2. จัดทาโดย
นางสาว ธัญญดา ปัดธุลี ม.6/1 เลขที่ 9
นางสาว สลุตา หินขาว ม.6/1 เลขที่ 13
เสนอ
อาจารย์ ศิริรัตน์ นาไทย

3. เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบบาทสาคัญต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ในสมัยปัจจุบัน โดยเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทั้งใน ระดับ มหภาค และจุลภาค โดยระบบสังคมใหม่เป็น สังคมที่ข้อมูลข่าวสารสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ บุคคลสามารถเข้าถึงและ นาข้อมูล มาใช้ ประโยชน์ อย่างเต็มที่ ก่อให้เกิดพัฒนาการที่รวดเร็วทางเศรษฐกิจสังคม การเมือง และเทคโนโลยี นอกจากการเปลี่ยนแปลง ในระดับมหภาคแล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์การ ซึ่งช่วยสร้างความ สามารถใน การแข่งขันและ ศักยภาพในการ เติบโตแก่ธุรกิจ

4. 1.2 การประมวณผลข้อมลูสารสนเทศ
ในองค์กรธุรกิจต่างๆมรการลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อช่วยในการบริหาร ข้อมูลต่างๆให้มีประสิทธิภาพโดยระบบสารสนเทศจะเริ่มจากการเก็บรวบรวม ข้อมูลแล้วป้อนเข้าสู่เครื่องคอมติวเตอร์ จากนั้นจึงผ่านกระบวนการประมวลผล (Processing) แล้วผลิตสารสนเทศให้ผู้จักการได้ นาไปใช้ในการตัดสินใจทากิจกรรมทางธุรกิจด้านใดด้านหนึ่ง

5. 1.1 ความหมายของระบบสารสนเทศทางธุรกิจ
ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ (busines information syatems) หมายถึง ระบบสารสนเทสที่พัฒนาขึ้นเพื่อ สนับสนุนให้การดาเนินงานด้านธุรกิจเป็นระบบโดยใช่เทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้ระบบที่พัฒนาขึ้นจะถูกออกแบบให้ ปฏิบัติงานตามหน้าที่ทางธุรกิจขององคืกร

6. การประมวลผผลเป็นสารสนเทสามารถทาได้หลายวิธี เช่น วิธีการเก็บข้อมุล (Capture) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis) และการเรียนรู้ข้อมูลที่เก็บขึ้นมาใช้ (Retrieval) โดยรูปแบบ ของสารสนเทศอาจจะอยู่ในรูปของรายงาน (Report) แฟ้มข้อมูลใหม่ (New file) และกราฟแสดงผล (Graphical displays)

7. ในปัจจุบันมีการนาระบบสารสนเทศทางุรกิจมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้าน ธุรกิจอย่าง แพร่หลาย เราสามารถจาแนกระบบสารสนเทศทางธุรกิจตามหน้าที่ทางธุรกิจได้ดั้งนี้ 1. ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (Accounting Information System) 2. ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Financial Information System) 3. ระบบสารสนเทศด้านการตลาด (Marketing Information System) 4. ระบบสารสนเทศด้านการผลิตและการดาเนินการ (Production and Operations Information System) 5. ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล (Human Resource Information System)

8. 2.1 ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (Accounting Information System)
คือ ระบบที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแปลงหรือประมวลผลข้อมูลทางการเงิน ( Financial data ) ให้เป็นสารสนเทศที่มีประโยชน์ในการ ตัดสินใจต่อผู้ใช้ เช่น งบกาไรขาดทุน งบกระแสเงินสด เป็นต้น

9. 2.2 ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Financial Information System)
ระบบสารสนเทศการเงิน คือ ระบบที่ทาหน้าที่วิเคราะห์ การคาดการณ์การกาหนดทางเลือก
และการวางแผนทางด้าการเงินของธุรกิจ เพื่อจัดการเงินสดหมุนเวียนให้อยู่ในสภาพคล่องและ
เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

10. 2.3 ระบบสารสนเทศด้านการตลาด (marketing information system)
ระบบสารสนเทศด้านการตลาด คือ ระบบที่ช่วยในการทางานของหน่วยงานด้าน การตลาดที่หน้าที่
กระจายสินค้าและบริการไปสู่ลูกค้าตั้งแต่การศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า
การวางแผนและการสร้างความต้องการ รวมถึงส่งเสริมการขายจนสินค้าหรือบริการถึงมือลูกค้า
โดยระบบสารสนเทศด้านการตลาดมีหลายประเภท วึ่งระบบที่สาคัญและเป็นที่นิยม ได้แก่
1.ระบบสารสนเทศสาหรับการขาย
ทาหน้าที่สนับสนุนการขาย วิเคราะห์การขายของพนักงานขาย และวิเคราะห์รูปแบบการซื้อ
ของลูกค้า
2. ระบบสารสนเทศสาหรับการวิจัยตลาด
ทาหน้าที่วิจัยสภาวะและแนวดน้มทางเศรษฐกิจ ยอดขายในอดีตของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาด รวมถึงสภาวะการแข่งขันของสินค้า

