินให้คนส่วนใหญ่ของ
ประเทศ “ชำวนำต้องมีที่นำเป็นของตนเอง” ต่อสู้กับทุนเอกชนที่ควบคุมชีวิตของประชำชนคนส่วนใหญ่ไว้
ในมือ
- 11. ลัทธิที่ ๑ : ลัทธิควำมเป็นเอกรำชของชำติ
ควำมคิดนี้ได้รับกำรขยำยควำมใหม่ในปี ๑๙๒๔ กำรโค่นล้มรำชวงศ์แมนจูได้สำเร็จแล้ว แต่
มหำอำนำจจักรวรรดินิยมยังคงถือเป็นขวักไขว่อยู่ตำมหัวเมืองต่ำง ๆ ผืนแผ่นดินของจีนหำใช่เป็นลัทธิขิงชำว
จีนไม่ ซุนได้เพิ่มเอำคำโฆษณำต่อต้ำนจักรวรรดินิยมมำสอดแทรกหลักกำรปกครองตนเองที่ควรจะได้แก่ชน
กลุ่มน้อยภำยในประเทศจีน (ประเทศจีนประกอบด้วยเชื้อชำติกลุ่มใหญ่ ๘ เผ่ำ คือ ฮั่น แมนจู มองโกล ทิเบต
มอสเล็ม เหมียว(แม้ว) เหยำ(เย้ำ) หลี ) หลักกำรนี้จะได้รับควำมสำเร็จต่อเมื่อได้มีกำรปฏิวัติต่อต้ำนกำร
ควบคุมของจักรวรรดินิยม รวมทั้งชำวจีนเองที่สมรู้น่วมคิดกับจักรวรรดินิยม หน้ำที่ของชำวจีนตำมควำมหวัง
ของซุนนั้น รวมถึงกำรช่วยเหลือปลดแอกลัทธิจักรวรรดินิยมให้แก่ประชำชำติ นั่นก็คือ เขำได้ขยำยขอบเขต
ของกำรปฏิวัติจำกภำยในประเทศเป็นกำรปฏิวัติสังคมทั่วไปแห่งโลกด้วย จีนควรให้ควำมร่วมมือกับญี่ปุ่นใน
กำรให้ควำมช่วยเหลือแก่ชำวเอเชียเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดินิยมฝรั่ง ในขณะเดียวกันจีนควรให้ควำมร่วมมือกับ
โซเวียตในกำรต่อต้ำนชนชั้นขูดรีด ไม่เลือกว่ำผู้นั้นจะมีกำเนิดมำจำกแหล่งใด
- 13. ลัทธิที่ ๒ : ลัทธิอำนำจอธิปไตยของประชำชน
ลัทธิอำนำจอธิปไตยของประชำชน เช่นเดียวกับกำสรปฏิวัติในประเทศต่ำง ๆ ผู้ก่อกำรปฏิวัติมักจะ
หวงแหนอำนำจสูงสุดในกำรปกครองประเทศไว้เป็นกำรชั่วครำว โดยเหตุผลโฆษณำชวนเชื่อในลักษณะ
แตกต่ำงกันไป คอมมิวนิสต์ประกำศว่ำระบอบของตนเองระบอบที่ประชำชนมีควำมเท่ำเทียมกันมำกที่สุดแต่
ลัทธิในกำรใช้อำนำจสูงสุดในกำรปกครองประเทศแทนชนชั้นกำรมชีพนั้น ได้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ ซุนยอมรับ
ควำมไม่เท่ำเทียมกันโดยธรรมชำติขิงมนุษย์ โดยแบ่งควำมสำมำรถของมนุษย์ออกเป็น ๓ ขั้น (เผด็จกำรทหำร
กำรปกครองโดยพรรคกำรเมือง และกำรปกครองโดยรัฐธรรมนูญ) กำหนดอำนำจหน้ำที่ของกลุ่มชนที่จะใช้
อำนำจสูงสุดในกำรปกครองประเทศแทนประชำชน กำรมอบอำนำจเช่นนั้นเป็นกำรชั่วครำว ดังนั้นจึงไม่ขัดต่อ
หลักกำรอำนำจอธิปไตยของประชำชน
- 14. ลัทธิอำนำจอธิปไตยของประชำชน (ต่อ)
รัฐบำลในอุดมกำรณ์ของซุน จะต้องเป็นรัฐที่แบ่งแยกองค์กำรที่ใช้อำนำจอธิปไตยออกเป็น ๕ สำขำ
คือนอกจำกมีอำนำจนิติบัญญัติ อำนำจบริหำร และอำนำจตุลำกำร ตำมคะสอนของมองเตสกิเออ
(Monteaguieu) แล้ว เขำยังมีกำหนดอำนำจควบคุมและอำนำจกำรสอบไล่เข้ำไปอีกด้วย รัฐบำลที่แยกผู้ใช้
