สรุป
รัตนโกสินทร์ตอนต้น
พัฒนาการด้านต่างๆ
(รัชกาลที่ 1 - 3)
การเมืองการปกครอง
พัฒนาการ
กรมมหาดไทย: ผู้บังคับบัญชา = สมุหนายก
ดูแลฝ่ายทหาร+พลเรือน
ควบคุมหัวเมืองฝ่ายเหนือ+อีสาน
กรมกลาโหม: ผู้บังคับบัญชา = สมุหพระกลาโหม
ดูแลฝ่ายทหาร+พลเรือน
ควบคุมหัวเมืองฝ่ายใต้+ตะวันตก
กรมเมือง : เสนาบดี
ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
ตัดสินคดีในเขตราชธานี
กรมวัง : เสนาบดี
พระราชมณเฑียร พระราชวัง พระราชพิธี
ตัดสินความในเขตพระราชวัง
กรมท่า : รายรับรายจ่าย / พิจารณาคดีทรัพย์หลวง
รับรองชาวต่างชาติ (ค้าขาย/ทาสัญญา)
ดูแลหัวเมืองชายฝั่งตะวันออก
กรมนา : เสนาบดี
ดูแลรักษานาหลวง / เก็บหางข้าวค่านา
พิจารณาเรื่องที่นา โค กระบือ
กรมพระสุรัสวดี: รักษาทะเบียนไพร่ทั่วราชอาณาจักร
ตัดสินคดีเกี่ยวกับไพร่
กรมลูกขุน : พราหมณ์ในราชสานัก
ตีความคัมภีร์พระธรรมศาสตร์
กรมมหาดเล็ก : ควบคุมข้าราชการ
มหาดเล็กหลวง
สมุหนายก
สมุหกลาโหม
กรมท่า
หัวเมืองเหนือ+อีสาน
หัวเมืองตะวันตก+ใต้
ชายฝั่งทะเลตะวันออก
บริหารราชการแผ่นดินในส่วนหัวเมือง หัวเมืองชั้นใน
หัวเมืองชั้นนอก
หัวเมือง
ประเทศราช
ไม่ห่างจากราชธานี หัวเมืองจัตวา
ห่างไกลจากราชธานี หัวเมืองเอก/โท/ตรี
หัวเมืองต่างชาติ ต่างภาษา
อยู่ตามชายแดน ถวายต้นไม้เงิน/ทอง
เครื่องราชบรรณการ 3 ปี / ครั้ง
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
เป็นแบบยังชีพ
 แบ่งเป็น 1. ใช้ภายในครอบครัว
2. เสียภาษีอากร
3. แลกเปลี่ยนซื้อขายกัน
(ถ้าเหลือนะ (--) ไม่มาก็น้อย)
 เกษตรกรรม --> เน้นปลูกข้าว
 อุตสาหกรรม --> น้าตาลทราย ต่อเรือ เหมืองแร่
เช่น ดีบุก เหล็ก
1. พื้นฐานทางเศรษฐกิจ
2. รายได้ของอาณาจักร
 ส่วนใหญ่กับ จีน (การค้าจากเรือสาเภา)
 ดูแลโดยกรมพระคลังสินค้า only !!! (กิจการข้า...ใครอย่าแตะ)
- สินค้าออก --> ดีบุก / งาช้าง / ไม้ / พริกไทย / รังนก / น้าตาล
- สินค้าเข้า --> เครื่องถ้วย/ชามสังคโลก / ชา / เงิน / ปืน / ดนปืน
2.1 การค้ากับต่างประเทศ
2.2 รายได้จากภาษี
ภาษีอากรภายในประเทศ
จังกอบ
อากร
เก็บจากผู้นาสินค้าเข้ามาขาย (ทางบก+น้า)
เก็บจากราษฎรที่ประกอบอาชีพ การค้า
เช่น อากรนา
อากรสวน (พลากร, สมพัตสร)
อากรค่าน้า / ค่ารักษาเกาะ
ฤชา
ส่วย
ค่าธรรมเนียมเก็บจากราษฎรมาใช้บริการของรัฐ
เช่น โฉนดที่ดิน
เงิน/สิ่งของที่เก็บจากไพร่ แทนการเกณฑ์แรงงาน
เช่น ดีบุก พริกไทย มูลค้างคาว
เครื่องราชบรรณาการ
ภาษีอากรภายนอกประเทศ
ภาษีเบิกร่อง เก็บจากเรือสินค้าจากต่างประเทศ
คิดจากขนาดความกว้างของปากเรือ
สินค้าออก เก็บตามประเภทสินค้า
2.3 รายได้สินค้าผูกขาด + ต้องห้าม
ผูกขาด - พระคลังสินค้าขายเอง
- เพื่อความปลอดภัย+มั่งคงของประเทศ
- เช่น อาวุธปืน / กระสุนปืน / ดินระเบิด
