3. ประโยคเงื่อนไขนั้นประกอบด้วย 2 ส่วน (2 clauses)
นั่นคือ ส่วนที่อยู่หลัง if เรียกว่า if-clause และส่วนที่เหลือเรียกว่า
Main clauses หรือ Principal clause (คือ ประโยคแสดงผลที่
ตามมา) จะใช้ comma (,) คั่นระหว่างสองประโยค
If-Clause Main Clause
If water boils, it will change into steam.
ถ้าน้าเดือด มันก็จะกลายเป็นไอ
If it rains, I shall stay at home.
ถ้าฝนตก ฉันก็จะอยู่บ้าน
5. โครงสร้างประโยคแบบนี้เราจะใช้ Present Simple Tense คือ ใช้
กริยาช่องที่ 1 ทั้งในประโยคเงื่อนไขและในประโยคแสดงผลที่ตามมา
เงื่อนไขที่เป็นจริง
If + ประธาน + กริยาช่อง
ที่ 1
,
ผลที่เกิดขึ้นแน่นอน
ประธาน + กริยาช่องที่ 1
Example
If water boils, it changes into steam.
ถ้าน้าเดือด มันก็จะกลายเป็นไอ
If he studies hard, he passes their exams.
ถ้าเขาเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง เขาจะสอบผ่าน
If you hurt dogs, they bite you.
ถ้าคุณทาให้หมาเจ็บ พวกมันก็จะกัดคุณ
7. Example
If you offer me more money, I will stay with you.
ถ้าคุณเสนอเงินให้ฉันมากกว่านี้ ฉันจะอยู่กับคุณ
If she doesn’t hurry, she will be late.
ถ้าเธอไม่รีบ เธอก็จะสาย
If you wake up late, you will miss the meeting.
ถ้าคุณตื่นสาย คุณจะพลาดการประชุม
9. Example
If I won the lottery, I would buy a car.
ถ้าฉันถูกลอตเตอรี่ ฉันจะซื้อรถสักคัน
(คนพูดแค่สมมติเหตุการณ์ขึ้นมา เพราะในความเป็นจริงแล้ว เธอยังไม่
เคยถูกลอตเตอรี่เลย)
If I were a bird, I would fly round the world.
ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะบินไปรอบโลก
* Verb to be ในประโยคเงื่อนไขนี้จะใช้ในรูปของ were เสมอ ไม่ต้อง
ผันไปตามบุรุษหรือพจน์ของประธาน
เงื่อนไข(สมมติว่าเป็นจริง)
If + ประธาน + กริยาช่องที่ 2
,
ผลที่น่าจะตามมา
ประธาน + would + กริยาช่องที่ 1
11. เงื่อนไข(สมมติเรื่องในอดีต)
If + ประธาน + had + กริยา
ช่องที่ 3
,
ผลที่น่าจะเกิด(แต่ไม่มีทางเกิดได้
แล้ว)
ประธาน + would + have + กริยา
ช่องที่ 3
Example
If I had studied harder, I would have been a doctor.
ถ้าตอนนั้นฉันขยันเรียน ฉันคงได้เป็นหมอแล้วล่ะ
(ความจริงก็คือ ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจเรียน ตอนนี้ก็เลยไม่ได้เป็นหมอ)
If John had seen you, he would have fallen in love with you.
ถ้าจอห์นได้พบคุณ เขาจะตกหลุมรักคุณ
(ความจริงก็คือ จอห์นไม่ได้พบคุณ และก็ไม่ได้ตกหลุมรักคุณด้วย)