อำนำจอธิปไตยออกเป็น ๕ สำขำนั้น จะต้องมีหน้ำที่มำกที่สุดและได้รับกำรไว้วำงใจจำกประชำชนมำกที่สุด
ทั้งนี้เพรำะรัฐบำลมีควำมสำมำรถ(เหนิง) เปรียบเสมือนสำรถีขับรถ ย่อมเป็นผู้เชี่ยวชำญสมควรแก่ผู้โดยสำร
จะได้ให้ควำมไว้วำงใจ ในขณะเดียวกันประชำชนจะต้องมีอำนำจนี้มำกที่สุด กำรเป็นเจ้ำของอำนำจอธิปไตย
ของประชำชนอำจแสดงออกได้ ๔ ทำง อำนำจกำรออกเสียงเลือกตั้ง (Election) อำนำจถอดถอน (Recall)
และอำนำจกำรลงประชำมติ(Referendum) ในขณะที่รัฐบำลมีควำมสำมำรถ (เหนิง) ประชำชนมีอำนำจ
(ฉวน) ทฤษฎีของซุนคือกำร”ทำรัฐบำลให้เป็นเครื่องจักรกลและประชำชนเป็นวิศวกร” นั่นก็คือ “ประชำชน
๔๐๐ ล้ำนคนล้วนแต่เป็นกษัตริย์”จะเห็นได้ว่ำควำมคิดเกี่ยวกับรัฐในอุดมกำรณ์ของซุนอำจสืบสำนที่มำจำก ๔
แห่ง รัฐบำลในระบอบสำธำรณรัฐตำมควำมคิดกำรเมืองตะวันตก ลัทธิ ๔ ประกำร และหลักปฏิบัติดังเดิม
เกี่ยวกับลัทธิกำรสอบแข่งขัน และอำนำจกำรตรวจตรำควบคุมของจีน
- 15. ลัทธิที่ ๓ : ลัทธิควำมยุติธรรมในกำรครองชีพ (หมินเซิง)
เป็นหลักกำรที่เข้ำใจยำกที่สุดของลัทธิไตรรำษฎร์ นักกำรเมืองตะวันตกพำกันวิพำกษ์วิจำรณ์ว่ำ ไม่
เข้ำใจบ้ำง คลุมเครือบ้ำง ทั้งนี้เพรำะพวกนี้มักจะตั้งคำถำมแก่ตนเองก่อนว่ำ ซุนเป็นคอมมิวนิสต์หรือสังคม
นิยมหรือจัดอยู่ในค่ำยประชำธิปไตย แล้วแกะควำมคิดของเขำไปเข้ำสูตรลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ผลก็คือควำม
สับสน เพรุนสร้ำงสูตรผสมขึ้นเป็นของตนเอง โดยอำศัยควำมรู้ภำยในและภำยนอกประเทศ ฉะนั้นควำมรู้
บำงตอนของเขำอำจเข้ำข้ำงประชำธิปไตยตำมฝ่ำยเจียงไคเช็คและพรรคพวกของเขำแอบอ้ำง และคำสอนบำง
ตอนก็เข้ำข้ำงหลักคอมมิวนิสต์ตำมฝ่ำยเมำเซตุงและพรรคพวกอ้ำงเช่นเดียวกัน
- 16. ลัทธิควำมยุติธรรมในกำรครองชีพ (ต่อ)
คำสอนในเล่มนี้มิได้แตกต่ำงไปจำกเดิมมำกนัก ข้อเสนออันชัดแจ้งของเขำก็คือกำรจัดสรรที่ดิน ซึ่ง
มีปรำกฏอยู่ในคำขวัญของสมำคมถุงเหมิงหุ้ยแล้วตั้งแต่ปี ๑๙๐๕ แต่ที่เขำขยำยให้กระจ่ำงขึ้นก็คือกำร
จัดระบบกำรลงทุน ซึ่งเป็นกำรเพ่งเล็งถึงระบอบอุตสำหกรรม ในกำรที่จะบรรลุผลตำมควำมมุ่งหมำยในเรื่อง
กำรจัดสรรที่ดินนั้น เขำเสนอว่ำ คุณค่ำของที่ดินอันเพิ่มขึ้นเองนั้นให้ตกเป็นประโยชน์ของรัฐ และกำรที่จะ
บรรลุตำมควำมมุ่งหมำยในกำรจัดระบบเรื่องกำรลงทุนนั้น เขำเสนอให้รัฐเข้ำดำเนินกำรอุตสำหกรรมและอุค
สำ หกิจที่สำคัญ ๆ เสียเอง เมื่อมีคนถำมถึงปัญหำหลักควำมยุติธรรมในกำรครองชีพของเขำ เขำยิ่งสร้ำง
ควำมสับสนให้แก่ผู้ฟังโดยตอบว่ำ “ มันเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์และมันเป็นลัทธิสังคมนิยม”
