SlideShare a Scribd company logo
1 of 452
ชีวา
ณ เคหาสน์
ณ อาศรม
ณ อารมณ์
ณ อาลัย
เรียบเรียงโดย เมทนี แสงธรรม
Complied by: Martin Chan
编制者: 马丁 陈
08/02/2566
09.18AM.
๓
เคหาสน์
คาว่า คฤหาสน์
แปลว่า บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย
เป็นคาสนธิภาษาสันสกฤต
จากคาว่า คฤห+อาสน
ส่วนภาษาบาลีนั้น
จะใช้ เคห+อาสน = เคหาสน์ มี
ความหมายว่า บ้านเรือน
หรือที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกัน
(บางคน เคยชินกับคาว่า เคหะ
ในคาว่า เคหสถาน
ที่แปลความหมายเช่นเดียวกัน
มากกว่า )
ซึ่งมีหลายคนมักใช้ตัวการันต์ผิด
เพราะคงเคยผ่านตากับคาว่า คฤหัสถ์
ที่แปลว่า ผู้ครองเรือน มาบ้าง
จนจาสับสน
คาว่า คฤหัสถ์ แปลว่า ผู้ครองเรือน
มีความหมายเช่นเดียวกับ ฆราวาส
ใช้เรียกบุคคลทั่วไป
ที่ไม่ได้ดารงเพศสมณะ หรือเป็นสงฆ์
*ข้อควรจา*
คฤหัสถ์ ใช้ ถ์
เพราะ"ถือ"ครองความเป็นเจ้าเรือน
คฤหาสน์ ใช้ น์
เพราะสนธิกับคาว่า อาสน ซึ่งเป็น
ที่"นั่ง"
https://www.facebook.com/Ruk.pasa/posts/414682928601424/
อาศรม
อาศรม ในศาสนาฮินดู
หมายถึง ระยะของชีวิต 4 ระยะ
ซึ่งมีระบุไว้ในเอกสารยุคโบราณและยุค
กลางของฮินดู
อาศรมทั้งสี่ระยะ
ได้แก่ พรหมจรรยะ (ผู้เรียน),
คฤหัสถะ (ผู้ครองเรือน),
วานปรัสถะ (ผู้ออกจาริก) และ
สันยาสะ (ผู้ละทิ้งทางโลก)
อาศรมสี่
เป็นหนทางหนึ่งของแนวคิด ธรรมะ
ในศาสนาฮินดู
และเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นทางจริยศ
าสตร์ของปรัชญาอินเดีย
ที่ซึ่งถูกรวม
เข้ากับเป้ าหมายสี่ประการของชีวิตมนุษ
ย์
(ปุรุษสรรถะ) เพื่อการเติมเต็ม,
ความสุข และการบรรลุทางจิตวิญญาณ
แนวคิดอาศรมสี่
ยังมีอิทธิพล
ต่อการวางแผนดารงชีวิตของผู้คน
โดยเฉพาะในอินเดีย
http://bit.ly/3HCgc6K
อารมณ์
อารมณ์
ส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
และพฤติกรรมของตนเอง
รวมทั้งส่งผลต่อผู้อื่นด้วย
การจัดการกับอารมณ์
เป็นทักษะ ที่สามารถพัฒนาได้
ด้วย วิธีการและเทคนิคต่างๆ
เช่น การควบคุมอารมณ์ทางลบ
ให้มีการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะ
สม
ถือเป็นการพัฒนาตนเอง
ให้มีความสามารถทางอารมณ์
ที่มีความจาเป็นในการใช้ชีวิต
และส่งผลต่อความสาเร็จในชีวิตด้วย
เทคนิคที่จะช่วยในการฝึกมีดังนี้
1.
ทบทวนการแสดงออกทางอารมณ์ของตั
วเราเอง
2.เตรียมการในการแสดงอารมณ์
3. ฝึกสติ
4. ฝึกการผ่อนคลายตนเอง
5. ประเมินสถานการณ์และอารมณ์
อาลัย
คาว่า “อาลัย”
ถ้าได้ยินคาว่า “อาลัย”
หลายคน
คงคิดถึงความหมาย
ประมาณว่า ความห่วงใย, ความพัวพัน,
ความระลึกถึงด้วยความเสียดาย
แน่นอน
แต่คาว่า “อาลัย”
ยังมีอีกความหมาย คือ ที่อยู่, ที่พัก
คาว่า “อาลัย” ในความหมายนี้
จะใช้ประกอบกับคาอื่น
ด้วยการสมาสแบบสนธิ
คาว่า “หิมาลัย” มาจาก หิมะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งหิมะ”
คาว่า “ชลาลัย” มาจาก ชล + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งน้า”
คาว่า “วิทยาลัย” มาจาก วิทยา + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งความรู้”
คาว่า “เทวาลัย” มาจาก เทวะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งเทวดา”
คาว่า “สุราลัย” มาจาก สุร + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งเทวดา”
คาว่า “ศิวาลัย” มาจาก ศิวะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งพระศิวะ”
https://www.facebook.com/kumthai.th/photos/a.1502532273398314/2353947471590
119/?type=3
15 ตำแหน่งทิศทำงดำวโคจรทั้ง 9
ดวงประจำปีพ.ศ. 2566
30 10 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก ในช่วงอำยุต่ำงกัน
56 ตำนำน “ต้ำอวี่” ผู้แก้น้ำท่วมยุคจีนโบรำณ
นำน 13 ปีจนสำเร็จ รอดโดนประหำร
73 หัวทัว
99 ชี่กง กับ ดนตรี 5 เสียง
152 แพทย์จีนสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้
177 ยิน – หยำง
193 กำรเคลื่อนที่ในรอบวัน
204 รู้จักตำแหน่ง C-Level ยุคใหม่
พวกเขำคือใคร ทำหน้ำที่อะไรบ้ำง
237 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น
เมื่อกำรปฏิวัติ คือ กำรหลั่งเลือด
สารบัญ
ตาแหน่งทิศทางดาวโคจรทั้ง
9 ดวง
ประจาปีพ.ศ. 2566
http://bit.ly/3WMwCOd
ตาแหน่งทิศที่เป็นมงคลและอัปมงคล
แบ่งออกได้ดังนี้
ทิศมหามงคล : ทิศใต้ (8)
ทิศมงคล : ทิศเหนือ(9)
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (1)
ทิศปานกลาง : จุดศูนย์กลาง (4)
ทิศตะวันตก (6)
ทิศอัปมงคล : ทิศตะวันออก(2)
ทิศตะวันออกฉียงใต้(3)
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (5)
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(7)
3 8 1
2 4 6
7 9 5
วิธีใช้เข็มทิศวัดทิศทาง
1.ยืนถือเข็มทิศอยู่ ณ จุดกึ่งกลางห้อง
หรือกึ่งกลางบ้าน (ขึ้นอยู่กับจุด
ประสงค์ของท่านว่าต้องการทราบตาแห
น่งทิศที่ตั้งของวัตถุหรือ
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใด)
2.โดยปกติแล้ว
ปลายลูกศรในเข็มทิศ
จะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ
ตามแรงดึงดูดของขั้วแม่เหล็กโลกทางทิ
ศเหนือ
ดังนั้นท่านจึงต้องหมุน เข็มทิศ
โดยพยายามจัดให้ปลายลูกศร
ชี้ไปที่ตัว N (NORTH - ทิศเหนือ)
หรือตัวเลข 360 องศา บนตัวเข็มทิศ
3.เมื่อเข็มทิศนิ่งสนิทแล้ว
(โดยมีลูกศรชี้ไปทางทิศเหนือ)
ให้อ่านในตัว เข็มทิศ
ดูว่า วัตถุหรือเฟอร์นิเจอร์
ที่ท่านต้องการวัดนั้น ตกอยู่ในมุม
ของทิศใด
โดยอาจคะเนดูคร่าวๆ ด้วยตาเปล่า
หรือหากต้องการ องศาที่ละเอียดลึกซึ้ง
ท่านสามารถเทียบได้จากข้อมูลดังนี้
N NORTH ทิศเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 337.5 - 22.49
NE NORTH EAST ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 22.5 - 67.49