ต้องห้าม - หายาก + ราคาแพง
- ต่างประเทศต้องการจานวนมาก
- เช่น งาช้าง / รังนก / ไม้ฝาง / ไม้กฤษณา
เช่น พระราชพิธี / ช่วยคนอนาถา
2.4 รายจ่าย
จ่ายเป็นเบี้ยหวัด เงินให้เจ้านาย+ขุนนาง
ด้านความมั่นคง เช่น เลี้ยงดูสัตว์พาหนะ / ซื้ออาวุธ
ด้านศาสนา เช่น ก่อสร้าง ปฏิสังขรณ์วัด
อื่นๆ
พัฒนาการด้านสังคม
1. ระบบศักดินา
- กาหนดฐานะของคนในสังคม
- ใช้ ที่นา เป็นเกณฑ์ ซึ่งไม่ได้ถือครองจริง
เป็นสิ่งสมมติ (มโนขึ้น)
- จานวนไพร่ที่ครอบครอง
- หลักเกณฑ์ในการปรับไหม
- เรียงลาดับในการเข้าเฝ้ า
** ผู้ที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบ
ต่อสังคมและประเทศชาติมาก --> ศักดินามาก
**พระมหากษัตริย์ ไม่มีศักดินาเพราะ
เป็นผู้พระราชทานศักดินา เป็นเจ้าของที่ดิน
เรื่องน่ารู้
**พระสงฆ์ จะใช้คาว่า เสมอนา
** ผู้ที่มีศักดินา 400 ขึ้นไป = ชนชั้นปกครอง
แบ่งกลุ่มคนในสังคมอย่างกว้างๆเป็น 2 ชนชั้น
ชนชั้นปกครอง =พระมหากษัตริย์ / เจ้านาย / ขุนนาง --> พวกมูลนาย (ไฮโซ)
ชนชั้นที่ถูกปกครอง = ไพร่ ทาส
2. ชนชั้นในสังคม
พระสงฆ์
- ไม่จัดเป็นชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง เป็นผู้มีหน้าที่สืบทอดเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- คนกลางในการเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆในสังคมเข้าด้วยกัน
- ผู้นาและจุดสุดยอดของสังคม
- สมมติเทพ (ตามความเชื่อพราหมณ์-ฮินดู)
- เจ้าของแผ่นดินภายในราชอาณาจักร
- มีพระราชอานาจเหนือชีวิตทุกคน
ภายใต้การปกครองอาณาจักร
2.1 พระมหากษัตริย์
- ชนชั้นสูงที่สืบเชื้อสายใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์
- เรียกว่า พระบรมวงศานุวงศ์
- สกุศยศ --> มาแต่กาเนิด คือ เจ้าฟ้ า พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า
- อิสริยยศ --> กษัตริย์พระราชทาน
กรมสมเด็จพระ กรมพระ กรมหลวง กรมขุน กรมหมื่น
- พระมหาอุปราช / กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
= อิสริยยศสูงสุด
2.2 เจ้านาย
- ข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้ง
- บรรดาศักดิ์ / ราชทินนาม / ตาแหน่ง / ศักดินา
= แสดงถึงอานาจ+เกียรติยศ
- ศักดินาตั้งแต่ 400 – 10,000
เจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ขุน หมื่น พัน กานัน
มหาดเล็ก
2.3 ขุนนาง
- ราษฎรทั้งชายและหญิง
- สังกัดมูลนาย เพื่อได้รับการดูและ + คุ้มครอง
- สักขึ้นทะเบียนสังกัดกรมกองต่างๆ --> รับราชการ
- คนส่วนใหญ่ในสังคมประมาณร้อยละ 80-90
- เป็นฐานอานาจที่สาคัญยิ่งของชนชั้นปกครอง
2.4 ไพร่
- 18 – 70 ปี
- ราษฎรสามัญ
- ผ่านการสักขึ้นทะเบียนสังกัดกรมกองต่างๆ
- เพื่อรับราชการ
- ไม่เข้ารับราชการ อาจส่งส่วย/ผลผลิตแทนใช้แรงงาน