- 19. ผลของกำรปฏิวัติครั้งแรกที่มีต่อกำรเปลี่ยนแปลงของโลก (ต่อ)
เนื่องจำกพวกปฏิกิริยำทั้งในและนอกประเทศสมคบกันรุมโจมตี ซุนยัดเซ็น โดยให้เขำยอมรับเงื่อนไข
กำรเจรจำสันติภำพ ยอมมอบอำนำจให้หยวนซื่อไข่ ดังนั้น พอหยวนซื่อไข่เสแสร้งรับว่ำระบอบสำธำรณรัฐ
ประชำธิปไตรเป็นระบอบปกครองที่ดีที่สุด และหลังจำกบีบให้จักรพรรดิรำชวงศ์ชิงสละรำชสมบัติ พร้อมกับ
รับรองกับรัฐบำลนำนกิงว่ำจะไม่รื้อฟื้นระบอบกษัตริย์ในประเทศจีนอย่ำงเด็ดขำด ซุนยัดเซ็นจึงถูกบีดให้
จำต้องยินยอมประนีประนอมโดยยื่นใบลำออกต่อรัฐบำลชั่วครำว ถึงแม้ว่ำก่อนลำออกจำกตำแหน่งซุนยัดเซ็น
ได้พยำยำมเสนอเงื่อนไข 3 ประกำร คือ ให้ตั้งเมืองหลวงในนครนนำนกิง ประธำนำธิบดีต้องรับตำแหน่งที่นำน
กิงและต้องเคำรพและปฏิบัติ บทบัญญัติเฉพำะกำล
- 20. ผลของกำรปฏิวัติครั้งแรก (ต่อ)
กำรตีโต้กลับอย่ำงบ้ำคลั่งของจักรวรรดินิยม และชนชั้นเจ้ำที่ศักดินำ ทำให้ซุนยัดเซ็นต้องจำยอมคืน
อำนำจกำรปกครองให้ไปกำรปฏิวัติประชำธิปไตยของชั้นนำยทุน จีนต้องรับควำมปรำชัยอย่ำงหนัก ทำให้กำร
ปฏิวัติได้รับควำมเสียหำยอย่ำงใหญ่หลวง ผลของกำรปฏิวัติซินไฮ่ต้องถูกหยวนซื่อไข่ซึ่งเป็นตัวแทนของชนชั้น
นำยหน้ำและเจ้ำที่ดินใหญ่ชุบมือเปิบด้วยประกำรฉะนี้สำธำรณรัฐประชำชนจีน จึงเป็นเพียงเป้ำหมำยที่ว่ำง
เปล่ำเป็นเหล่ำเก่ำในขวดใหม่ หำมีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่ ฐำนะสังคมกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินำไม่มีอะไร
เปลี่ยนแปลงจักรวรรดินิยมและศักดินำนิยมยังคงเป็นขุนเขำใหญ่ ๒ ลูกที่ทับอยู่บนหัวของประชำชนจีนอย่ำง
หนักอึ้งต่อไป
ซึ่งต่อมำภำยหลังที่หยวนซื่อไข่ ผู้นำทำงทหำรได้รับตำแหน่งประธำนำธิบดี แต่เนื่องด้วยเป็นผู้ไม่มี
อุดมกำรณ์ประชำธิปไตยคิดจะสถำปนำตนเองเป็นจักรพรรดิ จึงเกิดควำมแตกแกภำยในประเทศ และประสบ
ปัญหำควำมยุ่งยำกทำงเศรษฐกิจตำมมำ
- 23. กำรปฏิวัติของจีนครั้งที่ ๒
ปี ค.ศ. ๑๙๔๙ โดยกำรนำของ “หมำ เจ๋อตุง” ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นกำรปฏิวัติเปลี่ยนแปลง
กำรปกครองจำกระบอบสำธำรณรัฐประชำธิปไตย ข้ำสู่ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์
- 25. ควำมสำเร็จของกำรปฏิวัติของจีนครั้งที่ ๒
๑. ระบอบคอมมิวนิสต์ในยุคของ “เหมำ เจ๋อตุง” รัฐบำลได้ยึดที่ดินทำกินของ
เอกชนมำเป็นของรัฐบำล และใช้ระบบกำรผลิตแบบนำรวม (หรือระบบคอมมูน) ชำวนำมีฐำนะเป็น
แรงงำนของรัฐ ทำให้ชำดควำมกระตือรือร้นเพรำะทุกคนได้รับผลตอบแทนท่ำกัน ชีวิตควำมเป็นอยู่ของ
ผู้คนส่วนใหญ่มีสภำพลำบำกยำกจนเหมือนๆ กัน
