Submit Search
Upload
Official letter writing-doc-week1
•
1 like
•
1,446 views
Chaijar Aimee
Follow
การเขียนหนังสือราชการ : เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ
Read less
Read more
Education
Report
Share
Report
Share
1 of 20
Download now
Download to read offline
Recommended
แบบทดสอบ การเขียน ป.3
แบบทดสอบ การเขียน ป.3
Khunnawang Khunnawang
Answer sheet
Answer sheet
Tristan Sanklang
แบบประเมินโครงงาน1โดยอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนpresent
แบบประเมินโครงงาน1โดยอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนpresent
thanapat yeekhaday
เอกสารแสดงวิสัยทัศน์และผลงาน
เอกสารแสดงวิสัยทัศน์และผลงาน
สรวิชญ์ กัณหเนตร
ตัวอย่างหนังสือประกาศ
ตัวอย่างหนังสือประกาศ
WoodyThailand
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
Prachoom Rangkasikorn
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
sripayom
การเขียนบันทึกเสนอ และการเกษียนหนังสือ
การเขียนบันทึกเสนอ และการเกษียนหนังสือ
Panuwat Noonkong
Recommended
แบบทดสอบ การเขียน ป.3
แบบทดสอบ การเขียน ป.3
Khunnawang Khunnawang
Answer sheet
Answer sheet
Tristan Sanklang
แบบประเมินโครงงาน1โดยอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนpresent
แบบประเมินโครงงาน1โดยอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนpresent
thanapat yeekhaday
เอกสารแสดงวิสัยทัศน์และผลงาน
เอกสารแสดงวิสัยทัศน์และผลงาน
สรวิชญ์ กัณหเนตร
ตัวอย่างหนังสือประกาศ
ตัวอย่างหนังสือประกาศ
WoodyThailand
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
Prachoom Rangkasikorn
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
sripayom
การเขียนบันทึกเสนอ และการเกษียนหนังสือ
การเขียนบันทึกเสนอ และการเกษียนหนังสือ
Panuwat Noonkong
แบบทดสอบไทย สะกดคำ ป1
แบบทดสอบไทย สะกดคำ ป1
Mayuree Kung
Verb to_..
Verb to_..
khwanruethai396
ตัวอย่างหนังสือภายนอก
ตัวอย่างหนังสือภายนอก
WoodyThailand
ฝึกอ่าน ป.2
ฝึกอ่าน ป.2
ประชา อธิปไตย
วิสัยทัศน์ในการบริหาร ผอ.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
วิสัยทัศน์ในการบริหาร ผอ.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
directorcherdsak
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง วรจรไฟฟ้า+ป.6+290+dltvscip6+P...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง วรจรไฟฟ้า+ป.6+290+dltvscip6+P...
Prachoom Rangkasikorn
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
krupornpana55
ข้อสอบ ม.4 ส41101
ข้อสอบ ม.4 ส41101
thnaporn999
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
Jaratpong Moonjai
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน(คู่)
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน(คู่)
Nuttanicha Ardharn
แผนจัดการเรียนรู้เรื่องสารเสพติด
แผนจัดการเรียนรู้เรื่องสารเสพติด
guestf57acc
คำนำ
คำนำ
Dmath Danai
กิตติกรรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
sutima piboon
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
teerachon
ปฏิทินปฏิบัติงาน ปีการศึกษา 2565
ปฏิทินปฏิบัติงาน ปีการศึกษา 2565
MungMink2
คำกล่าวต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
คำกล่าวต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
pupphawittayacom
แบบฝึกภาษาไทยป.4 ตำที่มีตัวการันต์ (1)
แบบฝึกภาษาไทยป.4 ตำที่มีตัวการันต์ (1)
Petsa Petsa
ตัวอย่างกิตติกรรมประกาศ เล่มโปรเจ็ค
ตัวอย่างกิตติกรรมประกาศ เล่มโปรเจ็ค
tumetr1
7.แผนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้กิจกรรรมโครงงานตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ม.3
7.แผนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้กิจกรรรมโครงงานตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ม.3
Wareerut Hunter
แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยี
แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยี
จักรพัฒน์ สมบูรณ์
More Related Content
What's hot
แบบทดสอบไทย สะกดคำ ป1
แบบทดสอบไทย สะกดคำ ป1
Mayuree Kung
Verb to_..
Verb to_..
khwanruethai396
ตัวอย่างหนังสือภายนอก
ตัวอย่างหนังสือภายนอก
WoodyThailand
ฝึกอ่าน ป.2
ฝึกอ่าน ป.2
ประชา อธิปไตย
วิสัยทัศน์ในการบริหาร ผอ.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
วิสัยทัศน์ในการบริหาร ผอ.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
directorcherdsak
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง วรจรไฟฟ้า+ป.6+290+dltvscip6+P...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง วรจรไฟฟ้า+ป.6+290+dltvscip6+P...
Prachoom Rangkasikorn
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
krupornpana55
ข้อสอบ ม.4 ส41101
ข้อสอบ ม.4 ส41101
thnaporn999
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
Jaratpong Moonjai
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน(คู่)
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน(คู่)
Nuttanicha Ardharn
แผนจัดการเรียนรู้เรื่องสารเสพติด
แผนจัดการเรียนรู้เรื่องสารเสพติด
guestf57acc
คำนำ
คำนำ
Dmath Danai
กิตติกรรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
sutima piboon
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
teerachon
ปฏิทินปฏิบัติงาน ปีการศึกษา 2565
ปฏิทินปฏิบัติงาน ปีการศึกษา 2565
MungMink2
คำกล่าวต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
คำกล่าวต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
pupphawittayacom
แบบฝึกภาษาไทยป.4 ตำที่มีตัวการันต์ (1)
แบบฝึกภาษาไทยป.4 ตำที่มีตัวการันต์ (1)
Petsa Petsa
ตัวอย่างกิตติกรรมประกาศ เล่มโปรเจ็ค
ตัวอย่างกิตติกรรมประกาศ เล่มโปรเจ็ค
tumetr1
7.แผนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้กิจกรรรมโครงงานตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ม.3
7.แผนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้กิจกรรรมโครงงานตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ม.3
Wareerut Hunter
แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยี
แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยี
จักรพัฒน์ สมบูรณ์
What's hot
(20)
แบบทดสอบไทย สะกดคำ ป1
แบบทดสอบไทย สะกดคำ ป1
Verb to_..
Verb to_..
ตัวอย่างหนังสือภายนอก
ตัวอย่างหนังสือภายนอก
ฝึกอ่าน ป.2
ฝึกอ่าน ป.2
วิสัยทัศน์ในการบริหาร ผอ.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
วิสัยทัศน์ในการบริหาร ผอ.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง วรจรไฟฟ้า+ป.6+290+dltvscip6+P...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง วรจรไฟฟ้า+ป.6+290+dltvscip6+P...
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
ข้อสอบ ม.4 ส41101
ข้อสอบ ม.4 ส41101
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
เอกสารประกอบการนิเทศการสอนฉบับครู
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน(คู่)
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน(คู่)
แผนจัดการเรียนรู้เรื่องสารเสพติด
แผนจัดการเรียนรู้เรื่องสารเสพติด
คำนำ
คำนำ
กิตติกรรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
ปฏิทินปฏิบัติงาน ปีการศึกษา 2565
ปฏิทินปฏิบัติงาน ปีการศึกษา 2565
คำกล่าวต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
คำกล่าวต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
แบบฝึกภาษาไทยป.4 ตำที่มีตัวการันต์ (1)
แบบฝึกภาษาไทยป.4 ตำที่มีตัวการันต์ (1)
ตัวอย่างกิตติกรรมประกาศ เล่มโปรเจ็ค
ตัวอย่างกิตติกรรมประกาศ เล่มโปรเจ็ค
7.แผนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้กิจกรรรมโครงงานตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ม.3
7.แผนการสอนแบบบูรณาการโดยใช้กิจกรรรมโครงงานตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ม.3
แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยี
แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยี
Official letter writing-doc-week1
1.