เรียกว่า ไพร่ส่วย
2.4.1 ไพร่หลวง
- ผ่านการสักแล้ว
- ไพร่ส่วนตัวของพวกมูลนาย
- ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ตามศักดินาของ
- เพื่อให้รับใช้ทางานส่วนตัวไม่ต้องถูกเกณฑ์มาทางานให้รัฐ
- ไพร่ที่สังกัดกับกรมของเจ้านายที่ทรงกรม (กรมเจ้า)
ก็ถือเป็นไพร่สม
2.4.2 ไพร่สม
- คนส่วนน้อยในสังคม
- ชนชั้นต่าสุด + ไม่มีอิสระในชีวิตของตน
- เป็นกรรมสิทธิ์ของนายเงิน
- แบ่งออกเป็น 7 ประเภท
ทาสเชลย / ทาสในเรือนเบี้ย / ทาสสินไถ่ / ทาสท่านให้
ทาสที่ได้มาแต่บิดามารดา / ทาสที่ได้มาจากทัณฑโทษ
ทาสที่เลี้ยงไว้ยามทุพภิกขภัย
2.5 ทาส
การศึกษา :
วัง ผู้ชาย
ผู้หญิง
ฝากตัวเป็นมหาดเล็ก
อบรมวิชาแม่บ้านแม่เรือน
วัด ลูกศิษย์วัด / เขียนอ่านบาลี,สันสกฤต,ขอม
ด้านการศาสนาและ
ขนบธรรมเนียมประเพณี
 หลังการเสียกรุงครั้งที่ 2 --> เสื่อมโทรม
 พระไตรปิฎกก็บกพร่องอยู่มาก
 รัชกาลที่ 1 --> สังคายนาพระไตรปิฎก @ วัดมหาธาตุ ( พ.ศ.2331 )
- ให้ชาระพระไตรปิฎกให้เป็นระเบียบหมวดหมู่
- เรียกว่า “ฉบับทองหรือทองใหญ่ หรือฉบับทองทึบ”
- ออกกฎหมายสาหรับพระสงฆ์หลาย
- ไม่สนใจเล่าเรียนพระไตรปิฎก + การเทศน์
- พระสงฆ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของฆราวาส
การสังคายนาและชาระพระไตรปิฎก
 ส่งสมณทูตไปยังลังกาเพื่อศึกษาความเป็นของศาสนาในลังกา
- ได้นาหน่อพระศรีมหาโพธิมาจากลังกา
 ตรวจสอบพระไตรปิฎกทั้งจากลังกาและมอญ และให้จารึกอย่างสวยงาม
- ได้รับยกย่องว่ามีพระไตรปิฎกที่สวยงามและถูกต้องที่มากที่สุด
- ให้สารวจความประพฤติของสงฆ์ --> พระสงฆ์ถูกจับสึกและหนี
เข้าป่าจานวนมาก
รัชกาลที่ 2
รัชกาลที่ 3
การสร้างวัดและการบูรณปฏิสังขรณ์
สร้าง บูรณะปฏิสังขรณ์
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วัดพระเชตุพนวิมนมังคลาราม
วัดสระเกศ
วัดราชบูรณะ
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
วัดสลัก --> วัดนิพพานาราม -->
วัดพระศรีสรรเพชญ -->
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ ราชวรมหาวิหาร
มณฑปพระพุทธบาท สระบุรี
slide ที่ 25
อัญเชิญพระศรีศากยมุนี
มาจากวิหารหลวงวัดพระมหาธาตุ สุโขทัย
มาประดิษฐานที่วัดสุทัศนเทพวราราม
slide ที่ 26
แบบประเพณีนิยม (ไทยประเพณี)
แบบพระราชนิยม
ส่วนหลังคา ไมมีช่อฟ้ า ใบระกา หางหงส์
ส่วนของเสา ไม่มีบัวหัวเสา ย่อมุมเสา คันทวย มีเสาพาไลขนาดใหญ่
หน้าบัน งานก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบแบบจีน
ลวดลายดอกไม้จีน เครื่องบูชาจีน
อาคารวัดพระวิหาร
หรือพระอุโบสถ
เป็นแบบจีน
รัชกาลที่ 1 --> โปรดคนรบเก่ง
รัชกาลที่ 2 --> โปรดคนแต่งกลอน/นาฏศิลป์ เก่ง
รัชกาลที่ 3 --> โปรดคนที่สร้างวัด

สรุปรัตนโกสินทร์ตอนต้น