๒. ระบอบคอมมิวนิสต์ในยุคของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” เป็นยุคที่จีนปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นระบบตลำด
หรือทุนนิยม โดยมรับแนวทำงทุนนิยมของชำติตะวันตกมำกขึ้น เช่น เปิดรับกำรลงทุนจำกต่ำงชำติเพื่อให้
คนจีนมีงำนทำ และอนุญำตให้ภำคเอกชนดำเนินธุรกิจกำรค้ำได้ เป็นต้น ทั้งนี้มีระบอบกำรปกครอง
ยังคงเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนเดิม
- 26. ควำมสำเร็จของกำรปฏิวัติของจีนครั้งที่ ๒ (ต่อ)
๓. นโยบำย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในสมัยของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” หมำยถึง มี
ประเทศจีนเพียงประเทศเดียว แต่มีระบบเศรษฐกิจและกำรปกครอง 2 แบบ ได้แก่
- ระบอบคอมมิวนิสต์ สำหรับจีน
- ระบอบประชำธิปไตยและทุนนิยมเสรี สำหรับฮ่องกงและมำเก๊ำ
- 27. ผลกระทบของกำรปฏิวัติจีนครั้งที่ ๒
๑. กำรปฏิวัติของ “เหมำ เจ๋อตง” เป็นแบบอย่ำงในกำรปฏิวัติของกระบวนกำรคอมมิวนิสต์ในประเทศกำลัง
พัฒนำ ทั้งในทวีปเอเชีย แอฟริกำ และอมริกำใต้ โดยเฉพำะกำรใช้ยุทธศำสตร์ “ป่ำล้อมเมือง” โดยเริ่ม
จำกกำรปฏิวัติของเกษตรในชนบทและค่อยๆ ขยำยเข้ำไปสู่เมือง
๒. กำรปฏิรูปเศรษฐกิจตำมแนวของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” โดยมรับระบบทุนนิยมของโลกตะวันตก เป็นคัวอย่ำง
ควำมสำเร็จของกำรแยกระบบกำรปกครองออกจำกระบบเศรษฐกิจ
- 28. บรรณานุกรม
ทวีป วรดิลก . ๒๕๒๔. ประวัติศาสตร์จีนสงครามฝิ่นถึงสงครามปฏิวัติซินไฮ่.กรุงเทพฯ:ธีระการพิมพ์
วัชระ ชีวะโกเศรษฐ.๒๕๕๓. ชีวประวัติดร.:ซุนยัดเซ็นนักปฏิวัติจีนผู้ยิ่งใหญ่.พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพฯ:
หนานจิง,มหาวิทยาลัยครู.๒๕๕๐.ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศจีน.กรุงเทพฯ:สุขภาพใจ
การปฏิวัติจีน1911. (๒๕๕๔).สืบค้นเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๐. จาก
https://sites.google.com/site/social0023
การปฏิวัติจีน. (๒๕๕๖). สืบค้นเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐. จาก
http://pirun.ku.ac.th/~b5410802781/Untitled-2.html.
การปฏิวัติของประเทศจีน. (๒๕๕๕). สืบค้นเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐.
จาก https://gluoay555.wordpress.com/2012/01/04/การปฏิวัติของประเทศจีน
Taweesak Kunyochai. (๒๕๕๖). การปฏิวัติของจีน .สืบค้นเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๐.
จาก http://www.satit.up.ac.th/BBC07/AroundTheWorld/hist/1.html.