เคล็ดลับ : วิธีการเคลียร์เงินรองจ่าย
- 3. ประเภทการใช้เงิน
1. เงินสารองจ่าย ของหน่วยงาน
หมายถึง : เงินของหน่วยงานที่มีอยู่เอง และนามาสารองจ่าย
ไปก่อน เนื่องจากมีความจาเป็นและเร่งด่วน โดยจะนาหลักฐานการ
ใช้จ่ายมาดาเนินการเบิกคืนหน่วยงานภายหลัง
2. เงินยืมรองจ่าย
หมายถึง : เงินยืมที่จ่ายให้แก่ผู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ
ปฏิบัติงานของสภากาชาดไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 เงินยืมรองจ่ายประจา(ใบยืมสีฟ้ า) คือ เงินที่
จ่ายให้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนประจาสานักงานภายใน
ระยะเวลา 1 ปีงบประมาณ
2.2 เงินยืมรองจ่ายชั่วคราว(ใบยืมสีเหลือง) คือ เงิน
ที่จ่ายให้ยืมเป็นครั้งคราวเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการหรืองาน
หรือกิจกรรม ที่ได้รับอนุมัติแล้ว
- 4. ประเภทใบยืมเงินรองจ่าย
เงินรองจ่ายประจา เงินรองจ่ายชั่วคราว
เงินรองจ่าย(จากคลัง)
กาหนดใช้หนี้
- ภายใน 1 ปีงบประมาณที่ได้รับเงินยืม
เงินที่จ่ายให้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
หมุนเวียนประจาสานัก ภายใน
ระยะเวลา 1 ปีงบประมาณ
กาหนดการใช้หนี้
1. การยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
• ภายใน 15 วัน นับจากวันกลับมาถึง
2. การยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมอบรม
หรือสัมมนา
• ภายใน 30 วันนับแต่วันเสร็จสิ้น
การจัดประชุม จัดฝึกอบรม หรือสัมมนา
3. การยืมเพื่อปฏิบัติงานนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2
• ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเงินยืม
- การใช้หนี้คืนใบสาคัญจ่าย
และ/หรือ เงินเหลือจ่าย (ถ้ามี)
- เงินที่จ่ายให้ยืมเป็นครั้งคราว
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการหรือ
กิจกรรมที่ได้รับอนุมัติ
- โครงการหรืองานเฉพาะกิจ เช่น
อบรม สัมมนา
- เพื่อการบริหารหรือการดาเนินการ
เช่น การยืมเงินผู้ป่วย งานซ่อมแซม
กรณีฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย
ตามกาหนด เช่น ค่าไฟฟ้ า น้าประปา
โทรศัพท์ ค่าInternet ค่าใช้จ่าย
ในการออกของกรณีซื้อของจาก
ต่างประเทศ ฯลฯ
- การใช้หนี้คืนใบสาคัญจ่าย
และ/หรือ เงินเหลือจ่าย (ถ้ามี)
- 6. Enter you text
โครงการพัฒนาบุคลากร (HR)
โครงการพัฒนาคุณภาพ (HA)
โครงการเพิ่มศักยภาพ
(หน่วยนโยบายและแผน)
การเบิกค่าใช้จ่ายทั่วไป
โครงการ
อนุมัติ
ดาเนินการจัดซื้อ
ตามระเบียบพัสดุ
ข้อ17 ทวิ : การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน 10,000
บาท ไม่ต้องทาใบขอดาเนินการซื้อ/จ้าง(PR) ตามข้อ 17 และ(PA)
ตามข้อ 46 โดยให้ทาบันทึกรายงานเสนอผู้มีอานาจ
***ให้ทาบันทึกข้อความขออนุมัติซื้อ/จ้าง กรณีวงเงินไม่เกิน 10,000
บาทเสนอต่อ ผู้ช่วยผู้อานวยการโรงพยาบาลฯด้านงานจัดซื้อและบริหาร
พัสดุ โดยต้องระบุว่าหน่วยงานจะเป็นผู้ดาเนินการจัดซ้อ/จ้างเอง
ข้อ46 : การสั่งซื้อหรือสั่งจ้างที่มีราคาเกิน 10,000 บาททุกกรณี
ให้ทาใบขออนุมัติซื้อ/จ้าง (PA) โดยแนบใบขอดาเนินการซื้อ/จ้าง
(PR) ตามข้อ 17 และใบเสนอราคา
***กรณีการสั่งซื้อหรือจ้างเกินอานาจของหัวหน้าหน่วยงานให้ส่งเรื่อง
ให้สานักงานการคลังเพื่อนาเสนอต่อผู้มีอานาจอนุมัติต่อไป
สามารถจัดซื้อ/จ้าง
ตามแต่ละวิธีได้
เก็บหลักฐานทางการเงินไว้เพื่อ
รวบรวมการเบิกจ่ายต่อไป
custer บัญชี รองผู้อานวยการฯ ฝ่ายการคลังหน่วยงาน
- 7. ตามระเบียบข้อ 54 การซื้อหรือการจ้างให้ทาสัญญาเป็นหนังสือตามตัวอย่างท้ายระเบียบนี้ เว้นแต่ในกรณี
