บทความจอย
- 1. สลัดเครียด เจียดเวลาฮา
ด้วยบรรยากาศความเครียดทางการเมืองที่อึมครึม และเศรษฐกิจ ทาให้เสียงหัวเราะของ
คนไทยตั้งแต่บนท้องถนนจนถึงในครอบครัว และที่ทางานหายไปอย่างเห็นได้ชัด จึงขอชวนคุณ
ผู้อ่านเข้ามาสู่โลกขาขัน ที่จะทาให้ชีวิตของคุณมีสีสันแห่งความ ฮาและเต็มไปด้วยความ
สนุกสนานมากขึ้น ขณะที่ หม่า จ๊กม๊ก หรือ โน๊ต-อุดม เวลาเดี่ยวไมโครโฟน เพียงพูดไม่กี่คา
ทันใดนั้นเหล่าบรรดาผู้ฟัง ก็มีอันเกิดอาการหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ฮากระจาย คุณรู้หรือไม่
ว่า อาการที่เกิดขึ้นนี้จะไปช่วยกระตุ้นสารเคมีที่ทาให้รู้สึกดีในสมอง ทุกคนจึงอยากที่จะหัวเราะ
บ่อย ๆ
คุณค่าของความ "คิกคัก"
เสียงหัวเราะคือยาวิเศษที่สุดของโลกในยุคที่รายล้อมด้วยความเครียด เชื่อหรือไม่ว่า เสียง
หัวเราะจะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น ผลิตเซลล์ที่ทาหน้าที่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง และส่งผลดี
ต่อระบบทางเดินหายใจ การไหลเวียนของโลหิต และระบบต่อมไร้ท่อ กระตุ้นการทางานของ
หัวใจ การหัวเราะที่ต่อเนื่องนาน 15-20 นาที เท่ากับได้ออกกาลังหัวใจถึง 5 นาที
อีกทั้งยังช่วยในการบริหารปอด กาบังลมให้เคลื่อนไหวดีขึ้นใน หลายประเทศอย่าง
อเมริกา แคนาดา อังกฤษ การหัวเราะบาบัด กาลังเข้ามามีบทบาทในการบาบัดคนไข้เพื่อ
ทดแทนการใช้ยา เพราะอารมณ์ขันให้ผลเช่นเดียวกับการออกกาลังกายเช่นกัน
- 2. จี้เส้นจุดเริ่มต้น
การหัวเราะเป็นกิจกรรมทางสังคม "เสียงหัวเราะเป็นเสมือนสัญญาณส่งผ่านไปยังผู้อื่น
และถ้าคนเราอยู่เพียงลาพัง เสียงหัวเราะนั้นก็มลายหายไป" โรเบิร์ต โพรวีน นักประสาทวิทยา
แห่งมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ผู้แต่งหนังสือ Laughter : A scientific investigation กล่าว และเขาเป็นผู้
อยู่เบื้องหลังงานวิจัยชิ้นแรก ที่ทาการศึกษาอย่างจริงจังในการค้นหาว่า อะไรทาให้มนุษย์เรา
หัวเราะ โพรวีนพบว่า โดยทั่วไปแล้ว เสียงหัวเราะเกิดจากการตอบสนองอย่างสุภาพต่อเรื่องที่
คนเราพูด คุยกันทั่วไป อย่างเช่น "มันต้องเกิดขึ้นแน่"มากกว่าเรื่องตลกอื่น ๆ
จากการสังเกตของคณะศึกษาอีกกลุ่มก็พบว่า เสียงหัวเราะทาหน้าที่เสมือนเป็นกาว
สมานทางสังคม อย่างเด็กทารกจะเริ่มขาเมื่อมีอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กเริ่ม
จะแยกแยะและจดจาใบหน้าของแต่ละคนได้ และวิธีที่คนเราหัวเราะก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เรา
อยู่ด้วย อย่างพวกผู้ชายมักจะหัวเราะยาว ๆ ดัง ๆ เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชายด้วยกัน บางทีการ
หัวเราะแบบนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน ส่วนผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะหัวเราะเสียงแหลม
และหัวเราะบ่อยขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเพศตรงข้าม ซึ่งอาจแสดงถึงความสนใจต่อเพศตรงข้าม
หรือแสดงการยอมรับในอานาจของอีกฝ่าย
หัวเราะดีต่อสุขภาพ
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ถ้าเรานาเสียงหัวเราะมาสังเคราะห์เป็นยาได้ เราคงจะมียาวิเศษ
ที่สามารถรักษาโรคทุกชนิดได้ตั้งแต่โรคซึมเศร้า ไปจนถึงโรคหัวใจเลยทีเดียว การหัวเราะทาให้
