SlideShare a Scribd company logo
AD KTB
4
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
ในวาระที่ทางบริษัท ออนไลน์แอส
เซ็ท จ�ำกัด หรือ กลุ่ม EFIN ได้ด�ำเนินงาน
ครบรอบ 19 ปี และก้าวขึ้นปีที่ 20 นี้ ต้อง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ
ความสนใจ และติดตามกิจกรรมของทาง
กลุ่มมาโดยตลอด
เช่นเดิมในปีนี้สัมมนาใหญ่ประจ�ำปี
ในสถานการณ์ไม่ปกติจากการแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ
COVID-19 ทางกลุ่ม EFIN ขอเป็นก�ำลัง
ใจให้กับทุกๆท่านและขอให้พวกเราผ่าน
วิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตามในทุกวิกฤตมีโอกาส
ในการลงทุนเราทุกคนต้องวิเคราะห์
และวางแผนอย่างมีสติ กอปรกับข้อมูล
ประกอบการตัดสินใจที่มีคุณภาพ ซึ่ง
ทางกลุ่ม EFINได้จัดสรรรองรับไว้ในงาน
Better Trade Symposium 2020 ในปีนี้
โดยมีชื่อธีมงานว่า “The Survivor
ฝ่าวิกฤตเกมการลงทุน”วัตถุประสงค์เพื่อ
ให้นักลงทุนสามารถปรับตัวและเอาตัว
รอดจากสถานการณ์ที่ผันผวน โดยมีการ
จัดงานในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563
ถ่ายทอดสดในรูปแบบ Webinar ด้วย
วิทยากรที่มีชื่อเสียงร่วมแนะน�ำแนวทาง
การลงทุน เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสกับ
สถานการณ์ที่ผันผวน
นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอบแทนและ
ขอบคุณท่านนักลงทุนที่เข้าร่วมงาน ทาง
ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย“มีข่าวมีโอกาส”
จัดท�ำหนังสือครบรอบขึ้นที่มีชื่อหนังสือว่า
“20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์” ซึ่งทีมงาน
ของส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ตั้งใจจัดท�ำ
หนังสือข้อมูล แนวโน้มเศรษฐกิจ 20 หุ้น
เด็ดจากบริษัทหลักทรัพย์ 10 แห่ง การ
ลงทุนยุค VUCA แนวโน้มทองค�ำ และ
กองทุน เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์และการ
ตัดสินใจลงทุน โดยแจกฟรีเฉพาะผู้เข้า
ร่วมงาน Better Trade Symposium
2020 เท่านั้น
สุดท้ายนี้ผมในฐานะตัวแทนของ
EFIN ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้
เกียรติเข้าร่วมงาน Better Trade Sym-
posium 2020 ในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่ง
ว่าในงานนี้ทุกท่านคงได้รับข้อมูลข่าวสาร
ความรู้กลยุทธ์ต่างๆกลับไปใช้พัฒนาการ
ลงทุนให้ประสบความส�ำเร็จ อยู่รอด
ปลอดภัยในการลงทุนในระยะยาว
อีกทั้งขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน
ที่ท�ำให้งานนี้ด�ำเนินการขึ้นได้ หากมี
สิ่งผิดพลาด ขาดตกบกพร่องประการใด
ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่า
ทุกท่านคงให้การสนับสนุนทาง EFIN ใน
โอกาสต่อไป
ขอขอบคุณทุกๆท่านมา ณ โอกาสนี้
พรเลิศ เตชะรัตโนภาส
ประธานกรรมการบริหาร
บริษัท ออนไลน์แอสเซ็ท จ�ำกัด
สาส์นจากผู้บริหาร
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
5
ก�ำลังจะผ่านพ้นปี 63 ไปอีกปี และน่าจะเป็น
ปีที่ใครๆก็คงจะอยากให้ผ่านไปเร็วๆ ถึงแม้ว่าปีนี้น่า
จะถือเป็นปีประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจ�ำอีกปีกับ
การเกิดโรคระบาดโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-
19 ที่ส่งผลกระทบหนักหน่วงที่สุดต่อโลกอยู่ในขณะ
นี้ โดยเฉพาะต่อเศรษฐกิจ สังคม และการใช้ชีวิตที่
เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยประสบพบเจอ ก็ได้
มาเห็นและรับรู้กันในปีนี้ ใครจะไปคิดว่าสนามบิน
ทั่วโลกจะต้องปิดตายกันไปหลายแห่ง รันเวย์กลาย
เป็นลานจอดเครื่องบินเพราะการเดินทางไม่สามารถ
ท�ำได้เนื่องจากกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อไปโดยปริยาย
ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ต่างๆ หยุดด�ำเนินกิจการ
เพราะถูกสั่งล็อกดาวน์จากรัฐบาล ส่งผลให้กิจกรรม
ทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-
19 ก�ำลังระบาดอย่างหนักช่วง มี.ค.- พ.ค.ที่ผ่านมา
แม้โลกอาจจะผ่านพ้นช่วงเลวร้ายไปแล้ว แต่ก็
ยังไม่ได้ผ่านพ้นจุดวิกฤต หลังจากบางพื้นที่อาจจะ
คลายล็อกดาวน์ไปแล้ว แต่บาดแผลที่เกิดจากไวรัส
ร้ายตัวนี้ ยังคงกัดกร่อนเศรษฐกิจโลกอยู่ และคาด
ว่ากว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติได้จริงๆ ก็
คงต้องรอไปจนถึงปี 65
ประเทศไทยของเราก็เป็นอีก 1 ประเทศที่ได้รับ
ผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเราเป็นประเทศ
ที่พึ่งพาการท่องเที่ยว รายได้จากนักท่องเที่ยวต่าง
ประเทศที่เข้ามาแต่ละปีมีจ�ำนวนมหาศาล จึงสูญ
ไปอย่างน่าใจหาย ยังโชคดีที่ประเทศไทย สามารถ
รับมือกับการระบาดได้ดี จนสามารคลายล็อกดาวน์
ได้เร็ว จนท�ำให้เศรษฐกิจเริ่มเดินหน้าไปได้บ้าง โดย
เฉพาะการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ที่พอจะช่วย
ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ซบเซามาตลอด 5
เดือนได้ลืมตาอ้าปาก
อย่างไรก็ดีในส่วนของส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ของ
เรานั้นเรายังคงท�ำงานและรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น บริษัทจด
ทะเบียน ตลอดจนทิศทางของเศรษฐกิจในช่วงที่
ผ่านมา ซึ่งในฐานะของสื่อสารมวลชนนั้น ยอมรับ
ว่าปีนี้เป็นอีกปีที่วงการสื่อมวลชนได้รับผลกระทบ
จากวิกฤตโควิดค่อนข้างรุนแรง เราได้เห็นเพื่อนๆสื่อ
หลายสาขา ที่ต้องถูกปิดตัว ถูกเลิกจ้าง หรือลดเงิน
เดือน เช่นเดียวกับอีกหลากหลายธุรกิจ ที่ได้รับผลก
ระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงไม่แพ้กัน
ส�ำหรับปีที่ 20 ของส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ ใน
ปีนี้เราถือว่าได้ผ่านบททดสอบที่หินมากๆมาแล้ว
และก็พร้อมจะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
โดยเฉพาะการน�ำเสนอคอนเทนท์ดีๆ ที่น่า
สนใจ ให้กับผู้อ่านและนักลงทุนให้ได้รับ
ประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งในปีนี้เราได้
เพิ่มเติมคอนเทนท์ข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ
หลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน
ต่างๆ เข้ามาอีก รวมไปถึงรายการ
สด ที่จะมีการวิเคราะห์ เจาะลึก
เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
และแน่นอนที่สุด ส�ำหรับ
หนังสือก้าวสู่ปีที่ 21 หรือครบรอบปี
ที่ 20 ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทยนั้น ปีนี้
เราเลือกธีมหนังสือในชื่อ “20 หุ้นดี 20 ปีอี
ไฟแนนซ์ไทย” เพราะเราคิดว่าในสถานการณ์
แบบนี้นักลงทุนควรมีหุ้นฝ่าวิกฤตโควิด-19ดีๆไว้เป็น
คู่มือส�ำหรับการลงทุนโดยกองบก.ได้รวบรวมและคัด
สรรมาอย่างดีแล้วว่าในปีนี้ในภาวะแบบนี้หุ้นตัวไหน
ที่คู่ควรและเราหวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จาก
หนังสือเล่มนี้ ไม่มากก็น้อย
*** ขอให้โชคดีกับการลงทุนทุกท่าน***
บทบรรณาธิการ
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
บรรณาธิการบริหาร ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
6
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
บทน�ำ
ทิศทาง ศก.โลกปี 64 หลังการระบาดของโควิด-19
ศก.ไทยฝ่ามรสุมโควิด ลุ้นจีดีพีปี 64 โต 3.6-5%
“วัคซีนโควิด” ความหวังดันหุ้นไทยปีฉลู
* 20 หุ้นดี 20ปีอีไฟแนนซ์ *					
	
CK ก�ำไรกลับมาโตก้าวกระโดด
CPALL รับอานิสงส์ รัฐกระตุ้นบริโภค
BEM พ้นจุดต�่ำสุด มีประเด็นบวกหนุน
ADVANC คว้าแชมป์หุ้นเด็ดกลุ่มสื่อสาร
GLOBAL ขยายสาขาเชิงรุก-มาร์จิ้นพุ่ง
CPF เติบโตสูง ห่างไกลจากโควิด
TU ก�ำไรปี 64 ลุ้นเฉียด 6 พันลบ.
OSP เทรนด์สุขภาพหนุน แต่ระวังโควิดขัดขา
PTG รุก Non-Oil หนุนธุรกิจในอนาคต
BDMS ฐานะการเงินแกร่ง มีลุ้นเข้าซื้อกิจการ
TISCO พอร์ตสินเชื่อแกร่ง ทนต่อภาวะศก.ผันผวน
CENTEL สุดยอดหุ้นเทิร์นอะราวด์ปี 64
HMPRO พื้นฐานแกร่ง-ลูกค้ามีก�ำลังซื้อสูง
PTTGC ฐานะการเงินแกร่ง ก�ำไรส่อแววฟื้น
SCC ปี 64 กลับมาโต ดีมานด์ปูนซีเมนต์พุ่ง
BAM ก�ำไรฟื้นโดดเด่น ลุ้นขาย NPA ล็อตใหญ่
CPN ผลงานปี 64 ฟื้น ค่าเช่าเพิ่ม-ผุดโครงการใหม่
LH ปันผลเด่น อสังหาฯแนวราบยังขายดี
BGRIM หุ้น Top Pick จากกลุ่มโรงไฟฟ้า
CBG หุ้นเครื่องดื่มตัวแรง! ก�ำไรขาขึ้น
	
						
“ทองค�ำ” ปี 64 ส่อท�ำนิวไฮ ควรมีติดพอร์ต 5-15%	
DeFi นวัตกรรมเปลี่ยนโลกการลงทุน
เปิดโอกาส-กระจายความเสี่ยง กับการลงทุน ตปท.
เปิดโผ 4 หุ้น ฝ่าวิกฤติการลงทุนด้วยเทคนิค DCA
เครดิตผู้จัดท�ำหนังสือ
8
10
14
18
22
23
24
25
26
27
30
31
32
33
36
37
38
39
40
41
44
45
46
47
48
50
52
56
59
62
สารบัญ
Contents
8
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
บทน�ำ
ปี 63 ถือเป็นปีมหาวิปโยคอย่าง
แท้จริง ทั้งโลกต้องเผชิญกับการแพร่
ระบาดของไวรัสโควิด-19ที่สร้างความ
สูญเสียมหาศาลโดยมีผู้ติดเชื้อทะลุ43
ล้านคนเสียชีวิตแล้วนับล้านคนทั่วโลก
และดูเหมือนตัวเลขดังกล่าวจะยังไม่
หยุดนิ่ง จนกว่าจะมีการค้นพบวัคซีน
และกระจายใช้อย่างกว้างขวาง
ในด้านเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ
สาหัสไม่แพ้กันสะท้อนจากจีดีพีโลกที่คาด
ว่าจะติดลบ4.9-5.2%ถดถอยรุนแรงที่สุด
ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่าง
หยุดชะงัก จากมาตรการปิดเมือง(Lock-
down) ธุรกิจที่เกี่ยวกับการค้าระหว่าง
ประเทศ การท่องเที่ยว แทบล้มละลาย
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)
ประเมินว่าในช่วงปี 63-64 ไวรัสโควิด-19
จะสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจโลกคิด
เป็นมูลค่าอย่างต�่ำราว9ล้านล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ หรือประมาณ 288 ล้านล้านบาท
ส�ำหรับประเทศไทย ถึงแม้จ�ำนวน
ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะไม่มากเหมือน
หลายประเทศ เพราะสามารถควบคุม
การระบาดของไวรัสได้ดี แต่เศรษฐกิจ
ก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน โดย
ปี 63 สภาพัฒน์มองว่าจีดีพีจะติดลบถึง
8.5% โดยเฉพาะไตรมาส 2/63 ที่เป็นจุด
ต�่ำสุดของปี(จีดีพีติดลบ 12.22%) หลาย
ธุรกิจต้องปิดกิจการ หลายแห่งต้องลด
จ�ำนวนพนักงาน สภาอุตสาหกรรมแห่ง
ประเทศไทย(ส.อ.ท.)ประเมินว่ามีคนไทย
ตกงานมากถึง 7-8 ล้านคน
ถือว่าเลวร้ายกว่าวิกฤติต้มย�ำกุ้งปี
40 เสียอีก!