การเขียนหนังสือราชการ : เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
วาดวยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘หมวด 1 ชนิดของ หนังสือ ขอ 9 หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เปนหลักฐานในราชการ ไดแก ๙.๑ หนังสือที่มีไปมาระหวางสวนราชการ ๙.๒ หนังสือที่สวนราชการมีไปถึงหนวยงานอื่นใดซึ่งมิใชสวนราชการ หรือที่มีไปถึง บุคคลภายนอก ๙.๓ หนังสือที่หนวยงานอื่นใดซึ่งมิใชสวนราชการ หรือที่บุคคลภายนอกมีมาถึงสวน ราชการ ๙.๔ เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเปนหลักฐานในราชการ ๙.๕ เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือขอบังคับ ๙.๖ ขอมูลขาวสารหรือหนังสือที่ไดรับจากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ หมวด 1 ชนิดของ หนังสือ ขอ ๑๐ หนังสือ มี ๖ ชนิด คือ ๑๐.๑ หนังสือภายนอก ใชในการติดตอราชการทั่วไป ๑๐.๒ หนังสือภายใน ใชในการติดตอราชการภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดเดียวกัน ๑๐.๓ หนังสือประทับตรา ใชในการติดตอราชการเฉพาะกรณีที่ไมใชเรื่องสําคัญ ๑๐.๔ หนังสือสั่งการ ไดแก คําสั่ง ระเบียบ ขอบังคับ ๑๐.๕ หนังสือประชาสัมพันธ ไดแก ประกาศ แถลงการณ และขาว ๑๐.๖ หนังสือที่เจาหนาที่ทําขึ้นหรือรับไวเปนหลักฐานในราชการไดแก หนังสือรับรอง รายงานการประชุม บันทึก หรือหนังสือ อื่น ในบรรดาหนังสือราชการ 6 ชนิดดังกลาว มี 3 ชนิดแรกเปนหนังสือติดตอราชการ คือ หนังสือภายนอก หนังสือภายใน หนังสือประทับตรา หนังสือติดตอราชการแตละชนิดดังกลาวมีลักษณะดังตอไปนี้ บทที่ 1 การเขียนใหถูกตอง 1.1 เขียนใหถูกแบบ ลักษณะของหนังสือภายนอก ความหมาย หนังสือภายนอก คือหนังสือติดตอราชการที่เปนแบบพิธี ใชกระดาษตราครุฑเขียนเปนหนังสือติดตอระหวางสวน ราชการ หรือสวนราชการมีถึงหนวยงานอื่นใดที่มิใชสวนราชการหรือมีถึงบุคคลภายนอก กรณีที่ใชหนังสือภายนอกใชติดตอราชการระหวางกระทรวงหนึ่ง หรือกรมหนึ่ง หรือจังหวัดหนึ่ง หรือสวนราชการแหงใดแหง หนึ่ง กับกระทรวงอื่น หรือกรมอื่น หรือจังหวัดอื่น หรือหนวยงานอื่น หรือกับบุคคลภายนอก รูปแบบ หนังสือภายนอกมีรูปแบบดังนี้ โครงสราง หนังสือภายนอกมีโครงสรางประกอบดวยสวนสําคัญ 4 สวน คือ หัวหนังสือ เหตุที่มีหนังสือไป จุดประสงคที่มีหนังสือไป ทายหนังสือ การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 1
2.
รายการตาง ๆ ในสวนของหัวหนังสือ ในสวนหัวหนังสือมีรายการตาง
ๆ ดังนี้ 1. ที่ ใหลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจําของเจาของเรื่อง (สวนราชการหรือหนวยงานที่ออกหนังสือ ตามที่กําหนดไวใน ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ)ทับเลขทะเบียนหนังสือสง ตัวอยาง ที่ นร. ๐๖๐๑/๑๒๕ ตัวพยัชนะ นร. คือสํานักนายกรัฐมนตรี ตัวเลข ๐๖๐๑ เปนเลขประจําของเจาของเรื่อง (๐๖ คือ สํานักงาน ก.พ. ๐๑ คือกองกลาง) ตัวเลข ๑๒๕ คือเลขทะเบียบหนังสือสง สําหรับหนังสือของคณะกรรมการใหกําหนดรหัสตัวพยัญชนะ เพิ่มขึ้นไดตามความจําเปน สําหรับหนังสือที่มีถึงผูรับจํานวนมาก โดยมีขอความอยางเดียวกัน ซึ่งเรียกวา “หนังสือเวียน” ใหเพิ่มรหัสตัวพยัชนะ “ว” หนาเลขทะเบียนหนังสือสง ซึ่งกําหนดเปนเลขที่ของหนังสือทั่วไปตามแบบหนังสือภายนอกอยางหนึ่งอยางใดก็ไดรายการนี้ ผูรางหนังสือไมตองเขียน ปลอยไวใหเปนหนาที่ของพนักงานพิมพดีดและเจาหนาที่สารบรรณดําเนินการตอไป 2. สวนราชการเจาของหนังสือ ใหลงชื่อสวนราชการ สถานที่ราชการหรือคณะกรรมการที่เปนเจาของหนังสือนั้น และโดย ปกติใหลงที่ตั้งดวย ตัวอยาง สํานักงาน ก.พ. ถนนพิษณุโลก กท. ๑๐๓๐๐ รายการนี้ ถาเปนหนังสือของกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัด ซึ่งเปนสวนราชการที่ออกหนังสืออยูเปนประจํา ผูราง หนังสือจะไมเขียนก็ได เพราะหนักงานพิมพดีดรูอยูแลวปลอยวางไวใหพนักงานพิมพดีดพิมพเองได แตถาเปนหนังสือของ คณะกรรมการ หรือหนวยงานพิเศษที่พนักงานพิมพดีดไมคุนเคยผูรางหนังสือตองเขียนดวย ขอสังเกตสวนราชการที่ลงในสวนหัว หนังสือ เปนสวนราชการเจาของหนังสือ แตสวนราชการที่ลงในสวนทายหนังสือ เปนสวนราชการเจาของเรื่อง เชน หนังสือของกรม ที่ดินกรมที่ดินเปนเจาของหนังสือและถาหนังสือนั้นจัดทําโดยกองการเจาหนาที่ กองการเจาหนาที่เปนเจาของเรื่อง 3. วัน เดือน ป ใหลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของป พ.ศ. ที่ออกหนังสือ ตัวอยาง ๕ มกราคม ๒๕๓๔ รายการนี้ ผูรางหนังสือไมตองเขียน ปลอยไวใหเปนหนาที่ของพนักงานพิมพดีดและเจาหนาที่สารบรรณดําเนินการเอง 4. เรื่อง ใหลงเรื่องยอที่เปนใจความที่สั้นที่สุดของหนังสือนั้น ในกรณีที่เปนหนังสือตอเนื่องโดยปกติใหลงเรื่องของหนังสือฉบับ เดิม รายการนี้ ผูรางหนังสือจะตองเขียน ซึ่งศึกษาวิธีเขียน “เรื่อง” ไดนตอนที่ ๒.๑ 5. คําขึ้นตนใหใชคําขึ้นตนตามฐานะของผูรับหนังสือตามที่กําหนดไวในระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ แลว ลงชื่อตําแหนงของผูที่หนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อบุคคลในกรณีที่มีหนังสือถึงตัวบุคคลโดยไมเกี่ยวกับตําแหนงหนาที่ รายการนี้ ผูรางหนังสือจะตองเขียน ซึ่งศึกษาวิธีเขียนไดในตอนที่ ๒.๑ 6. อางถึง ถามีการอางถึงหนังสือที่เคยมีติดตอกันมาที่สวนราชการผูรับหนังสือไดรับมากอนใหลงชื่อสวนราชการเจาของ หนังสือ และเลขที่หนังสือ วันเดือนป พ.ศ. ของหนังสือนั้น ตัวอยาง อางถึง หนังสือกรมวิชาการที่ ศธ. ๐๖๐๑/๕๗๘๐ ลง วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๓ รายการนี้ ผูรางหนังสือจะตองเขียน แตถาไมมีการอางถึงหนังสือที่เคยติดตอกันมาก็ไมตองเขียนรายการนี้ 7. สิ่งที่สงมาดวย ถามีสิ่งที่จะสงไปกับหนังสือนั้นดวย ก็ใหลงชื่อสิ่งของ หรือเอกสารที่สงไปกับหนังสือนั้น ในกรณีที่ไมสามารถ สงไปในซองเดียวกัน ใหแจงวาสงไปโดยทางใด ตัวอยาง สิ่งที่สงมาดวย คําชี้แจงประกอบคําขอ ๓๐ รายการนี้ ผูรางหนังสือจะตอง แตถาไมมีสิ่งใดสงไปกับหนังสือนั้น ก็ไมตองเขียนรายการนี้ ขอความในสวนเหตุที่มีหนังสือไป เหตุที่มีหนังสือไป คือ ขอความที่ผูมีหนังสือไปแจงเหตุที่ตองมีหนังสือไปยังผูรับหนังสือ ซึ่งผูรางหนังสือจะตองเขียนเองทั้งหมด เหตุที่มีหนังสือไป อาจเปนขอความตอนเดียว หรือ 2 ตอน หรือ 3 ตอน ก็ได ตัวอยางเหตุที่มีหนังสือไปตอนเดียว การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 2
3.