E EAST ทิศตะวันออก
มีองศาอยู่ระหว่าง 67.5 - 112.49
SE SOUTH EAST ทิศตะวันออกเฉียงใต้
มีองศาอยู่ระหว่าง 112.5 - 157.49
S SOUTH ทิศใต้
มีองศาอยู่ระหว่าง 157.5 - 202.49
SW SOUTH WEST
ทิศตะวันตกเฉียงใต ้ มีองศาอยู่ระหว่าง 202.5 – 247.49
W WEST ทิศตะวันตก
มีองศาอยู่ระหว่าง 247.5 – 292.49
NW NORTH WEST
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีองศาอยู่ระหว่าง 292.5 – 337.49
4.ในขณะที่ท่านใช้เข็มทิศอยู่
มีข้อควรระวังคือ อย่าอยู่ใกล้กับสิ่งของ
หรือวัสดุที่เป็นโลหะ เช่น นาฬิกา
รั้วเหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้ าต่างๆ ที่มี
ส่วนประกอบของเหล็ก
เพราะจะทาให้การวัดองศาในเข็มทิศ
คลาดเคลื่อนได้
ในภาควิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง
คือ ทิศทางประจาปี
สัมพันธ์สอดคล้อง
กับตาแหน่งของดวงดาว
หรือ “ฮวงจุ้ยหลุ่งหลิ่วจ้วง”
คือ
การโคจรของดวงดาวหมุนเวียนสลับสับ
เปลี่ยนกันทาหน้าที่ส่งผลดีและร้ายต่อม
นุษย์
ประจาอยู่ในแปดทิศหลักใหญ่
เรียกว่า “หลิ่งนี้ฮวงจุ้ย”
หากท่านผู้อ่าน
สามารถทราบล่วงหน้า
ว่าตาแหน่งทิศทางใด
ที่เมื่อตั้งโต๊ะทางานหรือเตียงนอนแล้ว
จะบังเกิดความเป็นมงคลความเจริญรุ่งเ
รือง
ก็จะได้ขยับขยายเคลื่อนย้ายจุดต่างๆ
ในบ้าน
เพื่อเปิดรับโชคลาภโภคทรัพย์
ณ ตาแหน่งทิศทางนั้น
อย่างเต็มที่
แต่หากไม่สามารถขยับขยายได้
ก็จะได้หาสิ่งของอันเป็นสิริมงคล
เพื่อกระตุ้นโชคลาภ
และหลีกเลี่ยงเคราะห์ภัยต่างๆ ต่อไป
โดยกลุ่มดาวเหนือ
ที่โคจรเข้ามาส่งผลจะมีอยู่ 9 ดวง
เมื่อหมุนเวียนไปประจาหน้าที่ใน 8
ทิศใหญ่แล้ว
จะมีอีกหนึ่งดวง
ที่ประจาอยู่ ณ
จุดกึ่งกลางที่บ้านของท่านทุกหลัง
ในปีเถาะ 2566 นี้
ดาวบินที่โคจรเข้ามา
ณ
ตาแหน่งจุดศูนย์กลางของบ้านท่านทุกห
ลัง
คือ ดาวบิน “สี่เขียว” (ซี้เล็ก) “บุ่งเข็ก”
โคจรเข้ามาสถิตอยู่
และตามหลักวิชานี้ ดาวบินอื่นๆ
ก็จะสถิตหมุนเวียนตามทิศต่างๆ ดังนี้
3 8 1
2 4 6
7 9 5
ทิศตะวันตก
(ทิศปานกลาง)
W WEST ทิศตะวันตก
มีองศาอยู่ระหว่าง 247.5 – 292.49
ตำแหน่งทิศตะวันตก
ในปีเถำะ 2566 นี้
เนื่องจำกมีดำวบิน “หลักแปะ”
(หกขำว)โคจรเข้ำมำสถิตอยู่
อิทธิพลของดำวดวงนี้
จะส่งผลดีในด้ำนกำรอำนวยอำนำจยศ
ศักดิ์,
ทรัพย์สมบัติ,กำรมีฐำนะที่มั่งคั่งมั่นคง,
ควำมกระตือลือล้น,
ควำมมีจิตใจที่เข้มแข็ง
และควำมเป็นผู้นำอย่ำงสูงสุดมำให้
ฉะนั้นในปีเถำะ 2566 นี้
หำกประตูหน้ำบ้ำน,หน้ำต่ำง,ช่องลม
หรือสำหรับท่ำนใดที่นั่งทำงำน
หรือตั้งเตียงนอน
โดยมีด้ำนหลังพิงทิศตะวันตก
(ด้ำนหน้ำหันไปทำงทิศตะวันออก)
และต้องกำรกระตุ้น
ส่งเสริมให้ดำวมงคล “หลักแปะ”
(หกขำว) นี้
มีกำลังอำนำจที่เด่นชัดยิ่งๆ ขึ้นแล้ว
ท่ำนควรจัดตั้ง
วัตถุมงคล
“ที่แขวนหยินหยำงปรับสมดุลต้ำนเครำะ
ห์”
1 ชิ้นไปวำงไว้บนโต๊ะทำงำน
หรือหัวเตียงนอน
หรือวำงไว้ด้ำนบนหรือด้ำนข้ำง
ของประตูที่มีด้ำนหลังพิงทิศตะวันตก
หำกท่ำน
ไม่สำมำรถขยับขยำยย้ำยเฟอร ์นิเจอร ์
ให้มีทิศหลังพิง
เป็นทิศตะวันตก
ดังที่กล่ำวข้ำงต้นได้
แต่ต้องกำรกระตุ้นพลังมงคล
ก็ให้ท่ำนจัดตั้ง
“ที่แขวนหยินหยำงปรับสมดุลต้ำนเครำะ
ห์”
โดยนำไปวำงไว้บน
เฟอร ์นิเจอร ์ชิ้นใหญ่อื่นใดก็ได้
ในห้องหรือในบ้ำนที่มีด้ำนหลังพิงทิศตะ
วันตกแทน
ก็จะช่วยส่งเสริม
ให้ฐำนะกำรเงินของท่ำนมั่งคั่ง
มั่นคงขึ้น
โชคลำภกำรเงินหมุนเวียนคล่องตัว
มียศศักดิ์ทำงรำชกำร
และเปี่ยมด้วยอำนำจวำสนำ
คุณสมบัติพิเศษของวัตถุมงคล
เสริมทิศทำง
“ที่แขวนหยินหยำงปรับสมดุลต้ำนเครำะ
ห์” นี้
คือ สัญลักษณ์หยินและหยำง
ซึ่งช่วยในกำรสลำยเครำะห์ภัย
โดยดูดกลืนกระแสพลังร ้ำยแล้วสลำยทิ้ง
พร ้อมปรับสมดุลทำงฮวงจุ้ย
กระจำยพลังงำนที่ดีให้ไหลเวียนไปทั่วบ
ริเวณ
จึงบังเกิดผลดีเป็นมงคลต่อบ้ำน
อีกทั้งยังมีนัยมงคลของกำรร ้อยเงื่อน
ด้วย “เงื่อนมงคลไม่รู้จบ”
จึงสื่อควำมหมำยมงคลถึง
กำรบังเกิดควำมโชคดีมั่งคั่งเป็นมงคลอเ
นกอนันต์ตลอดกำล
10
บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโ
ลก
ในช่วงอายุต่างกัน
https://hilight.kapook.com/view/121672
10 อันดับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ผู้ที่มีสำยตำของชำวโลกจับจ้องอยู่แทบ
ทุกฝีก้ำว
คนสำคัญระดับโลก
ผู้ที่อยู่ในสำยตำของประชำชนทั่วทั้งโล
ก
นั่นหมำยควำมว่ำ
เขำเหล่ำนั้น
ต้องมีคุณสมบัติของควำมดี
และมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ที่ตรึงใจคนส่วนมำกในโลกนี้ได้
ซึ่งกำรเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ก็แทบไม่มีข้อจำกัด
หรือนิยำมใด ๆ เลย
เพียงแค่มีอะไรบำงอย่ำง
ที่อยู่ในกระแสของควำมสนใจเท่ำนั้น
ก็นับเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกแล้ว
ดังเช่นที่ Business Insider
เขำจัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลของโลกมำ
ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ำ
มีควำมหลำกหลำยในสถำนะและอำยุมำ
ก ๆ
โดยเรำก็ได้คัด
ผู้ทรงอิทธิพลของโลก 10 ท่ำน
มำให้ชมกันก่อน
มำดูกันค่ะว่ำอะไรที่ทำให้เขำเหล่ำนี้
ถูกขนำนนำมว่ำ
เป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกกัน
ภำพจำก The Duke and Duchess of Cambridge
1. เจ้าชายจอร ์จ แห่งเคมบริดจ์
เจ้ำชำยจอร ์จ แห่งเคมบริดจ์
ถือเป็นสร ้อยทองคล้องใจแห่งรำชวงศ์อัง
กฤษ
อีกทั้งยังเป็นเบบี๋ที่คนทั้งโลก
รอคอยกำรประสูตินี้อย่ำงใจจดใจจ่อ
และด้วยควำมน่ำรัก
และแฟชั่นในแบบเด็ก ๆ
ที่น่ำเอ็นดูขำดใจ
ของเจ้ำชำยตัวจิ๋วท่ำนนี้
ก็ต้องถือว่ำเจ้ำชำยจอร ์จ
ไม่ทำให้ประชำชนผิดหวังเลยสักนิด
ภำพจำก เฟซบุ๊ก Malala Fund
2. มะลาละห์ยูซัฟซัย
นักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภำพทำงกำรศึกษำ
ของเด็กผู้หญิงในปำกีสถำนที่อำยุน้อย