ในด้านการลงทุนมีสินทรัพย์ที่
เคลื่อนไหวหวือหวา 2 ประเภท คือ “หุ้น”
และ “ทองค�ำ” แน่นอนว่า “หุ้น”กอดคอ
ด�ำดิ่งลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยดัชนีหุ้น
ไทยทรุดตัวจากระดับ 1,600 จุด ในช่วง
ต้นปี 63 ดิ่งลงสู่ระดับต�่ำสุดที่ 969 จุด
ก่อนจะรีบาวน์ขึ้นมาทรงตัวอยู่ที่บริเวณ
1,250-1,350 จุด
ขณะที่ “ทองค�ำ” ปรับตัวขึ้นแรง
สวนทาง “หุ้น” เพราะนักลงทุนมองว่า
เป็นหลุมหลบภัยในช่วงวิกฤติ โดยราคา
ทองค�ำโลกพุ่งทะลุระดับ 2,000 เหรียญฯ
ต่อออนซ์ ราคาทองค�ำในประเทศพุ่งทะลุ
30,000 บาท
ส�ำหรับแนวโน้มปี 64 ผู้สันทัดกรณี
คาดการณ์ว่าทั้งโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น บน
สมมติฐานการพัฒนาวัคซีนโควิด-19
ประสบความส�ำเร็จและเริ่มออกสู่ตลาด
ซึ่งจะท�ำให้จ�ำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และ
ผู้เสียชีวิตลดน้อยลง จนสามารถควบคุม
การระบาดได้ในที่สุด
ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ IMF
ประเมินว่า จีดีพีโลกจะกลับมาโตได้อีก
ครั้งในระดับ 5.4% จากฐานที่ต�่ำในปี 63
เนื่องจากหลายประเทศกลับมาประกอบ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง หลัง
ทยอยยกเลิกมาตรการ Lockdown
เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทยส�ำนักวิจัย
ต่างๆคาดการณ์ว่าจีดีพีจะกลับมาเติบโต
ได้ในระดับ 3-5% แต่อยู่บนเงื่อนไขว่า
ต้องไม่ถูกซ�้ำเติมจากปัญหาทางการเมือง
ที่ครุกรุ่นมาตั้งแต่ปลายปี 63 อีก
ด้านการลงทุนในปี 64 สินทรัพย์
ที่โดดเด่นยังคงหนีไม่พ้น “หุ้น” และ
“ทองค�ำ”ที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการ
อัดฉีดเงินสู่ระบบของธนาคารกลางทั่วโลก
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท�ำให้เกิดภาวะ“เงิน
ท่วมโลก” ต้องวิ่งหาสินทรัพย์ลงทุนสร้าง
ผลตอบแทน
โดยเฉพาะ “หุ้น”ที่มีโอกาสฟื้นตัว
เร็วตามภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนไปที่ก�ำไร
บริษัทจดทะเบียน(บจ.) และดัชนีหุ้นไทย
โดยนักวิเคราะห์มองว่าอาจได้เห็นดัชนีเด้ง
กลับมาที่ระดับ1,500จุดอีกครั้งและกลุ่ม
หุ้นที่จะเทิร์นอะราวด์เร็วที่สุดน่าจะเป็นหุ้น
พื้นฐานแข็งแกร่ง ราคายังปรับขึ้นไม่มาก
(Laggard) ในกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก โรง
พยาบาล อาหาร พลังงาน ปิโตรเคมี และ
เทคโนโลยี เป็นต้น
ขณะที่ “ทองค�ำ” จริงๆควรเป็น
สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต�่ำในปีหน้า
เพราะเป็นศรัตรูกับภาวะเศรษฐกิจขา
ขึ้น แต่เนื่องจากปริมาณ “เงินล้นโลก”
และยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า
ระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการ Brexit แบบ
ไร้ข้อตกลงของอังกฤษท�ำให้“ทองค�ำ”ยัง
เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผล
ตอบแทนได้ดี
ส�ำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะ
สมในปี 64 นักลงทุนอาจต้องแบ่งพอร์ต
ลงทุน “ทองค�ำ” 5-15% และกระจาย
การลงทุนไปในหุ้นหลายๆกลุ่ม รวมถึง
ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เปิดโอกาสในการ
ซื้อหุ้นต่างประเทศ เพราะตลาดหุ้นใน
หลายประเทศยังอยู่ในระดับต�่ำซึ่งจะช่วย
กระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทน
ได้อีกทาง
นอกจากนี้อาจต้องใช้กลยุทธ์Dollar
Cost Average หรือ DCA ซี่งเป็นหนึ่งใน
รูปแบบการลงทุนระยะยาว ที่“ถัวเฉลี่ย
ต้นทุน” ด้วยการทยอยซื้อหุ้นในจ�ำนวน
เงินที่เท่าๆกันอย่างสม�่ำเสมอ เพื่อลด
ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
ในระยะสั้น
ทั้งหมดนี้ คือข้อมูลคร่าวๆของ
ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนใน
ปี 63-64 แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง
นั้น “หนังสือดิจิทัลเล่มนี้ได้รวบรวมทุก
อย่างที่จ�ำเป็นไว้ให้ท่านครบถ้วนแล้ว...”
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
9
10
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงโควิดระบาด
การระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากจะส่งผลกระ
ทบโดยตรงกับเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังส่งผลต่อการลงทุน
โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ลดลงอย่างมากในช่วงเดือน ก.พ.
ภายหลังไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลก ท�ำให้ดัชนี
ดาวโจนส์ และ ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวลดลงมาก
ที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน (วิกฤตซับ
ไพร์ม)ในปี 2008
ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม
การบิน ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นเดียวกันและน่าจะหนัก
ที่สุดเมื่อเทียบกับหลายๆ อุตสาหกรรม ท�ำให้ประเทศที่มี
รายได้หลักจากการท่องเที่ยวต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ
ชะลอตัวขณะที่สายการบินทั่วโลกประสบปัญหาทางการ
เงิน หลังจากเที่ยวบินระหว่างประเทศหลายแสนเที่ยว
ถูกยกเลิก เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ ท�ำให้ต้องปลด
พนักงานมากกว่า 1 แสนคน
ไม่เว้นแม้แต่การแข่งขันกีฬาและกิจกรรมระดับโลก
ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มี
ก�ำหนดโดยเฉพาะมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติอย่าง
โอลิมปิก ที่ต้องเลื่อนไปจัดในปี 64
ทิศทาง ศก.โลกปี 64
หลังการระบาดของโควิด-19
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายให้
กับเศรษฐกิจทั่วโลก เนื่องจากท�ำให้ภาคอุตสาหกรรม การส่งออก รวมถึง
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชะลอตัวอย่างหนัก ท�ำให้เศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งปี
แรกหดตัวแล้ว 4.9% โดยธนาคารโลก (Worldbank) ได้คาดการณ์เศรษฐกิจ
โลกในปีนี้จะหดตัว 5.2% และอาจลดลง 8% ในกรณีที่สถานการณ์การระบาด
ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลกระทบกับทิศทางของเศรษฐกิจโลกในปี 64
คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 64 โต 5.1%
ส�ำหรับทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 64 นั้น ประเมินว่า
หลายประเทศเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจบ้างแล้ว โดย
เฉพาะประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อลดลง แต่ส�ำหรับการฟื้น
ตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากหลาย
ประเทศได้กลับมาใช้มาตรการเว้นระยะทางสังคมอีกครั้ง
หลังพบการระบาดในรอบที่ 2 ซึ่งเชื่อว่ากว่าที่เศรษฐกิจ
โลกจะกลับมาฟื้นตัวไปเหมือนก่อนเกิดโควิดนั้น คงต้องรอ
ไปถึงปี 65
ทั้งนี้ จากข้อมูลนักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยที่ลงตัวเลข
ประมาณการในBloombergคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว
ถึง5.1%ในปี64จากที่จะหดตัวในปี63อย่างไรก็ดีการคาด
การณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น
ประเด็นที่ส�ำคัญคือเรื่องของวัคซีนว่าจะมีการพัฒนาและน�ำ
ออกมาใช้ได้เมื่อไหร่ แม้ว่าจะดูมีความคืบหน้าเป็นล�ำดับทั้ง
จากทางจีน รัสเซีย และสหรัฐฯ
เพราะฉะนั้นหากโลกมีความหวังได้วัคซีนเมื่อไหร่และ
สามารถน�ำออกแจกจ่ายได้ในวงกว้างความเชื่อมั่นของภาค
ผู้บริโภคและการท่องเที่ยวน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน
และส่งผลหนุนน�ำต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้าด้วย
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
11
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่
รวมไปถึงภูมิภาคส�ำคัญๆ ก็มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
โลกในปี 64 ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่ม
ประเทศยูโรโซน
จีดีพีสหรัฐฯ ปี 64 โต 4.5% ลุ้นผลเลือกตั้งปธน.
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด
ของไวรัสโควิด-19มากที่มีสุดในโลกโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
หลัง GDP สหรัฐฯหดตัว 31.7% ในไตรมาสที่ 2/63 ซึ่งมากที่สุด
ในรอบหลายสิบปี โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้
คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะหดตัวมากถึง 8% ก่อนที่
จะขยายตัว 4.5% ในปี 64
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯขึ้นอยู่กับว่า
สหรัฐฯ จะสามารถจัดกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้หรือ
ไม่ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนได้เร็วมากแค่ไหน ตลอดจนผลการ
เลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ก็จะเป็นอีก
หนึ่งตัวชี้วัดส�ำคัญของเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้าเช่นเดียวกัน
ซึ่งคาดหมายว่า หากครั้งนี้ โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแคต
ชนะการเลือกตั้งน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจ
โลก โดยเฉพาะเรื่องของสงครามการค้ากับจีนที่น่าจะคลี่คลายลงได้
จีดีพีจีนปี 63 ไม่ติดลบ และเติบโต 8% ในปี 64
ประเทศจีนถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดของไวรัส
โควิด-19 ซึ่งนับตั้งแต่พบการระบาดจีนต้องเผชิญกับผลกระ
ทบทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลสั่งปิดเมืองใหญ่ในช่วงเทศกาล
ตรุษจีนส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและท�ำให้GDPในไตรมาส
1/63 หดตัว 6.8% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 28 ปี
อย่างไรก็ตามธนาคารกลางจีน (PBOC) เดินหน้าใช้มาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก บวกกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์
อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ GDP ของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
ที่ 3.2% ในไตรมาสที่ 2 โดย IMF ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ
ของจีนจะขยายตัว 1% ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายตัว 8%ในปี หน้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากไวรัสโควิด-19ยังคงระบาดในระยะยาวก็อาจ
ส่งผลกระทบกับการส่งออกและเศรษฐกิจของจีนในอนาคตซึ่งนั่น
คือความเสี่ยงที่น่าจับตามองรวมไปถึงสงครามการค้าากับสหรัฐฯ
ที่จีนคงต้องลุ้นให้ โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งในเดือน พ.ย. นี้
จีดีพียูโรโซน ปีนี้คาดร่วงหนัก 10.2%
ก่อนฟื้นตัวกลางปีหน้า
กลุ่มประเทศสมาชิกยูโรโซน เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผล
กระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19หลังเศรษฐกิจ
ของประเทศสมาชิกประสบกับภาวะหยุดชะงักจากมาตรการล็อก
ดาวน์ โดยสหภาพยุโรปคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของกลุ่มจะหด
ตัว10.2% ในปีนี้ หลัง GDP ของประเทศสมาชิกยูโรโซน
หดตัว 12.1% ในไตรมาสที่ 2/2563 ก่อนที่จะกลับมาฟื้น
ตัวอย่างเต็มที่ในช่วงกลางปีหน้า โดยจะขยายตัวที่ 6 %
นอกจากนี้สหภาพยุโรปได้ประกาศเตือนว่าหลายประเทศอาจ
ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งผลักดันให้ราคา
น�้ำมันและอาหารเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโร
โซนจะเพิ่มขึ้นจากการระดับ0.3%ไปอยู่ที่ระดับ1.1%ในปีหน้า
14
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวไทยถือเป็น
ก�ำลังส�ำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตลอด
หลายปีที่ผ่านมา เพราะมีสัดส่วนให้กับเศรษฐกิจไทย
รวมกันสูงถึง 70% ต่อจีดีพี ซึ่งไม่แปลกใจที่เศรษฐกิจ
ไทยจะย�่ำแย่กับปัจจัยที่อยู่เหนือความคาดหมายนี้
ปี 63 เผาจริง จีดีพีหดตัวแรงสุด
เป็นประวัติการณ์
จากตัวเลขทางการของส�ำนักงานสภาพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดตัวเลข
ไตรมาส 2 ปี 63 ว่าจีดีพีไทยติดลบสูงถึง 12.2% ท�ำให้
รวมครึ่งปีแรกของปี 63 เศรษฐกิจไทยติดลบ
แล้ว 6.9% โดยการประเมินทั้งปีสศช.ได้ให้ไว้ที่ช่วง
ติดลบ 7.3% ถึงติดลบ 7.8% แต่สุดท้ายจีดีพีไทย
จะอยู่ที่เท่าไร คงต้องรอการประกาศตัวเลขทางการ
จากสศช.ในเดือน ก.พ. 64 แต่นักเศรษฐศาสตร์ทุก
ส�ำนักฟันธงแล้วว่า ปี 63 เผาจริงดิ่งเหวลึกสุดใน
ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
ไม่เพียงเท่านั้นแรงฉุดเศรษฐกิจไทยอาจรุนแรง
ลากยาวไปถึงปี 64 ซึ่งเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากพิษ
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ต่อไปทั่ว
โลก ท�ำให้ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ คนท�ำมา
ค้าขายต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมี
ผู้คนตกงานจ�ำนวนมาก ถือเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องช่วย
เหลือเป็นการเร่งด่วน ก่อนการบริโภคในประเทศ
จะอ่อนแอลากยาว รวมถึงต้องเร่งเรียกความเชื่อ
มั่นให้การลงทุนไทย โดยเฉพาะความต่อเนื่องของ
นโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
คาดจีดีพีปี 64 กลับมาโต 4-5%
มาดูกันว่าส�ำนักเศรษฐกิจแต่ละแห่งได้คาด
การณ์จีดีพีปี 64 ไว้ว่าอย่างไรบ้าง ..เริ่มต้นด้วย
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่คาดว่าเศรษฐกิจ
ไทยปีหน้า จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ 3.6% จาก
ปี 63 ที่คาดว่าจะติดลบ 7.8% แต่ยังมีเรื่องติดตาม
โดยเฉพาะการย้ายกลับคืนถิ่นของแรงงานใน
เมือง และการท่องเที่ยวไทยที่อาจไม่เหมือนก่อน
โควิด-19 เศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาฟื้นมาเหมือน
เดิมต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือฟื้นในรูปแบบ
เครื่องหมายถูกหางยาว (Swoosh-shaped/Ni-
ke-shaped)
ส�ำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการ
คลัง ได้ประมาณการเศรษฐกิจปี 64 ไว้ว่าจะขยาย
ตัว 4-5% หลังปี 63 คาดจะมีช่วงติดลบ 8-9% หรือค่า
ศก.ไทยฝ่ามรสุมโควิด 
ลุ้นจีดีพีปี 64 โต 3.6-5%
กว่าจะสิ้นสุดปี 63 ท�ำเอาหลายต่อหลายคนเลือดตาแทบกระเด็น เพราะ
ต้องยอมรับว่าเป็นปีแห่งมหาวิปโยคของเศรษฐกิจไทย จากพิษไวรัส
โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก ท�ำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก
ไปกว่าครึ่งค่อนปี แถมเครื่องยนต์ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งภาคการส่ง
ออกและการท่องเที่ยว ได้ถูกกระทบจากมาตรการปิดเมือง (ล็อกดาวน์)ใน
หลายประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวไทยได้ ราย
ได้ในส่วนนี้ก็หายไปในที่สุด
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
15
กลางอยู่ที่ติดลบ 8.5% ซึ่งยอมรับว่าต�่ำสุดในประวัติการณ์ และ
ต�่ำกว่าตอนวิกฤติต้มย�ำกุ้งเมื่อปี 40-41 ที่ช่วงนั้นจีดีพี
ติดลบ 7.6%
ธนาคารพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) ได้ประเมินจีดีพีไทยปี 64 ไว้
ว่าจะกลับมาขยายตัว 4.5% จากติดลบ 8% ในปี 63 โดยมอง
ปัจจัยเศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนจากการระบาดไวรัส
โควิด-19 แม้จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว รวมทั้งมีมาตรการจาก
ทั้งนโยบายการเงินและการคลังเข้ามาช่วยสนับสนุนแล้วก็ตาม
จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงกดดันเศรษฐกิจ
มาดูฝั่งส�ำนักวิจัยเศรษฐกิจจากทางธนาคารกันบ้าง กลุ่ม
ธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้คาดการณ์จีดีพีปีหน้า ไว้เช่น
เดียวกับส�ำนักอื่นๆ ที่เป็นบวก 5.2% โดยมีมุมมองการฟื้นตัว
ของการท่องเที่ยวไทย และจับตาความส�ำเร็จในการผลิตวัคซีน
ต้านไวรัสโควิด-19 ส่วนปี 63 คาดเศรษฐกิจไทยจะทรุดตัวรุนแรง
ติดลบ -9% 
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มกลับมาในไตรมาส 4 ปี
นี้ จากที่ทยอยเปิดเมืองและมีมาตรการภาครัฐสนับสนุน
ท่องเที่ยว คาดปี 64 ว่าจะมีจ�ำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า
ไทย 6 ล้านคน แต่อย่างไรก็ตามมองว่าจีดีพีไทยจะกลับมาขยาย
ตัวสูงระดับเดียวก่อนที่จะมีโควิด-19 ต้องใช้เวลามากถึง 3-4 ปี
โดยให้ความท้าทายส�ำคัญ 3 ปัจจัยทั้งความไม่แน่นอนของ
การท่องเที่ยวที่จะเปิดประเทศไปอย่างราบรื่นหรือไม่ ผลกระทบ
ทางด้านการเงินต่อธุรกิจและการจ้างงานที่อัตราว่างงานสูงขึ้น โดย
เฉพาะในธุรกิจที่อิงกับการท่องเที่ยว และส่งผลให้ก�ำลังซื้อใน
ประเทศอ่อนแอลง และสุดท้าย สัดส่วนหนี้ของธุรกิจเอสเอ็มอีและ
รายย่อยเข้ามาตรการช่วยเหลือจ�ำนวนมาก และต้องกลับมาจ่าย
คืนหนี้อีกครั้งจะท�ำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะกระทบต่อก�ำลังซื้อใน
ประเทศ รวมถึงเครดิตของธนาคารพาณิชย์ด้วย
ลุ้นแรงหนุนจากมาตรการฟื้นฟู
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Eco-
nomic Intelligence Center : SCB EIC) ได้คาดจีดีพีปีหน้าไว้ที่
3.5% ฟื้นตัวจากปีนี้ ที่คาดว่าจะติดลบสูง -7.8% ซึ่งมองว่าไทย
ยังต้องเจอกับความท้าทายของปัญหาด้านแรงงานและการปิด
กิจการสูงของภาคธุรกิจ ส่งผลให้การว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ท�ำให้
กระทบต่อการบริโภคในประเทศและการลงทุนซึ่งเป็นเครื่องยนต์
ขับเคลื่อนส�ำคัญในเวลานี้
นอกจากนี้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสิ่งส�ำคัญ ซึ่ง SCB
EIC ยังจับตาเม็ดเงินพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทว่าจะถูกปล่อย
ออกมาได้มากน้อยแค่ไหน เห็นผลชัดเจนหรือไม่ ซึ่งหากออกมา
ไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจได้น้อย อาจ
เกิดหน้าผาทางการคลัง(Fiscal Cliff)ฉุดเศรษฐกิจไทยได้อีกปี
เห็นได้ว่าจากส�ำนักพยากรณ์เศรษฐกิจต่างๆ ได้
ประเมินเศรษฐกิจปีวัว 64 จะฟื้นตัวเป็นบวกได้ 4-5%โดย
มีปัจจัยที่ต้องจับตาอยู่ไม่น้อย ซึ่งจะเป็นโจทย์ส�ำคัญให้
ภาครัฐได้แก้ปัญหาฝ่ามรสุมโควิด-19 รอบด้าน บวกกับ
ลุ้นมาตรการฟื้นฟูขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เป็นปีแห่ง
“วัวกระทิง” วิ่งได้แข็งแรงถึกทน แต่จะฟื้นตัวเพราะจาก 
“แรงหนุน” หรือจาก“ฐานต�่ำ” ยังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน
ต่อไป.