ดวยกรมสรรพากรจะจัดการฝกอบรมเจาหนาที่ธุรการของกรมสรรพากรจํานวน ๓๐ คน
ตามหลักสูตรการเขียนหนังสือ ราชการ ในระหวางวันที่ ๑-๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๓๔ เต็มวันในเวลาราชการ ในการนี้กรมสรรพากรใครขอใชหองฝกอบรมของ สถาบันพัฒนาขาราชการพลเรือนสํานักงาน ก.พ. สําหรับฝกอบรมดังกลาว หนังสือตามตัวอยางนี้ มีเหตุที่มีหนังสือไปเพียงตอนเดียว ซึ่งแจงไปวาจะจัดการฝกอบรม และใครขอใชหอง จบเหตุที่มี หนังสือไปเพียงแคนี้ ตอไปก็จะยอหนาขึ้นบรรทัดใหมเปนการแจงจุดประสงคที่มีหนังสือไป เชนเขียนจุดประสงควา จึงเรียนมาเพื่อขอไดโปรดอนุเคราะหใหกรมสรรพากรใชหองของสถาบันพัฒนาขาราชการพลเรือนสําหรับการฝกอบรม ดังกลาวดวย จะขอบคุณมาก ตัวอยางเหตุที่มีหนังสือไป ๒ ตอน ตามที่สํานักงาน ก.พ. ไดอนุเคราะหใหกรมสรรพากรใชหองของสถาบันพัฒนาขาราชการพลเรือนเพื่อฝกอบรม เจาหนาที่ธุรการของกรมสรรพากรตามหลักสูตรการเขียนหนังสือราชการในระหวางวันที่ ๑-๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๓๔ นั้น บัดนี้ การฝกอบรมหลักสูตรดังกลาวไดเสร็จสิ้นลงแลวในการฝกอบรมครั้งนี้ เจาหนาที่ของสถาบันพัฒนาขาราชการพล เรือนไดอํานวยความสะดวก และใหความชวยเหลืออยางดียิ่งทําใหการฝกอบรมสําเร็จเปนผลดีสมความมุงหมาย หนังสือตามตัวอยางนี้ แจงเหตุที่มีหนังสือไปมีขอความ ๒ ตอน ตอนแรกเปนขอความเริ่มตนกลาวถึงเรื่องเดิมที่ สํานักงาน ก.พ. ใหกรมสรรพากรใชหองสําหรับฝกอบรม ตอนที่ ๒ เปนขอความสืบเนื่องตอมา ซึ่งกรมสรรพากรแจงใหสํานักงาน ก.พ. ทราบวา การฝกอบรมเสร็จสิ้นแลว และไดรับความชวยเหลือจากเจาหนาที่ของสถาบันพัฒนาขาราชการพลเรือนเปนอยางดี จบเหตุที่มีหนังสือไปเพียงแคนี้ ตอไปก็จะยอหนาขึ้นบรรทัดใหม เปนการแจงจุดประสงคที่มีหนังสือไป เชน เขียนจุดประสงควา จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ ตัวอยางเหตุที่มีหนังสือไป ๓ ตอน ตามที่มีบัญชาใหกรมปาไมดําเนินการใหราษฎรในจังหวัดชุมพรที่บานเรือนเสียหายเพราะวาตภัยสําหรับปลูกสรางบานเรือนของ ตนเอง นั้น กรมปาไมไดดําเนินการตามบัญชาแลว แตยังมีตนไมที่โคนลมกระจัดกระจายอยูอีกจํานวนมาก ซึ่งใชปลูกสราง ซอมแซมบานเรือนไมได และไดรับรายงานจากจังหวัดชุมพรวาตนไมดังกลาวอาจถูกกระแสพัดพาไหลไปปะทะบานเรือนราษฎรที่ ปลูกใหมอีกเมื่อถึงฤดูฝน จังหวัดจึงขอความชวยเหลือมายังกรมปาไมใหชักลากไมเหลานั้นออกไปใหพนเขตอันตรายดังกลาว กรมปาไมไมไดพิจารณาแลวเห็นควรขอความรวมมือไปยังองคการอุตสาหกรรมปาไมเพื่อดําเนินการตามที่จังหวัดขอ ความชวยเหลือมา หนังสือตามตัวอยางสมมุติ มีเหตุที่มีหนังสือไป 3 ตอน ตอนแรก เปนขอความเริ่มตนอางถึงเรื่องเดิม ตอนที่ ๒ เปน ขอความที่บอกเรื่องสืบเนื่องตอมา และตอนที่ ๓ เปนขอความอันเปนผลสืบเนื่องตอไป จบเหตุที่มีหนังสือไปเพียงแคนี้ ตอจากนี้ จะเปนจุดประสงคที่มีหนังสือไป ซึ่งจะยอหนาขึ้นบรรทัดใหม เชน เขียนจุดประสงควา จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากชอบดวยดําริ โปรดสั่งใหองคการอุตสาหกรรมปาไม พิจารณาใหความชวยเหลือ แกจังหวัดตอไป ขอความในสวนจุดประสงคที่มีหนังสือไป จุดประสงคที่มีหนังสือไป ของหนังสือภายนอก คือขอความแสดงความมุงหมายที่มีหนังสือไปวาประสงคจะใหผูรับหนังสือทํา อะไร หรือทําอยางไร ขอความนี้ ผูรางหนังสือจะตองเขียน การเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ควรเขียนยอหนาขึ้นบรรทัดใหมเปนอีกตอน หนึ่งตางหากจาก “เหตุที่มีหนังสือไป” แมวา “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” จะอยูในความหมายของคําวา “ขอความ” ตามแบบ หนังสือภายนอก เชนเดียวกับ “เหตุที่มีหนังสือไป” โดยปกติมักจะเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ขึ้นตนดวยคําวา “จึง....” เชน จึงเรียนมาเพื่อทราบ จึงขอเรียนหารือมาวา........ การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 3
4.
จึงเรียนขอความกรุณามาเพื่อไดโปรดอนุเคราะห........ จึงขอกําชับมาเพื่อจักไดระมัดระวังมิใหเกิดกรณีเชนนี้ขึ้นอีก รายการตาง ๆ ในสวนทายหนังสือ ทายหนังสือ
ของหนังสือภายนอก จะมีรายการตาง ๆ ดังนี้ คําลงทายใหใชคําลงทายตามฐานะของผูรับหนังสือตามที่กําหนดไวในระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ รายการนี้ ผูรางหนังสือจะตองเขียน ซึ่งศึกษาวิธีเขียนไดในตอนที่ ๒ ลงชื่อ และตําแหนงใหลงลายมือชื่อเจาของหนังสือ และใหพิมพชื่อเต็มของเจาของลายมือชื่อไวใตลายมือชื่อกับลงตําแหนงของ เจาของหนังสือ รายการนี้ ผูรางหนังสือไมตองเขียน ปลอยวางไวใหหัวหนาสวนราชการเจาของหนังสือหรือผูแทนลงลายมือชื่อ และให เจาหนาที่สารบรรณเขียนหรือตีตราชื่อเต็มพรอมทั้งตําแหนงของผูลงลายมือชื่อ สวนราชการเจาของเรื่อง และโทร. ใหลงชื่อสวนราชการเจาของเรื่อง หรือหนวยงานที่ออกหนังสือ ถาเจาของหนังสืออยูใน ระดับกระทรวงหรือทบวงใหลงชื่อสวนราชการเจาของเรื่องทั้งระดับกรมและกอง ถาเจาของหนังสืออยูในระดับกรมลงมา ใหลง ชื่อสวนราชการ เจาของเรื่องเพียงระดับกองหรือหนวยงานที่รับผิดชอบ พรอมดวยหมายเลขโทรศัพทของสวนราชการเจาของ เรื่อง และหมายเลขภายในตูสาขา (ถามี) รายการนี้ ผูรางหนังสืออาจตองเขียนดวย เวนแตพนักงานพิมพดีดทราบอยูแลว ก็อาจปลอยวางไวใหพนักงานพิมพดีด พิมพเอง สําเนาสง ในกรณีที่จัดสงสําเนาใหสวนราชการหรือบุคคลอื่นทราบ และประสงคใหผูรับหนังสือทราบวาไดสงสําเนาใหผูใดทราบ แลว ใหพิมพชื่อเต็มหรือชื่อยอของสวนราชการ หรือชื่อบุคคลที่สงสําเนาไปให เพื่อใหเปนที่เขาใจระหวาผูมีหนังสือไปกับผูรับ หนังสือ ถามีรายชื่อสงสําเนาใหมาก ใหพิมพวาสงไปตามรายชื่อที่แนบ และแนบรายชื่อไปดวย รายการนี้ ถาพนักงานพิมพดีดไมทราบวาสงสําเนาใหใครบาง ผูรางหนังสือจะตองเขียนใหดวย แตถาไมมีการสงสําเนาให ใคร ก็ไมตองเขียน ลักษณะของหนังสือภายใน ความหมาย และกรณีที่ใช หนังสือภายใน คือหนังสือติดตอราชการที่เปนแบบพิธีนอยกวาหนังสือภายนอก เปนหนังสือติดต อภายในกระทรวงทบวงกรมหรือจังหวัดเดียวกัน รูปแบบ หนังสือภายใน ใชเขียนในกระดาษบันทึกขอความ มีรูปแบบดังนี้ โครงสราง หนังสือภายใน มีโครงสรางประกอบดวยสวนสําคัญ ๔ สวน คือ หัวหนังสือ เหตุที่มีหนังสือไป จุดประสงคที่มีหนังสือไป ทาย หนังสือ รายการในสวนตาง ๆ ของหนังสือภายใน รายการภายในโครงสรางสวนตาง ๆ ของหนังสือภายใน เขียนทํานองเดียวกับหนังสือภายนอก เวนแต (๑) สวนราชการ ที่เขียนในสวนหัวหนังสือของหนังสือภายใน ไมไดเขียน “สวนราชการเจาของหนังสือ” ดังเชน ที่เขียนในสวน หัวหนังสือของหนังสือภายนอก แตเขียน “สวนราชการเจาของเรื่อง” เหมือนสวนทายหนังสือของหนังสือภายนอก กลาวคือ ให ลงชื่อสวนราชการเจาของเรื่อง หรือหนวยงานที่ออกหนังสือโดยมีรายละเอียดพอสมควร โดยปกติ ถาสวนราชการที่ออกหนังสือ อยูในระดับกรมขึ้นไป ใหลงชื่อสวนราชการเจาของเรื่องทั้งระดับกรม และกอง ถาสวนราชการที่ออกหนังสืออยูในระดับต่ํากวา กรมลงมา ใหลงชื่อสวนราชการเจาของเรื่องเพียงระดับกองหรือสวนราชการเจาของเรื่อง พรอมทั้งหมายเลขโทรศัพท (ถามี) การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 4
5.
