คุฏบะฮฺ อีดิลฟิฏริ ฮ.ศ. 14361. คุฏบะฮฺ อีดิลฟิฏริ ฮ.ศ. 1436
โดย... ฝ่ายวิชาการและการศึกษา
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ความเข้มแข็งของมุสลิมจะนาความร่มเย็นสู่สังคม
ُهاللرَبَْكأ(9)ُهاللُهرَبَْكأَُُُكاًرْيِب.ُِللهدْمَلحْاَوًُرْيِثَكا.َُناَحْبهسَوُِاللًُةَرْكهبًُلْيَِصأَو.َُناَحْبهسُِالل
ُِللهدْمَلحْاَوَُلوِإَالَوُاالإُهالل.ُهاللَوُِللَوهرَبْكَأُهدْمَْحلا.ُِللهدْمَْحلَاُْيِّلَجَتهْملاُِوِتَمْحَرِبىَلَعُْهِادَبِع،ُِبْيِرَقْلَاُْنِم
ُِلَْىأُِوِبتَحَمُِهِادَدِوَو،ُِامَقْلَاُِعُْنَمَُامَىُْيِفُِانَدْيَمُِهِّوهتهعُْهِادَنِعَو،ُِدْيِعهْملَاُِرْوهرُّالسىَلَعُِلَْىأُِانَمْيِالْا
ُِمَلْسِالْاَو،ُهدَهْشَأَوَُْنأَُوَلِإَالُاالِإُهاللُهرِفْغَيَُبْوهنُّالذىَطْعهيَوُالهكُلِائَسَُْلأَاسَم،ُهدَهْشَأَوُانَأاَنَدِّيَس
ًُدامَحهماُهلْوهسَرُِاللَُبِغَريِفُِةَاعاطالَُراذَحَوَُنِمُْلَسَكْلا.ُامههاللَاُِّلَصُْمِّلَسَوَُلىَعاَنِدِّيَسُدامَحهمُِبِّيَط
ُِبْوهلهقْلاُْلَلِْعلاَو،َُلىَعَوُِوِآلُِوِباَحَْصأَوَُنْيِصِلْخهْملاُِلليِفُِامَيِّالصُِامَيِْقلاَو،اامَأُهدْعَب:يَفَُاُِاللَادَبِع
ُْمهكْيِصْهوأُْيِسْفَنَوًُالاَوأىَوْقَتِبُِاللُْوِتَاعَطَو،ُْدَقَوَُالَقُهاللَُالىَعَتُْيِفُِوِباَتِك{ُُّلهكُْنَماَهْيَلَعُانَفىَقْبَيَو
ُهوْجَوَُكِّبَرواهذُِلَلَالجُِامَرْكِالْاَو}
ُهاللُهرَبْكَاُهاللُهرَبْكَاُهاللُهرَبْكَاُِللَوُهدْمَلحْا.
ความสงบร่มเย็น เป็นสิ่งที่ผู้คนในทุกสังคมปรารถนา แต่กระนั้นก็ใช่ว่าทุกสังคมจะบรรลุสู่ความร่มเย็น
ได้ สถานการณ์ของสังคมโลกทุกวันนี้ บ่งชี้ว่าความร่มเย็นกาลังหดหายไปจากผู้คน แต่ความทุกข์ยากเดือดร้อน
จากสงครามและการเข่นฆ่า การเอาเปรียบแย่งชิง ความร่อยหรอของทรัพยากร และความวิปริตแปรปรวนของ
ดินฟ้าอากาศ กลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นสิ่งบ่งชี้ว่ามีความผิดพลาดใหญ่หลวงบางอย่าง ในการดารงชีวิตของผู้คน
จึงทาให้ไม่สามารถสร้างความสงบร่มเย็นได้ แม้ใครต่อใครจะปรารถนาก็ตาม
ถามว่า ความผิดพลาดดังกล่าว คืออะไร?
