More Related Content
Similar to การเพ มข_อม_ลลงฐานข_อม_ลด_วยภาษา jsp&sql
Similar to การเพ มข_อม_ลลงฐานข_อม_ลด_วยภาษา jsp&sql (16)
More from Bongza Naruk (6)
การเพ มข_อม_ลลงฐานข_อม_ลด_วยภาษา jsp&sql
- 2. 2
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
DAO (Data Access Objects)
เป็น application program interface (API)กับ Visual
Basic ของ Microsoft ที่ให้ผู้เขียนโปรแกรมขอเข้าถึงฐานข้อมูล
Microsoft Access ได้ DAO เป็นอินเตอร์เฟซแรกแบบ object-
oriented กับฐานข้อมูลของ เพื่อให้ programmer สามารถเข้าใช้
งาน database ประเภทต่างๆ ได้โดยง่าย
JavaBean
ในการเขียน JSP สําหรับระบบใหญ่ๆ ส่วนใหญ่จะไม่นิยมใส่
java code ลงไปในไฟล์ JSP สิ่งที่ อยู่ในไฟล์มักจะเป็นเพียง HTML
code และค่าของ variables(data) ต่างๆ ที่ได้มาจาก JavaBeans
เท่านั้น
ข้อดีของ การใช้ JavaBean
- สามารถทํางานได้บนทุกๆ ระบบปฏิบัติการ โดยที่ไม่ต้องทําการ
Compile ใหม่ทุกครั้ง
- มีการ load ลงหน่วยความจําเพียงครั้งเดียวจนกว่าจะมีการเลิกใช้งาน
โปรแกรม
- สามารถนํา Component ที่เขียนมาแล้ว กลับมาใช้ใหม่ได้อีก
- สามารถนําความรู้ที่ใช้ในภาษา Java มาใช้ในการเขียนโปรแกรม
ร่วมด้วยได้
JSP & Servlet
JavaServer Pages (JSP) เป็นเทคโนโลยีการเขียนโปรแกรมฝั่ง
เซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยให้การสร้างหน้าเว็บแบบไดนามิกและการประยุกต์ใช้
ซึ่งทําได้โดยการฝังรหัส Java เป็น HTML, XML, DHTML, หรือ
ประเภทเอกสารอื่น ๆ เมื่อเว็บเบราว์เซอร์ทําให้คําขอไปยังที่เก็บ
โปรแกรม Java ซึ่งตามปกติจะเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์, หน้าคงถูกแปลงอยู่
เบื้องหลังและ แสดงเป็นเนื้อหาแบบไดนามิกกับตัว JSP
- 3. 3
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
Servlets เป็น Componet ด้านเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพ ใน
การพัฒนาโปรแกรมฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทําหน้าที่ จัดการกับ request และ
response ต่างๆ และส่งค่าไปแสดงผลใน JSP
ภาพที่อธิบายถึงการทํางานของ Servlet และ JSP เมื่อมีผู้ใช้มา
ใช้งานหน้าเว็ปผ่าน เว็ป Browser ซึ่งการทํางานคือ เราจะมี Web
server application ตัวนึงเช่น Apache Tomcat ไว้รองรับ
request ต่างๆๆ แล้วก็จะส่งต่อให้ container ไปเรียก servlet ให้ทํา
งานตามที่ request มาเช่น request ไปเพื่อขอข้อมูลลูกค้า servlet ก็
จะไปทําการดึงข้อมูลลูกค้าออกมา แล้วก็ส่งค่าต่างๆๆไปที่ JSP
เอสคิวแอล (SQL)
SQL ย่อมาจาก structured query language คือภาษาที่ใช้
ในการเขียนโปรแกรม เพื่อจัดการกับฐานข้อมูลโดยเฉพาะ เป็นภาษา
มาตราฐานบนระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์และเป็นระบบเปิด (open
- 4. 4
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
system) หมายถึงเราสามารถใช้คําสั่ง sql กับฐานข้อมูลชนิดใดก็ได้
และ คําสั่งงานเดียวกันเมื่อสั่งงานผ่าน ระบบฐานข้อมูลที่แตกต่างกันจะ
ได้ ผลลัพธ์เหมือนกัน ทําให้เราสามารถเลือกใช้ฐานข้อมูล ชนิดใดก็ได้
โดยไม่ติดยึดกับฐานข้อมูลใดฐานข้อมูลหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว SQL ยัง
เป็นชื่อโปรแกรมฐานข้อมูล ซึ่งโปรแกรม SQL เป็นโปรแกรมฐานข้อมูล