ที่สุดในประวัติศำสตร ์
ด้วยวัยเพียง 17 ปี
มะลาละห์ยูซัฟซัย
ก็ได้รับรำงวัลโนเบลสำขำสันติภำพ
จำกวีรกรรมกำรต่อสู้
เพื่อควำมถูกต้องของกำรศึกษำของเด็ก
ๆ
และควำมกล้ำหำญที่จะต่อกรกับกลุ่มมุ
สลิมหัวรุนแรงเพื่อให้เด็กผู้หญิงในประเ
ทศของเธอ
ได้รับสิทธิเสรีภำพทำงกำรศึกษำที่เท่ำเ
ทียมกัน
ทุกอย่ำงที่เธอทำนี้
ส่งผลให้เธอเป็นฮีโร่หญิงคนหนึ่งของโล
ก
และกลำยเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกคน
หนึ่ง
ที่น่ำชื่มชมมำก ๆ
ภำพจำก taylorswift.com
3. เทย์เลอร ์สวิฟต์
ไม่เพียงแต่เป็นสำวน้อย
นักดนตรีที่มีผลงำน
และยอดขำยอัลบั้มอันโดดเด่นเท่ำนั้น
ทว่ำตัวตนและคำแรคเตอร ์
ของเทย์เลอร ์สวิฟต์
ก็น่ำสนใจไม่แพ้กัน
โดยบรรดำแฟนคลับ
ต่ำงก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
ว่ำ เทย์เลอร ์สวิฟต์
เป็นนักร ้องซูเปอร ์สตำร ์ที่ไม่ได้มีอีโก้เลย
สักนิด
แถมยังเป็นกันเอง
และดูจริงใจต่อเพื่อนร่วมโลกมำก ๆ
เชียวล่ะ
ด้วยเหตุผลนี้
เธอจึงเป็นนักร ้องในดวงใจใครหลำยคน
และเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ในวัยเพียง 25 ปี เท่ำนั้น
เจ๋งไม่เบำเลยนะเนี่ย
ภำพจำก เฟซบุ๊ก Mark Zuckerberg
4. มาร ์ค ซัคเคอร ์เบิร ์ก
เพรำะคน ๆ นี้
เรำจึงมีโซเชียลมีเดียอย่ำง Facebook
ไว้เล่นกันอย่ำงสนุกสนำน
อีกทั้งยังเป็นช่องทำงเชื่อมต่อเพื่อนเก่ำ
หรือทำธุรกิจเล็ก ๆ ผ่ำน Faecbook
ได้ง่ำย ๆ
ด้วยเหตุผลนี้
จึงมีผู้ใช้Facebook
นับพันล้ำนคนทั่วโลก
สร ้ำงรำยได้ให้มำร ์ค
จนรวยติด 1 ใน 3
บุคคลที่ทำรำยได้สูงสุด
ที่คำนวณแล้ว
ไม่น่ำจะใช้ได้หมดตลอดชีวิตของเขำ
แบบนี้จะไม่ให้ มำร ์ค ซัคเคอร ์เบิร ์ก
เป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกได้ยังไง
5. คิม จอง อึน
ผู้นำเกำหลีเหนือ
ผู้ที่ขึ้นชื่อว่ำมีควำมเด็ดขำด
ไม่แพ้ผู้นำเกำหลีเหนือคนก่อน
ซึ่งนอกจำก
เขำจะสืบทอด
กำรครองบัลลังก์ผู้นำประเทศจำกพ่อแล้
ว
คิม จอง อึน
ยังคงมุ่งมั่นสำนต่อ
กำรทดลองขีปนำวุธ
ที่พ่อของเขำตั้งใจสร ้ำงมันขึ้นมำด้วย
และแม้ว่ำ
ภำพลักษณ์ของท่ำนคิม
จะไม่น่ำปลื้มสักเท่ำไร
แต่นำทีนี้
คงไม่มีใครปฏิเสธอำนำจของเขำ
ได้จริง ๆ
ภำพจำก เฟซบุ๊ก J.K. Rowling
6. เจ เค โรว์ลิง
นักเขียนที่ขึ้นแท่น
ผู้มีรำยได้สูงสุดในประวัติศำสตร ์
เจ เค โรว์ลิง
เป็นผู้สร ้ำงนวนิยำยเรื่องแฮร ์รี่
พอตเตอร ์
และส่งให้เรื่องนี้
กลำยเป็นภำพยนตร ์
แนวแฟนตำซี มหำกำพย์
ที่ดังเป็นพลุแตก
เรียกได้ว่ำลูกเล็กเด็กแดงจนกระทั่งผู้ให
ญ่ต้องเคยได้ดูแฮร ์รี่
พอตเตอร ์กันสักภำคแน่ ๆ
และนี่แหละค่ะอิทธิพลของเจ เค โรว์ลิง
จำกปลำยปำกกำของเธอเอง
ภำพจำก เฟซบุ๊ก Alibaba.com
7. แจ็ค หม่ำ
ประธำนกรรมกำรบริหำร
แห่ง Alibaba Group
ซึ่งถือว่ำเป็นธุรกิจอีคอมเมิร ์ซ
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เลยก็ว่ำได้
และหำกใคร
ได้ทรำบเบื้องลึกเบื้องหลัง
ของผู้ชำยคนนี้แล้ว
คงจะนึกอยำกปรบมือ
ให้กับควำมมุ่งมั่น
และควำมพยำยำมของเขำจริง ๆ
เพรำะรู้เลยว่ำ กำรขึ้นแท่น
มำอยู่ในจุดที่รวย
เป็นอันดับสองของประเทศจีนของเขำ
ไม่ใช่เรื่องโชคช่วย
หรือควำมบังเอิญจริง ๆ
ภำพจำก เฟซบุ๊ก Barack Obama
8. บารัค โอบามา
เชื่อว่ำคงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชำยคนนี้แน่
ๆ
เพรำะเขำเป็นถึงประธำนำธิบดี
ของชำติมหำอำนำจ
อย่ำงอเมริกำ
เชียวล่ะ
แถมยังเป็นชำวแอฟริกันอเมริกัน
คนแรกที่ได้รับเลือก
ให้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้
และด้วยประโยคเด็ดของเขำ
รวมทั้งควำมตั้งใจจริง
ที่ดูแลประชำชนชำวอเมริกัน
ก็ทำให้ บำรัค โอบำมำ
ดำรงตำแหน่งประธำนำธิบดีของสหรัฐ
มำแล้ว 2 สมัย
และยังคงมุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงอเมริกำใ
ห้ดีขึ้นต่อไป
ครองใจชำวอเมริกันและคนทั้งโลกได้ไม่
ยำก
ภำพจำก เฟซบุ๊ก Bill Gates
9. บิล เกตส์
นับว่ำ บิล เกตส์
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกคอมพิวเตอ
ร ์
ถูกพัฒนำขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง
ไมโครซอฟท์
ที่เรำใช ้กันอย่ำงแพร่หลำย
ก็เกิดขึ้นจำกมันสมองและสองมือของผู้
ชำยคนนี้
นี่แหละค่ะ
อีกทั้ง บิล เกตส์
ยังมีควำมเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกั
น
เป็นอย่ำงมำก
โดยเขำได้ก่อตั้งมูลนิธิ The Bill &
Melinda Gates Foundation
ซึ่งเป็นมูลนิธิที่มีกำลังเงินในกำรช่วยเห
ลือผู้อื่นค่อนข้ำงสูง
แหม...ตัวเองรวยติดอันดับโลกแล้ว
ยังส่งมูลนิธิให้อู้ฟู่ไปพร ้อม ๆ กันด้วยนะ
นี่ล่ะที่เรียกว่ำ มีแล้ว
ต้องแบ่งปันตัวจริงเสียงจริง
ภำพจำก warrenbuffett.com
10. วอร ์เรน บัฟเฟตต์
ผู้ถือหุ้นรำยใหญ่และซีอีโอ
ของบริษัท เบิร ์กเชียร ์ฮำธำเวย์
เขำมีชื่อเสียงโด่งดัง
ในเรื่องกำรลุงทุน
และกำรวำงแผนธุรกิจอย่ำงเฉียบขำด
ซึ่งกำรลงทุนของบัฟเฟตต์
ก็เน้นควำมคุ้มค่ำ
และควำมเป็นอยู่อย่ำงพอเพียง
นอกจำกนี้
เจ้ำพ่อแห่งโอมำฮำ
ยังขึ้นชื่อว่ำเป็นนักธุรกิจผู้ใจบุญมำก ๆ
จนถูกยกย่อง
ให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลก
และนี่คือ 10 บุคคล
ผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ที่เรำได้หยิบมำฝำกคุณ ๆ กัน
เห็นโปรไฟล์ของแต่ละคนแล้ว
ต้องน้อมรับจริง ๆ ว่ำ
เหมำะแล้วกับตำแหน่งนี้
ตานาน “ต้าอวี่”
ผู้แก้น้าท่วมยุคจีนโบรา
ณ
นาน 13 ปี จนสาเร็จ
รอดโดนประหาร
https://www.silpa-mag.com/history/article_25341
กลุ่มชนที่ยิ่งใหญ่อย่ำงจีน
มีประวัติศำสตร ์ยำวนำนหลำยยุคสมัย
สืบเนื่องมำหลำยพันปี
หำกย้อนกลับไปถึงยุคจีนโบรำณ
ที่เป็น “สังคมบุพกำล”
นอกจำกเรื่องรำวของกำรรบพุ่งกันแล้ว
ประเด็นที่น่ำสนใจอีกประกำร
ย่อมเป็นเรื่องกำรบริหำรจัดกำรด้ำนต่ำง
ๆ
รวมไปถึงเรื่องกำรรับมือกับธรรมชำติ
ซึ่งในยุคก่อนความเป็ นรัฐชาติ
