นาย ศิวกร-โตวิจิตร์-ชั้นม.5/5 pdf
- 1. นาย ศิวกร โตวิจิตร์ ชั้นม.5/5 เลขที่ 8
นาย ชัยกิตติ สวัสดีมงคล ชั้นม.5/5 เลขที่ 7
อาณาเขตประเทศจีน
ประเทศจีน นั้น ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปเอเชีย ทางตะวันตกของ มหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ทั้งหมด
9,600,000 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจาก ประเทศรัสเซียและแคนาดา ประเทศจีนมี
ชายแดนติดกับประเทศอื่นถึง 22,800 กิโลเมตร มีชายแดนติดกับประเทศต่าง ๆ ดังนี้ทิศตะวันออก : ติดประเทศเกาหลี
ทิศเหนือ : ติดประเทศมองโกลเลีย
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ติดประเทศรัสเซีย
ทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ : ติดประเทศอินเดีย อัฟกานิสสถาน เนปาล ภูฐาน และปากีสถาน
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : ติดประเทศคาซัสสถาน, เคอกิสสถาน
ทิศใต้ : ติดประเทศพม่า ลาว และเวียดนาม
ประชาชนจีนมีทั้งสิ้น 56 ชนเผ่า ส่วนใหญ่นับถือ พระพุทธศาสนา โดยนับถือนิการเถรวาท300 กว่าล้าน นอกนั้นนับถือ
นิกายมหายาน และวัชรญาณ โดยนับถือปนไปกับลัทธิขงจื้อและเต๋า มีนับถือ ศาสนาอิสลาม 11 กว่าล้าน นับถือศาสนาคริสต์
9 ล้าน ประเทศจีนในปัจจุบันเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ในปี พ.ศ.2550 จีนมีประชากร 1,318 ล้านคน จีน
มีประชากรมากกว่าประเทศไทยประมาณ 21 เท่า ในช่วงปี พ.ศ.2493 จีนมีประชากรประมาณ 563 ล้านคนและอีก 30 ปี
ต่อมาประชากรจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 1,000 ล้านคน ในปี พ.ศ.2522 จีนได้มีนโยบายหนึ่งครอบครัวมีลูกหนึ่งคน ซึ่ง
นโยบายนี้ทาให้การเพิ่มจานวนของประชากรจีนเริ่มช้าลงและคาดกันว่าอีกประมาณ 30ปี จีนจะมีประชากรประมาณ 1,500
ล้านคนและหลังจากนั้นประชากรก็จะเริ่มลดลง นโยบายหนึ่งครอบครัวมีลูกหนึ่งคนสามารถช่วยลดจานวนประชากรของจีนได้
เร็วแต่ก็มีผลในทางลบเช่นกันเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้วจีนมีอัตราเจริญพันธ์รวม (จานวนเด็กที่ผู้หญิงหนึ่งคนสามารถให้
กาเนิดได้ตลอดชีวิต) เท่ากับ 6 คนและในปัจจุบันจีนมีอัตราเจริญพันธ์รวมเหลือเพียง 1.7 คนเท่านั้น โดยเฉพาะในเขตเมือง
- 2. เหลือเพียง 1.2 เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าทุกคู่แต่งงานจะมีลูกเพียงหนึ่งคนเท่านั้น และถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้ต่อเนื่องไปอีกสอง
ชั่วอายุคน ผลจากการมีลูกหนึ่งคนจะทาให้เด็กที่เกิดใหม่ไม่มีญาติ ไม่มีพี่น้อง ไม่มีลุงป้าน้าอา มีแต่พ่อแม่และปู่ย่าตายายเท่านั้น
เมื่อลูกชายแต่งงานต้องอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่และปู่ย่า ขณะเดียวกันบ้านที่ลูกสาวแต่งงานออกไปก็จะมีแต่พ่อแม่และตายายไม่มี
ใครมาดูแล ชีวิตไร้ญาติจะมีผลกระทบกับสังคมอย่างไร นโยบายหนึ่งครอบครัวมีลูกหนึ่งคนอาจจะทาให้เกิดภาวะผู้หญิงขาด
แคลนได้ด้วย เพราะว่าคนจีนมีความต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรหญิงจึงพยายามทาทุกวิถีทางที่จะให้ได้ลูกชาย และก็ปรากฏว่า