ดังต่อไปนี้ จะทาข้อตกลงเป็นหนังสือไว้ต่อกัน หรือทาใบสั่งซื้อ หรือใบสั่งจ้าง แล้วแต่กรณี โดยให้อยู่
ในดุลพินิจของผู้ซ้อหรือผู้ว่าจ้าง
(1) การซื้อหรือการจ้างที่ไม่เกิน 100,000 บาท
(2) การซื้อหรือการจ้างที่เกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท และผู้รับจ้างสามารถ ส่งมอบพัสดุได้
ครบถ้วนภายใน 5 วันทาการ ของสภากาชาดไทย นับตั้งแต่วันถัดจากวันตกลงซื้อขายหรือจ้าง
(3) การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ
(4) การซื้อโดยวิธีพิเศษตามข้อ 13 (1) (2) (3) (4) และ (8)
(5) การจ้างโดยวิธีพิเศษตามข้อ 14 (1) (2) (3) และ (4)
ทั้งนี้การซื้อหรือการจ้างตาม (1) (2) (4) และ (5) จะต้องส่งของให้ครบถ้วนในคราวเดียว
ในกรณีการซื้อหรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคาหรือวิธีกรณีพิเศษซึ่งเป็นเงินสดมีราคาไม่เกิน
10,000 บาท หรือในกรณีการซื้อหรือการจ้าง ซึ่งใช้วิธีดาเนินการตามข้อ 22 วรรคสอง(เรียกว่ากรณีจาเป็น
และเร่งด่วนโดยไม่ได้คาดหมายไว้ก่อนและไม่อาจดาเนินการตามปกติได้) จะไม่ทาข้อตกลงเป็นหนังสือ
ใบสั่งซื้อ ใบสั่งจ้าง ก็ได้
- 8. ตามระเบียบข้อ 17 ก่อนดาเนินการซื้อจ้างทุกกรณี ให้เจ้าหน้าที่พัสดุ
จัดทาใบขอดาเนินการซื้อ/จ้าง (PR) เสนอหัวหน้าหน่วยงานตามรายการ
ดังต่อไปนี้
(1) เหตุผลและความจาเป็นที่ต้องซื้อหรือจ้าง
(2) ราคาพัสดุหรือราคาค่าจ้างในท้องตลาดในขณะนั้นที่สืบทราบหรือ
ประมาณได้ และถ้าเคยซื้อหรือจ้างมาก่อน ก็แสดงราคาซื้อหรือจ้างครั้ง
หลังสุดที่เคยซื้อหรือจ้างด้วย
(3) วงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง ให้ระบุวงเงินงบประมาณที่จะซื้อหรือจ้างในครั้ง
นั้นทั้งหมด ถ้าไม่มีวงเงินงบประมาณให้ระบุวงเงินที่ประมาณว่าจะซื้อ
หรือจ้างในครั้งนั้น
(4) กาหนดเวลาที่ต้องการใช้พัสดุนั้น หรือให้งานนั้นแล้วเสร็จ
(5) วิธีที่จะซื้อหรือจ้าง และเหตุผลที่ต้องซื้อหรือจ้างโดยวิธีนั้น
(6) ข้อเสนออื่นๆ เช่น การขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการต่างๆ ที่จาเป็นใน
การซื้อหรือจ้าง การออกประกาศสอบราคา หรือประกาศประกวดราคา
- 9. 1. ใบเสร็จรับเงิน หรือบิลเงินสดที่สมบูรณ์
กรณีที่ซื้อของจากบริษัทฯ ที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% หน่วยงานจะต้องสารวจดูด้วยว่า เมื่อได้
ใบเสร็จรับเงินมาแล้วมีใบกากับภาษีมาด้วยหรือไม่
1. กรณีบิลใบเสร็จรับเงินไม่สมบูรณ์
2. กรณีซื้อจากร้านค้าย่อยทั่วไปจึงไม่มีใบเสร็จรับเงินออกให้
3. ใบสาคัญรับเงิน
2. ใบรับรองการจ่ายเงิน
ใช้สาหรับการเป็ นหลักฐานในการรับเงินสาหรับบุคคลธรรมดา และต้องแนบสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนด้วย
ทุกครั้ง
ตัวอย่าง
ตัวอย่าง
ตัวอย่าง
- 14. ถ้ามีการจัดอบรมสัมมนา โดยมีวิทยากรมาบรรยาย
หมายเหตุ : - ถ้าวิทยากรเป็นเจ้าหน้าที่ภายในสานักงานที่มีการจัดอบรมไม่สามารถเบิกค่าตอบแทนวิทยากรได้
- ถ้ากรณีวิทยากรที่ได้รับค่าตอบแทนแล้ว จะไม่สามารถเบิกเงินค่าอาหารและที่พักได้
กลุ่มวิทยากร อัตรา/ไม่เกิน/ชั่วโมง
1. ข้าราชการ/พนักงานหรือลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ/บุคลากรสภากาชาดไทยจากสานักงานอื่น
2. วิทยากรนอกสภากาชาดไทย ที่มิได้สังกัดในข้อ 1 เช่น บริษัทเอกชน
800.- บาท
1,500.- บาท
- 15. ค่าอาหาร
ที่ใช้สาหรับการจัดประชุม อบรม สัมมนาโครงการต่างๆ ไม่
ต้องปฏิบัติตามระเบียบพัสดุฯ
ให้ทาเป็นบันทึกข้อความขออนุมัติจัดอาหาร หรือซื้ออาหาร...