เชนเขียนวา สวนราชการ สํานักงาน ก.พ.
กองกลาง โทร. ๒๘๒๗๓๖๕ ทั้งนี้ สวนราชการ ของหนังสือภายใน ไมไดเขียนวา “สํานัก ก.พ. ถนนพิษณุโลก ก.ท.๑๐๓๐๐” ดังเชนที่เขียนในหนังสือ ภายนอก และที่ทายหนังสือของหนังสือภายใน ไมมีชื่อสวนราชการเจาของเรื่อง (๒) คําลงทาย หนังสือภายในไมมีคําลงทาย ดังเชนที่เขียนในหนังสือภายนอก ความหมาย หนังสือประทับตรา คือ หนังสือติดตอราชการที่ใชประทับตราแทนการลงชื่อของหัวหนาสวนราชการระดับกรมขึ้นไป โดยให หัวหนาสวนราชการระดับกองหรือผูที่ไดรับมอบหมายจากหัวหนาสวนราชการระดับกรมขึ้นไปเปนผูรับผิดชอบและลงชื่อยอ กํากับตรา กรณีที่ใช หนังสือประทับตราใชไดทั้งระหวางสวนราชการกับสวนราชการ หรือกับหนวยงานที่ไมใชสวนราชการ และกับ บุคคลภายนอก แตใชไดเฉพาะกรณีที่ไมใชเรื่องสําคัญ ซึ่งไดแก (๑) การขอรายละเอียดเพิ่มเติม (๒) การสงสําเนาหนังสือ สิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสาร (๓) การตอบรับทราบที่ไมเกี่ยวกับราชการสําคัญ หรือการเงิน (๔) การแจงผลงานที่ไดดําเนินการไปแลวใหสวนราชการที่เกี่ยวของทราบ (๕) การเตือนเรื่องคาง (๖) เรื่องซึ่งหัวหนาสวนราชการระดับกรมขึ้นไป กําหนดโดยทําเปนคําสั่งใหใชหนังสือประทับตรา รูปแบบ หนังสือประทับตรา มีรูปแบบดังนี้ โครงสราง หนังสือประทับตรา มีโครงสรางประกอบดวยสวนสําคัญ 4 สวน หรือ 3 สวน แลวแตเรื่อง ดังนี้ โครงสราง 4 สวน หัวหนังสือ เหตุที่มีหนังสือไป จุดประสงคที่มีหนังสือไป ทายหนังสือ โครงสราง 3 สวน หนังสือ เหตุและจุดประสงคที่มีหนังสือไป ทายหนังสือ รายการในสวนตาง ๆ ของหนังสือประทับตรา รายการภายในโครงสรางสวนตาง ๆ ของหนังสือประทับตรา เขียนทํานองเดียวกับหนังสือภายนอก เวนแต ก. สวนหัวหนังสือ (๑) ไมมีสถานที่หรือชื่อสวนราชการเจาของหนังสือในสวนหัวหนังสือ แตเอาชื่อสวนราชการเจาของหนังสือ หรือสวน ราชการที่สงหนังสือออกไปไวในสวนทายหนังสือ (๒) ไมมีวันเดือนปที่ออกหนังสือในสวนหัวหนังสือ แตเอาวันเดือนปที่ออกหนังสือไปไวในสวนทายหนังสือ (๓) ไมมีชื่อเรื่องของหนังสือ (๔) คําขึ้นตนใชคําวา “ถึง” ไมใชคําวา “เรียน” หรือ “กราบเรียน” ดังเชน ที่ใชในหนังสือภายนอก และหลังคําวา “ถึง” ให ระบุชื่อสวนราชการที่มีหนังสือถึง ไมใชระบุตําแหนงหัวหนาสวนราชการที่มีหนังสือถึงดังเชนที่ใชในหนังสือภายนอก ถึง กรมสรรพากร ไมใช “ถึง อธิการกรมสรรพากร” แตถาเปนหนังสือถึงบุคคล ก็ระบุชื่อบุคคลเชนเดียวกับหนังสือภายนอก แตใชคําขึ้นตน วา “ถึง” ไมใชคําวา “เรียน” อยางหนังสือภายนอก การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 5
6.
รายการในสวนตาง ๆ ของหนังสือประทับตรา(ตอ) ข.