อวัยวะทุกส่วนตั้งแต่หัวใจ ปอด กล้ามเนื้อ สมอง ไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกันทางานได้อย่างดี
การหัวเราะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของคนเราได้ 2 ทางคือ ทางแรก เพิ่มระดับความ เข้มข้น
ของแอนติบอดี้ที่เป็นภูมิคุ้มกันหมุนเวียนในกระแสเลือด ส่วนที่สอง เป็นการเพิ่มระดับเม็ด
- 3. เลือดขาว ซึ่งเป็นตัวกาจัดสิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้ามาในร่างกาย การเปลี่ยนแปลงทั้งสองแบบ
นี้ จะช่วยทาให้เรามีภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ มากขึ้นนั่นเอง
ในอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และอีกหลายประเทศ การรักษาผู้ป่วยด้วยการหัวเราะ
กาลังเข้ามามีบทบาทแทนที่การบาบัดด้วยการใช้ยาคลายเครียด และยาแก้ปวด เพราะ
อารมณ์ขันให้ผลเช่นเดียวกับการออกกาลังกาย เป็นการเพิ่มระดับฮอร์โมนฝ่ายดี เช่น ฮอร์โมน
เอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยระงับความเจ็บปวด และ Neurotransmitter เช่น ฮอร์โมนเซโรโท
นิน เป็นฮอร์โมนที่ทาให้เราอารมณ์ดี ขณะเดียวกันก็ทาให้ระดับฮอร์โมนความเครียดลดลง
อาชีพเสี่ยงเครียด
ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ประธานคณะกรรมการตัดสินการประชันที่สุดของเสียงหัวเราะ
ที่จัดโดยพิพิธภัณฑ์ริบลี่ส์ ได้บอกเล่าถึงผลดีผลเสียของการหัวเราะอย่างถูกวิธีว่า
"กลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ามักจะเป็นนักบริหาร นักวิชาการ และแพทย์ เนื่องจากงานที่
ทาอยู่มีภาวะความกดดันสูง ไม่มีเวลาในการบริหารทั้งสุขภาพกายและใจ ส่งผลให้ร่างกาย
จิตใจ ไม่มีการขับเคลื่อน การดาเนินชีวิตไม่มีความผ่อนคลาย จากการวิจัยยังพบด้วยว่า กลุ่ม
ผู้ประกอบอาชีพนักบัญชี และวิศวกร เป็นอีกกลุ่มอาชีพที่ประสบปัญหาทางด้านความสัมพันธ์
ระหว่างบุคคล และเป็นกลุ่มที่หาสามีหาภรรยาได้ยาก เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักมองสิ่งต่างๆ ตาม
แบบวิธีของตรรกศาสตร์ มองข้ามด้านของความสัมพันธ์ทางด้านจิตใจ"
สาหรับกลุ่มอาชีพที่สุขภาพจิตดี หัวเราะง่าย เป็นกลุ่มอาชีพบริการ ต้องพบปะผู้คน มีการ
ติดต่อสื่อสารอยู่สม่าเสมอ เช่น นักประชาสัมพันธ์ เนื่องจากต้องมีการพูดคุย บริการผู้อื่นให้
เกิดความประทับใจ ส่วนกลุ่มที่มีความสุขอย่างแท้จริงกับกาหหัวเราะนั้น มักเป็นพวกวัยรุ่นที่
ยังไม่เข้าสู่ระบบการทางาน
- 4. อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่า เพศหญิงสามารถหัวเราะง่ายกว่าเพศชาย เนื่องจาก
เพศหญิง เป็นเพศที่มีความไวต่อความรู้สึก อารมณ์อ่อนไหว เพศชายจะเน้นหนักไปในเรื่องของ
เหตุผลเป็นหลัก นั่นเป็นสาเหตุสาคัญที่ทาให้เพศชายมีอายุไขสั้นกว่าเพศหญิง
คนอารมณ์ดีและประสบความสาเร็จ
ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอารมณ์ขันเหลือเฟือ เพราะการหัวเราะอย่างสุดเสียงด้วยหัวใจที่สดใส
นอกจากจะทาให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยกระตุ้นสารเคมีแห่งความสุขให้กับสมองอีกด้วย
นอกจากนี้เสียงหัวเราะยังช่วยลดความเครียด และความแปลกแยกระหว่างบุคคลกับคนอื่นได้
เป็นอย่างดีเพราะฉะนั้น วันนี้ คุณหัวเราะแล้วหรือยัง!