ที่มีโครงสร้างของภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีประสิทธิภาพการ
ทํางานสูง สามารถทํางานที่ซับซ้อนได้โดยใช้คําสั่งเพียงไม่กี่คําสั่ง
โปรแกรม SQL จึงเหมาะที่จะใช้กับระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ และเป็น
ภาษาหนึ่ง
ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS ) ที่สนับสนุน
การใช้คําสั่ง SQL เช่น Oracle , DB2, MS-SQL, MS-Access
นอกจากนี้ภาษา SQL ถูกนํามาใช้เขียนร่วมกับโปรแกรมภาษาต่างๆ
เช่น ภาษา c/C++ , VisualBasic และ Java
ประเภทของคําสั่งภาษา SQL
1. ภาษานิยามข้อมูล(Data Definition Language :
DDL)เป็นคําสั่งที่ใช้ในการสร้างฐานข้อมูล กําหนดโครงสร้างข้อมูลว่า
มี Attribute ใด ชนิดของข้อมูล รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงตาราง และ
การสร้างดัชนี คําสั่ง : CREATE,DROP,ALTER
ภาษา DDL ประกอบด้วย 3 คําสั่งคือ
• คําสั่งการสร้าง (Create) ได้แก่ การสร้างตารางและอิน
เด็กซ์
CREATE TABLE <Table name>
( Attribute 1 Type 1,Attribute 2 Type 2 ,)
CREATE Unique Index on X<Table name>
เช่น
CREATE TABLE S11
(SNO CHAR(5) Not NULL,SNAME CHAR(10) ,STATUS
integer)
CREATE Unique Index XS11 on S11(SNO)
- 5. 5
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
• คําสั่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
ALTER TABLE <ชื่อตารางที่ตั้งขึ้น >
<คําสั่งการเปลี่ยนแปลง> (<ชื่อคอลัมน์ประเภทข้อมูล>);
ตัวอย่างเช่น
ALTER TABLE SUPPLIER
ADD (LAST_SNAME Char(10));
• คําสั่งยกเลิก (Drop) ต่างๆ
การลบโครงสร้างตาราง
DROP TABLE <ชื่อตารางที่ตั้งขึ้น >
2. ภาษาจัดการข้อมูล (Data Manipulation
Language :DML)หลังจากที่เราสร้างโครงสร้างฐานข้อมูลขึ้นแล้ว
คําสั่งต่อไปในการป้อนข้อมูลลงในฐานข้อมูลและเปลี่ยนแปลงข้อมูลู ใน
ฐานขอม้ลู โดยการใชภาษาสําหรับการจัดการข้อมูล (Data
ManipulationLanguage-DML) ใชจัดการข้อมูลภายในตาราง
ภายในฐานข้อมูล และภาษาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตาราง
แบ่งออกเป็น 4 Statement คือ
• Select Statement :การเรียกหา (Retrieve) ข้อมูลจาก ฐาน
ข้อมูล
• Insert Statement :การเพิ่มเติมข้อมูลลงใน ตาราง (Table)
จาก ฐานข้อมูล
• Delete Statement: การลบข้อมูลลงออกจาก ตาราง
(Table) จาก ฐานข้อมูล
• Update Statement: การเปลี่ยนแปลงข้อมูลลงใน ตาราง
(Table) จาก ฐานข้อมูล
- 6. 6
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
3. ภาษาควบคุมข้อมูล (Data Control Language :
DCL)ใช้เป็นภาษาที่ใช้ควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย ของฐาน
ข้อมูล ประกอบด้วยคําสั่ง 2 คําสั่งคือ
• คําสั่ง GRANT เป็นคําสั่งที่ใช้กําหนดสิทธิให้กับผู้ใช้แต่ละคน
ให้มีสิทธกระทําการใดกับข้อมูลเช่น
การเพิ่มข้อมูล การแก้ไข หรือ การลบข้อมูลในตารางใดบ้าง
• คําสั่ง REVOKE เป็นคําสั่งให้มีการยกเลิกสิทธนั้นหลังจากที่ได้
GRANT แล้ว
ประโยชน์ของภาษา SQL
1. สร้างฐานข้อมูลและ ตาราง
2. สนับสนุนการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย การเพิ่ม การ
ปรับปรุง และการลบข้อมูล
3. สนับสนุนการเรียกใช้หรือ ค้นหาข้อมูล
คําสั่งเพิ่มข้อมูล (Insert Statement)
Insert Structure :: การเพิ่มข้อมูลทุกคอลัมน์ ที่ได้สร้าง