11. 3. ระบบสารสนเทศสาหรับการส่งเสริมการขาย เป็นระบบที่ให้ความสาคัญกับแผนงาน ทางด้าน โฆษณา และส่งเสริมการขาย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ ส่งเสริม การขาย เพิ่มยอดขายสินค้าและเพิ่มส่วนแบ่ง ตลาดให้สูงขึ้น 4. ระบบสารสนเทศสาหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เป็นระบบสารสนเทศที่วิเคราะห์ถึงความ เป็นไปได้ของ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ลักษณะและ ความ ต้องการของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นที่ต้องการของ ลูกค้าแต่ยัง ไม่มีตลาด 5. ระบบสารสนเทศสาหรับพยากรณ์การขาย เป็นระบบที่ใช้ในการวางแผนการขาย แผนการทากาไรจาก สินค้า หรือบริการ ในช่วงเวลา ใดเวลา หนึ่ง ของบริษัท ซึ่งจะส่งผลไปถึงการวางแผนการผลิต การ วาง กาลังคน และงบ ประมาณที่จะใช้เกี่ยวกับการขาย

12. 2.4 ระบบสารสนเทศด้านการผลิตและการดำเนินงาน (production and operations information system)
ระบบสารสนเทศด้านการผลิตและการดาเนินงาน คือ ระบบที่ทาหน้าที่วางแผนทรัพยากรการผลิต ได้แก่ วัตถุดิบ แรงงาน และพลังงาน เพื่อผลิตเป็นสินค้าที่มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการ
ของลูกค้า โดยไม่ให้มีจานวนมากหรือน้อยจนเกินไป ตลอดจนควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์
รวมถึงต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม

13. 2.5 ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล (Human Resource Information System)
ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล (Human Resource Information System)
หรือ HRIS หรือระบบสานสนเทศสาหรับบริหารงานบุคคล (personnel information system) หรือ PIS เป็นระบบสารสนเทศที่ถูกพัฒนาให้สนับสนุน การดาเนินงานด้านทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่การวางแผน การจ้างงาน การพัฒนาและการฝึกอบรม ค่าจ้างเงินเดือน การดาเนินการทางวินัย ช่วยให้การบริหารทรัพยากรบุคคลเกิดประสิทธิภาพ

14. ในการพัฒนาโครงสร้างระบบสารสนเทศทางธุรกิจนั้น ควรมีการดาเนินการตามลาดับขั้นตอนของ
ของการทาโครงงาน เพื่อให้การพัฒนาโครงงานมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้
3.1 คัดเลือกหัวข้อที่สนใจ
3.2ศึกษาค้นคว้าข้อมูล
3.3 จัดทำข้อเสนอโครงงาน
1. ชื่อโครงงาน 8.ขั้นตอนการดาเนินโครงงาน
2. ประเภทโครงงาน 9. แผนการดาเนินโครงงาน
3. ชื่อผู้จัดทา 10.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
4. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 11. งบประมาณ
5. ความเป็นมาและความสาคัญของโครงงาน 12. ทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง
6. วัตถุประสงค์ของโครงงาน 13. สถาบันหรือหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน
7. ขอบเขตของโครงงาน

15. 3.4 พัฒนาโครงงาน ขั้นนตอนการลงมือพัมนาระบบงานคอมพิวเตอร์โดยใช้วงจรการพัฒนาระบบ ซึ้งระหว่าง การลง มือพัฒนาโครงงานนั้น ต้องมีการบันทึกผล คือ สิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงาน 3.5 การจัดทำรายงาน ผู้จัดทาต้องทารายงานไปพร้อมๆกันโดยรายงานจะประกอบด้วย รายละเอียดของการพัฒนา และคู่มือการ ใช้งาน ทั้งนี้เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับทราบแนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุป และข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน 3.6 การนำเสนอและเผยแพร่ 1. การจัดนิทรรศการ 2. การรายงานปากเปล่า

17. 4.2 โปรแกรมประยุกต์บนเว็บ

18. ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอรืควรพิจารณาให้มีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมน้อย
ที่สุดซึ่งการใช้เทคโนโลยีอาจเป็นเทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นเอง หรือเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว โดยจะ
เน้นไปที่คุณธรรมและจริยธรรมของการใช้เทคดนโลยี การเลือกใช้เทคโนโลยีจึงต้องคานึงถึการ
ตอบสนองความต้องการ ความปลอดภัย ความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และประเมินอย่างมีวิจารญาณโดยใช้เกณฑ์ทางสังคมมาประกอบด้วย เช่น ไม่เกิดมลภาวต่อ
สิ่งแวดล้อมหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์

19. 5.1 การสารวจและวิเคราะห์ข้อมูล่อนการตัดสินใจเลือก โครงงาน
1.การสารวจและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง
2.การสารวจวิเคราห์ข้อมูลเกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
3.การสารวจวิเคราห์ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน

20. 5.2 การประเมินผลกระทบโครงงาน
1) ด้านเศรษฐกิจ
หมายถึง ผลงานของโครงงานกระทบกับการซื้อขาย การจับจ่ายใช้สอยแล้วรายได้ของคนในสมัย
2) ด้านสังคมแลวัฒนธรรม
หมายถึง ผลงานของโครงงานกระทบกับวิถีการดาเนินชีวิต ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี
ของคนในสังคม ซึ้งนักเรียนควรพิจารณาในประเด็น
3) ด้านสิ่งแวดล้อม
หมายถึง ผลงานของโครงงานต้องไม่ส่งผลกระทบกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การไม่ทาลาย
ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้วัสดุอื่นแทนทรัพยากรธรรมชาติการใช้พลังงานสะอาด ช่วยลดภาวะโล
ร้อนไม่ปล่อยควันพิษ รวมทั้งสารเคมีทั้งหลายที่จะก่อให้เกิดมลพิษต่างๆ

21. คาถาม

22. ก.1
ข.2
ค.3
ง.4
เฉลย ข. 2

23. ก.PIS
ข.HALS
ค.HRIS
ง.PRiS
เฉลย ค. HRIS (Human Resource Information System)