ตอบได้ว่า เพราะมนุษย์มิได้เดินไปบนเส้นทางที่นาสู่ความร่มเย็น แต่กลับเลือกที่จะก้าวไปบนเส้นทางที่
นาสู่ความรุ่มร้อนแทน มนุษย์คิดว่าตนเองมีความสามารถที่จะบรรลุสู่ความปรารถนาของตนได้ โดยมิพักต้อง
พึ่งพิงอัลลอฮฺพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาปฏิเสธพระองค์ และกาหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นเองโดยขัดแย้งสวนทางกับ
คาสอนของพระองค์ (ฎอฮา : 124)
مىْعَأُِةَيامِْقلُاَمْوَُيهههرهشْحَنَاُوًكْنَُضًةَشيِعَُمهوَلُانِإَفُيِرْكُِذْنَُعَضَرْعَأُْنَمَوُ
“ผู้ใดหันห่างจากการระลึกถึงข้า เขาจะใช้ชีวิตในวังวนอันคับแคบ และข้าจะฟื้นชีพเขาอีกครั้งใน
วันแห่งการพิพากษาในสภาพคนตาบอด”
น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ มุสลิมจานวนมากเช่นกันที่อ้างว่านับถืออัลลอฮฺ แต่กลับเดินตามแนวทางของผู้
ปฏิเสธอัลลอฮฺ ที่เป็นผู้ปกครองก็มิได้ปกครองตามบัญญัติแห่งอัลลอฮฺ ที่เป็นประชาชนก็ดิ้นรนขวนขวาย
แสวงหาลาภยศจนลืมอาคิรอฮฺ นามาซึ่งภาวะความอ่อนแอ ความแตกแยก การทาลายล้าง และความ
ระส่าระสาย ไม่ต่างกับผู้ปฏิเสธ เช่นกัน
(อัลบะกอรอฮฺ : 145)
ُْلُاَنُِم َكَاءَاُجَُمِدْعَنُبِّمُمهىَاءَوَْىأَُتْعَباُاتِنِئَلَوَُينِمِالاظُالَنِمالُاًذِإُ َكانِإُُِْملِع
2. 2
“แน่แท้ แม้นหากเจ้าคล้อยตามอารมณ์ของพวกเขา หลังจากที่เจ้าได้รับความรู้ต่าง ๆ (จากองค์
พระผู้เป็นเจ้า) แล้ว เจ้าก็ย่อมเป็นหนึ่งในผู้อธรรมทั้งหลาย”
ความอ่อนแอของสังคมมุสลิม เป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้โลกระส่าระสาย เพราะแท้จริงมุสลิมคือผู้ต้องทา
หน้าที่สร้างความสงบร่มเย็นในสังคม ผ่านการใช้ทางนาจากอัลลอฮฺในทุก ๆ มิติ ครั้นเมื่อมุสลิมหันหลังให้ทาง
นา หรือนามาใช้เพียงบางส่วนเสี้ยวของชีวิต ก็ย่อมประสบปัญหาไม่ต่างจากสังคมของผู้ปฏิเสธ อ่อนแอ
เช่นเดียวกับผู้ปฏิเสธหรืออ่อนแอมากกว่านั้น ในที่สุดก็ไม่มีใครทาหน้าที่ช่วยเหลือสังคมมนุษย์ให้รอดพ้นจาก
บ่วงแห่งวิกฤติได้ แต่กลายเป็นสังคมที่ต้องรอรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
จึงมีความจาเป็นที่เราในฐานะมุสลิม จะต้องก้าวออกจากบ่วงแห่งฟิตนะฮฺให้ได้ เพื่อทาหน้าที่เป็น
แบบอย่างอันดีแก่มนุษย์ชาติ ในการสร้างความสงบร่มเย็น และความสาเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้า สมดังที่
อัลลอฮฺทรงให้เราทาหน้าที่เป็นเมตตาธรรมแก่เพื่อนมนุษย์ ดังในซูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอฺ : 107
اَمَوَُاكَْنلَسَْرأُاالِإًُةَمْحَرَُينِمَلاَْعلِلُ
“เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่อเป็นอะไร นอกจากเป็นเมตตาธรรมแก่สากลโลก”
เป็นเมตตาธรรมแก่สากลโลก เป็นได้อย่างไร?