ไว้
Subject : การเพิ่มข้อมูลทุกคอลัมน์ ที่ได้สร้างไว้
syntax : INSERT INTO table_name
VALUES ( 'value_1', 'value_2', ...,
'value_n' );
comment : INSERT INTO person
VALUES ( 1, 'bamboo', 'labcode' );
Insert Structure :: การเพิ่มข้อมูลเฉพาะคอลัมน์ ที่
- 7. 7
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
กําหนด
Subject : การเพิ่มข้อมูลเฉพาะคอลัมน์ ที่กําหนด
syntax : INSERT INTO table_name
( column_name_1, column_name_2, ...,
column_name_n )
VALUES ( 'value_1', 'value_2', ..., 'value_n' );
comment : INSERT INTO person ( first_name,
last_name )
VALUES ( 'bamboo', 'labcode' );
Insert Structure :: การเพิ่มข้อมูลครั้งละหลาย record
Subject : การเพิ่มข้อมูลครั้งละหลาย record
Syntax : INSERT INTO table_name
( column_name_1, column_name_2, ...,
column_name_n )
VALUES ( 'value_1', 'value_2', ..., 'value_n' ),
( 'value_1', 'value_2', ..., 'value_n' ),
( 'value_1', 'value_2', ...,
'valuhttp://www.bamboolabcode.com/article/savee
_n' );
comment : INSERT INTO person ( first_name,
last_name )
VALUES ( 'bamboo', 'labcode' ),
( 'david', 'beckhame' ),
( 'micheal', 'owen' );
- 8. 8
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
Insert Structure :: การเพิ่มข้อมูล โดยข้อมูลได้จาก
การคัดลอกมาจากตารางอื่น
subject : การเพิ่มข้อมูล โดยข้อมูลได้จากการคัดลอกมาจาก
ตารางอื่น
syntax : INSERT INTO table_name
( column_name_1, column_name_2, ...,
column_name_n )
SELECT column_name_1, column_name_2, ...,
column_name_n
FROM table_name
WHERE condition;
comment : INSERT INTO customer ( id,
customer_name, customer_sex )
select person_id, person_name, person_sex
FROM person
WHERE person_sex = 'man';
Insert Structure :: การเพิ่มข้อมูลครั้งละหลาย record
Subject : การเพิ่มข้อมูลครั้งละหลาย record
syntax : INSERT INTO table_name
( column_name_1, column_name_2, ...,
column_name_n )
VALUES ( 'value_1', 'value_2', ..., 'value_n' ),
( 'value_1', 'value_2', ..., 'value_n' ),
( 'value_1', 'value_2', ...,
'valuhttp://www.bamboolabcode.com/article/savee
_n' );
comment : INSERT INTO person ( first_name,
last_name )
VALUES ( 'bamboo', 'labcode' ),
( 'david', 'beckhame' ),
( 'micheal', 'owen' );
- 9. 9
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
คำาสั่งการเพิ่มข้อมูลในตารางจะใช้คำาสั่ง INSERT จะมีอยู่
2 รูปแบบคือ การเพิ่มข้อมูลเข้าไปทีละแถว และ การเพิ่มข้อมูล
โดยการดึงกลุ่มข้อมูลด้วยคำาสั่งค้นหาข้อมูล
คำาสั่งการเพิ่มข้อมูลทีละแถวโดยระบุข้อมูลที่จะ INSERT เข้าไป
โดยตรง รูปแบบของคำาสั่งเป็นดังนี้
INSERT INTO Tablename (column 1, column 2,…)
VALUES ( 'Value1', 'Value2', 'Value..n' )"
INSERT INTO เป็นคำาสั่งที่ต้องมีทุกครั้งที่ต้องการเพิ่ม
ข้อมูล
tablename หมายถึงชื่อของตารางที่จะทำาการเพิ่ม
ข้อมูล
column 1 หมายถึงคอลัมน์ที่ต้องการเพิ่มข้อมูล
Value1 หมายถึงค่าต่างๆที่จะเพิ่มให้กับฟิลด์นั้นๆ
พารามิเตอร์ค่าข้อมูลนั้น คือ ค่าของข้อมูลที่เราจะกำาหนด