จะเริ่มก่อตัวขึ้น
มีผู้นำที่สำมำรถแก้ปัญหำน้ำท่วม
จนผู้คนยกย่องให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่
แห่งชนเผ่ำ
หลักฐำนทำงโบรำณคดี
ที่ค้นพบซำกฟอสซิลดึกดำบรรพ์
และแหล่งอำรยธรรมใต้ดิน
สำมำรถบ่งชี้ว่ำ
เมื่อ 1,700,000-1,800,000 ปีก่อน
มีมนุษย์โบรำณ
อำศัยในหลำยพื้นที่ในประเทศจีน
กระทั่งเมื่อ 4,000-5,000 ปีก่อน
นักประวัติศำสตร ์
รับรู้ข้อมูลสมัยนั้น
ว่ำเป็นยุคของจักรพรรดิหวงตี้และเหยีย
นตี้
ซึ่งเริ่มมีกำรทำเกษตร และปศุสัตว์
สืบเนื่องมำถึงยุค 4,000 ปีก่อน
ซึ่งเป็นยุคของพระเจ้ำเหยำ ซุ่น และอวี่
ในระบบสมำพันธ์ชนเผ่ำ
ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำหวงเหอ
หลี่เฉวียน
ผู้รวบรวมข้อมูลทำงประวัติศำสตร ์จีน
ในยุคต่ำงๆ
และผู้เขียน
หนังสือ “ประวัติศำสตร ์จีนฉบับย่อ”
อธิบำยว่ำ
ยุคพระเจ้ำเหยำ ซุ่น และอวี่
เป็นยุคที่พัฒนำกำลังกำรผลิตอย่ำงมำก
ผลิตผลจำกแรงงำนมีเหลือเฟือ
สังคมเริ่มแบ่งแยก
เรื่องฐำนะในวงศ์ตระกูล
ควบคู่กันไปกับวิทยำกำรที่พัฒนำอย่ำง
ต่อเนื่อง
ยุคนี้ใช ้ดินอัดและหินมำสร ้ำงกำแพงเมือ
ง
มีเครื่องใช ้
และพระรำชวังที่ยิ่งใหญ่กันแล้ว
ก่อนหน้ำ
กำร “สละรำชบัลลังก์”
ของ...เหยำและซุ่น...นี้
(หัวหน้ำสมำพันธ์ชนเผ่ำยุคนี้
ไม่ใช้ส่งต่อบัลลังก์ทำงสำยเลือด
ยังใช้วิธีคัดเลือก)
ชนเผ่ำ
บริเวณลุ่มน้ำหวงเหอและฉำงเจียง
เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่
เหยำ
เรียกประชุมสมำพันธ์ชนเผ่ำ
เพื่อหำผู้นำที่จะเป็นคนแก้ปัญหำน้ำท่ว
ม
โดยผู้นำ 4 เผ่ำ เสนอชื่อ กุ่น
กุ่นที่ได้รับมอบหมำย
แก้ปัญหำน้ำท่วม
ใช ้วิธีสร ้ำงเขื่อนกั้นน้ำ
แต่กั้นทำงหนึ่งได้ อีกทำงก็พัง
ผ่ำนไป 9 ปี
ก็ยังไม่สำมำรถแก้ปัญหำได้
เหยา จึงส่ง ซุ่น
ไปตรวจสอบกำรแก้ปัญหำน้ำท่วม
ซุ่น เห็นว่ำ กุ่น หมดหนทำง
และทำให้กำรจัดกำรล่ำช้ำ
สุดท้ำย กุ่น
ต้องโทษประหำรตำมกฎชนเผ่ำ
หลี่เฉวียน
เล่ำว่ำ กุ่นไม่ได้แก้ตัว
ไม่ได้อ้อนวอน
สำหรับกำรให้อภัย
เขำถูกจับมัดบนยอดเขำอวี่ซำน
(คำดว่ำปัจจุบัน
อยู่เมืองเผิงไหล มณฑลซำนตง
หรืออำจอยู่ในอำเภอตงไห่
มณฑลเจียงซู)
และถูกตัดศีรษะ
ส่วนร่ำงถูกโยนลงสู่เหวลึก
หลังจำกนั้น
ที่ประชุมชนเผ่ำ
เลือกเสนอชื่อ อวี่
ลูกชาย ของ กุ่น
มำสำนต่อตำแหน่งผู้นำแก้ปัญหำน้ำ
ตอนที่ อวี่ ได้รับคำสั่ง
เขำเพิ่งแต่งงำนได้ 4 วันเท่ำนั้น
แต่ก็ไม่ได้โต้แย้ง
อวี่
รีบบอกลำ ถูซำนซื่อ ภรรยำ
แล้วไปเป็นแนวหน้ำแก้ปัญหำน้ำ
อวี่
ต้องกำรเข้ำใจควำมล้มเหลวของบิดำ
เขำนำผู้ช่วยจำนวนหนึ่ง
เดินทำงไปยังพื้นที่ที่อุทกภัยร ้ำยแรงที่สุ
ด
วัดระดับความสูงของภูมิประเทศ
โดยใช้เสำไม้
เป็นสัญลักษณ์
จำกข้อมูลของผลสำรวจ
เขำตัดสินใจเปลี่ยนวิธีสร ้ำงเขื่อนกั้นน้ำ
ซึ่งบิดำเขำเลือก
มำใช ้วิธีขุดคลองชักน้ำแทน
นำผู้คนในชุมชน
ขุดลอกคูคลอง
เพื่อชักน้ำท่วมขัง
ลงแม้น้ำฉำงเจียงและหวงเหอ
แล้วดึงน้ำสู่ทะเล
เขำใช ้เวลำแก้ปัญหำนี้ 13 ปี
ตลอดระยะเวลำนี้
เขำเดินทำงผ่ำนหน้ำบ้ำนตัวเอง
โดยที่ไม่เคยเข้ำไปเยี่ยมเยียนเลย
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ อวี่
ได้รับคำชื่นชม
นอกเหนือจำกเป็นผู้นากำรแก้ปัญหำ
อวี่
ยังเป็นแรงงำนด้วยตัวเอง
เขำขนหินขุดดินทุกวันตลอดเวลำ 10
ปี
จนมือแข็งกระด้ำง
ยืนแช่น้ำยำวนำนจนเล็บหลุด
หน้ำตำสกปรกมอมแมม
เรียกได้ว่ำขยันทำงำน
จนผู้ติดตำม
เห็นแล้วซำบซึ้งจนน้ำตำไหล
หลี่เฉวียน
อธิบำยว่ำ รำยละเอียดกำรทำงำน
ยังมีเรื่องเล่ำต่ออีกว่ำ
อวี่
ขุดคลองใหญ่มำกมำย
เจำะภูเขำ
ขุดลอกทำงเดินน้ำของแม่น้ำหวงเหอ
และสำมำรถบริหำรจัดกำร
ปัญหำอุทกภัยได้ในที่สุด
โดยที่สมัยนั้น
ผู้คนใช ้เครื่องมือที่ทำจำกหินหรือไม้อย่
ำงหยำบๆ
กำรสร้ำงงำนชลประทำน
ขนำดใหญ่
ไม่น่ำจะเป็นไปได้
ท่ำมกลำงกำรฝ่ำฟันอุปสรรค
อย่ำงยำกลำบำก
ยุคนั้น
มีวีรบุรุษผู้แก้ปัญหำน้ำหลำยรำย
แน่นอนว่ำ อวี่ เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
เรื่องรำวของเขำ
เป็นที่กล่ำวขำนสืบต่อกันมำ
ความสาเร็จของ อวี่
ทำให้เขำได้รับควำมเคำรพ
ถูกยกย่อง
ว่ำเป็น “ต้ำอวี่” (อวี่ผู้ยิ่งใหญ่)
ผู้คนดันให้เขำเป็นผู้นำสมำพันธ์ชนเผ่ำ
ต่อจำก ซุ่น
หลี่เฉวียน
บรรยำยต่อว่ำ
เล่ำกันว่ำ อวี่ แบ่งประเทศจีนเป็น 9 รัฐ
ได้แก่ รัฐจี้, เหยี่ยน, ชิง, สวี, จิง, หยำง,
เหลียง, อวี้ และยง
เผ่ำที่ อวี่...เป็นผู้นำนั้น
อำศัยตรงพื้นที่ต้นน้ำ
และตอนกลำงของแม่น้ำหวงเหอ
อำณำเขตเล็กกว่ำทั้ง 9 รัฐข้ำงต้น
มำกพอตัว
จึงคำดว่ำ 9 รัฐที่เอ่ยถึง
เป็นผืนดินที่เกิดขึ้นหลังน้ำลด
และถูกอวี่
นำมำบริหำรจัดกำร
เป็นเขตปกครอง
นอกจำกเรื่องแก้ปัญหำน้ำ
หลังจำกนั้น อวี่
ยังขยำยขอบเขตอำนำจไปอีก
โดยปรำบปรำมชนเผ่ำ
บริเวณลุ่มน้ำเจียงฮั่น
และพบปะผู้นำชนเผ่ำอื่นๆ
หลังจำกยุค อวี่
เป็นยุคของลูกชำย
ที่เรียกว่ำ “ฉี่” และสถำปนำรำชวงศ์เซี่ย
(ประมำณ 2,072-1,600
ปีก่อนคริสตกำล)
ใช้ระบบสืบรำชสมบัติ
ตำมสำยโลหิต
หัวทัว
https://www.doctor.or.th/article/detail/4913
หัวทัว (ใน สำมก๊ก เรียก ฮูโต๋)
มีชื่อจริงว่ำ เยวียนหัว
เป็นชำวเฉียว เมืองไพ่
(ปัจจุบัน คือ อำเภอป้อ
ในมณฑลอำนฮุย)
เกิดในระหว่ำงปี พ.ศ.684-746
(ค.ศ.141-203)
ในสมัยสำมก๊ก
หัวทัว
เคยศึกษำในเมืองซวี่โจว
เขำเป็นผู้ที่สนใจวิชำแพทย์มำก
ได้พยำยำมเสำะหำตำรำทำงกำรแพทย์
จำนวนมำก มำอ่ำน
อำมำตย์แห่งเมืองไพ่ และหวงหว่ำน
ได้เคยเสนอตำแหน่งรำชกำรให้เขำหลำ
ยครั้ง
แต่เขำปฏิเสธ
เพรำะเขำไม่สนใจ
ในชื่อเสียงยศถำบรรดำศักดิ์ต่ำงๆ
ขอเป็นเพียงหมอธรรมดำๆ คนหนึ่ง
ซึ่งสำมำรถช่วยรักษำโรค
ให้กับประชำชนทั่วๆ ไป
ก็พอแล้ว
หัวทัว
เป็ นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาก
อำณำบริเวณที่เขำทำกำรรักษำคนไข้นั้
น
ครอบคลุมพื้นที่กว้ำงขวำงมำก
เช่น แถบเผิงเฉิง
(ปัจจุบัน คือ เมืองซวี่โจว