สวนจุดประสงคที่มีหนังสือไป อาจเขียนจุดประสงคที่มีหนังสือไปแยกกันเปนคนละตอนกับสวนเหตุที่มีหนังสือไปหรือเขียนรวมในสวนเดียวกับสวนเหตุ ที่มีหนังสือไปโดยไมยอหนาขึ้นบรรทัดใหมก็ได เพราะหนังสือประทับตราสวนมากจะเปนหนังสือสงสําเนาหนังสือหรือสิ่งของ หนังสือตอบรับทราบหรือหนังสือเตือนเรื่องคาง ซึ่งมีขอความสั้น ๆ บางทีมีแตจุดประสงคที่มีหนังสือไปโดยไมตองอางเหตุที่ตองมี หนังสือไปก็มี เชน ตัวอยางหนังสือที่มีจุดประสงคที่มีหนังสือไป ตัวอยางหนังสือที่รวมเหตุที่มีหนังสือไปกับจุดประสงคที่มีหนังสือไป ตัวอยางแยกจุดประสงคที่มีหนังสือไปเปนคนละตอนกับเหตุที่มีหนังสือไป ค. ทายหนังสือ (๑) ไมมีคําลงทาย ดังเชนที่เขียนในหนังสือภายนอก (๒) ไมมีการลงชื่อหัวหนาสวนราชการเจาของหนังสือหรือผูแทน ดังเชนที่มีในหนังสือภายนอก แตใชตราสวนราชการประทับ และลงชื่อยอของผูไดรับมอบหมายจากหัวหนาสวนราชการกํากับตรานั้นแทน (๓) ลงวันเดือนปที่ออกหนังสือไวในสวนทายหนังสือ แทนที่จะลงในสวนหัวหนังสือดังเชนที่ลงในหนังสือภายนอก (๔) ระบุชื่อสวนราชการที่สงหนังสือออก หรือสวนราชการเจาของหนังสือไวในสวนทายหนังสือ สวนการระบุชื่อสวนราชการเจาของเรื่อง รวมทั้งหมายเลขโทรศัพทในสวนทายหนังสือคงมีเหมือนกับหนังสือ ภายนอก แตอาจตองลงสถานที่ตั้งของสวนราชการเจาของเรื่องไวในสวนนี้ดวย เพราะในหนังสือประทับตราไมไดระบุ สถานที่ตั้งไวในสวนหัวหนังสือ จึงตองนํามาระบุไวในสวนทายหนังสือ เพื่อความสะดวกในการติดตอ ตัวอยางหนังสือประทับตรา การเขียนขอความในหนังสือติดตอราชการ หนังสือติดตอราชการ มีโครงสรางประกอบดวยสวนสําคัญ 4 สวน ดังกลาวแลวในบทที่ ๑ คือ สวนหัวหนังสือ สวนเหตุที่มีหนังสือไป สวนจุดประสงคที่มีหนังสือไป สวนทายหนังสือ ภายในโครงสรางแตละสวนของหนังสือติดตอราชการมีขอความรายละเอียดที่ตองการเขียนใหถูก เชน ในสวนหัวหนังสือ มีชื่อเรื่อง และคําขึ้นตน ซึ่งจะตองเขียนใหถูก ในสวนเหตุที่มีหนังสือไป จะตองเขียนเริ่มตนดวยคําที่เหมาะสม อางเหตุที่มีหนังสือไปใหถูกและใชคําสรรพนามใหเหมาะสม ในสวนจุดประสงคที่มีหนังสือไป จะตองเขียนใหตรงกับลักษณะของเรื่อง และความมุงหมายที่มีหนังสือไป ในสวนทายหนังสือ จะตองเขียนคําลงทายในหนังสือภายนอกใหถูก และเขียนรายการอื่น ๆ ในหนังสือทุกชนิดใหถูกตอง การเขียนขอความในสวนหัวหนังสือ ในสวนหัวหนังสือของหนังสือติดตอราชการ มีรายการสําคัญที่ผูรางหนังสือจะตองเขียนอยู ๒ รายการ คือ เรื่อง “เรื่อง” คือ ใจความที่ยอสั้นที่สุดของหนังสือ ผูรางหนังสือมักจะประสบกับปญหาวา ยอใจความของหนังสือใหสั้นที่สุด ไดอยางไร และควรเขียนชื่อเรื่องของหนังสือแตละฉบับวาอยางไร “เรื่อง” จะตองเขียนเฉพาะในหนังสือภายนอก และหนังสือภายในเทานั้น สวนหนังสือประทับตรา ไมตองเขียน “เรื่อง” คําขึ้นตน คําขึ้นตน ตองเขียนทั้งในหนังสือภายนอก หนังสือภายใน และหนังสือประทับตราโดยใชคําตามที่กําหนดไวในระเบียบ สํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 6
7.
การเขียน “เรื่อง” การเขียน “เรื่อง”
ของหนังสือภายนอกและหนังสือภายใน ตองเขียนใหบรรลุจุดมุงหมายอยางนอย ๒ ประการ คือ ประการที่ ๑ ใหพอรูใจความที่ยอสั้นที่สุดของหนังสือ ประการที่ ๒ ใหสะดวกแกการเก็บคนอางอิง “เรื่อง” ที่เขียนดี จะมีลักษณะดังนี้ (๑) ยอสั้นที่สุด ไมควรใหยาวเกินกวา ๒ บรรทัด ยิ่งถายอใหไดเพียงครึ่งบรรทัดยิ่งดี (๒) เปนประโยคหรือวลี เพราะถาเปนเพียงคํานาม หรือคํากริยา จะไมไดใจความ (๓) พอรูใจความวาเปนเรื่องอะไร เพราะผูรับหนังสือยอมอยากจะทราบในเบื้องตน กอนอานละเอียดทั้งฉบับวาเปนเรื่อง เกี่ยวกับอะไร (๔) เก็บคนอางอิงไดงาย กลาวคือ ผูเก็บ พออานชื่อเรื่อง ก็สามารถแยกเก็บเขาหมวดหมูตามประเภทเรื่องได โดยไมตองอานรายละเอียดทั้งฉบับ ผูคน พอบอกชื่อเรื่อง ก็สามารถคนหาไดโดยไมยุงยากสับสน ผูอางอิง สามารถบอกชื่อเรื่องใหผูอื่นเขาใจไดโดยไมสับสนไขวเขว เพื่อใหเก็บคนอางอิงไดงายนี่เอง ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณจึงกําหนดวา ในกรณีที่เปน หนังสือตอเนื่อง โดยปกติใหลงชื่อเรื่องของหนังสือฉบับเดิม คือ ถาหนังสือฉบับเดิมที่มีไปมาติดตอกันมากอนใชชื่อเรื่องอยางไร หนังสือฉบับตอไปที่มีไปอีกในเรื่องนั้น โดยปกติใหใชชื่อเรื่องของหนังสือฉบับเดิม หรือถาอางถึงหนังสือฉบับเดิมที่ผูรับหนังสือมี มาโดยใชชื่อเรื่องอยางไร หนังสือที่จะมีตอบไปโดยปกติควรใชชื่อเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อใหเก็บคนอางอิงไดงาย อยางไรก็ดี ถาหนังสือฉบับเดิมที่มีไปหรือมีมาเขียนชื่อเรื่องไมดีหรือเขียนไมถูกจะปรับปรุงถอยคําใหดีขึ้น หรือให ถูกตองก็ได หรือถาไมเหมาะที่จะใชชื่อเรื่องของหนังสือฉบับเดิม จะใชชื่อเรื่องใหมใหเหมาะโดยมีเคาความใกลเคียงกับชื่อเรื่อง เดิมก็ได เชน หนังสือฉบับเดิมที่ผูรับหนังสือมีมาเปนคําขอ ซึ่งอาจจะเปน ขออนุมัติ ขออนุญาต ขอผอนผัน ขอความอรุเคราะห หรือของเงินหรือสิ่งของใด ๆ หนังสือฉบับเดิมนั้นอาจใชชื่อเรื่องวา ขออนุมัติเลื่อนเงินเดือนขาราชการเปนกรณีพิเศษ ขออนุญาตนําเงินตราออกนอกประเทศ ขอผอนผันการคัดเลือกเขารับราชการทหาร ขอความอนุเคราะหชวยเหลือคาใชจายในการสัมมนา หนังสือที่ตอบคําขอเหลานี้ไป ถาใชชื่อเรื่องเดิม ความจะกลายเปนวา ผูตอบกลับเปนผูขอไปยังผูขอ ซึ่งไมถูกตอง จึงควรจะ ปรับปรุงชื่อเรื่องที่ตอบไป โดยเติมคําวา “การ” ลงไปขางหนา เปน การขออนุมัติเลื่อนเงินเดือนขาราชการเปนกรณีพิเศษ การขออนุญาตนําเงินตราออกนอกประเทศ การขอผอนผันการคัดเลือกเขารับราชการทหาร การขอความชวยเหลือคาใชจายในการสัมมนา หรือถาเปนกรณีตอบวาใหตามคําขอ จะตอบโดยใชชื่อเรื่องดังนี้ก็ได คือ อนุมัติใหเลื่อนเงินเดือนขาราชการเปนกรณีพิเศษ อนุญาตใหนําเงินตราออกนอกประเทศ ผอนผันการคัดเลือกเขารับราชการทหาร ชวยเหลือคาใชจายในการสัมมนา แตถาเปนกรณีตอบวา ไมอนุมัติ ไมอนุญาต ไมผอนผัน ไมอนุเคราะหชวยเหลือ ไมพึ่งใชเรื่องในลักษณะปฏิเสธ ไมอนุมัติใหเลื่อนเงินเดือนขาราชการเปนกรณีพิเศษ ไมอนุญาตใหนําเงินตราออกนอกประเทศ การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 7
8.