ให้แต่ละคอลัมน์ โดยเรียงตามลำาดับที่ปรากฏในตาราง ซึ่งต้อง
เป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
ค่าของข้อมูลแต่ละคอลัมน์ต้องคั่นด้วยเครื่องหมาย ,ค่า
ของข้อมูลนั้นต้องมีชนิดที่ตรงกันกับชนิดของข้อมูลของคอลัมน์
ตัวอย่าง ถ้าต้องการจะใส่ข้อมูลทุกคอลัมน์ลงในตาราง
ลูกค้า
INSERT INTO SALESTAB
VALUES( 1001, “Chaiwat”, “Bangkok”,0.12);
ผลของคำาสั่งนี้ จะมีข้อมูลปรากฏในทุกคอลัมน์ในตาราง
พนักงานขายดังนี้
- 10. 10
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
SALENO SALENAME ADDRESS SALECOM
1001 Chaiwat Bangkok 0.12
ตัวอย่าง ถ้าต้องการจะใส่ข้อมูลบางคอลัมน์ เช่น ชื่อเมือง
Bangkok ชื่อลูกค้า Arlee และหมายเลขลูกค้า 2001 ลงใน
ตารางลูกค้า ใช้คำาสั่งดังนี้
INSERT INTO
CUSTOMERSTAB(ADDRESS,CUSNAME,CUSNO)
VALUES( 'Bangkok','Arlee', 2001);
ผลของคำาสั่งในตารางลูกค้า จะทำาให้คอลัมน์ ADDRESS
มีค่าเป็น Bangkok คอลัมน์ CUSNAME จะมีค่าเป็น Arlee
คอลัมน์ CUSNO จะมีค่าเป็น 2001 ดังนี้
CUSNO CUSNAME ADDRESS RATING SALENO
2001 Arlee Bangkok
จะเห็นว่าไม่ได้ใส่ค่าในคอลัมน์ RATING และ SALENO
ไว้ ดังนั้นทั้งสองคอลัมน์นี้จะมีค่าเป็น NULL โดยอัตโนมัติ
คำาสั่งการเพิ่มข้อมูลโดยการดึงกลุ่มข้อมูลด้วยคำาสั่งค้นหา
ข้อมูล ในภาษา SQL สามารถใช้คำาสั่ง INSERT ในการนำาค่า
หรือหาค่าจากตารางหนึ่งแล้วไปใส่ไว้ในอีกตาราหนึ่งได้ โดย
ได้ค่านั้นมาจากการสอบถามข้อมูล รูปแบบเป็นดังนี้
INSERT INTO Tablename (column 1, column 2,…)
SELECT statement;
INSERT INTO <table name>[(column 1, column
2,…)]
- 11. 11
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
SELECT statement;
INSERT INTO เป็นคำาสั่งที่ต้องมีทุกครั้งที่
ต้องการเพิ่มข้อมูล
tablename หมายถึงชื่อของตารางที่จะ
ทำาการเพิ่มข้อมูล
column 1 หมายถึงคอลัมน์ที่ต้องการเพิ่มข้อมูล
SELECT statement ประโยคคำาสั่ง SELECT ที่ต้องการ
ข้อมูลอีกตารางหนึ่ง
ตัวอย่าง ถ้าต้องการใส่ข้อมูลพนักงานลงในตาราง
BANGKOKSTAFF โดยข้อมูลที่จะใส่ลงไปนั้นได้มาจากตาราง
พนักงานขายที่อาศัยอยู่ใน “Bangkok“
INSERT INTO BANGKOKSTAFF
SELECT *
FROM SALESTAB
WHERE ADDRESS = ‘Bangkok’;
- 12. 12
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
ผลของคำาสั่งนี้จะทำาให้ได้ข้อมูลพนักงานที่อยู่ในเมือง
Bangkok ( ADDRESS = ‘Bangkok’) ทั้งหมดไปใส่ไว้ใน
ตาราง BANGKOKSTAFF โดยตาราง BANGKOKSTAFF ได้
ถูกสร้างไว้แล้วด้วยคำาสั่ง CREATE TABLE ในการสร้างตาราง
BANGKOKSTAFF จะต้องสร้างให้มี 4 คอลัมน์และมีชนิด
ข้อมูลตรงกับคอลัมน์ของตารางพนักงานขาย (โดยไม่จำาเป็น
ต้องมีชื่อคอลัมน์เหมือนกัน)
วิธีการสร้างตารางในฐานข้อมูล โดย
ใช้Navicat
1.คลิกขวาที่ Connection ชื่อ MyHost แล้วสร้างฐานข้อมูล
โดยเข้าไปเลือกที่ New Database…
2.ตั้งชื่อ Database ชื่อ cartoonbook กำาหนด Character set เป็น
utf8 – UTF-8 Unicode และ Collation เป็น utf8_genral_ci เพื่อ
ให้ฐานข้อมูลรองรับภาษาไทยได้
- 14. 14
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
5.สร้าง Fields ชื่อ member_id เพื่ออ้างอิงข้อมูล และกำาหนดค่า
ต่างๆดังนี้
Type กำาหนดชนิดฟิลด์เป็น int
Length กำาหนดขนาดฟิลด์ตามความต้องการ