18
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
เมื่อเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจและหุ้น
ไทยช่วงครึ่งแรกปี 64 อาจมีลักษณะที่
ใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งหลังของปี63คือ
ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เนื่องจากกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อ�ำนวย
การอาวุโส บริษัท หลักทรัพย์จัดการ
กองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จ�ำกัด มีมุม
มองว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี
2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนอยู่ในระดับ
1,400-1,500 จุด ซึ่งประเมินก�ำไรต่อหุ้น
(EPS)จะอยู่ที่76บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้น33%
จากปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 57 บาทต่อหุ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัย
บวก จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2564 จะ
พลิกกลับมาเติบโตได้ประมาณ5.4%และ
เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาเติบโตได้
“วัคซีนโควิด”
ความหวังดันหุ้นไทยปีฉลู
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2564 ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการ
ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-
19 ที่หลายฝ่ายห่วงว่าอาจจะมีการระบาดในรอบที่สองในช่วงฤดูหนาว
อย่างไรก็ตามประเทศมหาอ�ำนาจของโลกต่างระดมก�ำลังพัฒนาวัคซีน
กันอย่างเข้มข้น ซึ่งคาดว่ากว่าจะมีวัคซีนกระจายทั่วโลก จะเกิดขึ้นในช่วง
กลางปี 2564
5% เมื่อเทียบกับปี 2563
ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้น
ได้ อยู่ภายใต้สมมติฐานของการผลิต
วัคซีนป้องกันโควิด-19 และการกระจาย
ใช้ได้ส�ำเร็จ ซึ่งจะส่งผลให้กิจกรรมทาง
เศรษฐกิจโลกขยับตัวได้มากขึ้น และจะ
ส่งผลต่อก�ำลังซื้อ รวมถึงการท่องเที่ยว ที่
จะมีผลต่อเศรษฐกิจของไทยที่พึ่งพาการ
ท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก
แต่หากยังไม่สามารถผลิตวัคซีน
ป้องกันโรคระบาดได้ นั่นหมายความว่า
จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ของประชากรโลก
เพราะขณะนี้หลายๆประเทศมีอัตราการ
ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและเลือกที่จะ
ใช้กิจกรรมชีวิตท่ามกลางการระบาดของ
ไวรัส ดังนั้นวัคซีนจึงมีความส�ำคัญ
นอกจากนี้ยังต้องจับตานโยบายการ
เงินหากสหรัฐฯมองว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
ได้ดีขึ้นอาจจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย
ขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะประกาศคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายไว้จนถึงปี 2566 ก็ตาม
รวมถึงการรายงานภาวะขาดดุลของ
รัฐบาลทั่วโลกเนื่องจากไม่สามารถจัดเก็บ
รายได้ได้ตามเป้า
ส่วนปัจจัยลบในประเทศ คงหนีไม่
พ้นปัญหาการเมือง รวมถึงการท�ำงาน
แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยัง
ไม่ตรงจุด และท�ำได้ไม่เต็มที่
ทั้งนี้ แนะน�ำนักลงทุนเลือกหุ้นใน
กลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจ
โลก และเศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นตัว เช่น
กลุ่มท่องเที่ยวประเภทโรงแรม,สนามบิน,
กลุ่มอุปโภคบริโภคได้แก่HMPRO-CRC,
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ HANA-KCE-
SVI
รวมถึงกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และ
ขนาดกลางที่สามารถควบคุมอัตราหนี้เสีย
ได้ เช่น BBL-TISCO, กลุ่มบริหารสินเชื่อ
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
19
และสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น SAWAD-
BAM ,กลุ่มขนส่งที่น่าเข้าซื้อลงทุน เช่น
BTS-BEM
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รอง
กรรมการผู้อ�ำนวยการสายงานวิจัยบริษัท
หลักทรัพย์เอเซีย พลัส ประเมิน ดัชนีหุ้น
ไทยปี2564จะอยู่ที่ระดับ1,450-1500จุด
ซึ่งคาดบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะมีก�ำไร
ต่อหุ้นที่ 72.51 บาท โดยคาดการณ์ก�ำไร
บจ.ไว้ที่ 7.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ปี 2563 ที่คาดท�ำได้ 6.13 แสนล้านบาท
ปัจจัยที่ท�ำให้ตลาดหุ้นไทยในปีหน้า
ฟื้นตัว คงมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
และเศรษฐกิจไทย กลับมาเติบโตได้อีก
ครั้ง จากฐานที่ต�่ำในปี 2563 และสะท้อน
ไปที่ก�ำไรของบริษัทจดทะเบียน
ปัจจัยต่างประเทศที่ยังคงมีผลกระ
ทบต่อเศรษฐกิจคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ
ที่สอง ในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะใน
กลุ่มประเทศยุโรป ส่วนปัจจัยในประเทศ
ที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยคือปัญหาความ
ไม่แน่นอนของการเมือง
ทั้งนี้ แนะน�ำนักลงทุนเลือกลงทุนใน
บริษัทที่มีก�ำไรเติบโตเช่นNOBLE-MCS-
STA ขณะเดียวกันแนะน�ำหลีกเลี่ยงการ
ลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจาก
ยังต้องจับตาการแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่จะ
เกิดขึ้นในอนาคต
ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อ�ำนวย
การฝ่ายวิจัย และบริการการลงทุน–
กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โน
มูระ พัฒนสิน ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้น
ไทยในปี 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี
กว่าปี 63 ภายใต้สมมติฐานการกระจาย
วัคซีนป้องกันโควิดจะต้องเกิดขึ้นในกลาง
ปี 2564 เป็นต้นไป
ดังนั้นจึงประเมินว่า กลุ่มหุ้นที่จะ
ได้รับประโยชน์ดังกล่าว จะเป็นกลุ่ม
ส่งออกสินค้า, กลุ่มเครื่องดื่ม ,ชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอาหาร
“วัคซีน” คือความหวังเดียวของ
“มวลมนุษยชาติ” ที่จะช่วยกอบกู้
โลกจากโรคระบาดที่ร้ายแรงครั้งนี้
และช่วยให้วิถีการลงทุนกลับสู่ภาวะ
ปกติติสุขได้
22
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
23
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์
(บล.) บัวหลวง เลือก บมจ.ช.การช่าง
(CK) เป็น Top Pick เพราะมีแนวโน้ม
การฟื้นตัวของก�ำไรชัดเจน คาดปี 64
จะท�ำได้ 1,270 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาด
652 ล้านบาท เติบโตเกือบ 100% โดยได้
แรงหนุนจากส่วนแบ่งก�ำไรในบริษัทย่อย
ทั้งบมจ.ซีเคพาวเวอร์(CKP)และบมจ.
ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)
ทั้งนี้แนวโน้มการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
จะสะท้อนในก�ำไรไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป
ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแม้โครงการต่างๆ
จะช้ากว่าคาด แต่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง
อาทิการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก,
รถไฟฟ้าสายสีม่วง(ใต้)และรถไฟทางคู่เส้น
ทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของแนะน�ำ“ซื้อ”
ราคาเหมาะสม 22 บาท
ส่วน บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า
(ประเทศไทย)ประเมินว่าCKอยู่ระหว่างรอ
เซ็นสัญญางานใหม่ปีนี้คือสถาบันวิจันจุฬา
ภรณ์ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ราย
ได้ในปี 2564 ขณะเดียวกันเตรียมประมูล
รถไฟฟ้า 2 สาย และรถไฟทางคู่อีก 2 เส้น
ทาง โดยมีมูลค่าโครงการรวมไม่ต�่ำกว่า 3
แสนล้านบาท โดยนโยบายของ CK จะเน้น
รับงานที่มีมาร์จิ้นไม่ต�่ำกว่า 8-9%
ขณะเดียวกันภายในปีนี้จะมีความ
คืบหน้างานเขื่อนหลวงพระบางมูลค่ากว่า
บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.)
กสิกร ซื้อ 29.55
หยวนต้า ซื้อ 26.7
คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 26
กรุงศรี ซื้อ 26
โนมูระฯ ซื้อ 23.40
เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 24
ทิสโก้ ซื้อ 23.2
ดีบีเอสฯ ซื้อ 23
ฟิลลิป ซื้อ 23
บัวหลวง ซื้อ 22
ยูโอบีฯ ซื้อ 21.5
เอเชีย พลัส ซื้อ 21.5
เคทีบี ซื้อ 20.8
CK ก�ำไรกลับมาโตก้าวกระโดด
1 แสนล้านบาท ซึ่งจะรองรับรายได้ 7-8 ปีข้างหน้า รวมถึงรถไฟความเร็วสูง 3
สนามบิน คาดมีรายละเอียดความคืบหน้าการรับงานปลายปีนี้ และเริ่มเห็นงาน
ก่อสร้างปี 64 เป็นต้นไป แนะน�ำ “ทยอยซื้อ” ราคาเหมาะสม 26.70 บาท
ด้าน บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า งานในมือ (Backlog)
ของCKก�ำลังเข้าสู่ขาขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน�้ำแห่งใหม่ของCKPมูลค่า
8-9หมื่นล้านบาทซึ่งจะชัดเจนเร็วๆนี้ขณะที่มีงานรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ที่รอ
เข้าประมูลอีกหลายโครงการ ขณะเดียวกันส่วนแบ่งก�ำไรจากบริษัทย่อยจะเพิ่ม
ขึ้นอย่างมีนัยส�ำคัญคาดก�ำไรปี64แตะระดับ1,784ล้านบาทจากปีนี้คาด339
ล้านบาท เติบโต 426% แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 20.80 บาท
24
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์
(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ระบุว่า ก�ำไร บริษัท ซีพี ออลล์ จ�ำกัด
(มหาชน) หรือ CPALL ผ่านจุดต�่ำ
สุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 โดยจะได้
ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการ
บริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ
มากที่สุด จากจ�ำนวนสาขากว่า 1.2
หมื่นสาขา
ขณะที่บริษัทย่อยอย่าง บมจ.สยาม
แม็คโคร(MAKRO)มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
เช่นกันคาดก�ำไรสุทธิปี64ที่2.1หมื่นล้าน
บาท เติบโต 16% จากปีนี้ที่คาดท�ำได้ 1.8
หมื่นล้านบาท แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะ
สม 79 บาท
ด้านบทวิเคราะห์บล.เอเซียพลัสยก
CPALL เป็น Top Pick ที่ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ
ที่สุดในเชิงพื้นฐาน จากจุดเด่นการเป็น
ผู้น�ำกลุ่มอุตสาหกรรมและมีโอกาสการ
ขยายไปต่างประเทศ โดยล่าสุดขขยาย
ของเขตไป สปป.ลาว และ กัมพูชา ซึ่งยัง
ไม่มีผู้น�ำตลาดร้านสะดวกซื้อที่ชัดเจน ซึ่ง
จะส่งผลบวกต่อบริษัทในระยะยาว ขณะ
ที่ในประเทศผลประกอบการผ่านจุดเลว
ร้ายที่สุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 และมี
แนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดก�ำไรสุทธิปี
64ที่2.36หมื่นล้านบาทเติบโต25%จาก
ปีนี้ที่คาดท�ำได้1.88หมื่นล้านบาทแนะน�ำ
“ซื้อ” ราคาเหมาะสม 75.50 บาท
CPALL รับอานิสงส์ รัฐกระตุ้นบริโภค
ส่วนบทวิเคราะห์บล.เอเชียเวลท์คาดก�ำไรจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่
ไตรมาส3/63เป็นต้นไปจากการที่ประชาชนในประเทศเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
มากขึ้นขณะที่จะเป็นหุ้นค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ
ภาครัฐมากที่สุด คาดก�ำไรปี 64 เติบโตสู่ระดับปกติที่ 2.35 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่
คาดท�ำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 85 บาท
บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.)
