1. ขนมไทย

2. ประวัติความเป็นมาของขนมไทย
ในสมัยโบราณคนไทยจะทําขนมเฉพาะวาระสําคัญเท่านั้น
เป็นต้นว่างานทําบุญ เทศกาลสําคัญ หรือต้อนรับแขกสําคัญ
เพราะขนมบางชนิดจําเป็นต้องใช้กําลังคนอาศัยเวลาในการ
ทําพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้น ขนม
พื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวัง
จะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรง
ขนมสวยงาม

3. ขนมไทยดั้งเดิม มีส่วนผสมคือ
แป้ง น้าตาล กะทิ เท่านัน ส่วน
ํ
้
ขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบ
เช่น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ด
ขนุน นั้น มารี กีมาร์ เดอ ปีนา
(ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวชาว
โปรตุเกส เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา

4. ขนมไทยที่นิยมทํากันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการ
ต่างๆ ก็คือขนมจากไข่ และเชื่อกันว่าชือและลักษณะของ
่
ขนมนั้นๆ เช่น รับประทานฝอยทอง เพือหวังให้อยู่ด้วยกัน
่
ยืดยาว มีอายุยืน รับประทาน ขนมชันก็ให้ได้เลื่อนขั้น
้
เงินเดือน รับประทาน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เจริญ รับประทาน
ขนมทองเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น

5. ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์ตาราอาหารออกเผยแพร่
ํ
รวมถึงตําราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมี
การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตําราอาหารไทยเล่ม
แรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ ในสมัยต่อมาเมือการค้าเจริญขึ้นใน
่
ตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าเป็นยุคที่ขนมไทย
เป็นที่นิยม

6. ความหมายขนมไทย
คําว่า “ขนม” เข้าใจว่ามาจากคําสองคําที่มา
ผสมกันคือ “ข้าวหนม” และ “ข้าวนม”
เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ําอ้อย น้ําตาล โดย
อนุโลมคําว่าหนม แปลว่า หวาน ข้าวหนม ก็
แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น
ขนม ไป

7. ขนมต้ม เป็นขนมที่มีหลักฐานว่ามีมาตังแต่สมัยสุโขทัย เข้า
้
มาพร้องกับศาสนาพราหมณ์และลัทธิความเชือเกี่ยวกับเทพ
่
เจ้า โดยเชื่อกันว่าพระพิฆเนศโปรดขนมนี้ได้มีบทบาทสําคัญ
ในพิธีบวงสรวงเทวดา ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น ยกเสาเอก ตั้ง
ศาลพระภูมิ ในประเพณีสู่ขอแต่โบราณในบางท้องที่ใช้ขนม
ต้มด้วย

8. ขนมจ่ามงกุฏ เป็นขนมโบราณ มักใช้ในงานมงคลต่าง ๆ
เช่น งานแต่งงาน งานทําบุญขึ้นบ้านใหม่ สมัยก่อนขนมจ่า
มงกุฏนิยมทํากันมากในโอกาสที่ได้รับการเลือนตําแหน่ง
่
เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ เนื่องจากชือของขนมจ่ามงกุฏเป็นชื่อ
่
ที่เป็นมงคลและมีความหมายที่ดี

9. ขนมชั้น ขนมชั้นเป็นขนมไทยโบราณในอดีตนิยมใช้ขนมชั้นใน
งานฉลองยศ เพราะมีความหมายถึงลําดับชั้นยศถาบรรดาศักดิ์ คน
โบราณนิยมทํากันถึง 9 ชั้น เพราะถือเคล็ดเสียงของเลข“9”ว่าจะ
ได้“ก้าวหน้า”ใน หน้าที่การงาน

10. ขนมบ้าปิ่น ขนมนี้เมื่อในสมัยรัชกาล
ที่ 5 เคยมีคนเขียนไปถาม ก.ศ.ร.
กุหลาบ เอดิเตอร์หนังสือสยามสมัย
ประเภท ว่าทําไมจึงเรียกขนมชนิดนี้
ว่าขนมบ้าบิ่น ก.ศ.ร.กุหลาบตอบว่าที่
เรียกว่าอย่างนี้ เพราะเมือก่อนนัน
่
้
"ป้าบิ๋น" แกเป็นคนทําขึ้น เลยเรียกว่า
"ขนมป้าบิน" ต่อมาเลยเรียกเพี้ยนเป็น
๋
"ขนมบ้าบิน"
่

11. ขนมฝอยทอง ขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีประวัติอันยาวนาน
เกิดขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชาว
โปรตุเกสนําสูตรขนมฝอยทองมาเผยแพร่ให้แก่คนไทย เมื่อ
ชาวโปรตุเกสเข้ามาค้าขายกับคนไทยในยุคนั้นก็จะพา
แม่บ้านมาด้วยเลยได้สอนการทําฝอยทองให้แก่คนไทยจน
เป็นที่ถูกอกถูกใจทํากินจนถึงปัจจุบัน

12. ขนมถ้วยฟู เป็นขนมโบราณที่นาเข้ามาในเมืองไทยเราโดย
ํ
คนจีน ชาวจีนเรียกขนมถ้วยฟูวา ฮวดโก้ย หมายถึง มีแต่
่
ความเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟู จึงเป็นอีกขนมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ใน
งานมงคล ชาวจีนและชาวไทย นิยมนําไปไหว้เจ้า หรือ
ประกอบพิธีงานมงคลต่างๆ

13. กลีบลาดวน ขนมไทยโบราณ
ชนิดหนึ่งที่ทามาจากแป้ง
ํ
สาลี เป็นขนมมงคลที่ใช้ในงาน
แต่งงาน เหตุที่เรียกว่ากลีบ
ลําดวนเนืองจากลักษณะของ
่
ขนมชนิดนี้คล้ายกับดอกลําดวน

14. ขนมเทียน หรือ ขนมนมสาวซึ่งเป็นขนมที่นยมใช้ในงาน
ิ
บุญ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ แต่เดิมมีไส้มะพร้าวและ
ไส้ถั่วเขียว แต่ในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ขนมจ็อกออกไป
หลากหลายมาก ชาวจีนใช้ขนมเทียนในการไหว้บรรพบุรุษ
ช่วงวันตรุษและวันสารท

15. กะละแม เป็นขนมไทยลักษณะเป็นแป้งเหนียวสีดํา เป็นขนม
หนึ่งในสามชนิดที่นิยมทําขึ้นในวันปีใหม่ของคนไทยใน
สมัยก่อน ซึ่งจะต้องทําให้เสร็จก่อนวันสงกรานต์ คือ ข้าว
เหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง และกะละแม

16. ขนมครก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทําจากแป้ง น้าตาล
ํ
และกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะทานต้องแคะออกมา
เป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็น
ขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ยงพบในพม่า
ั
ลาว และอินโดนีเซีย

17. สมาชิก
1.นาย นิธิรุจน์
เอี่ยมวรกิตติ์ เลขที่ 35
2. นางสาว ฐปนัท
ช่างเหล็ก
เลขที่ 43
3.นางสาว กนิษฐา
ประทีปเพชรทอง เลขที่ 45
4.นางสาว จินห์ณิชา วิสุทธิวัฒน์
เลขที่ 46
5.นางสาว เหมือนตะวัน วิไลประเสริฐ เลขที่ 47
6.นางสาว ประภาวดี เอื้อสถิตวงศ์ เลขที่ 48
7.นางสาว กุลธิดา
เลื่ยวบุ้นกิม เลขที่ 49
ชั้น ม.5/2