มณฑลเจียงซู)
เมืองกว่ำงหลิง
(ปัจจุบัน คือ
บริเวณแถบตะวันออกเฉียงเหนือของอำ
เภอเจียงตู มณฑลเจียงซู)
เมืองกำนหลิง
(ปัจจุบัน คือ
บริเวณแถบตอนใต้ของอำเภอชิงผิง
มณฑลซำนตง)
เมืองเจี้ยนตู
(ปัจจุบัน คือ
บริเวณแถบตะวันตกเฉียงเหนือของอำเ
ภอเจี้ยนเฉิง มณฑลเจียงซู)
เมืองตงหยำง
(ปัจจุบัน คือ ตงหยำงเฉิง
ซึ่งเป็นเมืองแถบตะวันตกเฉียงเหนือของ
เมืองเอินหยำง มณฑลซำนตง)
และหลำงย่ง
(ปัจจุบัน คือ
บริเวณแถบตะวันตกของเมืองเจี้ยนอี๋
มณฑลซำนตง) เป็นต้น
หัวทัว
จึงเป็นหมอที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ
ไปทั่วมณฑลเจียงซู และซำนตง
ตรำบจนกระทั่งทุกวันนี้
ในเมืองซวี่โจว มณฑลเจียงซู
มีหลุมฝังศพของเขาปรากฏให้เห็น
และอำเภอไพ่
ซึ่งเป็นบ้ำนเกิดของเขำ
ก็ถูกเปลี่ยนเป็น หัวจวง (หมู่บ้ำนหัว)
นอกจำกนี้
ยังมี วัดหัวจู่
(แปลว่ำ วัดบรรพบุรุษหัว)
จำกหลักฐำนทำงประวัติศำสตร ์ดังกล่ำว
แสดงให้เห็นว่ำ
ประชำชนในสมัยนั้นและสมัยต่อมำ
ต่ำงให้ควำมเคำรพและยกย่องหัวทัวมำ
ก
ครั้งหนึ่ง ฉำวชำว (โจโฉ)
รู้ว่ำ หัวทัว
เป็นแพทย์ที่มีควำมสำมำรถ
ในกำรรักษำโรคมำก
จึงได้เชิญ หัวทัว
ไปรักษำอำกำรปวดหัวของเขำ
หัวทัวใช้เข็มเพียงเล่มเดียว
ปักศีรษะของโจโฉ
อำกำรปวดหัว
ก็หำยเป็นปลิดทิ้ง
โจโฉ
เห็นควำมสำมำรถของเขำ
จึงอยำกได้มำเป็นหมอหลวง
แต่เนื่องจำก หัวทัว
ปฏิเสธกำรรับรำชกำรมำโดยตลอด
จะปฏิเสธโจโฉอย่ำงตรงไปตรงมำ
ก็ไม่ได้
เขำจึงบอกกับ โจโฉ
ว่ำภรรยำของตนไม่สบำย
จำต้องกลับไปรักษำ
หลังจำกนั้น
ก็ไม่ได้ข่ำวครำวอะไร
โจโฉ
ได้มีหนังสือไปตำมตัวหัวทัวหลำยครั้ง
แต่ก็ไม่ได้รับจดหมำยตอบจำกหัวทัวเล
ย
โจโฉ
โกรธมำก
จึงมีคำสั่งให้ทหำรไปตำมหำ หัวทัว
พร ้อมกับกำชับทหำร
ว่ำ “ถ้ำภรรยำของหัวทัว ไม่สบำยจริง
ก็ให้นำถั่วทั้ง 40 หู
(เป็นมำตรำตวงในสมัยโบรำณ)
ไปมอบให้
แล้วผ่อนผันเวลำให้เขำ
แต่ถ้ำเขำโกหกก็ให้จับเอำตัวมำลงโทษ
”
โจโฉ
โกรธ หัวทัว
ที่เป็ นคนดื้อรั้น
ทั้งๆ
ที่ตนได้เสนอตำแหน่งแพทย์หลวงให้
ก็ยังถูกปฏิเสธ
ถ้ำจับมำประหำรชีวิตได้ก็จะเป็นกำรดี
แม้ทหำรคนสนิทจะทักท้วง
ว่ำ “หัวทัว เป็นหมอที่รักษำโรคเก่ง
ควำมเป็นควำมตำยของเขำ
มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของประชำชนเป็
นจำนวนมำก ขอให้ยกโทษให้เขำด้วย”
แต่ โจโฉ
ไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ
กลับพูดว่ำ
“ไม่ต้องไปวิตกกังวลหรอก
คนเก่งๆ ในโลกนี้มีอีกมำก
เขำตำยไปสักคน ก็ไม่เห็นเป็นไร”
ต่อมาไม่นาน
อาการปวดหัวของ โจโฉ กาเริบ
โจโฉ
ถึงกับถอนหำยใจแล้วพูดว่ำ
“อำกำรโรคของฉัน
มีแต่ หัวทัว เท่ำนั้น ที่รักษำได้
แม้เขำจะมีควำมสำมำรถถึงปำนนี้
แต่ก็ไม่สำมำรถรักษำโรคของฉันให้หำ
ยขำดไปได้”
หลังจำกนั้นไม่นำน
ชำงซู (โจฉอง ตำมสำเนียงฮกเกี้ยน)
ลูกชำยหัวแก้วหัวแหวนของ โจโฉ
ได้ล้มป่วยลงและเสียชีวิตไปในที่สุด
โจโฉ
เสียใจมำก
เขำกล่ำวว่ำ “ฉันไม่น่ำฆ่ำหัวทัวเลย
ถ้ำเขำมีชีวิตอยู่
ลูกฉันคงจะไม่ตำย”
เป็นที่น่ำเสียดำยเป็นอย่ำงยิ่ง
ก่อนที่ หัวทัว
จะถูกประหารชีวิต
เขำได้นำตำรำแพทย์จำนวนมำก
ที่เขำเขียนขึ้น
มอบให้กับผู้คุม
พร ้อมกับกล่ำวกับผู้คุม
ว่ำ “หนังสือเหล่ำนี้
สำมำรถช่วยรักษำมนุษย์
ให้หำยขำดจำกโรคภัยไข้เจ็บได้
ท่ำนช่วยเก็บรักษำไว้เถิด”
แต่เนื่องจำก
ผู้คุมกลัวว่ำ อำจจะนำภัยมำสู่ตนได้
จึงไม่กล้ำรับเอำไว้
หัวทัว
จึงนำเอำหนังสือที่ได้รวบรวมประสบกำร
ณ์
ในกำรรักษำทำงกำรแพทย์ทั้งหมด
ซึ่งได้เขียนมำตลอดชีวิตของเขำเผำเสี
ย
นับเป็นกำรสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ในวงกำรแพทย์จีน
จึงไม่มี
หนังสือที่ หัวทัว เขียนขึ้นด้วยตนเอง
ตกทอดมำจนปัจจุบัน
แม้แต่เล่มเดียว
ผลงานของ หัวทัว
ที่มีต่อกำรแพทย์จีน
มี 3 ประกำร คือ
1. ยาชา หมาฝู่ ซ่าน
เป็นยำชำที่เขำคิดขึ้น
เมื่อเขำรักษำโรค
ด้วยวิธีปักเข็มและให้ยำสมุนไพรแล้ว
ไม่ได้ผล
เขำก็จะให้คนไข้
กินยำ หมำฝู่ซ่ำน
ผสมเหล้ำ
หลังจาก
คนไข้เกิดอาการชา
เขำก็จะทำกำรผ่ำตัด ผ่ำท้อง
ถ้าหาก กระเพาะอาหาร
หรือ ลาไส้
มีโรค
เขำก็จะทำกำรล้ำง
หลังจำกเย็บเสร็จ เขำก็จะเย็บแผล
แล้วปิดด้วย ยาสมานแผล
เรียก เสินกำว
หลังปิดยำ 4-5 วัน
แผลก็จะหำยเป็นปกติ
หนึ่งเดือนให้หลัง
โรคก็จะหำย
แต่เป็นที่น่ำเสียดำยว่ำ ในปัจจุบันนี ้
ยังไม่มีใครสำมำรถรู้ได้ว่ำ หมำฝู่ซ่ำน
นั้น
มีส่วนผสมของยำสมุนไพรอะไรบ้ำง
2. เนื่องจำกประวัติศำสตร ์ปลำยสมัยฮั่น
เกิดสงครำมสู้รบกันบ่อยๆ
ในกำรทำสงครำมกันนั้น
แน่นอนที่สุด
จะต้องมีผู้คนที่ได้รับบำดเจ็บ
เป็นจำนวนมำก
ด้วยเหตุนี้
กำรรักษำโรคภำยนอก
จึงจำต้องได้รับกำรพัฒนำ
ดังนั้นกำรค้นพบหมำฝู่ซ่ำน
มำทำให้ชำ แล้วผ่ำตัด
ทำให้คนรุ่นหลัง
ยกย่องเขำเป็น
บิดำแห่งวิชำศัลยศำสตร ์ของจีน
3. กำรบริหำรร่ำงกำย
ได้เลียนแบบลักษณะท่ำทำงของสัตว์5
ชนิด
ซึ่งเป็นผลจำกควำมเชื่อของ หัวทัว
ที่ว่ำ ทรรศนะที่ถูกต้อง
ในกำรป้องกันโรคภัยไข้เจ็บนั้น
คือ กำรบริหำรร่ำงกำยให้แข็งแรง
และกำรที่ร่ำงกำยจะแข็งแรง
และรอดพ้นจำกโรคภัยไข้เจ็บได้นั้น
จะต้องออกกำลังกำย
ดังนั้น หัวทัว
จึงได้ค้นคิดวิธีกำรบริหำรร่ำงกำย
เรียกว่ำ อู่ฉินซี่
ซึ่งเขำได้นำเอำอิริยำบถ
กำรเคลื่อนไหวของสัตว์5 ชนิด
คือ เสือ กวำง หมี ลิง และนก
มำประยุกต์กับท่ำบริหำร
กำรบริหำรโดยวิธีนี้
นอกจำกเป็นกำรป้องกันโรคแล้ว
ยังใช้รักษำโรคได้อีกด้วย
ชี่กง กับ ดนตรี 5 เสียง
http://www.nawachione.org/2012/10/28/life-energy-and-health-05/
ชี่กง
เป็นวิชำโบรำณของจีน
ที่มีวิธีกำรและชื่อเรียกแตกต่ำงกัน
ในช่วงแรก
รู้จักกันในชื่อ เต้ำหยิ่น
(ชักนำพลัง+หำยใจ)
ทู่น่ำ (หำยใจ)
อั้นเชียว (นวด)
และสิงชี่ (จิต)
ฝ่ำยสำนักพุทธ
จะเรียกว่ำ จื่อกวน
ซันฉัน หรือ ฉันติ้ง
ปัจจุบัน
ยังไม่สำมำรถหำหลักฐำน
มำยืนยันว่ำ
ชี่กง....เริ่มมี...ตั้งแต่เมื่อใด?