ทิสโก้ ซื้อ 76
ไทยพาณิชย์ ซื้อ 85
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 85
ฟิลลิป ซื้อ 82
ดีบีเอสฯ ซื้อ 80
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ซื้อ 75
ยูโอบีฯ ซื้อ 80
หยวนต้า ซื้อ 80
เคทีบี ซื้อ 80
กรุงศรี ซื้อ 74
เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 79
ทรีนิตี้ ซื้อ 79
ธนชาต ซื้อ 77
เอเชีย พลัส ซื้อ 75.5
กสิกร ซื้อ 75.3
โนมูระฯ ซื้อ 75
แลนด์แอนด์เฮาส์ ซื้อ 75
คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 73
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
25
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์
(บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า
ยกให้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้า
จ�ำกัด(มหาชน) หรือ BEM เป็นหุ้น Top
Pick เนื่องจากปริมาณผู้ใช้ทางด่วน
และรถไฟฟ้าใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ โดย
ณ ส.ค.63 อยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยว/วัน และ
2.9 แสนเที่ยว/วัน เพิ่มขึ้น 17.7% และ
38.4% ตามล�ำดับ จากจุดต�่ำสุดใน
เดือน เม.ย.63 โดยคาดว่าจะเข้าใกล้
จุด Breakeven ในไตรมาส 3/63 และ
จะกลับมามีก�ำไรในไตรมาส 4/63 จาก
การเปิดส่วนต่อขยายของสายสีน�้ำเงิน
เฟส 2-3 ครบวง
คาดก�ำไรครึ่งหลังปี63จะเติบโตโดด
เด่นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยคาดก�ำไร
สุทธิปี 63 ที่ 3,148 ล้านบาท และปี 64 ที่
4,474ล้านบาทแนะน�ำ“ซื้อ”ราคาเหมาะ
สม 11.80 บาท
อย่างไรก็ตามราคาเหมาะสมดัง
กล่าวยังไม่รวมปัจจัยบวกในอนาคตอัน
ใกล้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่ง BEM เป็น
ตัวเต็งในการประมูล หากชนะจะเป็น
มูลค่าเพิ่มต่อราคาหุ้นอย่างน้อย 1.5 บาท
ต่อหุ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกระยะ
ยาวจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วน
ต่อขยายคาดจะประมูลอย่างช้าต้นปี 64
และยังมีงานทางด่วนDouble Deckที่จะ
ชัดเจนในปี64รวมถึงโอกาสการSpin-off
BEM พ้นจุดต�่ำสุด มีประเด็นบวกหนุน
บริษัทย่อย “BMN” เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
ด้าน บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า ก�ำไรสุทธิปี 64 จะฟื้น
ตัวอย่างมีนัยส�ำคัญและเข้าสู่ภาวะปกติ ระดับ 3,491 ล้านบาท เติบโต 70% จากปีนี้
ที่คาดท�ำได้ 2,048 ล้านบาท ซึ่งจะได้ประโยชน์เต็มที่จากส่วนต่อขยายที่เปิดใหม่ของ
รถไฟฟ้าที่ผู้โดยสารเติบโตตามระยะทางที่ยาวขึ้นจาก 21.2 กม. เป็น 48 กม. โดยคาด
ว่าผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและทางด่วนในปี64จะเติบโตจากปีนี้26%และ6%ตามล�ำดับ
เป็น 4.68 แสนคน/วัน และ 1.22 ล้านคัน/วัน
ส่วนการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มคาดจะรู้ผลผู้ชนะต้นปี64ส่วนสายสีม่วง(ใต้)
ช่วงแรกคงเป็นเรื่องของการประมูลงานโยธาก่อนส่วนงานระบบและขบวนรถไฟฟ้าคง
ต้องใช้เวลาอีกระยะแต่เนื่องจากสายสีม่วงเหนือBEMเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าและ
ซ่อมบ�ำรุง ดังนั้นในส่วนของสีม่วง (ใต้) มีโอกาสได้งานสูง แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะ
สม 11.10 บาท
บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.)
เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 13
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 12.5
บัวหลวง ซื้อ 12.4
หยวนต้า ซื้อ 11.8
ยูโอบีฯ ซื้อ 11.5
โนมูระ ซื้อ 11.1
ฟิลลิป ซื้อ 11.1
ไทยพาณิชย์ ซื้อ 10.7
ทิสโก้ ซื้อ 10.5
ดีบีเอสฯ ซื้อ 10.3
คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 10.1
เอเชีย พลัส ซื้อ 10
26
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย
ไซรัส จ�ำกัด (มหาชน) ระบุว่าสาเหตุที่
เลือกบริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส
จ�ำกัด(มหาชน) ADVANCเป็นหุ้นTop
Pick ในกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากมองว่า
ADVANC มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
ที่สุดในกลุ่ม และยังมีปริมาณคลื่นใน
มือจ�ำนวนมากพร้อมกับคุณภาพข่ายที่
ดี รวมถึงยังมี Perception เชิงบวกหลัง
เปิดตัว5Gเป็นรายแรกในประเทศไทย
การเริ่มให้บริการ 5G พร้อมกับ
Handset ที่จะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วง
ครึ่งหลังของปี 63 จะช่วยหนุนการเติบโต
ของผลประกอบการADVANCได้ในระยะ
ยาว ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยัง
ประเมินว่าผลประกอบการของADVANC
ได้ผ่านจุดต�่ำสุดแล้วในช่วงไตรมาส 2/63
และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นในทุก
ไตรมาสต่อจากนี้ โดยได้แรง
หนุนจากการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งท�ำให้
เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับสู่สภาวะเกือบปกติ
ขณะที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมผู้ให้
บริการโทรศัพท์มือถืออ่อนตัวลงบ้าง โดย
จะช่วยหนุนให้ ARPU ฟื้นตัวได้อย่าง
รวดเร็วขึ้น
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส จ�ำกัด ระบุว่าสาเหตุที่เลือก ADVANC เป็นหุ้น Top Pick
ในกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากมองว่า ADVANC ยังเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงสูง และมีการจ่าย
เงินปันผลอย่างสม�่ำเสมอ โดยมีจุดเด่นที่ฐานก�ำไรมีขนาดใหญ่ และมีฐานะการเงินที่
แข็งแกร่ง ท�ำให้นักลงทุนสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ ปีละประมาณ 3.4%
ขณะเดียวกัน ภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรม มีแนวโน้มผ่อนคลายลงอย่างค่อย
เป็นค่อยไป สะท้อนจากการส�ำรวจตลาดเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการทุกรายยัง
เสนอ Unlimited package 4mbps ที่ราคาตั้งต้น 200 บาท และ 10mbps ที่ราคาตั้ง
ต้น 300 บาท หรือที่ระดับราคาเดิมเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ package 2mbps
ถูกปรับราคาตั้งต้นขึ้นจาก 90 บาท เป็น 120 บาท ส่วนการอุดหนุนค่าเครื่องรุนแรงขึ้น
บ้างในปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้
ตารางแสดงมุมมองต่อหุ้น ADVANC ของ 6 ส�ำนักวิเคราะห์
ADVANC คว้าแชมป์หุ้นเด็ดกลุ่มสื่อสาร
บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.)
ทิสโก้ ซื้อ 208.00
ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 208.00
ฟิลลิป ซื้อ 230.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 210.00
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 230.00
บัวหลวง ซื้อ 237.00
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
27
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย
ไซรัสจ�ำกัดระบุถึงสาเหตุที่เลือกบริษัท
สยามโกลบอลเฮ้าส์ จ�ำกัด(มหาชน)
หรือ GLOBAL เป็นหุ้น Top Pick
เนื่องจากGLOBALมีสินค้าที่สร้างก�ำไร
ขั้นต้น (Margin) ได้สูงกว่าคาดการณ์
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแผน
ขยายสาขาเชิงรุกของ GLOBAL ซึ่งจะ
ท�ำให้อัตราก�ำไรขั้นต้น (Gross Margin)
อยู่ในระดับ 25% ในปี 66 -67
ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาส 4/63
คาดว่า GLOBAL จะได้อานิสงส์จาก
เหตุการณ์น�้ำท่วมภาคเหนือในช่วงเดือน
ส.ค.ที่ผ่านมาซึ่งประเมินว่าจะท�ำให้ความ
ต้องการซื้อสินค้าในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น
ส่วนฝั่ง Margin คาดว่าจะขยายตัวขึ้น
จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand
โดยมองว่าก�ำไรสุทธิปี 63 มีโอกาสเติบโต
1.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(YoY) และเร่งตัวขึ้นเป็น 22.6% YoY ใน
ปี 64 จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House
Brand
ด้านบล.เคทีบีระบุว่าสาเหตุที่เลือก
GLOBALเป็นหุ้นTopPickเนื่องจากชอบ
ความสามารถการบริหาร product mix
และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ซึ่ง
จะท�ำให้อัตราก�ำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น
ต่อเนื่องไปถึงปี 64 นอกจากนี้ GLOBAL
ยังขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วงการ
GLOBAL ขยายสาขาเชิงรุก-มาร์จิ้นพุ่ง
แพร่ระบาดโควิด-19 และมองว่า GLOBAL ผ่านจุดต�่ำสุดไปแล้ว หลังการผ่อนคลาย
มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า GLOBAL ตั้งเป้ามีสาขาครบ 100
สาขาในปี 66 จากสิ้นปี 63 มี 72 สาขา
ซึ่งคิดเป็นการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 9 - 10 สาขาต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดย
GLOBAL จะเปิดสาขาที่มีขนาดเล็กลงด้วย (ประมาณ 7,000 ตรม.) ซึ่งการเปิดสาขา
ขนาดเล็ก ท�ำให้มีโอกาสขยายสาขาได้มากกว่าเดิม และยังช่วยเพิ่มอัตราก�ำไรขั้นต้น
ได้จากการทยอยเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand เป็น 25% ใน 3 ปีข้างหน้า จากปีนี้ที่
คาดว่าจะไม่ต�่ำกว่า19%อีกทั้งสัดส่วนยอดขายวัสดุก่อสร้างลดลงจากเดิมที่40-50%
มาเป็น 35% ท�ำให้อัตราก�ำไรสูงขึ้น และมีความผันผวนน้อยลง
บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.)
ทิสโก้ ถือ 13.50
เคจีไอ ซื้อ 22.50
กรุงศรี ซื้อ 19.00
เคทีบี ซื้อ 19.50
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 22.50
บัวหลวง ซื้อ 23.00
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 21.00
ตารางแสดงมุมมองต่อหุ้น GLOBAL ของ 7 ส�ำนักวิเคราะห์
30
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย
เวลท์ จ�ำกัด เปิดเผยว่าสาเหตุที่เลือก
หุ้น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
จ�ำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นหุ้น
Top Pick เนื่องจาก CPF เป็นหุ้นที่ไม่ได้
รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19
และก�ำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
อย่างน้อยถึงช่วงไตรมาส 4/63 สาเหตุที่
ท�ำให้CPFมีโอกาสท�ำก�ำไรสุทธิเติบโตขึ้น
ทุกไตรมาสจนถึงสิ้นปี 63 เนื่องจากราคา
เนื้อหมูยังอยู่ในระดับสูง แม้ในอนาคตมี
โอกาสปรับตัวลงแต่ประเมินว่าราคาเนื้อ
หมูในอนาคตยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ
เนื่องจากราคาได้ปรับฐานใหม่แล้ว
นอกจากนี้ CPF ยังได้เข้าซื้อธุรกิจ
สุกรในประเทศจีนผ่านบริษัทย่อย โดย
จะช่วยหนุนผลประกอบการของ CPF ใน
ระยะยาว เพราะประเทศจีนมีการบริโภค
สุกรสูงสุดของโลก และยังขาดแคลนสุกร
ในจ�ำนวนมากจากการแพร่ระบาดของโรค
อหิวาต์แอฟริกาในสุกรส่งผลให้ราคาสุกร
ในประเทศจีนยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่ง
เป็นผลดีกับ CPF
CPF เติบโตสูง ห่างไกลจากโควิด
ด้านบล.กรุงศรีจ�ำกัด(มหาชน)ระบุเพิ่มเติมว่าสาเหตุที่เลือกCPFเป็นTopPick
เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในการเติบโตของ
ก�ำไรสุทธิซึ่งได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อกิจการสุกรในประเทศจีนในช่วงที่ราคาเนื้อหมู
จะอยู่ในระดับสูงอีกอย่างน้อย 2 ปี จากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ยังท�ำให้ประเทศเวียดนาม
ขาดแคลนสุกรด้วยเช่นกันโดยปัจจุบันราคาเนื้อสุกรในประเทศเวียดนามปรับตัวขึ้นมา
ราว 50% นอกจากนี้ ยังคาดว่าความต้องการเนื้อสัตว์ช่วงครึ่งหลังของปี 63 จะฟื้นตัว
ทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ CPF ด�ำเนินธุรกิจอยู่ ตามการคลายล็อกดาวน์ที่เพิ่ม
ขึ้นของแต่ละประเทศ
ตารางแสดงมุมมองต่อหุ้น CPF ของ 7 ส�ำนักวิเคราะห์
บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.)
ฟิลลิป ซื้อ 33.50
บัวหลวง ซื้อ 38.75
ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี ซื้อ 35.25
ทิสโก้ ซื้อ 38.00
กรุงศรี ซื้อ 42.20
เอเชียเวลท์ ซื้อ 43.00
หยวนต้า ซื้อ 49.50
20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563
31
บล. ราคาเป้าหมายปี 64
(บ./หุ้น)
คาดการณ์ก�ำไรปี 63 (ลบ.) คาดการณ์ก�ำไรปี 64 (ลบ.)
บัวหลวง 19.7 5,583 5,947
เอเซียพลัส 17 5,046 5,549
ยูโอบี 18.5 5,883 5,897
เอเชียเวลท์ 18 5,156 5,424
ฟิลลิป 18 5,235 5,919
ทรีนีตี้ 18.4 3,816 5,142
บริษัทไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปจ�ำกัด(มหาชน)หรือTUเป็นอีกหนึ่ง
บริษัทที่นักวิเคราะห์มีมุมบวกต่ออนาคตธุรกิจ หลังผลประกอบ
การครึ่งปีแรก 63 ก�ำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยส่วนใหญ่ต่าง
ปรับเพิ่มประมาณการแนวโน้มก�ำไรปี 63 -64 กันถ้วนหน้า
ก�ำไรปี 64 มีลุ้นเฉียด 6 พันลบ.
หลังจากประกาศผลประกอบการในครึ่งปีแรก 63 ออกมา
ก�ำไรเติบโตอย่างโดดเด่นนักวิเคราะห์ต่างปรับเพิ่มเป้าหมายก�ำไร
ของปี 63 และ 64 โดยทันที จากปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจอาหาร
กระป๋องที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าอาหารแช่แข็งรวมถึงแนวโน้มราคาทูน่าที่
จะปรับตัวขึ้นขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตดีจากการคลายล็อค
ดาวน์ในช่วงครึ่งปีหลังของหลายประเทศ โดยนักวิเคราะห์เชื่อมั่น
ว่าปี64จะเห็นการด�ำเนินงานของTUกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหลัง
ประสบปัญหามาหลายปีติดต่อกัน
โดยจากการส�ำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ต่อTUส่วนใหญ่
ได้ปรับเพิ่มเป้าก�ำไรสุทธิทั้งปี63และ64โดยคาดก�ำไรปีนี้จะอยู่ที่
ประมาณ 3.7-5.5 พันล้านบาท แต่ในปีหน้าที่คาดว่าธุรกิจจะกลับ
TU ก�ำไรปี 64 ลุ้นเฉียด 6 พันลบ.