Decimals กำาหนดจำานวนหลักตัวเลข หลังจุดทศนิยม (กรณีที่
เลือกฟิลด์เป็นชนิดตัวเลขทศนิยมเท่านั้น
Allow Null ติ๊กถูกคือ อนุญาตให้ฟิลด์นี้เป็นค่าว่างได้ แต่ถ้าไม่
ติ๊กก็เท่ากับห้ามมีค่าว่าง
ช่องว่าง กำาหนดฟิลด์เป็น ไพรมารีคีย์
6.สร้าง Fields ต่างๆ ตามข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บลงบนฐานข้อมูล
- 24. 24
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
1.ประกาศ Object mem ของ Class MembersBean เพื่อเอาไว้รับ
ค่า และเพื่อเรียกใช้เมธอดหรือตัวแปรใน Class MembersBean
2.ประกาศ Object memdao ของ Class MembersDAO เพื่อเรียก
ใช้เมธอดหรือตัวแปรใน Class MembersDAO
Code Class MembersBean
packagecom.model;
publicclassMembersBean {
- 25. 25
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
privateintmember_id ;
private String member_username;
private String member_password ;
private String member_firstname ;
private String member_lastname ;
private String member_sex ;
private String member_cartoon[] ;
private String member_address ;
private String member_county ;
private String member_phone ;
private String member_email ;
private String member_image ;
publicintgetMember_id() {
returnmember_id;
}
publicvoidsetMember_id(intmember_id) {
this.member_id = member_id;
}
public String getMember_username() {
returnmember_username;
}
publicvoidsetMember_username(String member_username) {
this.member_username = member_username;
}
public String getMember_password() {
returnmember_password;
}
publicvoidsetMember_password(String member_password) {
this.member_password = member_password;
}
public String getMember_firstname() {
returnmember_firstname;
}
publicvoidsetMember_firstname(String member_firstname) {
this.member_firstname = member_firstname;
}
public String getMember_lastname() {
returnmember_lastname;
}
publicvoidsetMember_lastname(String member_lastname) {
this.member_lastname = member_lastname;
}
public String getMember_sex() {
returnmember_sex;
}
publicvoidsetMember_sex(String member_sex) {
this.member_sex = member_sex;
}
- 26. 26
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
public String[] getMember_cartoon() {
returnmember_cartoon;
}
publicvoidsetMember_cartoon(String[] member_cartoon) {
this.member_cartoon = member_cartoon;
}
public String getMember_address() {
returnmember_address;
}
publicvoidsetMember_address(String member_address) {
this.member_address = member_address;
}
public String getMember_county() {
returnmember_county;
}
publicvoidsetMember_county(String member_county) {
this.member_county = member_county;
}
public String getMember_phone() {
returnmember_phone;
}
publicvoidsetMember_phone(String member_phone) {
this.member_phone = member_phone;
}
public String getMember_email() {
returnmember_email;
}
publicvoidsetMember_email(String member_email) {
this.member_email = member_email;
}
public String getMember_image() {