มีหนทางเดียว คือ การกลับสู่แนวทางที่อัลลอฮฺกาหนด และดาเนินชีวิตตามแบบฉบับแห่งศาสนทูต
ของพระองค์นบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม) ซึ่งหากจะประมวลแนวทางดังกล่าว ก็อาจสรุป
เป็น 2 แนวทางใหญ่ ๆ
คือ 1. การศรัทธาต่ออัลลอฮฺอย่างเต็มเปี่ยม ()آمنوا
2. การลงมือปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ อันแสดงออกถึงความศรัทธานั้น ( عملواُالصالحات )
ทั้งนี้เป็นไปตามพระดารัสแห่งอัลลอฮฺ (ซูเราะฮฺ อันนูร: 55)
ُ
َُدَعَوُهوالالَُينِذالاواهنَآمُْمهكْنِمواهلِمَعَوُِاتَحِالاصالُْمهاهنَفِلْخَتْسَيَليِفُِضَْرْاْلاَمَكَُفَلْخَتْاسَُينِذالا
ُْنِمُْمِهِلْبَقُانَنِّكَمهيَلَوُْمههَلُهمههَينِديِذالاُىَضَتْارُْمههَلُ
ُُِْمهاهنَلِّدَبهيَلَوُْنُِدْعَبُْمِهِفْوَخاًنَْمأۚيِنَنوهدهبْعَيَُالُهيَُنوهكِرْشيِباًئْيَشُُْۚنَمَوَُرَفَكُهمهُى َكِئَلهوأَفُ َكِلَذَُدْعَب
َُنوهقِاسَفْلا
“อัลลอฮฺทรงสัญญาไว้แก่ผู้ศรัทธาต่อพระองค์ และประพฤติปฏิบัติสิ่งดี ๆ ทั้งหลายว่า จะทรงให้
พวกเขาปกครองแผ่นดินเหมือนที่เคยทรงให้บรรดาคนก่อน ๆ ได้ปกครองมาแล้ว อีกทั้งจะทรงให้พวกเขา
สามารถดาเนินชีวิตตามหลักศาสนาที่พระองค์ทรงพอพระทัย และจะทรงเปลี่ยนสภาวะที่พวกเขาอยู่กับ
ความหวาดกลัว เป็นความมั่นคงปลอดภัยแทน พวกเขาสักการะต่อข้า โดยไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่อข้าเลย หลัก
จากนั้นหากมีใครปฏิเสธข้า พวกเขาย่อมเป็นผู้ฝุาฝืน”
ความศรัทธา
ความศรัทธาที่แท้ต้องมาจากตื่นรู้และความเข้าใจ มิใช่ความศรัทธาที่มาจากการลอกเลียนแบบ มุสลิม
จึงต้องเป็นผู้ใช้สติปัญญาเพื่อการศึกษา พินิจพิจารณาสรรพสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ อย่าง
แท้จริง และจะต้องไม่เป็นมุสลิมเพียงเพราะสืบสายเลือดมาจากบิดามารดาที่เป็นมุสลิมเท่านั้น เนื่องจากการมี
ชีวิตโดยไร้ศรัทธา หรือมีศรัทธาที่บางเบาฉาบฉวย จะทาให้ชีวิตเปรียบดังต้นไม้ที่ไร้รากแก้ว
(ฮิบรอฮีม : 26)
3. 3
ُهلَثَمَوُةَمِلَكُةَيثِبَخُةَرَجَشَكُةَيثِبَخُْاتثهتْاجنِمُِقْوَفُِضَْرْاْلاَماَهَلنِمُارَرَق
“คติเลว ๆ ก็เหมือนต้นไม้เลว ๆ ซึ่งถูกถอนรากถอนโคนโดยง่าย และไร้ซึ่งความมั่นคง”
สิ่งที่เราท่านทั้งหลายไม่อาจปฏิเสธได้ในวันนี้ คือ มุสลิมจานวนมากเป็นมุสลิมอยู่เฉพาะเปลือกนอก
ขณะที่จิตใจถูกกระชากความศรัทธาออกไป จนมีชีวิตอยู่โดยไม่คิดสร้างความดีอะไรเพื่ออัลลอฮฺ แต่อยู่ไปเพื่อ
แสวงหาความสุขบนโลกเท่านั้น ที่สุดจึงนาไปสู่การยื้อแย่งแข่งขัน และทาลายล้างกันไม่ต่างจากผู้ปฏิเสธ
การประกอบกิจที่ดี
สิ่งที่จะต้องอยู่คู่กับความศรัทธาอันหนักแน่น คือ การประกอบกิจการงานที่ดี ( اوعملالصاحلات ) อย่าง
ต่อเนื่อง ซึ่งในยามวิกฤติเช่นปัจจุบัน กิจการที่จาเป็นต้องฟื้นฟูขึ้นอย่างเร่งด่วนในสังคมมุสลิม มีหลายหลาย