มาเป็นปกติมีโอกาสที่จะได้เห็นก�ำไรระดับ4.7-5.9พันลบ.ซึ่ง
เป็นระดับก�ำไรสูงสุดในรอบ 5 ปีได้ 	
ปรับโครงสร้าง Red Lobster ระยะยาวสดใส
อีกหนึ่งความคืบหน้าส�ำคัญของTUคือการปรับโครงสร้าง
การถือหุ้นใน Red Lobster Master Holdings (RLMH) โดย
การน�ำพันธมิตรที่เป็นทั้งอดีตCEOของMinorfoodและกลุ่ม
MK Restaurant แม้ว่าในปีนี้ผลงานของ RLMH มีแนวโน้มที่
จะเผชิญปัญหาหลักจากโควิด-19 แต่ทาง
ฝ่ายบริหารของ TU ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการด้อยค่า
เนื่องจากมองว่า Red Lobster ยังคงสามารถสร้าง EBITDA
ให้ TU ได้ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ต่อปี
โดยนักวิเคราะห์ เชื่อว่าผู้ถือหุ้นใหม่ 2 ท่านซึ่งมีความ
เชี่ยวชาญในธุรกิจการใช้กลยุทธ์ลดต้นทุนของบริษัทจะช่วยให้
ผลประกอบการของRLฟื้นตัวและสามารถท�ำก�ำไรได้ในระยะ
ยาวและยั่งยืนส่วนเงินลงทุนนั้นคาดว่าไม่ใช่ปัญหาส�ำคัญของ
TU เนื่องจาก D/E ปัจจุบันต�่ำเพียง 0.96 เท่า
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย
20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย

More Related Content

Featured

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
Marius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
Expeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Pixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
ThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
marketingartwork
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
Skeleton Technologies
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Kurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
SpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Lily Ray
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
Rajiv Jayarajah, MAppComm, ACC
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
Christy Abraham Joy
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
Vit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
MindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
RachelPearson36
 

Featured (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์ไทย

  • 1.
  • 2.
  • 4. 4 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 ในวาระที่ทางบริษัท ออนไลน์แอส เซ็ท จ�ำกัด หรือ กลุ่ม EFIN ได้ด�ำเนินงาน ครบรอบ 19 ปี และก้าวขึ้นปีที่ 20 นี้ ต้อง ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ ความสนใจ และติดตามกิจกรรมของทาง กลุ่มมาโดยตลอด เช่นเดิมในปีนี้สัมมนาใหญ่ประจ�ำปี ในสถานการณ์ไม่ปกติจากการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ทางกลุ่ม EFIN ขอเป็นก�ำลัง ใจให้กับทุกๆท่านและขอให้พวกเราผ่าน วิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามในทุกวิกฤตมีโอกาส ในการลงทุนเราทุกคนต้องวิเคราะห์ และวางแผนอย่างมีสติ กอปรกับข้อมูล ประกอบการตัดสินใจที่มีคุณภาพ ซึ่ง ทางกลุ่ม EFINได้จัดสรรรองรับไว้ในงาน Better Trade Symposium 2020 ในปีนี้ โดยมีชื่อธีมงานว่า “The Survivor ฝ่าวิกฤตเกมการลงทุน”วัตถุประสงค์เพื่อ ให้นักลงทุนสามารถปรับตัวและเอาตัว รอดจากสถานการณ์ที่ผันผวน โดยมีการ จัดงานในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ถ่ายทอดสดในรูปแบบ Webinar ด้วย วิทยากรที่มีชื่อเสียงร่วมแนะน�ำแนวทาง การลงทุน เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสกับ สถานการณ์ที่ผันผวน นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอบแทนและ ขอบคุณท่านนักลงทุนที่เข้าร่วมงาน ทาง ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย“มีข่าวมีโอกาส” จัดท�ำหนังสือครบรอบขึ้นที่มีชื่อหนังสือว่า “20 หุ้นดี 20 ปี อีไฟแนนซ์” ซึ่งทีมงาน ของส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ตั้งใจจัดท�ำ หนังสือข้อมูล แนวโน้มเศรษฐกิจ 20 หุ้น เด็ดจากบริษัทหลักทรัพย์ 10 แห่ง การ ลงทุนยุค VUCA แนวโน้มทองค�ำ และ กองทุน เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็น ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์และการ ตัดสินใจลงทุน โดยแจกฟรีเฉพาะผู้เข้า ร่วมงาน Better Trade Symposium 2020 เท่านั้น สุดท้ายนี้ผมในฐานะตัวแทนของ EFIN ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ เกียรติเข้าร่วมงาน Better Trade Sym- posium 2020 ในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าในงานนี้ทุกท่านคงได้รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้กลยุทธ์ต่างๆกลับไปใช้พัฒนาการ ลงทุนให้ประสบความส�ำเร็จ อยู่รอด ปลอดภัยในการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน ที่ท�ำให้งานนี้ด�ำเนินการขึ้นได้ หากมี สิ่งผิดพลาด ขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่า ทุกท่านคงให้การสนับสนุนทาง EFIN ใน โอกาสต่อไป ขอขอบคุณทุกๆท่านมา ณ โอกาสนี้ พรเลิศ เตชะรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออนไลน์แอสเซ็ท จ�ำกัด สาส์นจากผู้บริหาร
  • 5. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 5 ก�ำลังจะผ่านพ้นปี 63 ไปอีกปี และน่าจะเป็น ปีที่ใครๆก็คงจะอยากให้ผ่านไปเร็วๆ ถึงแม้ว่าปีนี้น่า จะถือเป็นปีประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจ�ำอีกปีกับ การเกิดโรคระบาดโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด- 19 ที่ส่งผลกระทบหนักหน่วงที่สุดต่อโลกอยู่ในขณะ นี้ โดยเฉพาะต่อเศรษฐกิจ สังคม และการใช้ชีวิตที่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน อะไรที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยประสบพบเจอ ก็ได้ มาเห็นและรับรู้กันในปีนี้ ใครจะไปคิดว่าสนามบิน ทั่วโลกจะต้องปิดตายกันไปหลายแห่ง รันเวย์กลาย เป็นลานจอดเครื่องบินเพราะการเดินทางไม่สามารถ ท�ำได้เนื่องจากกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อไปโดยปริยาย ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ต่างๆ หยุดด�ำเนินกิจการ เพราะถูกสั่งล็อกดาวน์จากรัฐบาล ส่งผลให้กิจกรรม ทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด- 19 ก�ำลังระบาดอย่างหนักช่วง มี.ค.- พ.ค.ที่ผ่านมา แม้โลกอาจจะผ่านพ้นช่วงเลวร้ายไปแล้ว แต่ก็ ยังไม่ได้ผ่านพ้นจุดวิกฤต หลังจากบางพื้นที่อาจจะ คลายล็อกดาวน์ไปแล้ว แต่บาดแผลที่เกิดจากไวรัส ร้ายตัวนี้ ยังคงกัดกร่อนเศรษฐกิจโลกอยู่ และคาด ว่ากว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติได้จริงๆ ก็ คงต้องรอไปจนถึงปี 65 ประเทศไทยของเราก็เป็นอีก 1 ประเทศที่ได้รับ ผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเราเป็นประเทศ ที่พึ่งพาการท่องเที่ยว รายได้จากนักท่องเที่ยวต่าง ประเทศที่เข้ามาแต่ละปีมีจ�ำนวนมหาศาล จึงสูญ ไปอย่างน่าใจหาย ยังโชคดีที่ประเทศไทย สามารถ รับมือกับการระบาดได้ดี จนสามารคลายล็อกดาวน์ ได้เร็ว จนท�ำให้เศรษฐกิจเริ่มเดินหน้าไปได้บ้าง โดย เฉพาะการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ที่พอจะช่วย ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ซบเซามาตลอด 5 เดือนได้ลืมตาอ้าปาก อย่างไรก็ดีในส่วนของส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ของ เรานั้นเรายังคงท�ำงานและรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น บริษัทจด ทะเบียน ตลอดจนทิศทางของเศรษฐกิจในช่วงที่ ผ่านมา ซึ่งในฐานะของสื่อสารมวลชนนั้น ยอมรับ ว่าปีนี้เป็นอีกปีที่วงการสื่อมวลชนได้รับผลกระทบ จากวิกฤตโควิดค่อนข้างรุนแรง เราได้เห็นเพื่อนๆสื่อ หลายสาขา ที่ต้องถูกปิดตัว ถูกเลิกจ้าง หรือลดเงิน เดือน เช่นเดียวกับอีกหลากหลายธุรกิจ ที่ได้รับผลก ระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงไม่แพ้กัน ส�ำหรับปีที่ 20 ของส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ ใน ปีนี้เราถือว่าได้ผ่านบททดสอบที่หินมากๆมาแล้ว และก็พร้อมจะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะการน�ำเสนอคอนเทนท์ดีๆ ที่น่า สนใจ ให้กับผู้อ่านและนักลงทุนให้ได้รับ ประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งในปีนี้เราได้ เพิ่มเติมคอนเทนท์ข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ หลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน ต่างๆ เข้ามาอีก รวมไปถึงรายการ สด ที่จะมีการวิเคราะห์ เจาะลึก เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย และแน่นอนที่สุด ส�ำหรับ หนังสือก้าวสู่ปีที่ 21 หรือครบรอบปี ที่ 20 ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทยนั้น ปีนี้ เราเลือกธีมหนังสือในชื่อ “20 หุ้นดี 20 ปีอี ไฟแนนซ์ไทย” เพราะเราคิดว่าในสถานการณ์ แบบนี้นักลงทุนควรมีหุ้นฝ่าวิกฤตโควิด-19ดีๆไว้เป็น คู่มือส�ำหรับการลงทุนโดยกองบก.ได้รวบรวมและคัด สรรมาอย่างดีแล้วว่าในปีนี้ในภาวะแบบนี้หุ้นตัวไหน ที่คู่ควรและเราหวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จาก หนังสือเล่มนี้ ไม่มากก็น้อย *** ขอให้โชคดีกับการลงทุนทุกท่าน*** บทบรรณาธิการ พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน บรรณาธิการบริหาร ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
  • 6. 6 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 บทน�ำ ทิศทาง ศก.โลกปี 64 หลังการระบาดของโควิด-19 ศก.ไทยฝ่ามรสุมโควิด ลุ้นจีดีพีปี 64 โต 3.6-5% “วัคซีนโควิด” ความหวังดันหุ้นไทยปีฉลู * 20 หุ้นดี 20ปีอีไฟแนนซ์ * CK ก�ำไรกลับมาโตก้าวกระโดด CPALL รับอานิสงส์ รัฐกระตุ้นบริโภค BEM พ้นจุดต�่ำสุด มีประเด็นบวกหนุน ADVANC คว้าแชมป์หุ้นเด็ดกลุ่มสื่อสาร GLOBAL ขยายสาขาเชิงรุก-มาร์จิ้นพุ่ง CPF เติบโตสูง ห่างไกลจากโควิด TU ก�ำไรปี 64 ลุ้นเฉียด 6 พันลบ. OSP เทรนด์สุขภาพหนุน แต่ระวังโควิดขัดขา PTG รุก Non-Oil หนุนธุรกิจในอนาคต BDMS ฐานะการเงินแกร่ง มีลุ้นเข้าซื้อกิจการ TISCO พอร์ตสินเชื่อแกร่ง ทนต่อภาวะศก.ผันผวน CENTEL สุดยอดหุ้นเทิร์นอะราวด์ปี 64 HMPRO พื้นฐานแกร่ง-ลูกค้ามีก�ำลังซื้อสูง PTTGC ฐานะการเงินแกร่ง ก�ำไรส่อแววฟื้น SCC ปี 64 กลับมาโต ดีมานด์ปูนซีเมนต์พุ่ง BAM ก�ำไรฟื้นโดดเด่น ลุ้นขาย NPA ล็อตใหญ่ CPN ผลงานปี 64 ฟื้น ค่าเช่าเพิ่ม-ผุดโครงการใหม่ LH ปันผลเด่น อสังหาฯแนวราบยังขายดี BGRIM หุ้น Top Pick จากกลุ่มโรงไฟฟ้า CBG หุ้นเครื่องดื่มตัวแรง! ก�ำไรขาขึ้น “ทองค�ำ” ปี 64 ส่อท�ำนิวไฮ ควรมีติดพอร์ต 5-15% DeFi นวัตกรรมเปลี่ยนโลกการลงทุน เปิดโอกาส-กระจายความเสี่ยง กับการลงทุน ตปท. เปิดโผ 4 หุ้น ฝ่าวิกฤติการลงทุนด้วยเทคนิค DCA เครดิตผู้จัดท�ำหนังสือ 8 10 14 18 22 23 24 25 26 27 30 31 32 33 36 37 38 39 40 41 44 45 46 47 48 50 52 56 59 62 สารบัญ Contents
  • 7.