สัดส่วนทางเพศชายต่อหญิงสูงมากกว่าปกติ โดยปกติเมื่อแรกเกิดจะมีเด็กชายเกิดมากกว่าเด็กหญิงร้อยละ 5 แต่ในจีนบางปีมีถึง
ร้อยละ 20 ถ้าเป็นลูกคนที่สองหรือสามแล้วสัดส่วนยิ่งห่างกันมาก บางพื้นที่มีแจ้งเกิดเด็กชายมากกว่าถึงร้อยละ 60 ทั้งนี้มี
สาเหตุที่เป็นไปได้คือ การทาลายเด็กเพศหญิงที่เกิดใหม่ ไม่แจ้งเกิดเด็กที่เกิดเป็นเพศหญิง การนาไปฝากหรือยกให้ผู้อื่นเลี้ยง
หรือ การทาแท้งเมื่อรู้ว่าเป็นเพศหญิง
ลักษณะภูมิประเทศจีน
จีนเป็นประเทศที่มีภูเขาเป็นจานวนมาก เขตภูเขากินพื้นที่ประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นที่ทั่วประเทศ เขตภูเขาที่ว่านี้รวมถึงเขตภูเขา
เนินเขาและที่ราบสูง ในลักษณะภูมิประเทศชนิดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นเขตภูเขาประมาณร้อยละ 33 ที่ราบสูงประมาณร้อยละ
26 แอ่งแผ่นดิน ประมาณร้อยละ 19 ที่ราบประมาณร้อยละ 12 เนินเขาประมาณร้อยละ 10 เมื่อหลายล้านปีก่อน ที่ราบสูง
ชิงไห่-ทิเบต โก่งขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งสาคัญของเปลือกโลก ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ทาให้ลักษณะภูมิประเทศของจีน
ได้ก่อรูปขึ้น มองผืนแผ่นดินใหญ่ของจีนกลางเวหา ลักษณะภูมิประเทศของจีนก็เช่นเดียวกับขึ้นบันไดค่อย ๆ ต่าลงจากด้าน
ตะวันตกสู่ด้านตะวันออก เนื่องจากแผ่นดินอินเดียกับแผ่นดินยุโรปเอเชียเกิด กระทกกระแทกกัน ที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต จึงโก่ง
ขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ยแล้วสูงกว่าระดับน้าทะเล4,000 เมตรขึ้นไปจนได้รับสมญานานว่า หลังคาโลก ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกของภูมิ
ประเทศของจีน ยอดเขาจูมู่ลังมาซึ่งเป็นยอดเขาที่สาคัญที่สุดของภูเขาหิมาลัยบนที่ราบสูงนี้สูงกว่าระดับน้าทะเล 8,848.13
เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก บันไดขั้นที่สองประกอบด้วยที่ราบสูง มองโกล ที่ราบสูงดินเหลือง ที่ราบสูงยูนนานและกุ้ย
โจว แอ่งทาริม แอ่งจูงการ์และแอ่งเสฉวน เฉลี่ยแล้วสูงกว่าระดับน้าทะเล 1,000-2,000 เมตร ผ่านเทือกเขาต้าซิงอันหลิ่ง
เทือกเขาไท่หางซาน เทือกเขาอู ซานและเสิ่ยเฟิงซานในด้านตะวันออกของบันไดขั้นที่2 ตรงไปสู่ชายฝังมหาสมุทรแปซิฟิก ใน
ด้านตะวันออกเสียอีกก็คือบันไดขั้นที่ 3 และความสูงของบันไดขั้นที่ 3 ได้ลดลงถึงขนาดเหนือระดับน้าทะเล 500 เมตร
หรือไม่ถึง 1,000 เมตร จากเหนือสู่ใต้มีที่ราบตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบภาคเหนือและที่ราบตอนกลางและตอนปลายแม่น้า
แยงซี รอบ ๆ ที่ราบเหล่านี้คือ ภูเขาต่า และเนินเขา ไปสู่ด้านตะวันออกเสียอีกก็คือเขตทะเลตื้นบนไหล่ทวีปของจีน ซึ่งก็คือ
บันไดขั้นที่ 4 น้าทะเลส่วนใหญ่ลึกไม่ถึง 200 เมตร
ภูมิอากาศของจีน
- 3. จีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากรัสเซียและแคนาดา จึงทาให้แต่ละภาคของจีนมีสภาพ