ประการ อาทิ
การสร้างญะมาอะฮฺที่มีความเป็นปึกแผ่น
แทนความแตกแยกขัดแย้งดังที่เป็นอยู่ ทั้งนี้เพราะความแตกแยกขัดแย้งคือบ่อเกิดของความอ่อนแอใน
ทุก ๆ สังคม” ดังคาเตือนจากอัลลอฮฺในซูเราะฮฺอัล อันฟาล : 46
واهيعَِطأَوَُوالالُهوَلوهسَرَوَُالَوواهعَازَنَتواهلَشْفَتَفَُبَىْذَتَوُْمهكهيحِرۚواهرِبْاصَوُُۚانِإَُوالالَُينِرِبااصُالَعَم
“จงภักดีต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์เถิด และอย่าได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะจะทาให้
พวกเจ้าล้มเหลว และความเข้มแข็งจะหายไป จงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮฺทรงอยู่กับผู้อดทน”
เพื่อให้เกิดความเป็นญะมาอะฮฺอย่างแท้จริง มุสลิมจาเป็นต้องเคารพเชื่อฟังต่อผู้นาของตน ในทุกเรื่อง
ที่ไม่ใช่การทรยศเนรคุณต่ออัลลอฮฺพระผู้เป็นเจ้า และไม่นาประเด็นปัญหาปลีกย่อยทางศาสนา มาเป็นชนวน
สร้างความแตกแยกในสังคม ทั้งนี้เพราะความแตกต่างในประเด็นปลีกย่อยมีไว้เพื่อเป็นรอหฺมะฮฺ หาใช่ไว้ใช้
เสี้ยมให้เกิดความแตกแยกไม่ ท่านรอซู้ล(ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวไว้ว่า
عليكمُبالجماعةُوإياكمُوالفرقةُفإنُالشيطانُمعُالواحدُوىوُمنُاالثنينُ،أبعدُمنُادرأُبحبوحةُالجنةُ
فليلزمُالجماعةُُ(رواهُالترمديُفيُالفتنُ6622ُوالحاكمُوصححوُعلىُشرطُالشيخين)
“ท่านทั้งหลายจงยึดมั่นอยู่ในญะมาอะฮฺเถิด และจงระวังความแตกแยกให้หนัก แท้จริงซาตานจะ
อยู่กับผู้แปลกแยกไปเพียงลาพัง มันจะห่างออกเมื่ออยู่ร่วมกันสองคน ผู้ใดประสงค์จะอยู่ ณ ใจกลางแห่ง
สวรรค์ก็จงยึดมั่นในญะมาอะฮฺเถิด”
การเป็นผู้ให้
ญะมาอะฮฺหนึ่งจะเข้มแข็งได้ นอกจากต้องเคารพเชื่อฟังผู้นาแล้ว คนในญะมาอะฮฺจะต้องรู้จักเป็นผู้ให้
และไม่เห็นแก่ตัวด้วย
ความเห็นแก่ตัวทาให้ความสัมพันธ์ของคนในสังคมและแม้แต่ในครอบครัวเดียวกันเสื่อมทรามลง จึงไม่
ช่วยให้สังคมเข้มแข็งได้ ขณะที่การเป็นผู้ให้และความเสียสละจะช่วยให้ความสัมพันธ์แข็งแกร่งขึ้น และสังคม
จะเข้มแข็งขึ้นด้วย ความสาเร็จจึงอยู่ที่เอาชนะความเห็นแก่ตัวให้ได้ ดังพระดารัสของอัลลอฮฺในซูรอฮฺ อัลฮัชร์:
9
نَمَوَُقوهيُاحهشُِوِسْفَنَُكِئَلهوأَفُهمهىَُنوهحِلْفهْملا
“ผู้ใดรักษาตนให้พ้นจากความตระหนี่เห็นแก่ตัวได้ พวกเขาก็คือ ผู้ได้รับความสาเร็จ”
เป็นความสาเร็จที่ไม่ได้เกิดเฉพาะในโลกอาคิรอฮฺเท่านั้น แต่จะได้สัมผัสความสาเร็จในโลกนี้ด้วย
เหมือนดังที่ชาวมุฮาญิรีนและอันศอร เคยประสบผลสาเร็จในการสร้างความแข็งแกร่งแก่นครมาดีนะฮฺมาก่อน
4. 4
ความมีจิตอาสา
ในที่นี้ หมายถึง จิตอาสาในการส่งเสริมความดีและยับยั้งความชั่ว เพราะสังคมที่ขาดคนต่อสู้ด้วย
จิตอาสาเพื่ออัลลอฮฺ จะกลายเป็นสังคมต่างคนต่างอยู่ ตัวใครตัวมัน ซึ่งจะกลายเป็นช่องว่างกว้างใหญ่ให้