  • 8. 8 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 บทน�ำ ปี 63 ถือเป็นปีมหาวิปโยคอย่าง แท้จริง ทั้งโลกต้องเผชิญกับการแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19ที่สร้างความ สูญเสียมหาศาลโดยมีผู้ติดเชื้อทะลุ43 ล้านคนเสียชีวิตแล้วนับล้านคนทั่วโลก และดูเหมือนตัวเลขดังกล่าวจะยังไม่ หยุดนิ่ง จนกว่าจะมีการค้นพบวัคซีน และกระจายใช้อย่างกว้างขวาง ในด้านเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ สาหัสไม่แพ้กันสะท้อนจากจีดีพีโลกที่คาด ว่าจะติดลบ4.9-5.2%ถดถอยรุนแรงที่สุด ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่าง หยุดชะงัก จากมาตรการปิดเมือง(Lock- down) ธุรกิจที่เกี่ยวกับการค้าระหว่าง ประเทศ การท่องเที่ยว แทบล้มละลาย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประเมินว่าในช่วงปี 63-64 ไวรัสโควิด-19 จะสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจโลกคิด เป็นมูลค่าอย่างต�่ำราว9ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ หรือประมาณ 288 ล้านล้านบาท ส�ำหรับประเทศไทย ถึงแม้จ�ำนวน ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะไม่มากเหมือน หลายประเทศ เพราะสามารถควบคุม การระบาดของไวรัสได้ดี แต่เศรษฐกิจ ก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน โดย ปี 63 สภาพัฒน์มองว่าจีดีพีจะติดลบถึง 8.5% โดยเฉพาะไตรมาส 2/63 ที่เป็นจุด ต�่ำสุดของปี(จีดีพีติดลบ 12.22%) หลาย ธุรกิจต้องปิดกิจการ หลายแห่งต้องลด จ�ำนวนพนักงาน สภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย(ส.อ.ท.)ประเมินว่ามีคนไทย ตกงานมากถึง 7-8 ล้านคน ถือว่าเลวร้ายกว่าวิกฤติต้มย�ำกุ้งปี 40 เสียอีก! ในด้านการลงทุนมีสินทรัพย์ที่ เคลื่อนไหวหวือหวา 2 ประเภท คือ “หุ้น” และ “ทองค�ำ” แน่นอนว่า “หุ้น”กอดคอ ด�ำดิ่งลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยดัชนีหุ้น ไทยทรุดตัวจากระดับ 1,600 จุด ในช่วง ต้นปี 63 ดิ่งลงสู่ระดับต�่ำสุดที่ 969 จุด ก่อนจะรีบาวน์ขึ้นมาทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 1,250-1,350 จุด ขณะที่ “ทองค�ำ” ปรับตัวขึ้นแรง สวนทาง “หุ้น” เพราะนักลงทุนมองว่า เป็นหลุมหลบภัยในช่วงวิกฤติ โดยราคา ทองค�ำโลกพุ่งทะลุระดับ 2,000 เหรียญฯ ต่อออนซ์ ราคาทองค�ำในประเทศพุ่งทะลุ 30,000 บาท ส�ำหรับแนวโน้มปี 64 ผู้สันทัดกรณี คาดการณ์ว่าทั้งโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น บน สมมติฐานการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ประสบความส�ำเร็จและเริ่มออกสู่ตลาด ซึ่งจะท�ำให้จ�ำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และ ผู้เสียชีวิตลดน้อยลง จนสามารถควบคุม การระบาดได้ในที่สุด ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ IMF ประเมินว่า จีดีพีโลกจะกลับมาโตได้อีก ครั้งในระดับ 5.4% จากฐานที่ต�่ำในปี 63 เนื่องจากหลายประเทศกลับมาประกอบ กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง หลัง ทยอยยกเลิกมาตรการ Lockdown เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทยส�ำนักวิจัย ต่างๆคาดการณ์ว่าจีดีพีจะกลับมาเติบโต ได้ในระดับ 3-5% แต่อยู่บนเงื่อนไขว่า ต้องไม่ถูกซ�้ำเติมจากปัญหาทางการเมือง ที่ครุกรุ่นมาตั้งแต่ปลายปี 63 อีก ด้านการลงทุนในปี 64 สินทรัพย์ ที่โดดเด่นยังคงหนีไม่พ้น “หุ้น” และ “ทองค�ำ”ที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการ อัดฉีดเงินสู่ระบบของธนาคารกลางทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท�ำให้เกิดภาวะ“เงิน ท่วมโลก” ต้องวิ่งหาสินทรัพย์ลงทุนสร้าง ผลตอบแทน โดยเฉพาะ “หุ้น”ที่มีโอกาสฟื้นตัว เร็วตามภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนไปที่ก�ำไร บริษัทจดทะเบียน(บจ.) และดัชนีหุ้นไทย โดยนักวิเคราะห์มองว่าอาจได้เห็นดัชนีเด้ง กลับมาที่ระดับ1,500จุดอีกครั้งและกลุ่ม หุ้นที่จะเทิร์นอะราวด์เร็วที่สุดน่าจะเป็นหุ้น พื้นฐานแข็งแกร่ง ราคายังปรับขึ้นไม่มาก (Laggard) ในกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก โรง พยาบาล อาหาร พลังงาน ปิโตรเคมี และ เทคโนโลยี เป็นต้น ขณะที่ “ทองค�ำ” จริงๆควรเป็น สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต�่ำในปีหน้า เพราะเป็นศรัตรูกับภาวะเศรษฐกิจขา ขึ้น แต่เนื่องจากปริมาณ “เงินล้นโลก” และยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการ Brexit แบบ ไร้ข้อตกลงของอังกฤษท�ำให้“ทองค�ำ”ยัง เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผล ตอบแทนได้ดี ส�ำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะ สมในปี 64 นักลงทุนอาจต้องแบ่งพอร์ต ลงทุน “ทองค�ำ” 5-15% และกระจาย การลงทุนไปในหุ้นหลายๆกลุ่ม รวมถึง ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เปิดโอกาสในการ ซื้อหุ้นต่างประเทศ เพราะตลาดหุ้นใน หลายประเทศยังอยู่ในระดับต�่ำซึ่งจะช่วย กระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทน ได้อีกทาง นอกจากนี้อาจต้องใช้กลยุทธ์Dollar Cost Average หรือ DCA ซี่งเป็นหนึ่งใน รูปแบบการลงทุนระยะยาว ที่“ถัวเฉลี่ย ต้นทุน” ด้วยการทยอยซื้อหุ้นในจ�ำนวน เงินที่เท่าๆกันอย่างสม�่ำเสมอ เพื่อลด ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ในระยะสั้น ทั้งหมดนี้ คือข้อมูลคร่าวๆของ ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนใน ปี 63-64 แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง นั้น “หนังสือดิจิทัลเล่มนี้ได้รวบรวมทุก อย่างที่จ�ำเป็นไว้ให้ท่านครบถ้วนแล้ว...”
  • 10. 10 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงโควิดระบาด การระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากจะส่งผลกระ ทบโดยตรงกับเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังส่งผลต่อการลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ลดลงอย่างมากในช่วงเดือน ก.พ. ภายหลังไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลก ท�ำให้ดัชนี ดาวโจนส์ และ ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวลดลงมาก ที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน (วิกฤตซับ ไพร์ม)ในปี 2008 ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม การบิน ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นเดียวกันและน่าจะหนัก ที่สุดเมื่อเทียบกับหลายๆ อุตสาหกรรม ท�ำให้ประเทศที่มี รายได้หลักจากการท่องเที่ยวต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ ชะลอตัวขณะที่สายการบินทั่วโลกประสบปัญหาทางการ เงิน หลังจากเที่ยวบินระหว่างประเทศหลายแสนเที่ยว ถูกยกเลิก เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ ท�ำให้ต้องปลด พนักงานมากกว่า 1 แสนคน ไม่เว้นแม้แต่การแข่งขันกีฬาและกิจกรรมระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มี ก�ำหนดโดยเฉพาะมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติอย่าง โอลิมปิก ที่ต้องเลื่อนไปจัดในปี 64 ทิศทาง ศก.โลกปี 64 หลังการระบาดของโควิด-19 การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายให้ กับเศรษฐกิจทั่วโลก เนื่องจากท�ำให้ภาคอุตสาหกรรม การส่งออก รวมถึง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชะลอตัวอย่างหนัก ท�ำให้เศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งปี แรกหดตัวแล้ว 4.9% โดยธนาคารโลก (Worldbank) ได้คาดการณ์เศรษฐกิจ โลกในปีนี้จะหดตัว 5.2% และอาจลดลง 8% ในกรณีที่สถานการณ์การระบาด ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลกระทบกับทิศทางของเศรษฐกิจโลกในปี 64 คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 64 โต 5.1% ส�ำหรับทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 64 นั้น ประเมินว่า หลายประเทศเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจบ้างแล้ว โดย เฉพาะประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อลดลง แต่ส�ำหรับการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากหลาย ประเทศได้กลับมาใช้มาตรการเว้นระยะทางสังคมอีกครั้ง หลังพบการระบาดในรอบที่ 2 ซึ่งเชื่อว่ากว่าที่เศรษฐกิจ โลกจะกลับมาฟื้นตัวไปเหมือนก่อนเกิดโควิดนั้น คงต้องรอ ไปถึงปี 65 ทั้งนี้ จากข้อมูลนักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยที่ลงตัวเลข ประมาณการในBloombergคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว ถึง5.1%ในปี64จากที่จะหดตัวในปี63อย่างไรก็ดีการคาด การณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น ประเด็นที่ส�ำคัญคือเรื่องของวัคซีนว่าจะมีการพัฒนาและน�ำ ออกมาใช้ได้เมื่อไหร่ แม้ว่าจะดูมีความคืบหน้าเป็นล�ำดับทั้ง จากทางจีน รัสเซีย และสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นหากโลกมีความหวังได้วัคซีนเมื่อไหร่และ สามารถน�ำออกแจกจ่ายได้ในวงกว้างความเชื่อมั่นของภาค ผู้บริโภคและการท่องเที่ยวน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน และส่งผลหนุนน�ำต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้าด้วย
  • 11. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 11 นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงภูมิภาคส�ำคัญๆ ก็มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โลกในปี 64 ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่ม ประเทศยูโรโซน จีดีพีสหรัฐฯ ปี 64 โต 4.5% ลุ้นผลเลือกตั้งปธน. สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของไวรัสโควิด-19มากที่มีสุดในโลกโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ หลัง GDP สหรัฐฯหดตัว 31.7% ในไตรมาสที่ 2/63 ซึ่งมากที่สุด ในรอบหลายสิบปี โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะหดตัวมากถึง 8% ก่อนที่ จะขยายตัว 4.5% ในปี 64 อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯขึ้นอยู่กับว่า สหรัฐฯ จะสามารถจัดกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้หรือ ไม่ รวมถึงการพัฒนาวัคซีนได้เร็วมากแค่ไหน ตลอดจนผลการ เลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ก็จะเป็นอีก หนึ่งตัวชี้วัดส�ำคัญของเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้าเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดหมายว่า หากครั้งนี้ โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแคต ชนะการเลือกตั้งน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจ โลก โดยเฉพาะเรื่องของสงครามการค้ากับจีนที่น่าจะคลี่คลายลงได้ จีดีพีจีนปี 63 ไม่ติดลบ และเติบโต 8% ในปี 64 ประเทศจีนถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดของไวรัส โควิด-19 ซึ่งนับตั้งแต่พบการระบาดจีนต้องเผชิญกับผลกระ ทบทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลสั่งปิดเมืองใหญ่ในช่วงเทศกาล ตรุษจีนส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและท�ำให้GDPในไตรมาส 1/63 หดตัว 6.8% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 28 ปี อย่างไรก็ตามธนาคารกลางจีน (PBOC) เดินหน้าใช้มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก บวกกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์ อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ GDP ของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ที่ 3.2% ในไตรมาสที่ 2 โดย IMF ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ ของจีนจะขยายตัว 1% ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายตัว 8%ในปี หน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากไวรัสโควิด-19ยังคงระบาดในระยะยาวก็อาจ ส่งผลกระทบกับการส่งออกและเศรษฐกิจของจีนในอนาคตซึ่งนั่น คือความเสี่ยงที่น่าจับตามองรวมไปถึงสงครามการค้าากับสหรัฐฯ ที่จีนคงต้องลุ้นให้ โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งในเดือน พ.ย. นี้ จีดีพียูโรโซน ปีนี้คาดร่วงหนัก 10.2% ก่อนฟื้นตัวกลางปีหน้า กลุ่มประเทศสมาชิกยูโรโซน เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผล กระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19หลังเศรษฐกิจ ของประเทศสมาชิกประสบกับภาวะหยุดชะงักจากมาตรการล็อก ดาวน์ โดยสหภาพยุโรปคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของกลุ่มจะหด ตัว10.2% ในปีนี้ หลัง GDP ของประเทศสมาชิกยูโรโซน หดตัว 12.1% ในไตรมาสที่ 2/2563 ก่อนที่จะกลับมาฟื้น ตัวอย่างเต็มที่ในช่วงกลางปีหน้า โดยจะขยายตัวที่ 6 % นอกจากนี้สหภาพยุโรปได้ประกาศเตือนว่าหลายประเทศอาจ ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งผลักดันให้ราคา น�้ำมันและอาหารเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโร โซนจะเพิ่มขึ้นจากการระดับ0.3%ไปอยู่ที่ระดับ1.1%ในปีหน้า
  • 12.
  • 13.
  • 14. 14 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวไทยถือเป็น ก�ำลังส�ำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตลอด หลายปีที่ผ่านมา เพราะมีสัดส่วนให้กับเศรษฐกิจไทย รวมกันสูงถึง 70% ต่อจีดีพี ซึ่งไม่แปลกใจที่เศรษฐกิจ ไทยจะย�่ำแย่กับปัจจัยที่อยู่เหนือความคาดหมายนี้ ปี 63 เผาจริง จีดีพีหดตัวแรงสุด เป็นประวัติการณ์ จากตัวเลขทางการของส�ำนักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดตัวเลข ไตรมาส 2 ปี 63 ว่าจีดีพีไทยติดลบสูงถึง 12.2% ท�ำให้ รวมครึ่งปีแรกของปี 63 เศรษฐกิจไทยติดลบ แล้ว 6.9% โดยการประเมินทั้งปีสศช.ได้ให้ไว้ที่ช่วง ติดลบ 7.3% ถึงติดลบ 7.8% แต่สุดท้ายจีดีพีไทย จะอยู่ที่เท่าไร คงต้องรอการประกาศตัวเลขทางการ จากสศช.ในเดือน ก.พ. 64 แต่นักเศรษฐศาสตร์ทุก ส�ำนักฟันธงแล้วว่า ปี 63 เผาจริงดิ่งเหวลึกสุดใน ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย ไม่เพียงเท่านั้นแรงฉุดเศรษฐกิจไทยอาจรุนแรง ลากยาวไปถึงปี 64 ซึ่งเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากพิษ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ต่อไปทั่ว โลก ท�ำให้ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ คนท�ำมา ค้าขายต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมี ผู้คนตกงานจ�ำนวนมาก ถือเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องช่วย เหลือเป็นการเร่งด่วน ก่อนการบริโภคในประเทศ จะอ่อนแอลากยาว รวมถึงต้องเร่งเรียกความเชื่อ มั่นให้การลงทุนไทย โดยเฉพาะความต่อเนื่องของ นโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ คาดจีดีพีปี 64 กลับมาโต 4-5% มาดูกันว่าส�ำนักเศรษฐกิจแต่ละแห่งได้คาด การณ์จีดีพีปี 64 ไว้ว่าอย่างไรบ้าง ..เริ่มต้นด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่คาดว่าเศรษฐกิจ ไทยปีหน้า จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ 3.6% จาก ปี 63 ที่คาดว่าจะติดลบ 7.8% แต่ยังมีเรื่องติดตาม โดยเฉพาะการย้ายกลับคืนถิ่นของแรงงานใน เมือง และการท่องเที่ยวไทยที่อาจไม่เหมือนก่อน โควิด-19 เศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาฟื้นมาเหมือน เดิมต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือฟื้นในรูปแบบ เครื่องหมายถูกหางยาว (Swoosh-shaped/Ni- ke-shaped) ส�ำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการ คลัง ได้ประมาณการเศรษฐกิจปี 64 ไว้ว่าจะขยาย ตัว 4-5% หลังปี 63 คาดจะมีช่วงติดลบ 8-9% หรือค่า ศก.ไทยฝ่ามรสุมโควิด  ลุ้นจีดีพีปี 64 โต 3.6-5% กว่าจะสิ้นสุดปี 63 ท�ำเอาหลายต่อหลายคนเลือดตาแทบกระเด็น เพราะ ต้องยอมรับว่าเป็นปีแห่งมหาวิปโยคของเศรษฐกิจไทย จากพิษไวรัส โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก ท�ำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก ไปกว่าครึ่งค่อนปี แถมเครื่องยนต์ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งภาคการส่ง ออกและการท่องเที่ยว ได้ถูกกระทบจากมาตรการปิดเมือง (ล็อกดาวน์)ใน หลายประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวไทยได้ ราย ได้ในส่วนนี้ก็หายไปในที่สุด
  • 15. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 15 กลางอยู่ที่ติดลบ 8.5% ซึ่งยอมรับว่าต�่ำสุดในประวัติการณ์ และ ต�่ำกว่าตอนวิกฤติต้มย�ำกุ้งเมื่อปี 40-41 ที่ช่วงนั้นจีดีพี ติดลบ 7.6% ธนาคารพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) ได้ประเมินจีดีพีไทยปี 64 ไว้ ว่าจะกลับมาขยายตัว 4.5% จากติดลบ 8% ในปี 63 โดยมอง ปัจจัยเศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนจากการระบาดไวรัส โควิด-19 แม้จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว รวมทั้งมีมาตรการจาก ทั้งนโยบายการเงินและการคลังเข้ามาช่วยสนับสนุนแล้วก็ตาม จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงกดดันเศรษฐกิจ มาดูฝั่งส�ำนักวิจัยเศรษฐกิจจากทางธนาคารกันบ้าง กลุ่ม ธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้คาดการณ์จีดีพีปีหน้า ไว้เช่น เดียวกับส�ำนักอื่นๆ ที่เป็นบวก 5.2% โดยมีมุมมองการฟื้นตัว ของการท่องเที่ยวไทย และจับตาความส�ำเร็จในการผลิตวัคซีน ต้านไวรัสโควิด-19 ส่วนปี 63 คาดเศรษฐกิจไทยจะทรุดตัวรุนแรง ติดลบ -9%  ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มกลับมาในไตรมาส 4 ปี นี้ จากที่ทยอยเปิดเมืองและมีมาตรการภาครัฐสนับสนุน ท่องเที่ยว คาดปี 64 ว่าจะมีจ�ำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า ไทย 6 ล้านคน แต่อย่างไรก็ตามมองว่าจีดีพีไทยจะกลับมาขยาย ตัวสูงระดับเดียวก่อนที่จะมีโควิด-19 ต้องใช้เวลามากถึง 3-4 ปี โดยให้ความท้าทายส�ำคัญ 3 ปัจจัยทั้งความไม่แน่นอนของ การท่องเที่ยวที่จะเปิดประเทศไปอย่างราบรื่นหรือไม่ ผลกระทบ ทางด้านการเงินต่อธุรกิจและการจ้างงานที่อัตราว่างงานสูงขึ้น โดย เฉพาะในธุรกิจที่อิงกับการท่องเที่ยว และส่งผลให้ก�ำลังซื้อใน ประเทศอ่อนแอลง และสุดท้าย สัดส่วนหนี้ของธุรกิจเอสเอ็มอีและ รายย่อยเข้ามาตรการช่วยเหลือจ�ำนวนมาก และต้องกลับมาจ่าย คืนหนี้อีกครั้งจะท�ำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะกระทบต่อก�ำลังซื้อใน ประเทศ รวมถึงเครดิตของธนาคารพาณิชย์ด้วย ลุ้นแรงหนุนจากมาตรการฟื้นฟู ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Eco- nomic Intelligence Center : SCB EIC) ได้คาดจีดีพีปีหน้าไว้ที่ 3.5% ฟื้นตัวจากปีนี้ ที่คาดว่าจะติดลบสูง -7.8% ซึ่งมองว่าไทย ยังต้องเจอกับความท้าทายของปัญหาด้านแรงงานและการปิด กิจการสูงของภาคธุรกิจ ส่งผลให้การว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ท�ำให้ กระทบต่อการบริโภคในประเทศและการลงทุนซึ่งเป็นเครื่องยนต์ ขับเคลื่อนส�ำคัญในเวลานี้ นอกจากนี้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสิ่งส�ำคัญ ซึ่ง SCB EIC ยังจับตาเม็ดเงินพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทว่าจะถูกปล่อย ออกมาได้มากน้อยแค่ไหน เห็นผลชัดเจนหรือไม่ ซึ่งหากออกมา ไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจได้น้อย อาจ เกิดหน้าผาทางการคลัง(Fiscal Cliff)ฉุดเศรษฐกิจไทยได้อีกปี เห็นได้ว่าจากส�ำนักพยากรณ์เศรษฐกิจต่างๆ ได้ ประเมินเศรษฐกิจปีวัว 64 จะฟื้นตัวเป็นบวกได้ 4-5%โดย มีปัจจัยที่ต้องจับตาอยู่ไม่น้อย ซึ่งจะเป็นโจทย์ส�ำคัญให้ ภาครัฐได้แก้ปัญหาฝ่ามรสุมโควิด-19 รอบด้าน บวกกับ ลุ้นมาตรการฟื้นฟูขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เป็นปีแห่ง “วัวกระทิง” วิ่งได้แข็งแรงถึกทน แต่จะฟื้นตัวเพราะจาก  “แรงหนุน” หรือจาก“ฐานต�่ำ” ยังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน ต่อไป.