ไมผอนผันการคัดเลือกเขารับราชการทหาร ไมชวยเหลือคาใชจายในการสัมมนา ทั้งนี้ เพราะถาใชชื่อเรื่องในลักษณะปฏิเสธเชนนี้ อาจทําใหผูรับหนังสือรูสึกไมพอใจและเสียความสัมพันธอันดีตอกันไป ในกรณีที่ตองตอบปฏิเสธดังกลาว
ควรใชชื่อเรื่องโดยเติมคําวา “การ” ลงขางหนาชื่อเรื่องเดิมดังกลาวขางตน เชน การขออนุมัติใหเลื่อนเงินเดือนขาราชการเปนกรณีพิเศษ การขอความชวยเหลือคาใชจายในการสัมมนา ดังนี้ เปนตน (5)แยกความแตกตางจากเรื่องอื่นได ชื่อเรื่องแตละเรื่องควรเปนชื่อเฉพาะเรื่องนั้น ซึ่งไมซ้ํากับเรื่องอื่น เพราะถาตั้งชื่อเรื่องซ้ํา กับเรื่องอื่นโดยไมสามารถแยกความแตกตางจากเรื่องอื่นได จะทําใหสับสน ไมสะดวกแกการเก็บคนอางอิง ตัวอยาง “เรื่อง” ที่ยาวเกินจําเปน ตัวอยาง “เรื่อง” ที่ไมเปนประโยคหรือวลี ตัวอยาง “เรื่อง” ที่ไมรูใจความ ตัวอยาง “เรื่อง” ที่แยกความแตกตางจากเรื่องอื่นไมได การเขียนคําขึ้นตน ก. คําขึ้นตนของหนังสือภายนอกและหนังสือภายใน คําขึ้นตนของหนังสือภายนอก และหนังสือภายในใชเหมือนกัน โดยใชตามฐานะของผูรับหนังสือตามที่กําหนดไวใน ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ คือ หนังสือถึงพระบรมวงศานุวงศใชคําขึ้นตนตามที่กําหนดไวในระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ หนังสือถึงพระภิกษุใชคําขึ้นตนตามที่กําหนดไวในระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ หนังสือถึงผูดํารงตําแหนงสูงเปนพิเศษ หนังสือถึงผูดํารงตําแหนงสูงเปนพิเศษดังตอไปนี้ ใชคําขึ้นตนวา “กราบเรียน” คือ ประธานองคมนตรี ประธานศาลปกครองสูงสุด นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานรัฐสภา ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแหชาติ ประธานวุฒิสภา ประธานกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ ประธานสภาผูแทนราษฎร ประธานกรรมการตรวจเงินแผนดิน ประธานศาลฏีกา ผูตรวจการแผนดินรัฐสภา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบุรุษ หนังสือถึงผูดํารงตําแหนงอื่นหรือบุคคลอื่น หนังสือถึงผูดํารงตําแหนงอื่นนอกจากที่กลาวในขอ (๓) และถึงบุคคลอื่นนอกจากที่ กลาวในขอ (๑) และขอ (๒) ใชคําขึ้นตนวา “เรียน” เหมือนกันทั้งหมด ข. คําขึ้นตนของหนังสือประทับตรา คําขึ้นตนของหนังสือประทับตรา ใชคําวา “ถึง” คําเดียวเหมือนกันหมดทุกกรณี และถาถึงสวนราชการ หรือหนวยงาน ก็ตอทายดวยชื่อสวนราชการหรือหนวยงาน ไมไดตอดวยตําแหนงของหัวหนาสวนราชการหรือหนวยงาน แบบฝกปฏิบัติและเฉลย (ไฟล pdf) การเขียนขอความในสวนเหตุที่มีหนังสือไป ลักษณะของเหตุที่มีหนังสือไป เหตุที่มีหนังสือไป คือ ขอความที่ผูมีหนังสือไปแจงไปยังผูรับหนังสือ เปนการบอกกลาววาเหตุใดจึงตองมีหนังสือไป ซึ่งจะ เขียนยอหนาตอจากคําขึ้นตน เหตุที่มีหนังสือไปของหนังสือภายนอก และหนังสือภายใน อาจเปนขอความตอนเดียว หรือ ๒ ตอน หรือ ๓ ตอน แลวแตกรณี ซึ่งอาจกลาวถึงเหตุที่มีหนังสือไปเพียงตอนเดียวแลวก็แจงจุดประสงค หรือกลาวถึงเรื่องเดิมที่เคยติดตอกันมาตอน หนึ่ง และเรื่องสืบเนื่องตอมาอีกตอนหนึ่ง แลวก็แจงจุดประสงค หรือกลาวถึงเรื่องเดิมที่เคยติดตอกันมาตอนหนึ่ง เรื่องสืบเนื่อง การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 8
9.
ตอมาอีกตอนหนึ่ง และผลสืบเนื่องตอไป หรือเรื่องเกี่ยวของอีกตอนหนึ่ง
แลวก็แจงจุดประสงค แลวแตกรณี ดังตัวอยางที่กลาวแลวในตอนที่ ๑.๑ เรื่องที่ ๑.๑.๖ สวนเหตุที่มีหนังสือไปของหนังสือประทับตรา มักจะเปนขอความตอนเดียว เพราะเปนเรื่องที่ไมมีสาระสําคัญมากนัก คําเริ่มตนแจงเหตุที่มีหนังสือไป การเริ่มตนแจงเหตุที่มีหนังสือไปของหนังสือภายนอกและหนังสือภายใน จะเริ่มดวยคําใด คําหนึ่งใน ๕ คํา ดังตอไปนี้ ดวย เนื่องจาก ตาม ตามที่ อนุสนธิ สวนคําเริ่มตนของหนังสือประทับตรา จะเริ่มดวยคําวา “ดวย” “เนื่องจาก” “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” แลวแตกรณีอยาง หนังสือภายนอก และหนังสือภายใน ก็ได ในบางกรณีหนังสือประทับตรา เปนหนังสือที่แจงความประสงคไปเลย ก็อาจเขียนเพียงจุดประสงคที่มีหนังสือไปโดยไม ตองบอกเหตุที่มีหนังสือไปก็ได การเริ่มตนโดยใชคําวา “ดวย” หรือ “เนื่องจาก” การเริ่มตนโดยใชคําวา “ดวย” หรือ “เนื่องจาก” ใชในกรณีที่เปนเรื่องใหม ซึ่งไมเคยติดตอหรือรับรูกันมากอนระหวางผู มีหนังสือไปกับผูรับหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนั้น การใชคําวา “ดวย” การเริ่มตนโดยใชคําวา “ดวย” ควรใชในกรณีที่บอกกลาวเลาเหตุที่มีหนังสือไปโดยเกริ่นขึ้นมาลอย ๆ การใชคําวา “เนื่องจาก” การเริ่มตนโดยใชคําวา “เนื่องจาก” ควรใชในกรณีที่อางเปนเหตุอันหนักแนนจําเปนตองมีหนังสือไป เพื่อใหผูรับหนังสือ ดําเนินการอยางใดอยางหนึ่ง การเริ่มตนโดยใชคําวา “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” การเริ่มตนโดยใชคําวา “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” ใชในกรณีที่เคยมี เรื่องติดตอหรือรับรูกันมากอน ระหวางผูมี หนังสือไปกับผูรับหนังสือ ซึ่งจะอางเรื่องที่เคยติดตอหรือรับรูกันมากอนดังกลาวนั้น เชน การใชคําวา “ตาม” การเริ่มตนโดยใชคําวา “ตาม” จะตอดวยคํานาม เชน ตามหนังสือที่อางถึง...........................................นั้น การใชคําวา “ตามที่” การเริ่มตนโดยใชคําวา “ตามที่” จะตอดวยประโยค เชน ตามที่มีขาวในหนังสือพิมพวา...............................นั้น การใชคําวา “อนุสนธิ” การเริ่มตนโดยใชคําวา “อนุสนธิ” จะตอดวยคํานาม เชน อนุสนธิมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่..........เมื่อวันที่.................ให.......................................................................นั้น การเขียนเหตุที่มีหนังสือไป เหตุที่มีหนังสือไป ซึ่งเขียนในเนื้อเรื่องของหนังสือ อาจมีที่มาจากหลายทาง เชน (1) เหตุจากผูมีหนังสือไป (2) เหตุจากบุคคลภายนอก (3) เหตุจากเหตุการณที่ปรากฏขึ้น (4) เหตุจากผูรับหนังสือ การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 9
10.