อากาศที่แตกต่างกันจากหนาวสุดถึงร้อนจัด โดยที่ภาคเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นมากในฤดูหนาว (ราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึง
ต้นเดือนกุมภาพันธ์) เช่น กรุงปักกิ่งในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิติดลบ 10-15 องศาเซลเซียส มีลมแรงและหิมะตก ช่วงหนาวสุด
คือเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ สภาพอากาศในฤดูหนาวทางภาคเหนือบริเวณพื้นที่เหนือกาแพงเมืองจีนถึงเขตมองโกเลียในมี
อุณหภูมิติดลบถึง 40 องศาเซลเซียส ช่วงอากาศดีในภาคเหนือของจีนคือฤดูใบไม้ผลิ (ราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือน
เมษายน) และใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม) อุณหภูมิประมาณ20-30 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามในช่วงฤดู
ใบไม้ผลิ ในกรุงปักกิ่งมักมีพายุทรายจากทางเหนือพัดเข้ามา ภาคกลางของจีนซึ่งครอบคลุมเมืองสาคัญ เช่น นครเซี่ยงไฮ้ อู่ฮั่น
จะมีฤดูหนาวที่สั้นกว่าทางภาคเหนือ แต่ก็มีอากาศหนาวพอๆ กับกรุงปักกิ่ง ภาคใต้ เช่น นครกวางโจว และเมืองใกล้เคียง อากาศ
ร้อนและชื้น ฤดูร้อน (ราวเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม) อุณหภูมิสูงถึง 38 องศาเซลเซียส และมีฝนตกหนักและพายุใต้ฝุ่น
ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี
เกษตรกรรมของประเทศจีน
จีนเป็นประเทศใหญ่ด้านการเกษตร ประชากรในเขตชนบทส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ในสมัยเด็กของหลง หยู่ง ถู รูปแบบการผลิต
ด้านการเกษตรของจีนล้าหลังมาก บวกกับเกิดอุทกภัยและภัยแล้งเป็นประจา ซ้ายังมีสงครามกลางเมืองด้วย ทาให้เกษตรกรรม
ตกอยู่ในภาวะซบเซาขาดแคลนผลผลิตการเกษตรอย่างมาก และประชาชนเดือดร้อนมาก ปี 1949 ชาวชนบทจีนเฉลี่ยแล้ว
บริโภคธัญญาหารเพียง 180 กิโลกรัม ปี 1949 สาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้น ใช้เวลา 3 ปี รัฐบาลจีนดาเนินการ
ปฏิรูประบบที่ดิน โดยกระจายที่ดิน เครื่องมือการทานาทาไร่และสัตว์ของเจ้าที่ดินแบ่งให้แก่ชาวนา นโยบายนี้ได้รับการ
สนับสนุนจากบรรดาเกษตรกร การเกษตรของจีนจึงได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ปริมาณการผลิตธัญญาหารและฝ้ายเพิ่มขึ้น
มากอย่างไม่เคยมีมาก่อน หลังจากนั้นจีนดาเนินโครงการชลประทานและปฏิรูปเทคนิคการเพาะปลูกเป็นการใหญ่ ทาให้ภาวะ
แวดล้อมการเกษตรได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณการผลิตธัญญาหารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึงปลายทศวรรษ 1970
การผลิตธัญญาหารและฝ้ายได้เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 1952 แม้ว่า การผลิตธัญญาหารได้เพิ่มขึ้นมากเช่นนี้ แต่
เนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้นยิ่งเร็วกว่า จีนยังเป็นประเทศที่ขาดแคลนอาหารเสมอ นายหยาง จี่ เลี่ยง ชาวชนบทของหมู่บ้านปี้ เซิ่ง
เมืองฉือ โจว มณฑลอันฮุยกล่าวว่า ปัญหาปากท้องเป็นปัญหาที่หมู่บ้านไม่สามารถแก้ตกได้มาตลอด "เมื่อทศวรรษ 1960-
1970 ขาดแคลนอาหารอย่างมาก ต้องกินผักป่าแทนข้าวเป็นประจา