แต่เชื่อกันว่ำ
ชี่กง
น่ำจะเป็นกำรต่อสู้กับธรรมชำติของคนโ
บรำณ
โดยซึมซับจำกประสบกำรณ์
แล้วสรุปเป็น วิธีฝึกฝน
เพื่อให้สุขภำพแข็งแรงและบำบัดโรควิธี
หนึ่ง
แต่ละสำนัก
ต่ำงมีกำรพัฒนำวิธีกำรฝึก
เพื่อหวังผลเฉพำะทำงของตนเอง
จนเกิดเป็นวิธีกำรฝึกชี่
ที่หลำกหลำยและมุ่งผลที่แตกต่ำงกันไป
จำกหลักฐำนทำงโบรำณคดี
ประมำณ 5,000 กว่ำปีก่อน
พบ อ่างเคลือบ
มีรูปวาด
กลุ่มคนกาลังจับกลุ่มจับมือกัน
ฟ
้ อนรา
กำรฟ้อนรำ
เป็นกำรเลียนแบบกำรเต้นของสัตว์
ที่มีกำรพัฒนำ
มำเป็น กำรชี่กงแบบเต้ำหยิ่น
และพบบนอ่ำงเครื่องเคลือบ
มีรูปนูน
เป็นลักษณะท่ำทำงกำรฝึกชี่
วิชำจั้นจวำง ทู่น่ำ เป็นต้น
ชี่กง บ่อเก๊ก
เป็นวิชำชี่กง
ที่ทำให้ร่ำงกำย
สำมำรถเคลื่อนไหวได้เองอย่ำงอิสระ
ภำยใต้จิตที่เป็นสมำธิ
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
ซึ่งถือเป็นวิชำชี่กง
ที่สูงกว่ำ ไทเก๊ก
อีกระดับหนึ่ง
จิตที่สงบเป็นสมำธิ
ระหว่ำงกำรฝึก
จะประสำนพลังชี่ภำยใน
เข้ำกับพลังชี่ภำยนอก
สั่งสมพลังชี่ในร่ำงกำย
จนถึงขั้นทำให้ร่ำงกำย
เกิดกำรขยับเคลื่อนไหวได้เองอย่ำงอิสร
ะ
โดยไม่ต้องนึกคิด
หรือใช ้สมองสั่งกำร
ตำมคำภำษำจีน 8 คำ
ที่เป็นหัวใจของกำรฝึกชี่ที่แท้จริง
คือ เถียน-ตั้น-ชิว-อู๋ เจิน-ชี่-ฉง-จือ
เถียน แปลว่ำ เบำบำง
หมำยถึง กำรทำจิตใจสงบ
ตัดลดควำมคิดสับสนทั้งปวงให้เบำบำง
ลง
เพื่อให้ร่ำงกำยทุกส่วน
เกิดควำมหย่อน-คลำย
ที่ไม่ใช่แค่ผ่อนคลำย
มำจำกคำภำษำจีน
ว่ำ ฟ่ำนซง
ตั้น แปลว่ำ จืดจำง
หมำยถึง
กำรทำควำมคิดที่มีอยู่ให้จืดให้จำงลง
จนปรำศจำกควำมคิดใดๆ
ชิว แปลว่ำ กลวงว่ำง
หมำยถึง
เมื่อร่ำงกำยหย่อนคลำยอย่ำงเต็มที่
และปรำศจำกควำมคิดใดๆ
จะเข้ำสู่สภำพของกำยและจิตที่กลวงว่ำ
ง
อู๋ แปลว่ำ ควำมไร ้
หมำยถึง กำรเข้ำสู่ภำวะ “ควำมไร ้”
ซึ่งสิ่งใดๆ
แม้กระทั่งควำมกลวงว่ำงก็ไม่มี
(ควำมกลวง
หมำยถึง ยังมีรูปทรงภำยนอก
แต่ภำยในกลวงว่ำงไม่มีอะไร
ต่อเมื่อรูปทรงภำยนอกหมดไปเท่ำนั้น
จึงจะเกิดภำวะ “ควำมไร ้” ไม่มีรูป)
เจิน แปลว่ำ แท้จริง
เจิน-ชี่ หมำยถึง
พลังชี่แท้ในร่ำงกำยของเรำ
ฉง-จือ แปลว่ำ ปรำกฏออกมำเอง
สรุปรวมควำม
ได้ว่ำ กำรให้ทำร่ำงกำยให้หย่อนคลำย
ตัดลดข้อสงสัยต่ำงๆ
ที่สร้ำงควำมสับสนในจิตใจให้เบำบำงลง
และทำควำมคิดที่มีอยู่ให้จืดและจำงลง
จนร่ำงกำยและควำมคิดกลวงว่ำง
กระทั้งตัวตนที่กลวงว่ำงก็หำยหมดไปด้ว
ย
กลำยเป็นควำมไร้ซึ่งตัวตน
และเมื่อนั้น
ชี่แท้ในร่ำงกำยก็จะปรำกฏออกมำเอง
พลังชี่แท้
ที่ปรากฏออกมา
ให้เห็นเป็ นการเคลื่อนไหวร่างกาย
เป็ นผลจากการเลื่อนไหลของพลัง
ชี่
ไปตามเส้นชี่
หรือเส้นลมปราณทั่วร่างกาย
เมื่อไปถึงส่วนที่ติดขัดหรืออุดตัน
พลังชี่
ก็จะจัดกำรแก้ไข
ทำกำรขุดลอกทะลวง
จุดตีบตัน เหล่ำนั้น
เกิดเป็นอำกำรขยับเคลื่อน
แต่ละส่วนของร่ำงกำย
ในท่วงท่ำที่เป็นกำรยืด เหยียด
งอ เหวี่ยง หมุน บิด ดัด กด ทุบ บีบ
นวด
หรือลักษณะต่ำงๆ
ตำมแต่ภำวะสุขภำพของร่ำงกำย
ซึ่งทั้งหมด
เป็นกำรคลำยกล้ำมเนื ้อ
ปรับเส้นเอ็น และจัดกระดูก
ปรับสมดุลของพลังชี่ และพลังอิน-หยำง
ในร่ำงกำย
เพื่อแก้ปัญหำสุขภำพของผู้ฝึกแต่ละคน
ขณะที่ทาการฝึ ก
ผู้ฝึกจะมีสติรู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลำ
สำมำรถรับรู้กำรเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง
จำกพลังชี่ได้ทุกขณะ
รู ้ว่าร่างกายตัวเอง
กาลังเคลื่อนไหวไปอย่างไร
และสำมำรถรับรู้
ได้ถึงกำรบำบัดรักษำปัญหำสุขภำพขอ
งตัวเอง
อย่ำงได้ผลของพลังชี่ในตัวผู้ฝึก
ผู้ฝึกยังคงสำมำรถควบคุม
กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยของตัวเอง
ได้ทุกขณะ
จะหยุดกำรเคลื่อนไหว
เมื่อใดก็ได้ตำมที่ต้องกำร
เพรำะไม่ได้ถูกสะกดจิต
แต่เป็นกำรจงใจ
ปล่อยให้ร่ำงกำยเคลื่อนไหว
ไปตำมพลังชี่แท้ในร่ำงกำย
เปรียบร่างกาย
เป็ น ต้นหลิว
ที่ปล่อยให้กิ่งใบลู่ไปตามลม
โดยไม่ขัดขืน
ปล่อยให้พลังชี่ทำงำน
เพื่อบำบัดรักษำสุขภำพ
ตำมธรรมชำติของชี่
นั่นเอง
พลังชี่
ที่เลื่อนไหลไปตำมร่ำงกำย
จะไปแทนที่ ชี่เสีย ด้วย ชี่ดี
เป็นกำรบำรุงกระแสชี่ในร่ำงกำย
ให้แข็งแรงสมบูรณ์
ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดและน้ำเห
ลือง
มีประสิทธิภำพมำกขึ้น
ซึ่งเป็นกำรแก้ไขปัญหำสุขภำพ
ที่มูลเหตุพื้นฐำนที่สุด
คือที่ระดับเซลล์
และยังเป็นกำรรักษำในลักษณะองค์รวม
อีกด้วย
เพรำะมีกำรปรับสมดุลของทั้งระบบ
และทุกระบบในร่ำงกำยพร ้อมๆ
กันไปในเวลำเดียวกัน
หากเปรียบการฝึ กชี่
เหมือนเป็ นเสื้อผ้า
กำรฝึกชี่ทั่วๆ ไป
ที่มีกำรกำหนดท่ำมำตรฐำน
เป็นขั้นตอนแน่นอน
สำหรับทุกคน
ก็เหมือนเสื้อผ้ำสำเร็จรูป
ที่ทุกคนใส่ได้แบบ one size fit all
ส่วนกำรชี่กง บ่อเก๊ก
จะเหมือนมีดีไซเนอร ์ส่วนตัว
ที่คอยออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้ำ
ที่เหมำะสมเฉพำะ
สำหรับผู้ฝึกแต่ละคน
ดังนั้น
ท่วงท่าการเคลื่อนไหว
ของผู้ฝึ กแต่ละคน
จะไม่เหมือนกัน
และเป็ นลักษณะเฉพาะ
ที่เลื่อนไหลต่อเนื่องไปเอง
ตามภาวะสุขภาพ
และระดับพลังชี่ของผู้ฝึ กแต่ละคน
จึงย่อมแหมำะสม
เข้ำกับสภำพร่ำงกำย
และปัญหำสุขภำพของผู้ฝึก
ได้ดีกว่ำท่ำทำงที่ถูกกำหนดไว้แน่นอน
หรือเป็นมำตรฐำนเหมือนกัน
สำหรับผู้ฝึกทุกคน
บำงท่ำน
อำจจะเคยได้ยิน
หรือได้ฝึกวิชาชี่กง เบญจลีลา
หรือ ปัญจลีลำ
ที่ถึงแม้จะไม่ได้กำหนด
ท่ำทำงที่แน่นอนตำยตัว
แต่ก็ยังกำหนดขั้นตอนไว้เป็น 5 ลีลำ
ส่วนในชี่กง บ่อเก๊ก
ทุกท่วงท่ำที่เกิดขึ ้น
จะเป็นไปอย่ำงอิสระโดยแท้จริง
เป็นกำรขับเคลื่อนร่ำงกำย
ด้วยพลังชี่ภำยในของเรำเอง
ในทุกขณะตลอดกำรฝึก
ผู้ฝึกชี่วิธีกำรนี้
บำงคนที่ปกติมีปัญหำ
ในกำรขยับเคลื่อนไหวบำงส่วนของร่ำง
กำย
เมื่ออยู่ในสมำธิขณะฝึก
จะสำมำรถขยับร่ำงกำยส่วนที่มีปัญหำไ
ด้
หรือบำงคนวำดรูปไม่ได้
ก็สำมำรถวำดรูปได้สวยงำม
ในสมำธิขณะฝึก เป็นต้น
อย่ำงไรก็ตำม
พบว่ำ
มีคนเพียงรำว 5% เท่ำนั้น
ที่สำมำรถฝึกวิชำชี่กง บ่อเก๊ก
ถึงขั้นที่ร่ำงกำยสำมำรถเคลื่อนไหวเองไ
ด้
ปราชญ์จีนโบราณ
จึงได้คิดค้นศาสตร ์
อีกแขนงหนึ่ง