(1) เหตุจากผูมีหนังสือไป เหตุที่มีหนังสือไป
อาจเกิดจากผูมีหนังสือไปเอง เชน ขอพึงสังเกต เหตุที่มีหนังสือไปซึ่งเกิดจากผูมีหนังสือไปเอง มีไดทั้งเรื่องใหม ที่ไมเคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ดวย” หรือ “เนื่องจาก” (ดังตัวอยาง ๑) และมีไดทั้ง เรื่องที่เคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” (ดังตัวอยาง ๒) (2) เหตุจากบุคคลภายนอก เหตุที่มีหนังสือไป อาจเกิดจากบุคคลภายนอก โดยบุคคลภายนอกวามา หรือขอมา หรือแจงความ ประสงคมา หรือบุคคลภายนอกกระทําการอยางใดอยางหนึ่งที่เปนเหตุใหตองมีหนังสือไปเชน ขอพึงสังเกต เหตุที่มีหนังสือไป ซึ่งเกิดจากบุคคลภายนอก มีไดทั้งเรื่องใหม ที่ไมเคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ดวย” หรือ “เนื่องจาก” (ดังตัวอยาง ๑) และมีไดทั้ง เรื่องที่เคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” (ดังตัวอยาง ๒) (3) เหตุจากเหตุการณที่ปรากฏขึ้น เหตุที่มีหนังสือไป อาจเกิดจากเหตุการณที่ปรากฏขึ้น ซึ่งเปนเหตุใหตองมีหนังสือไป เชน ขอพึงสังเกต เหตุที่มีหนังสือไป ซึ่งเกิดจากเหตุการณที่ปรากฏขึ้น มีไดทั้งเรื่องใหม ที่ไมเคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวย คําวา “ดวย” หรือ “เนื่องจาก” (ดังตัวอยาง ๑) และมีไดทั้ง เรื่องที่เคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” (ดังตัวอยาง ๒) (4) เหตุจากผูรับหนังสือ เหตุที่มีหนังสือไป อาจเกิดจากผูรับหนังสือนั้นเอง โดยผูรับหนังสือแจงมา หรือขออะไรมา หรือผูรับ หนังสือกระทําการอยางใดอยางหนึ่งซึ่งเปนเหตุใหตองมีหนังสือไป เชน ขอพึงสังเกต เหตุที่มีหนังสือไป ซึ่งเกิดจากผูรับหนังสือ มีไดทั้งเรื่องใหม ที่ไมเคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ดวย” หรือ “เนื่องจาก” (ดังตัวอยาง ๑) และมีไดทั้ง เรื่องที่เคยติดตอหรือรับรูกันมากอน ซึ่งเริ่มตนดวยคําวา “ตาม” “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” (ดังตัวอยาง ๒) การใชคําสรรพนาม คําสรรพนามที่ใชแทนเจาของหนังสือและผูรับหนังสือ ใชดังนี้ ก. หนังสือถึงพระบรมวงศานุวงศ ข. หนังสือถึงพระภิกษุ ค. หนังสือถึงผูดํารงตําแหนงสูงเปนพิเศษ ง. หนังสือถึงหัวหนาสวนราชการ หรือหัวหนาหนวยงาน จ. หนังสือถึงบุคคลธรรมดาทั่วไป ก.หนังสือถึงพระบรมวงศานุวงศ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ กําหนดใหใชคําสรรพนามแทนเจาของ หนังสือและผูรับหนังสือ ข. หนังสือถึงพระภิกษุ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ กําหนดใหใชคําสรรพนามแทนเจาของหนังสือและ ผูรับหนังสือ ค. หนังสือถึงผูดํารงตําแหนงสูงเปนพิเศษ ผูดํารงตําแหนงสูงเปนพิเศษ ไดแก ประธานองคมนตรี ประธานศาลปกครองสูงสุด นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานรัฐสภา ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแหชาติ ประธานวุฒิสภา ประธานกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ ประธานสภาผูแทนราษฎร ประธานกรรมการตรวจเงินแผนดิน การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 10
11.
ประธานศาลฏีกา ผูตรวจการแผนดินรัฐสภา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบุรุษ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ
ใหใชคําสรรพนามแทนเจาของหนังสือวา “ขาพเจา” หรือกระผม” หรือ “ผม” (ชาย) หรือ “ดิฉัน” หรือ “ขาพเจา” (หญิง) และแทนผูรับหนังสือวา “ทาน” อยางไรก็ดี การใชคําสรรพนามแทนผูรับหนังสือวา “ทาน” อาจเปนที่ระคายหูสําหรับผูรับหนังสือที่เปนผูใหญ ถาละไวใน ฐานที่เขาใจเสียไดโดยไมเอยถึงคําสรรพนามแทนผูรับหนังสือวา “ทาน” อาจจะเหมาะสมกวา เชน แทนที่จะเขียนวา ขอทานไดโปรด ก็ละคําวา “ทาน” ไวในฐานที่เขาใจเสีย โดยเขียนเพียงวา ขอไดโปรด อยางนี้จะ เหมาะสมกวา สวนคําสรรพนามแทนชื่อผูมีหนังสือไป ถาเปนหนังสือจากสวนราชการ เชน จากกระทรวงหรือกรม ก็เปนหนังสือของ สวนราชการ ไมใชหนังสือของบุคคลผูลงชื่อในหนังสือนั้นจึงไมใชสรรพนามแทนเจาของหนังสือวา “ขาพเจา” “กระผม” “ผม” หรือ “ดิฉัน” แตใชชื่อสวนราชการที่มีหนังสือไป เชน กรมสรรพากรขอกราบเรียนวา......................................... หรือไมก็ละไวในฐานที่เขาใจโดยไมระบุชื่อสวนราชการที่มีหนังสือไปเลยก็ได เชน ขอกราบเรียนวา................................................................. ง. หนังสือถึงหัวหนาสวนราชการหรือหัวหนาหนวยงาน ถาเปนหนังสือจากบุคคล ใชคําสรรพนามแทนเจาของหนังสือวา “ขาพเจา” หรือ “กระผม” หรือ “ผม” (ชาย) หรือ “ขาพเจา” หรือ “ดิฉัน” (หญิง) หรือไมก็ละไวในฐานที่เขาใจ เชน แทนที่จะเขียนวา ขาพเจาขอเรียนวา........................................ ก็ละคําวา “ขาพเจา” ไวในฐานที่เขาใจ โดยเขียนเพียงวา ขอ เรียนวา..................................................................................... สวนคําสรรพนามแทนผูรับหนังสือ ไมใชคําวา “ทาน” เพราะเปนหนังสือถึงสวนราชการ ไมใชถึงตัวบุคคล จึงใชชื่อสวน ราชการที่มีหนังสือถึงนั้นเอง เชน ขอกรมสรรพากรไดโปรด..........................................หรือไมก็ละชื่อผูรับหนังสือไวในฐานที่เขาใจ โดยเขียนเพียงวา ขอไดโปรด........................................................................ ถาเปนหนังสือจากสวนราชการ ไมใชคําสรรพนามแทนเจาของหนังสือวา “ขาพเจา” หรือ “กระผม” หรือ “ผม” เพราะเปนหนังสือของสวนราชการ ไมใชหนังสือของตัวบุคคลผูลงชื่อในหนังสือ จึงใชชื่อสวนราชการที่มีหนังสือไปนั้นเอง เชน กรมสรรพากรขอเรียนวา..........................................หรือไมก็ละไวในฐานที่เขาใจโดยไมระบุชื่อสวนราชการที่มีหนังสือไปเลยก็ ได เชน ขอเรียนวา................................................................. สวนคําสรรพนามแทนผูรับหนังสือ เนื่องจากเปนหนังสือถึงสวนราชการ มิใชถึงตัวบุคคล จึงใชคําวา “ทาน” ไมได ตองใชชื่อสวนราชการผูรับหนังสือ เชน ขอกรมสรรพากรไดโปรด..........................................หรือไมก็ละชื่อผูรับหนังสือไวในฐานที่เขาใจ โดยเขียนเพียงวา ขอไดโปรด........................................................................ จ. หนังสือถึงบุคคลธรรมดาทั่วไป หนังสือถึงบุคคลธรรมดาทั่วไป ซึ่งมิใชกรณีตามขอ ก. ขอ ข. ขอ ค. และ ขอ ง. ระเบียบสํานัก นายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณใหใชคําสรรพนามแทนเจาของหนังสือวา “ขาพเจา” “กระผม” หรือ “ผม” (ชาย) และ “ขาพเจา” หรือ “ดิฉัน” (หญิง) ใชสรรพนามแทนผูรับหนังสือวา “ทาน” อยางไรก็ดี คําสรรพนามแทนผูรับหนังสือวา “ทาน” หากละไวในฐานที่เขาใจไดก็ควรละไวโดยไมระบุคําวา “ทาน” เพื่อไมใหเปนที่ระคายหูผูรับหนังสือที่เปนผูใหญ เชนแทนที่จะเขียนวา ขอทานไดโปรด................................................................... ก็ละคําวา “ทาน” ไวในฐานที่เขาใจ คงเขียนเพียงวา การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 11
12.