  • 16.
  • 17.
  • 18. 18 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 เมื่อเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจและหุ้น ไทยช่วงครึ่งแรกปี 64 อาจมีลักษณะที่ ใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งหลังของปี63คือ ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เนื่องจากกิจกรรมทาง เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อ�ำนวย การอาวุโส บริษัท หลักทรัพย์จัดการ กองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จ�ำกัด มีมุม มองว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนอยู่ในระดับ 1,400-1,500 จุด ซึ่งประเมินก�ำไรต่อหุ้น (EPS)จะอยู่ที่76บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้น33% จากปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 57 บาทต่อหุ้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัย บวก จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2564 จะ พลิกกลับมาเติบโตได้ประมาณ5.4%และ เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาเติบโตได้ “วัคซีนโควิด” ความหวังดันหุ้นไทยปีฉลู แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2564 ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการ ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19 ที่หลายฝ่ายห่วงว่าอาจจะมีการระบาดในรอบที่สองในช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตามประเทศมหาอ�ำนาจของโลกต่างระดมก�ำลังพัฒนาวัคซีน กันอย่างเข้มข้น ซึ่งคาดว่ากว่าจะมีวัคซีนกระจายทั่วโลก จะเกิดขึ้นในช่วง กลางปี 2564 5% เมื่อเทียบกับปี 2563 ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้น ได้ อยู่ภายใต้สมมติฐานของการผลิต วัคซีนป้องกันโควิด-19 และการกระจาย ใช้ได้ส�ำเร็จ ซึ่งจะส่งผลให้กิจกรรมทาง เศรษฐกิจโลกขยับตัวได้มากขึ้น และจะ ส่งผลต่อก�ำลังซื้อ รวมถึงการท่องเที่ยว ที่ จะมีผลต่อเศรษฐกิจของไทยที่พึ่งพาการ ท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก แต่หากยังไม่สามารถผลิตวัคซีน ป้องกันโรคระบาดได้ นั่นหมายความว่า จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ของประชากรโลก เพราะขณะนี้หลายๆประเทศมีอัตราการ ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและเลือกที่จะ ใช้กิจกรรมชีวิตท่ามกลางการระบาดของ ไวรัส ดังนั้นวัคซีนจึงมีความส�ำคัญ นอกจากนี้ยังต้องจับตานโยบายการ เงินหากสหรัฐฯมองว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ได้ดีขึ้นอาจจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย ขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะประกาศคงอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายไว้จนถึงปี 2566 ก็ตาม รวมถึงการรายงานภาวะขาดดุลของ รัฐบาลทั่วโลกเนื่องจากไม่สามารถจัดเก็บ รายได้ได้ตามเป้า ส่วนปัจจัยลบในประเทศ คงหนีไม่ พ้นปัญหาการเมือง รวมถึงการท�ำงาน แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยัง ไม่ตรงจุด และท�ำได้ไม่เต็มที่ ทั้งนี้ แนะน�ำนักลงทุนเลือกหุ้นใน กลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจ โลก และเศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นตัว เช่น กลุ่มท่องเที่ยวประเภทโรงแรม,สนามบิน, กลุ่มอุปโภคบริโภคได้แก่HMPRO-CRC, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ HANA-KCE- SVI รวมถึงกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และ ขนาดกลางที่สามารถควบคุมอัตราหนี้เสีย ได้ เช่น BBL-TISCO, กลุ่มบริหารสินเชื่อ
  • 19. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 19 และสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น SAWAD- BAM ,กลุ่มขนส่งที่น่าเข้าซื้อลงทุน เช่น BTS-BEM ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รอง กรรมการผู้อ�ำนวยการสายงานวิจัยบริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส ประเมิน ดัชนีหุ้น ไทยปี2564จะอยู่ที่ระดับ1,450-1500จุด ซึ่งคาดบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะมีก�ำไร ต่อหุ้นที่ 72.51 บาท โดยคาดการณ์ก�ำไร บจ.ไว้ที่ 7.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2563 ที่คาดท�ำได้ 6.13 แสนล้านบาท ปัจจัยที่ท�ำให้ตลาดหุ้นไทยในปีหน้า ฟื้นตัว คงมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย กลับมาเติบโตได้อีก ครั้ง จากฐานที่ต�่ำในปี 2563 และสะท้อน ไปที่ก�ำไรของบริษัทจดทะเบียน ปัจจัยต่างประเทศที่ยังคงมีผลกระ ทบต่อเศรษฐกิจคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ ที่สอง ในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะใน กลุ่มประเทศยุโรป ส่วนปัจจัยในประเทศ ที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยคือปัญหาความ ไม่แน่นอนของการเมือง ทั้งนี้ แนะน�ำนักลงทุนเลือกลงทุนใน บริษัทที่มีก�ำไรเติบโตเช่นNOBLE-MCS- STA ขณะเดียวกันแนะน�ำหลีกเลี่ยงการ ลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจาก ยังต้องจับตาการแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อ�ำนวย การฝ่ายวิจัย และบริการการลงทุน– กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โน มูระ พัฒนสิน ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้น ไทยในปี 2564 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี กว่าปี 63 ภายใต้สมมติฐานการกระจาย วัคซีนป้องกันโควิดจะต้องเกิดขึ้นในกลาง ปี 2564 เป็นต้นไป ดังนั้นจึงประเมินว่า กลุ่มหุ้นที่จะ ได้รับประโยชน์ดังกล่าว จะเป็นกลุ่ม ส่งออกสินค้า, กลุ่มเครื่องดื่ม ,ชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอาหาร “วัคซีน” คือความหวังเดียวของ “มวลมนุษยชาติ” ที่จะช่วยกอบกู้ โลกจากโรคระบาดที่ร้ายแรงครั้งนี้ และช่วยให้วิถีการลงทุนกลับสู่ภาวะ ปกติติสุขได้
  • 20.
  • 21.
  • 23. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 23 บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เลือก บมจ.ช.การช่าง (CK) เป็น Top Pick เพราะมีแนวโน้ม การฟื้นตัวของก�ำไรชัดเจน คาดปี 64 จะท�ำได้ 1,270 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาด 652 ล้านบาท เติบโตเกือบ 100% โดยได้ แรงหนุนจากส่วนแบ่งก�ำไรในบริษัทย่อย ทั้งบมจ.ซีเคพาวเวอร์(CKP)และบมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ทั้งนี้แนวโน้มการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จะสะท้อนในก�ำไรไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแม้โครงการต่างๆ จะช้ากว่าคาด แต่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง อาทิการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก, รถไฟฟ้าสายสีม่วง(ใต้)และรถไฟทางคู่เส้น ทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของแนะน�ำ“ซื้อ” ราคาเหมาะสม 22 บาท ส่วน บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ประเมินว่าCKอยู่ระหว่างรอ เซ็นสัญญางานใหม่ปีนี้คือสถาบันวิจันจุฬา ภรณ์ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ราย ได้ในปี 2564 ขณะเดียวกันเตรียมประมูล รถไฟฟ้า 2 สาย และรถไฟทางคู่อีก 2 เส้น ทาง โดยมีมูลค่าโครงการรวมไม่ต�่ำกว่า 3 แสนล้านบาท โดยนโยบายของ CK จะเน้น รับงานที่มีมาร์จิ้นไม่ต�่ำกว่า 8-9% ขณะเดียวกันภายในปีนี้จะมีความ คืบหน้างานเขื่อนหลวงพระบางมูลค่ากว่า บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.) กสิกร ซื้อ 29.55 หยวนต้า ซื้อ 26.7 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 26 กรุงศรี ซื้อ 26 โนมูระฯ ซื้อ 23.40 เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 24 ทิสโก้ ซื้อ 23.2 ดีบีเอสฯ ซื้อ 23 ฟิลลิป ซื้อ 23 บัวหลวง ซื้อ 22 ยูโอบีฯ ซื้อ 21.5 เอเชีย พลัส ซื้อ 21.5 เคทีบี ซื้อ 20.8 CK ก�ำไรกลับมาโตก้าวกระโดด 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะรองรับรายได้ 7-8 ปีข้างหน้า รวมถึงรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน คาดมีรายละเอียดความคืบหน้าการรับงานปลายปีนี้ และเริ่มเห็นงาน ก่อสร้างปี 64 เป็นต้นไป แนะน�ำ “ทยอยซื้อ” ราคาเหมาะสม 26.70 บาท ด้าน บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า งานในมือ (Backlog) ของCKก�ำลังเข้าสู่ขาขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน�้ำแห่งใหม่ของCKPมูลค่า 8-9หมื่นล้านบาทซึ่งจะชัดเจนเร็วๆนี้ขณะที่มีงานรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ที่รอ เข้าประมูลอีกหลายโครงการ ขณะเดียวกันส่วนแบ่งก�ำไรจากบริษัทย่อยจะเพิ่ม ขึ้นอย่างมีนัยส�ำคัญคาดก�ำไรปี64แตะระดับ1,784ล้านบาทจากปีนี้คาด339 ล้านบาท เติบโต 426% แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 20.80 บาท
  • 24. 24 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ก�ำไร บริษัท ซีพี ออลล์ จ�ำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผ่านจุดต�่ำ สุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 โดยจะได้ ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการ บริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ มากที่สุด จากจ�ำนวนสาขากว่า 1.2 หมื่นสาขา ขณะที่บริษัทย่อยอย่าง บมจ.สยาม แม็คโคร(MAKRO)มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น เช่นกันคาดก�ำไรสุทธิปี64ที่2.1หมื่นล้าน บาท เติบโต 16% จากปีนี้ที่คาดท�ำได้ 1.8 หมื่นล้านบาท แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะ สม 79 บาท ด้านบทวิเคราะห์บล.เอเซียพลัสยก CPALL เป็น Top Pick ที่ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ ที่สุดในเชิงพื้นฐาน จากจุดเด่นการเป็น ผู้น�ำกลุ่มอุตสาหกรรมและมีโอกาสการ ขยายไปต่างประเทศ โดยล่าสุดขขยาย ของเขตไป สปป.ลาว และ กัมพูชา ซึ่งยัง ไม่มีผู้น�ำตลาดร้านสะดวกซื้อที่ชัดเจน ซึ่ง จะส่งผลบวกต่อบริษัทในระยะยาว ขณะ ที่ในประเทศผลประกอบการผ่านจุดเลว ร้ายที่สุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 และมี แนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดก�ำไรสุทธิปี 64ที่2.36หมื่นล้านบาทเติบโต25%จาก ปีนี้ที่คาดท�ำได้1.88หมื่นล้านบาทแนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 75.50 บาท CPALL รับอานิสงส์ รัฐกระตุ้นบริโภค ส่วนบทวิเคราะห์บล.เอเชียเวลท์คาดก�ำไรจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ ไตรมาส3/63เป็นต้นไปจากการที่ประชาชนในประเทศเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มากขึ้นขณะที่จะเป็นหุ้นค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ภาครัฐมากที่สุด คาดก�ำไรปี 64 เติบโตสู่ระดับปกติที่ 2.35 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่ คาดท�ำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 85 บาท บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.) ทิสโก้ ซื้อ 76 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 85 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 85 ฟิลลิป ซื้อ 82 ดีบีเอสฯ ซื้อ 80 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ซื้อ 75 ยูโอบีฯ ซื้อ 80 หยวนต้า ซื้อ 80 เคทีบี ซื้อ 80 กรุงศรี ซื้อ 74 เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 79 ทรีนิตี้ ซื้อ 79 ธนชาต ซื้อ 77 เอเชีย พลัส ซื้อ 75.5 กสิกร ซื้อ 75.3 โนมูระฯ ซื้อ 75 แลนด์แอนด์เฮาส์ ซื้อ 75 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 73