ที่ใช ้พลังของเสียงดนตรี
(พลังชี่ภำยนอก)
มำช่วยขับเคลื่อนพลังชี่ภำยในร่ำงกำย
ให้ไหลเลื่อนไปตำมเส้นชี่
และมีกำรขยับเคลื่อนร่ำงกำย
เหมือนกำรฝึกชี่ แบบ บ่อเก๊ก
โดยเน้นผลด้ำนสุขภำพเป็นสำคัญ
มีกำรศึกษำ
ควำมสัมพันธ์ของเสียงดนตรี
กับพลังธำตุพื้นฐำน 5 ธำตุ
(ดิน ทอง / โลหะ น้ำ ไม้ และ ไฟ)
ซึ่งมีผลต่อกำรทำงำน
ของระบบอวัยวะหลักต่ำงๆ
ของร่ำงกำย
และพบว่ำ
พลังของเสียงดนตรี
ทั้ง 5 ลักษณะเสียง
(กง ซัง อวี๋ เจี่ยว และ เจิง)
มีควำมสัมพันธ์เชื่อมโยง
กับพลังธำตุทั้ง 5
รวมทั้งพลังอินและหยำง
ภำยในร่ำงกำยด้วย
ดนตรีของจีน
เป็ นระบบบันไดเสียง 5 ขั้น
หรือมี 5 เสียง
คือ กง ซัง อวี๋ เจี่ยว และเจิง
ในขณะที่
ดนตรีตะวันตก
เป็ นระบบบันไดเสียง 7 ขั้น
คือ โด เร มี ฟำ ซอล ลำ และ ที
แต่ในวิชำดนตรี 5 เสียงของกำรฝึกชี่
แต่ละเสียง
ยังมีลักษณะเฉพำะที่เชื่อมโยง
ได้กับลักษณะของแต่ละธำตุอีกด้วย
ซึ่งจะอธิบำย
ลงละเอียดเรื่องนี้มำกขึ้น
ในเรื่องกำรปรับสมดุลพลัง 5 ธำตุ
การแพทย์พื้นฐานของจีนโบราณ
มีการใช้เสียงดนตรีเป็ นยา
เพื่อบาบัดรักษาสุขภาพ
ก่อนที่จะรู้จัก
กำรใช้ยำสมุนไพรเพื่อกำรรักษำ
มีหลักฐำนทำงโบรำณคดี
พบเครื่องดนตรีที่เก่ำแก่ที่สุดในโลก
ในประเทศจีน
มีอำยุรำว 100,000 ปี
และนับตั้งแต่
ประเทศจีน
มีตัวอักษรบันทึกเรื่องราว
ได้มีกำรบรรยำย
ถึงทฤษฎีและวิธีกำรฝึกชี่อย่ำงละเอียด
มีกำรบันทึกเรื่องของชี่กง
ในเอกสำรโบรำณ
อันเป็นหนังสือประวัติศำสตร ์
ยุคแรกสุดของจีน
ที่ชื่อว่ำ ช่ำงชูว
(4,000 ปีก่อน)
และหนังสือบันทึกประวัติศำสตร ์จีน
“เสี่ยจี้”
มีกำรระบุกำรเต้นรำ
กระโดด
เพื่อบรรเทำอำกำรปวดข้อ
และรักษำสุขภำพยำมอำกำศชื ้
น
อักษรภำษำจีน
คำว่ำ ดนตรี (音樂 Yīnyuè)
จะประกอบด้วยคำ 3 คำ
คือ
1.คำว่ำ สีขำว (白色的) ซึ่งหมำยถึง
โลหะ
2.คำว่ำ ไม้ (木 Mù) และ
3. คำว่ำ เส้นไหม (絲綢 Sīchóu)
樂
= 白 + 木 + 絲
ซึ่งก็คือ อุปกรณ์พื้นฐำน
ของเครื่องดนตรีจีนโบรำณ
และอักษรภำษำจีน
คำว่ำ ยำรักษำโรค (藥品 Yàopǐn)
藥 อ่ำนว่ำ เอี้ยว
จะประกอบด้วยคำสองคำ
คือ 1.คำว่ำ ดนตรี
(音樂 Yīnyuè)
และ
2.คำว่ำ หญ้ำ
(草Cǎo)
ซึ่งหมำยถึง สมุนไพร
เมื่อรวมคำทั้งสองเข้ำด้วยกัน
จึงสำมำรถแปลควำม
ได้ว่ำ พลังเสียงดนตรีที่ดี
เป็นพลังส่วนสำคัญ
ในกำรขับเคลื่อนตัวยำ
ไปรักษำซ่อมแซมสุขภำพให้แข็งแรงขึ้น
ได้
อาจารย์ชี่กง สมัยโบราณ
จึงได้นาวิชาดนตรี 5 เสียง
มาเสริมการฝึ กชี่แบบเคลื่อนไหว
โดยประสำนรวมพลัง
ของเสียงจำกดนตรี 5 เสียง
(ชี่ภำยนอก)
มำช่วยขับเคลื่อนพลังชี่ภำยใน
ทำให้ร่ำงกำย
สำมำรถขยับเคลื่อนไหวได้เองอย่ำงอิสร
ะ
เช่นเดียวกับการฝึ กชี่ แบบ บ่อเก๊ก
โดยไม่ต้องอำศัย
ภำวะจิตที่เป็นสมำธิลึกซึ้ง
และมุ่งผลด้ำนสุขภำพเป็นสำคัญ
พลังของดนตรี 5 เสียง
จะขับเคลื่อนกระแสชี่ในร่ำงกำย
ให้ไหลเวียนไปทั่วร่ำงอย่ำงคล่องตัว
และทำงำนประสำนกับพลัง 5 ธำตุ
ในกำรปรับสมดุลพลังธำตุทั้ง 5
และสมดุลพลังอิน-หยำง
ของระบบต่ำงๆ ในร่ำงกำย
เปรียบได้กับ
เป็นกำรฝังเข็ม
ครำวละหมื่นๆ เล่ม
ด้วยพลังชี่จำกเสียงดนตรี
ทาให้เป็ นการฟื้นฟู เสริมสร้าง
และดูแลสุขภาพ
โดยไม่ต้องฝังเข็มจริงๆ
และไม่ต้องใช้ยา
ที่อาจมีผลข้างเคียง
จึงปลอดภัยกับสุขภำพร่ำงกำย
และมีประสิทธิภำพในกำรบำบัดดีที่สุด
ควำมรู้วิชำชี่กงกับดนตรี
หรือ ดนตรีปรับพลังชีวิต
ได้สูญหำยขำดช่วงไป
เมื่อมีกำรเผำทำลำย
ตำรำวิชำกำรของจีน
ในสมัยของจักรพรรดิจิ๋นซี
เมื่อรำว 2,000 ปีก่อน
แต่คงมีคนแอบเก็บ
ตาราโบราณไว้
หรือมีกำรแอบถ่ำยทอดวิชำ
จำกรุ่นสู่รุ่น
ต่อกันมำจนถึงสมัยรำชวงศ์ถัง
ซึ่งมีกำรฟื้นฟูศิลปะวิทยำกำรของจีน
อย่ำงกว้ำงขวำง
ดนตรี 5 เสียง
เพื่อกำรขับเคลื่อนพลังชี่
จึงได้รับกำรฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกครั้ง
แต่มีกำรสงวนใช้
อยู่เฉพำะภำยในรำชสำนัก
สำหรับเชื้อพระวงศ์เท่ำนั้น
มำจนถึงยุคปฏิวัติวัฒนธรรม
ซึ่งเป็นจุดจบของรำชสำนักและรำชวงศ์
จีน
ระบอบคอมมิวนิสต์
มีการห้ามใช้วิชาโบราณต่างๆ
เพรำะถือเป็นปฏิปักษ์
กับกำรพัฒนำชำติให้ก้ำวหน้ำ
เมื่อประเทศจีน
เปลี่ยนมำดำเนินนโยบำย
ปฏิรูปเปิดประเทศ
เมื่อไม่กี่ทศวรรษ
ที่ผ่ำนมำนี้เท่ำนั้น
ที่วิชำชี่กง แขนงนี้
ได้รับกำรฟื้นฟู
กลับเผยแพร่มำอีกครั้ง
ปัจจุบัน
ถึงแม้จะมีกำรสอนวิชำดนตรี
เพื่อขับเคลื่อนพลังชี่นี้
ให้คนทั่วไปในประเทศจีนแล้วก็ตำม
แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักกว้ำงขวำงนัก
มีมหำวิทยำลัยกำรแพทย์ของจีน
เพียงไม่กี่แห่งที่ทำกำรศึกษำรวบรวม
และเรียบเรียงเพลง
ตามหลักดนตรี 5 เสียง
เพื่อการขับเคลื่อนพลังชี่แต่โบรา
ณ
อำทิ วิทยำลัยกำรแพทย์ในเทียนจิน
เซี่ยงไฮ้
และปักกิ่ง เป็นต้น
ดนตรีที่ทาขึ้น
เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนพลังชี่
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จะเน้นกำรปรับสมดุลของพลังธำตุทั้ง 5
ที่สัมพันธ์กับอวัยวะภำยในที่สำคัญ
และสมดุลพลังอิน-หยำงในร่ำงกำย
รวมทั้งปรับสมดุลของอำรมณ์หรือจิตใจ
ซึ่งเป็นสำเหตุของปัญหำสุขภำพเช่นกัน
ถึงแม้หลักของกำรฝึกชี่
จะถือว่ำ จิตคุมกำย
แต่เนื่องจำกปฏิสัมพันธ์
ระหว่ำงร่ำงกำย (ธำตุ) และจิตใจ
(อำรมณ์)
เป็นควำมสัมพันธ์2 ทำง
คือ ปัญหำสุขภำพ
สำมำรถเริ่มจำกร่ำงกำยและส่งผลถึงจิต
ใจ
หรือในทำงกลับกัน
อำจเริ่มจำกจิตใจและส่งผลถึงร่ำงกำยก็
ได้
ทั้งนี้
เพรำะพลังชี่ของร่ำงกำยและจิตใจ
มีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงใกล้ชิด
จนแยกกันไม่ออก
ยิ่งในสภำพวิถีกำรดำเนินชีวิต
ของคนยุคปัจจุบันด้วยแล้ว
ยิ่งยำกที่จะแยกได้อย่ำงชัดเจนว่
ำร่ำงกำยหรือจิตใจกันแน่
ที่เป็นต้นเหตุของปัญหำบั่นทอนสุขภำ
พของเรำ
ดังนั้นไม่ว่ำจะเริ่มแก้ไข
หรือเสริมสร ้ำงพลังชี่ให้กับส่วนใด
ก็จะส่งผลถึงอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
ในประเทศไทย
คุณเจียม สุจริตวิศำล
ผู้ซึ่งได้ศึกษำวิชำแพทย์แผนจีนจำกประ
เทศจีน
ได้นำวิชำชี่กงดนตรี
หรือดนตรีปรับพลังชีวิต