ขอไดโปรด...................................................................... สวนคําสรรพนามแทนผูมีหนังสือไป หากเปนหนังสือจากสวนราชการ ก็เปนหนังสือของสวนราชการ
ไมใชหนังสือของ บุคคลผูลงชื่อในหนังสือนั้น จึงไมใชคําวา “ขาพเจา” “กระผม” “ผม” หรือ “ดิฉัน” แตใชชื่อสวนราชการที่มีหนังสือไป เชน กรมสรรพากรขอเรียนวา..........................................หรือไมก็ละชื่อผูรับหนังสือไวในฐานที่เขาใจ คงเขียนเพียงวา ขอไดโปรด........................................................................ การเขียนขอความในสวนจุดประสงค ลักษณะของ “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ในรูปแบบหนังสือติดตอราชการ ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณทั้งหนังสือภายนอก หนังสือ ภายใน และหนังสือประทับตรา จะมีสวนสําคัญที่เรียกวา “ขอความ” ใน “ขอความ” นี้อาจแบงไดเปนสวนยอย 2 สวน คือ สวน ที่เปน “เหตุที่มีหนังสือไป” และสวนที่เปน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” “เหตุที่มีหนังสือไป” จะบอกวามีเหตุอยางไร จึงตองมีหนังสือไป “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” จะบอกความมุงหมายที่มีหนังสือไปวาประสงคจะใหผูรับหนังสือทําอะไร หรือทําอยางไร ดังนั้น “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” จึงเปน ผล ของเหตุที่มีหนังสือไปในลักษณะดังนี้ “ดวย” ตาม (เหตุที่มีหนังสือไป)................................................ ..................................................................................................จึง (จุดประสงคที่มีหนังสือไป)................................................... .................................................................................................. ทั้งนี้ โดยเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” เปนขอความยอหนาขึ้นบรรทัดใหมเปนคนละตอนกับ “เหตุที่มีหนังสือไป” แตสําหรับหนังสือประทับตราซึ่งมีขอความสั้น ๆ อาจเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” รวมไวในตอนเดียวกับ “เหตุที่มีหนังสือ ไป” โดยไมยอหนาก็ไดหรือบางกรณีหนังสือประทับตราอาจมีแต “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” โดยไมมีเหตุที่มีหนังสือไปก็มีดังที่ ไดกลาวมาแลวในเรื่องที่ ๑.๓.๕ โดยที่ “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” มีลักษณะดังกลาว จึงมักจะเขียนเริ่มตน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” วา จึง........................................................................... ทั้งนี้ “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” อาจมีลักษณะ และความมุงหมายอยางใดอยางหนึ่ง ดังตอไปนี้ ตัวอยาง “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” วิธีเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” การเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ตองเขียนใหผูรับหนังสือรูชัดเจนวา ผูมีหนังสือไปมีจุดประสงคที่จะใหผูรับหนังสือทําอะไร หรือทําอยางไร สําหรับหนังสือภายนอก และหนังสือภายใน ซึ่งมีขอความยาว ควรเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” โดยยอหนาขึ้นบรรทัด ใหมแยกตางหากจาก “เหตุที่มีหนังสือไป” ไมควรเขียนรวมไวในตอนเดียวกัน “เหตุที่มีหนังสือไป” การเขียนแจง “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ไปยังผูรับหนังสือในบางเรื่อง อาจตองมีขอความประกอบบางอยาง เพื่อความสมบูรณ เพื่อความสละสลวย เพื่อความสุขภาพ เพื่อโนมนาวจูงใจ หรือเพื่อผูกมัดจิตใจ คําขอรอง ในกรณีที่จะตองขอใหผูรับหนังสือชวยทําอะไรบางอยางให จะตองเขียน “คําขอรอง” ประกอบ “จุดประสงคที่มี หนังสือไป” เพื่อความสุภาพ และโนมนาวจูงใจใหผูรับหนังสือยินดีทําตามจุดประสงค เชน จึงเรียนมาเพื่อโปรดนําเสนอ ก.พ. พิจารณาตอไปดวย จึงเรียนขอความอนุเคราะหมา เพื่อขอไดโปรดอนุญาตใหใชหองฝกอบรมดังกลาวดวย จึงเรียนขอความกรุณามาเพื่อไดโปรดชวยเหลือคาใชจายในการนี้ตามสมควรดวย การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 12
13.
คําขอบคุณ ในกรณีที่จะตองขอความชวยเหลือจากผูรับหนังสือ ควรเขียน
“คําขอบคุณ” ประกอบเพื่อใหเปนไปตามประเพณีใน สังคม และผูกมัดจิตใจของผูรับหนังสือใหชวยเหลือตามจุดประสงค เชน จึงเรียนมาเพื่อโปรดนําเสนอ ก.พ. พิจารณาตอไปดวย จะขอบคุณมาก จึงเรียนมาเพื่อขอไดโปรดพิจารณาอนุญาตดวย จะเปน พระคุณยิ่ง จึงเรียนมาเพื่อขอไดโปรดชวยเหลือคาใชจายในการนี้ตามสมควรดวย ทั้งนี้หวังเปนอยางยิ่งวาคงจะไดรับความกรุณาจาก ทาน จึงขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ เรื่องเกี่ยวเนื่อง ในบางกรณีมีเรื่องเกี่ยวเนื่องที่จะตองแจงไปยังผูรับหนังสือดวย ก็เขียนเรื่องเกี่ยวเนื่องนั้นตอจาก “จุดประสงคที่ มีหนังสือไป” เรื่องอื่นที่ไมเกี่ยวเนื่อง ถาเรื่องที่แจงไปมีจุดประสงคอยางหนึ่ง และมีเรื่องอื่นที่ไมเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนั้นแตจะถือโอกาสแจงไป ดวย ก็อาจเขียนตอจาก “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” โดยยอหนาขึ้นตอนใหม เริ่มตนดวยคําวา “อนึ่ง” เชน จึงเรียนมาเพื่อทราบ อนึ่ง ตั้งแตวันที่......................................เปนตนไป สํานักงานนี้จะยายไปอยูที่................................และเปลี่ยน เลขหมายโทรศัพทเปน.................................หากจะติดตอ ตั้งแตวันดังกลาว ขอไดโปรดติดตอตามสถานที่ และเลขโทรศัพทใหมนี้ หลักในการเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” การเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ในหนังสือติดตอราชการ พึงยึดหลัก ดังนี้ หลักประการที่ 1 เขียนใหตรงกับลักษณะและความมุงหมาย เมือจะเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ในลักษณะใด โดยมีความมุงหมายอยางไรก็ตองเขียนในลักษณะนั้น โดยมีขอความ แสดงความมุงหมายอยางนั้น ดังตัวอยางที่ยกมาใหเห็นแลวในหัวขอ “ลักษณะของจุดประสงคที่มีหนังสือไป” ขางตน หลักประการที่ 2 เขียนแจงจุดประสงคใหชัดเจน การเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ในหนังสือติดตอราชการ ตองเขียนแจงจุดประสงคใหชัดเจนวา ผูมีหนังสือไปตองการให ผูรับหนังสือทําอะไร หรือทําตองการอยางไร ถามีจุดประสงคหลายประการ ก็ตองแจงใหครบทุกประการ เชน (๑) ถาจุดประสงคตองการถาม และขอใหตอบดวยก็ตองเขียนทั้งถามและขอใหตอบดวย ตัวอยาง จึงเรียนมาเพื่อขอทราบวา ทานจะไปรวมงานนี้ไดหรือไม ขอไดโปรดแจงใหทราบดวยจะขอบคุณมาก (๒) ถาจุดประสงคตองการขอหลาย ๆ อยาง ก็ตองเขียนคําขอใหครบทุกอยาง ตัวอยาง จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอไดโปรดไปรวมประชุมตามวัน เวลา และสถานที่ดังกลาวดวย หลักประการที่ 3 เขียนโดยใชถอยคําใหเหมาะสมตามควรแกกรณี การเขียน “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” ในหนังสือติดตอราชการ ตองใชถอยคําใหเหมาะกับบุคคล และลักษณะของจุดประสงค เชน (๑) ถาหนังสือถึงผูดํารงตําแหนงที่ใชคําขึ้นตนวา “เรียน” ก็เขียนจุดประสงควา “จึงเรียน..........” ถาหนังสือถึงผู ดํารงตําแหนงที่ใชคําขึ้นตนวา “กราบเรียน” ก็ตองเขียนจุดประสงควา “จึงกราบเรียน...............” (๒) ถาลักษณะ “จุดประสงคที่มีหนังสือไป” เปน “คําขอ” ควรเพิ่มคําวา “โปรด” และตอทายดวย “คําขอบคุณ” ซึ่งโดยทั่วไปมักจะใชวา “จะขอบคุณมาก” แตถาเปนหนังสือถึงผูใหญอาจใชคําวา “จะเปนพระคุณยิ่ง” ตัวอยาง (หนา๗๑) การเขียนหนังสือราชการ เสริมทักษะในการเขียนหนังสือราชการ หนา 13
Download now