  • 25. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 25 บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยกให้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้า จ�ำกัด(มหาชน) หรือ BEM เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากปริมาณผู้ใช้ทางด่วน และรถไฟฟ้าใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ โดย ณ ส.ค.63 อยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยว/วัน และ 2.9 แสนเที่ยว/วัน เพิ่มขึ้น 17.7% และ 38.4% ตามล�ำดับ จากจุดต�่ำสุดใน เดือน เม.ย.63 โดยคาดว่าจะเข้าใกล้ จุด Breakeven ในไตรมาส 3/63 และ จะกลับมามีก�ำไรในไตรมาส 4/63 จาก การเปิดส่วนต่อขยายของสายสีน�้ำเงิน เฟส 2-3 ครบวง คาดก�ำไรครึ่งหลังปี63จะเติบโตโดด เด่นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยคาดก�ำไร สุทธิปี 63 ที่ 3,148 ล้านบาท และปี 64 ที่ 4,474ล้านบาทแนะน�ำ“ซื้อ”ราคาเหมาะ สม 11.80 บาท อย่างไรก็ตามราคาเหมาะสมดัง กล่าวยังไม่รวมปัจจัยบวกในอนาคตอัน ใกล้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่ง BEM เป็น ตัวเต็งในการประมูล หากชนะจะเป็น มูลค่าเพิ่มต่อราคาหุ้นอย่างน้อย 1.5 บาท ต่อหุ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกระยะ ยาวจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วน ต่อขยายคาดจะประมูลอย่างช้าต้นปี 64 และยังมีงานทางด่วนDouble Deckที่จะ ชัดเจนในปี64รวมถึงโอกาสการSpin-off BEM พ้นจุดต�่ำสุด มีประเด็นบวกหนุน บริษัทย่อย “BMN” เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ด้าน บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า ก�ำไรสุทธิปี 64 จะฟื้น ตัวอย่างมีนัยส�ำคัญและเข้าสู่ภาวะปกติ ระดับ 3,491 ล้านบาท เติบโต 70% จากปีนี้ ที่คาดท�ำได้ 2,048 ล้านบาท ซึ่งจะได้ประโยชน์เต็มที่จากส่วนต่อขยายที่เปิดใหม่ของ รถไฟฟ้าที่ผู้โดยสารเติบโตตามระยะทางที่ยาวขึ้นจาก 21.2 กม. เป็น 48 กม. โดยคาด ว่าผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและทางด่วนในปี64จะเติบโตจากปีนี้26%และ6%ตามล�ำดับ เป็น 4.68 แสนคน/วัน และ 1.22 ล้านคัน/วัน ส่วนการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มคาดจะรู้ผลผู้ชนะต้นปี64ส่วนสายสีม่วง(ใต้) ช่วงแรกคงเป็นเรื่องของการประมูลงานโยธาก่อนส่วนงานระบบและขบวนรถไฟฟ้าคง ต้องใช้เวลาอีกระยะแต่เนื่องจากสายสีม่วงเหนือBEMเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าและ ซ่อมบ�ำรุง ดังนั้นในส่วนของสีม่วง (ใต้) มีโอกาสได้งานสูง แนะน�ำ “ซื้อ” ราคาเหมาะ สม 11.10 บาท บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.) เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 13 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 12.5 บัวหลวง ซื้อ 12.4 หยวนต้า ซื้อ 11.8 ยูโอบีฯ ซื้อ 11.5 โนมูระ ซื้อ 11.1 ฟิลลิป ซื้อ 11.1 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 10.7 ทิสโก้ ซื้อ 10.5 ดีบีเอสฯ ซื้อ 10.3 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 10.1 เอเชีย พลัส ซื้อ 10
  • 26. 26 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จ�ำกัด (มหาชน) ระบุว่าสาเหตุที่ เลือกบริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จ�ำกัด(มหาชน) ADVANCเป็นหุ้นTop Pick ในกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากมองว่า ADVANC มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ที่สุดในกลุ่ม และยังมีปริมาณคลื่นใน มือจ�ำนวนมากพร้อมกับคุณภาพข่ายที่ ดี รวมถึงยังมี Perception เชิงบวกหลัง เปิดตัว5Gเป็นรายแรกในประเทศไทย การเริ่มให้บริการ 5G พร้อมกับ Handset ที่จะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วง ครึ่งหลังของปี 63 จะช่วยหนุนการเติบโต ของผลประกอบการADVANCได้ในระยะ ยาว ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยัง ประเมินว่าผลประกอบการของADVANC ได้ผ่านจุดต�่ำสุดแล้วในช่วงไตรมาส 2/63 และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นในทุก ไตรมาสต่อจากนี้ โดยได้แรง หนุนจากการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งท�ำให้ เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับสู่สภาวะเกือบปกติ ขณะที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมผู้ให้ บริการโทรศัพท์มือถืออ่อนตัวลงบ้าง โดย จะช่วยหนุนให้ ARPU ฟื้นตัวได้อย่าง รวดเร็วขึ้น ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส จ�ำกัด ระบุว่าสาเหตุที่เลือก ADVANC เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากมองว่า ADVANC ยังเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงสูง และมีการจ่าย เงินปันผลอย่างสม�่ำเสมอ โดยมีจุดเด่นที่ฐานก�ำไรมีขนาดใหญ่ และมีฐานะการเงินที่ แข็งแกร่ง ท�ำให้นักลงทุนสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ ปีละประมาณ 3.4% ขณะเดียวกัน ภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรม มีแนวโน้มผ่อนคลายลงอย่างค่อย เป็นค่อยไป สะท้อนจากการส�ำรวจตลาดเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการทุกรายยัง เสนอ Unlimited package 4mbps ที่ราคาตั้งต้น 200 บาท และ 10mbps ที่ราคาตั้ง ต้น 300 บาท หรือที่ระดับราคาเดิมเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ package 2mbps ถูกปรับราคาตั้งต้นขึ้นจาก 90 บาท เป็น 120 บาท ส่วนการอุดหนุนค่าเครื่องรุนแรงขึ้น บ้างในปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตารางแสดงมุมมองต่อหุ้น ADVANC ของ 6 ส�ำนักวิเคราะห์ ADVANC คว้าแชมป์หุ้นเด็ดกลุ่มสื่อสาร บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.) ทิสโก้ ซื้อ 208.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 208.00 ฟิลลิป ซื้อ 230.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 210.00 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 230.00 บัวหลวง ซื้อ 237.00
  • 27. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 27 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัสจ�ำกัดระบุถึงสาเหตุที่เลือกบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จ�ำกัด(มหาชน) หรือ GLOBAL เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากGLOBALมีสินค้าที่สร้างก�ำไร ขั้นต้น (Margin) ได้สูงกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแผน ขยายสาขาเชิงรุกของ GLOBAL ซึ่งจะ ท�ำให้อัตราก�ำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ในระดับ 25% ในปี 66 -67 ขณะเดียวกัน ในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่า GLOBAL จะได้อานิสงส์จาก เหตุการณ์น�้ำท่วมภาคเหนือในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาซึ่งประเมินว่าจะท�ำให้ความ ต้องการซื้อสินค้าในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น ส่วนฝั่ง Margin คาดว่าจะขยายตัวขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand โดยมองว่าก�ำไรสุทธิปี 63 มีโอกาสเติบโต 1.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเร่งตัวขึ้นเป็น 22.6% YoY ใน ปี 64 จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ด้านบล.เคทีบีระบุว่าสาเหตุที่เลือก GLOBALเป็นหุ้นTopPickเนื่องจากชอบ ความสามารถการบริหาร product mix และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ซึ่ง จะท�ำให้อัตราก�ำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น ต่อเนื่องไปถึงปี 64 นอกจากนี้ GLOBAL ยังขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วงการ GLOBAL ขยายสาขาเชิงรุก-มาร์จิ้นพุ่ง แพร่ระบาดโควิด-19 และมองว่า GLOBAL ผ่านจุดต�่ำสุดไปแล้ว หลังการผ่อนคลาย มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า GLOBAL ตั้งเป้ามีสาขาครบ 100 สาขาในปี 66 จากสิ้นปี 63 มี 72 สาขา ซึ่งคิดเป็นการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 9 - 10 สาขาต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดย GLOBAL จะเปิดสาขาที่มีขนาดเล็กลงด้วย (ประมาณ 7,000 ตรม.) ซึ่งการเปิดสาขา ขนาดเล็ก ท�ำให้มีโอกาสขยายสาขาได้มากกว่าเดิม และยังช่วยเพิ่มอัตราก�ำไรขั้นต้น ได้จากการทยอยเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand เป็น 25% ใน 3 ปีข้างหน้า จากปีนี้ที่ คาดว่าจะไม่ต�่ำกว่า19%อีกทั้งสัดส่วนยอดขายวัสดุก่อสร้างลดลงจากเดิมที่40-50% มาเป็น 35% ท�ำให้อัตราก�ำไรสูงขึ้น และมีความผันผวนน้อยลง บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.) ทิสโก้ ถือ 13.50 เคจีไอ ซื้อ 22.50 กรุงศรี ซื้อ 19.00 เคทีบี ซื้อ 19.50 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 22.50 บัวหลวง ซื้อ 23.00 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 21.00 ตารางแสดงมุมมองต่อหุ้น GLOBAL ของ 7 ส�ำนักวิเคราะห์
  • 28.
  • 29.
  • 30. 30 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ จ�ำกัด เปิดเผยว่าสาเหตุที่เลือก หุ้น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จ�ำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจาก CPF เป็นหุ้นที่ไม่ได้ รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และก�ำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อย่างน้อยถึงช่วงไตรมาส 4/63 สาเหตุที่ ท�ำให้CPFมีโอกาสท�ำก�ำไรสุทธิเติบโตขึ้น ทุกไตรมาสจนถึงสิ้นปี 63 เนื่องจากราคา เนื้อหมูยังอยู่ในระดับสูง แม้ในอนาคตมี โอกาสปรับตัวลงแต่ประเมินว่าราคาเนื้อ หมูในอนาคตยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ เนื่องจากราคาได้ปรับฐานใหม่แล้ว นอกจากนี้ CPF ยังได้เข้าซื้อธุรกิจ สุกรในประเทศจีนผ่านบริษัทย่อย โดย จะช่วยหนุนผลประกอบการของ CPF ใน ระยะยาว เพราะประเทศจีนมีการบริโภค สุกรสูงสุดของโลก และยังขาดแคลนสุกร ในจ�ำนวนมากจากการแพร่ระบาดของโรค อหิวาต์แอฟริกาในสุกรส่งผลให้ราคาสุกร ในประเทศจีนยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่ง เป็นผลดีกับ CPF CPF เติบโตสูง ห่างไกลจากโควิด ด้านบล.กรุงศรีจ�ำกัด(มหาชน)ระบุเพิ่มเติมว่าสาเหตุที่เลือกCPFเป็นTopPick เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในการเติบโตของ ก�ำไรสุทธิซึ่งได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อกิจการสุกรในประเทศจีนในช่วงที่ราคาเนื้อหมู จะอยู่ในระดับสูงอีกอย่างน้อย 2 ปี จากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ยังท�ำให้ประเทศเวียดนาม ขาดแคลนสุกรด้วยเช่นกันโดยปัจจุบันราคาเนื้อสุกรในประเทศเวียดนามปรับตัวขึ้นมา ราว 50% นอกจากนี้ ยังคาดว่าความต้องการเนื้อสัตว์ช่วงครึ่งหลังของปี 63 จะฟื้นตัว ทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ CPF ด�ำเนินธุรกิจอยู่ ตามการคลายล็อกดาวน์ที่เพิ่ม ขึ้นของแต่ละประเทศ ตารางแสดงมุมมองต่อหุ้น CPF ของ 7 ส�ำนักวิเคราะห์ บล. ค�ำแนะน�ำ ราคาเหมาะสม (บ.) ฟิลลิป ซื้อ 33.50 บัวหลวง ซื้อ 38.75 ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี ซื้อ 35.25 ทิสโก้ ซื้อ 38.00 กรุงศรี ซื้อ 42.20 เอเชียเวลท์ ซื้อ 43.00 หยวนต้า ซื้อ 49.50
  • 31. 20หุ้นดี20ปีอีไฟแนนซ์ไทย:พฤศจิกายน2563 31 บล. ราคาเป้าหมายปี 64 (บ./หุ้น) คาดการณ์ก�ำไรปี 63 (ลบ.) คาดการณ์ก�ำไรปี 64 (ลบ.) บัวหลวง 19.7 5,583 5,947 เอเซียพลัส 17 5,046 5,549 ยูโอบี 18.5 5,883 5,897 เอเชียเวลท์ 18 5,156 5,424 ฟิลลิป 18 5,235 5,919 ทรีนีตี้ 18.4 3,816 5,142 บริษัทไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปจ�ำกัด(มหาชน)หรือTUเป็นอีกหนึ่ง บริษัทที่นักวิเคราะห์มีมุมบวกต่ออนาคตธุรกิจ หลังผลประกอบ การครึ่งปีแรก 63 ก�ำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยส่วนใหญ่ต่าง ปรับเพิ่มประมาณการแนวโน้มก�ำไรปี 63 -64 กันถ้วนหน้า ก�ำไรปี 64 มีลุ้นเฉียด 6 พันลบ. หลังจากประกาศผลประกอบการในครึ่งปีแรก 63 ออกมา ก�ำไรเติบโตอย่างโดดเด่นนักวิเคราะห์ต่างปรับเพิ่มเป้าหมายก�ำไร ของปี 63 และ 64 โดยทันที จากปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจอาหาร กระป๋องที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าอาหารแช่แข็งรวมถึงแนวโน้มราคาทูน่าที่ จะปรับตัวขึ้นขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตดีจากการคลายล็อค ดาวน์ในช่วงครึ่งปีหลังของหลายประเทศ โดยนักวิเคราะห์เชื่อมั่น ว่าปี64จะเห็นการด�ำเนินงานของTUกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหลัง ประสบปัญหามาหลายปีติดต่อกัน โดยจากการส�ำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ต่อTUส่วนใหญ่ ได้ปรับเพิ่มเป้าก�ำไรสุทธิทั้งปี63และ64โดยคาดก�ำไรปีนี้จะอยู่ที่ ประมาณ 3.7-5.5 พันล้านบาท แต่ในปีหน้าที่คาดว่าธุรกิจจะกลับ TU ก�ำไรปี 64 ลุ้นเฉียด 6 พันลบ. มาเป็นปกติมีโอกาสที่จะได้เห็นก�ำไรระดับ4.7-5.9พันลบ.ซึ่ง เป็นระดับก�ำไรสูงสุดในรอบ 5 ปีได้ ปรับโครงสร้าง Red Lobster ระยะยาวสดใส อีกหนึ่งความคืบหน้าส�ำคัญของTUคือการปรับโครงสร้าง การถือหุ้นใน Red Lobster Master Holdings (RLMH) โดย การน�ำพันธมิตรที่เป็นทั้งอดีตCEOของMinorfoodและกลุ่ม MK Restaurant แม้ว่าในปีนี้ผลงานของ RLMH มีแนวโน้มที่ จะเผชิญปัญหาหลักจากโควิด-19 แต่ทาง ฝ่ายบริหารของ TU ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการด้อยค่า เนื่องจากมองว่า Red Lobster ยังคงสามารถสร้าง EBITDA ให้ TU ได้ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยนักวิเคราะห์ เชื่อว่าผู้ถือหุ้นใหม่ 2 ท่านซึ่งมีความ เชี่ยวชาญในธุรกิจการใช้กลยุทธ์ลดต้นทุนของบริษัทจะช่วยให้ ผลประกอบการของRLฟื้นตัวและสามารถท�ำก�ำไรได้ในระยะ ยาวและยั่งยืนส่วนเงินลงทุนนั้นคาดว่าไม่ใช่ปัญหาส�ำคัญของ TU เนื่องจาก D/E ปัจจุบันต�่ำเพียง 0.96 เท่า