ความชั่วร้ายต่าง ๆ เข้ามาทาลายสังคมได้ โดยไร้ผู้ต่อต้านขัดขืน
สังคมของประชาชาติก่อน ๆ จึงล่มสลายไปเพราะขาดคนจิตอาสานี้เอง ดังอัลลอฮฺทรงเตือนไว้
ในซูเราะฮฺฮูด : 116
َُنُِمَناَكُالْوَلَفُُاَنْيَجْنَأُْنامِيلُمِلَقُالِإُ ِضَْرْليُاُِفِادَسَفْلُاِنَُعَنْوَهْنَُيةايِقَوُبهلهوأُْمهكِلْبَُقْنُِمِونهرهقْلا
َُينِمِرْجهواُمهناَكَُوِيوِواُفهفِرْتهأُاَواُمهمَلَظَُينِذالُاَعَبااتَُوْمههْنِم
“ควรอย่างยิ่งที่ประชาชาติต่าง ๆ ก่อนหน้าพวกเจ้า จะมีผู้ทรงปัญญาที่คอยยับยั้งห้ามปรามมิให้
เกิดความเสื่อมทรามในแผ่นดิน แต่กลับไม่มี ยกเว้นบุคคลจานวนน้อย ซึ่งเราได้ช่วยให้พวกเขาเอาตัวรอด
ได้ ส่วนบรรดาผู้อธรรมทั้งหลายนั้นมักเดินตามอารมณ์ที่ถูกปรนเปรอ และพวกเขาก็กลายเป็นอาชญากร”
อายะฮฺนี้บอกเราว่า สาเหตุสาคัญที่ทาให้อัลลอฮฺทรงลงโทษประชาชาติหนึ่ง ๆ คือ การที่ผู้คนเอาแต่
ความสุขสบายส่วนตน ปรนเปรอชีวิตด้วยความบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ ตามอารมณ์ปรารถนา จนเกิดความ
เลวร้ายทั่วไป ครั้นเกิดความเลวร้ายเช่นนั้นแล้ว ก็หามีใครออกมายับยั้งห้ามปรามไม่ เพราะถือว่ามิใช่กิจของตน
จนเป็นเหตุให้เกิดหายนะในที่สุด
ในทางตรงกันข้าม หากเรามีจิตอาสาที่จะช่วยเหลือสังคมจริง โดยการร่วมในกิจกรรมความดี และ
ช่วยกันยับยั้งความชั่วตามกาลังความสามารถ อัลลอฮฺก็จะทรงประทานความแข็งแกร่งให้ และสังคมนั้นก็จะ
กลายเป็นแม่แบบของสังคมเข้มแข็งอย่างแท้จริง
ดังปรากฏคายกย่องอัลลอฮฺในซูรอฮฺ อาลฮิมรอน : 110
ُْمهنتهكَُرْيَخُةامهأُْتَجِرْخهأُِااسنلِلَُنوهرهْمأَتُِوفهرْعَْملاِبَُنْوَهْنَتَوُِنَعُِرَكنهْملاَُنوهنِمْؤهتَوُِوالالِبُْوَلَوَُنَآمُهلَْىأ
ُِابَتِْكلاَُناَكَلاًرْيَخمههالُهمههْنِّمَُنوهنِمْؤهْملاُهىهرَثْكَأَوُهمَُنوهقِاسَفْلا
“พวกเจ้าเป็นประชาชาติอันประเสริฐสุดแล้วที่ถูกทาให้ปรากฏแก่มวลมนุษยชาติ อันเนื่องจาก
พวกเจ้าส่งเสริมการทาความดี และช่วยกันยับยั้งความชั่ว โดยพวกเจ้าต่างศรัทธาต่ออัลลอฮฺ...”
ดังนั้น หากวันนี้ มุสลิมเราต้องการความเข้มแข็งเพื่อที่จะไม่เป็นเหยื่อความอธรรมของใคร และ
สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อ่อนแอทั้งหลายได้ เราจะต้องฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเรากลับมา ผ่านกระบวนการ
สาคัญทั้งสองอย่างนี้ ُ(آمنواُُوعملواُُالصالحاتُ) หาไม่แล้ว นอกจากเราจะไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ เรายัง
จะตกเป็นเหยื่อของการกดขี่ ทาลาย และการบีบคั้นต่าง ๆ จนอาจไม่เหลือความดีใด ๆ ไว้อีกด้วย
ُهلْوهَقأُْيِلْوَقاَذَىَُاللهرِفْغَتَْسأَوَُمْيِظَْعلاُْيِلُْمهكَلَوَُنْيِمِلْسهْملاِرِائَسِلَوُِاتَمِلْسهْملاَوَُنْيِنِمْؤهْملاَوُُِاتَنِمْؤهْملاَو
ُههْوهرِفْغَتْاسَفُهوانا ِِوهىرْوهفَغْلا َُِهمْيِحارال هِ