returnmember_image;
}
publicvoidsetMember_image(String member_image) {
this.member_image = member_image;
}
}
Code Class MemberDAO
packagecom.manager;
importjava.sql.ResultSet;
- 27. 27
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
importjava.sql.SQLException;
importjava.sql.Statement;
importcom.controller.DBConnect;
importcom.model.MembersBean;
public class MemberDAO {
staticDBConnectdbc = new DBConnect();
static Statement stmt;
public static booleanaddMembers(MembersBeanmem){
String sql = "INSERT INTO
membersbook(member_username,member_password,member_firstname," +
"member_lastname,member_sex,member_address,member_co
unty," +
"member_phone,member_email,member_image) " +
"VALUES('"+mem.getMember_username()
+"','"+mem.getMember_password()+"'" +",'"+mem.getMember_firstname()+
"','"+mem.getMember_lastname()+"'"
+",'"+mem.getMember_sex()+"','"+mem.getMember_address()+
"','"+mem.getMember_county()+"'"
+",'"+mem.getMember_phone()+"','"+mem.getMember_email()+
"','"+mem.getMember_image()+"')";
try{
dbc.createConnection();
stmt = dbc.getStatement();
stmt.executeUpdate(sql);
}catch (SQLException ex){
ex.printStackTrace();
return false;
}
return true;
}
}
Code Class CartoonBookServlet
packagecom.controller;
importjava.io.IOException;
importjavax.servlet.RequestDispatcher;
- 29. 29
การเพิ่มข้อมูลลงฐานข้อมูลด้วยภาษา JSP&SQL
String username = request.getParameter("username");
String password = request.getParameter("password");
String firstname = request.getParameter("firstname");
String lastname = request.getParameter("lastname");
String sex = request.getParameter("sex");
String cartoon[] = request.getParameterValues("cartoon");
String address = request.getParameter("address");
String county = request.getParameter("county");
String phone = request.getParameter("phone");
String email = request.getParameter("email");
String image = request.getParameter("image");
String page = "ProfileCartoonBook.jsp";
System.out.println("username"+username);
System.out.println("password"+password);
System.out.println("firstname"+firstname);
System.out.println("lastname"+lastname);
System.out.println("sex"+sex);
System.out.println("cartoon"+cartoon);
System.out.println("address"+address);
System.out.println("county"+county);
System.out.println("phone"+phone);
System.out.println("email"+email);
System.out.println("image"+image);
MembersBeanmem = new MembersBean();
mem.setMember_username(username);
mem.setMember_password(password);
mem.setMember_firstname(firstname);
mem.setMember_lastname(lastname);
mem.setMember_sex(sex);
mem.setMember_cartoon(cartoon);
mem.setMember_address(address);
mem.setMember_county(county);
mem.setMember_phone(phone);
mem.setMember_email(email);
mem.setMember_image(image);
MemberDAOmemdao = new MemberDAO();
memdao.addMembers(mem);