เข้ำมำเผยแพร่ในประเทศไทย
เป็นท่ำนแรก
ท่ำนได้ไปพบกับอำจำรย์
ผู้ถ่ำยทอดวิชำนี้ให้ท่ำนโดยบังเอิญ
ขณะที่ศึกษำวิชำกำรแพทย์แผนจีน
อยู่ ณ ประเทศจีน
ด้วยที่กำลังศึกษำวิชำแพทย์อยู่
และได้มำพบกับวิชำ
ที่สำมำรถรักษำสุขภำพได้
โดยไม่ต้องฝังเข็มและไม่ต้องใช ้ยำ
ท่ำนจึงสนใจเป็นอย่ำงยิ่ง
และหลังจำกที่ได้รับกำรถ่ำยทอดวิชำ
ท่ำนก็ได้ฝึกปฏิบัติอย่ำงสม่ำเสมอมำตล
อด
และด้วยเพรำะที่มีพื้นฐำนควำมรู้
ด้ำนกำรแพทย์จีน
ท่ำนจึงสำมำรถเข้ำใจถึงกำรบำบัด
และผลต่อสุขภำพของพลังชี่
ที่เกิดขึ้นขณะที่ทำกำรฝึกชี่ได้อย่ำงชัดเ
จน
และสำมำรถรับรู้
ได้ถึงพลังของเสียงดนตรี
จำกเพลงที่นำมำใช ้ฝึกได้อย่ำงลึกซึ้ง
จึงวิเครำะห์ได้ว่ำ
ท่ำทำงที่เกิดขึ้น
เป็นผลจำกกำรที่พลังชี่
กำลังบำบัดรักษำอวัยวะส่วนใด
หรือกำลังขุดลอกเส้นชี่
หรือเส้นลมปรำณเส้นใด
ซึ่งมีผลเกี่ยวข้องกับอวัยวะส่วนใด
หรืออำกำรป่วยลักษณะไหน เป็นต้น
ผู้ใดสนใจฝึกวิชำดนตรีปรับพลังชีวิต
สำมำรถติดต่อสอบถำมข้อมูล
และกำหนดกำรอบรม
ได้ที่: ชุมชนสุขภำพนวชีวัน
มูลนิธินวชีวัน
www.NawaChiOne.org
หรือ Email: info@NawaChiOne.org,
Facebook: ชุมชนสุขภำพนวชีวัน และ
มูลนิธินวชีวัน
แพทย์จีนสมัยจิ๋นซีฮ่องเ
ต้
https://www.doctor.or.th/article/detail/4685
ปลำยสมัยจ้ำนกัวะ (พ.ศ.68-332)
ผลจำกสงครำมอันยำวนำน
ระหว่ำง 7แคว้น
ในที่สุด
ไม่มีแคว้นใดที่สำมำรถต้ำนทำนแสนยำ
นุภำพของแคว้นฉินได้
จึงถูกฉินปรำบจนรำบคำบ
และ พ.ศ.332 (ก่อนคริสต์ศักรำช 221
ปี)
ไหลเจิน
ได้สถำปนำตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์
และทำกำรรวบรวมจีนให้เป็นปึกแผ่น
กษัตริย์พระองค์นี้
คือ ฉินสื่อหวง (จิ๋นซีฮ่องเต้)
จักรพรรดิ
ผู้สร ้ำงกำแพงเมืองจีน
ที่ยิ่งใหญ่นั่นเอง
หลังกษัตริย์ฉินสื่อหวง
ขึ้นครองรำชย์
พระองค์
ได้ปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่
คือ เปลี่ยนระบบมำตรำชั่ง ตวง วัด
เงินตรำ กฎหมำย
ตัวอักษรจีน กำรแต่งกำย
และปฏิทินให้เป็นระบบเดียวกันทั่วประเท
ศ
และเพื่อที่จะทาลาย
ความคิดและความเชื่อ
ของปราชญ์รุ่นเก่า
เช่น ขงจื่อ (ขงจื้อ)
ให้สิ้นซำกไปจำกแผ่นดิน
พระองค์
จึงมีพระรำชโองกำร
ให้เผำตำรำ
และฆ่ำสำนุศิษย์ที่สืบทอดควำมคิดของ
ขงจื้อ
แต่ก็นับว่ำโชคดี
ที่หนังสือทำงด้ำนการแพทย์
ดาราศาสตร ์และการเกษตร
ไม่ได้ถูกเผาไปด้วย
จึงทำให้หนังสือ
ที่สำคัญทำงกำรแพทย์
สำมำรถตกทอด
มำจนถึงทุกวันนี้
ในสมัยฉิน
มีแพทย์รักษำโรค
และปรุงยำอำยุวัฒนะ
พวกหนึ่ง
เรียกว่ำ ฟำงซื่อ
(เชื่อว่ำ แพทย์พวกนี้
เป็นผู้ที่รู้จักตำรับยำ
ที่สะสมมำตั้งแต่โบรำณ
รวมทั้ง
ตำรับยำลับ
ซึ่งถ่ำยทอดกัน
เฉพำะลูกหลำนในครอบครัวเท่ำนั้น
หรืออำจเพรำะแพทย์เหล่ำนั้น
รู้ตำรับยำมำกมำยสะสมไว้
จึงเป็นเหตุให้ประชำชน
เรียกพวกเขำ ว่ำ ฟำงซื่อ)
ครั้งหนึ่ง
ขณะที่กษัตริย์ฉิน
ออกตรวจรำชกำรแผ่นดิน
ฟำงซื่อ
จำนวนหนึ่ง
ซึ่งตำมเสด็จฯ ได้กรำบทูลกษัตริย์ฉิน
ถึงเรื่องรำวของยำอำยุวัฒนะ
กษัตริย์ฉิน
เกิดควำมเชื่อและอยำกได้มำเสวย
จึงมีพระรำชโองกำร
ให้หำนจง
นำผู้คนจำนวนหนึ่ง
ออกไปสืบเสำะแสวงหำยำอำยุวัฒนะ
แต่หำนจง
และผู้ติดตำมทั้งหมด
ได้หำยสำบสูญไป
ไม่ได้ข่ำวครำว
https://www.facebook.com/groups/288237788323632/posts/1191662551314480/
กษัตริย์ฉิน
จึงมีพระรำชโองกำร
ให้ สวี่ซื่อ
สร ้ำงเรือ
และเกณฑ์เยำวชนชำยหญิง
รวม 1,000 คน (ชำย 500 หญิง 500)
เพื่อไปสืบเสำะแสวงหำยำอำยุวัฒนะ
ในกำรนี้
ทรงใช้เงินไปเป็นจำนวนมหำศำล
แต่ทั้งหมดก็หำยไปเช่นกัน
เนื่องจำก กษัตริย์ฉิน
ได้ทรงใช้อำนำจและกำลัง
โค่นแคว้นอื่นๆ
ทำให้พระองค์
เกิดควำมวิตก
ว่ำ หัวเมืองทั้ง 6 จะแข็งข้อคิดกบฏ
จึงมีพระรำชโองกำร
ให้เก็บศำสตรำวุธต่ำงๆ
มำไว้ที่เมืองหำนหยำง
แล้วทำลำยอำวุธเหล่ำนั้นเสีย
เพื่อให้เกิดความสะดวก
และรวดเร็ว
ในการควบคุมหัวเมืองต่างๆ
กษัตริย์ฉิน
จึงมีพระรำชโองกำร
ให้ตัดถนนใหญ่
จำก ฉิน
ไปสู่หัวเมืองต่ำงๆ
และยังมีกำรขุดคลอง หลินชวี
(ปัจจุบัน คือ คลองหุดสิ้นอำน)
เป็นคลองขุด
เชื่อมแม่น้ำจูเจียง และแม่น้ำฉำงเจียง
ประวัติศำสตร ์จีน...นั้น
ตั้งแต่...กลำงสมัย...จ้ำนกัวะ
เป็นต้นมำ
ชนชำติเซวียงหนู
ซึ่งเร่ร่อนอยู่แถบมองโกเลีย
มักยกทัพ
ลงมารุกรานจีนอยู่เสมอ
เพื่อเป็นกำรป้องกัน
กำรรุกรำนของชนชำติเซวียงหนู
กษัตริย์ฉิน
จึงมีพระรำชโองกำร
ให้สร ้ำงกำแพงเมืองจีนขึ้น
โดยเชื่อม กำแพงเมืองเดิม
ซึ่งมีอยู่แล้ว
ทำงทิศเหนือ ของ เอี้ยนจ้ำว
และฉินเข้ำด้วยกัน
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx
ชีวา ณ 3.docx

More Related Content

More from SunnyStrong

คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxSunnyStrong
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docxSunnyStrong
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxSunnyStrong
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docxSunnyStrong
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxSunnyStrong
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxSunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 42.pptx
พื้นฐานชีวิต 42.pptxพื้นฐานชีวิต 42.pptx
พื้นฐานชีวิต 42.pptxSunnyStrong
 

More from SunnyStrong (20)

คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docx
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docx
 
Austria.docx
Austria.docxAustria.docx
Austria.docx
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docx
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docx
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docx
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docx
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
 
พื้นฐานชีวิต 42.pptx
พื้นฐานชีวิต 42.pptxพื้นฐานชีวิต 42.pptx
พื้นฐานชีวิต 42.pptx
 

ชีวา ณ 3.docx