เสนอต่อผู้มีอานาจอนุมัติ ก่อนดาเนินการจัดซื้อ ยกเว้นการซื้อ
ของมาจัดเอง
**การทาบันทึกเรื่องขอจัดอาหารหรือซื้ออาหาร ขอหน่วยงานทาแยกขึ้นมา
ต่างหากจากการขอซื้อเรื่องอื่นๆ **
***เบิกเงินค่าอาหาร ขอให้ทุกหน่วยงานแนบรายชื่อ/ใบลงทะเบียนของ
ผู้เข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนา มาด้วยทุกครั้ง ***
- 20. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คือ ภาษีที่ทางกฏหมายกาหนดให้หักไว้ล่วงหน้าจากเงินได้ที่ได้รับ และสามารถนาไปขอเครดิต
เพื่อหักจากยอดภาษีที่ต้องจ่ายจริงในทุกๆ ปี โดยที่ทางผู้จ่ายเงินได้จะมีหลักฐานที่เรียกว่าหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ให้ไว้เป็นหลักฐาน
1 % ค่าขนส่ง (ไม่รวมถึงการจ่ายค่าโดยสารสาหรับการขนส่งสาธารณะ)
1 % ค่าเบี้ยประกันภัย
2 % ค่าโฆษณา
3% ค่าจ้างทาของ และค่าบริการ
5% ค่าเช่า
ทาไมต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
- 21. เงื่อนไขการหักภาษี ณ ที่จ่าย
1.ต้องเป็นการจ่ายเงินตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป การจ่ายเงินได้พึงประเมินที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องมีจานวนตามสัญญา
รายหนึ่งๆ มีจานวนเงินตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป แม้การจ่ายนั้นจะได้แบ่งจ่ายครั้งหนึ่งๆ ไม่ถึง 1,000 บาทก็ตาม คาว่า “1,000
บาท” เป็นเงินได้ที่จ่ายยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.การหักภาษี ณ ที่จ่ายต้องยึดเกณฑ์เงินสด เมื่อ ไหร่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายที่มักจะมีข้อโต้แย้งกันเป็นประจา การหักภาษี ณ
ที่จ่าย จะยึดเกณฑ์เงินสด หมายความว่า จ่ายเงินวันใดต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในวันนั้น ซึ่ง แบ่งออกเป็น
2.1 การจ่ายเงินสด หากจ่ายเงินสดวันใดต้องหักภาษี ณ วันที่จ่าย
2.2 การจ่ายเป็นเช็คหรือตั๋วเงิน หาก การจ่ายเงินเป็นเช็คหรือตั๋วเงินจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามวันที่ที่ปรากฏสั่งจ่ายบนเช็คหรือ
ตั๋วเงิน โดยไม่สนใจว่าผู้รับเงินจะมารับเช็คหรือตั๋วเงินหรือไม่ก็ตาม
3.การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เมื่อมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้รับเงิน หน้าที่ของผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องออก
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นหลักฐานให้กับผู้รับเงิน โดยออกให้ทันทีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ยกเว้นเงินได้พึงประเมิน
ตามมาตรา 40(1)และ (2) ผู้จ่ายเงินต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดไป
4.การนาส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย นาส่งภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักตามแบบที่อธิบดีกาหนด ณ สานักงาน
สรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่นั้นภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ไม่ว่าจะหักภาษีไว้แล้วหรือไม่
- 22. การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
• เมื่อมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย จากผู้รับเงิน หน้าที่ของผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็น
หลักฐานให้กับผู้รับเงิน โดยออกให้ทันทีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย จานวน 3 ฉบับ (สามารถขอเป็นฟอร์มหรือ File ได้ที่ฝ่าย
บัญชีฯ)
- ฉบับที่ 1 (ต้นฉบับ) สาหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใช้แนบพร้อมกับแบบแสดงรายการภาษี)
- ฉบับที่ 2 (สาเนา) สาหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (เก็บไว้เป็นหลักฐาน)
- ฉบับที่ 3 (สาเนา) สาหรับผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย (เก็บไว้เป็นเอกสารหลักฐานในการหัก)
• เมื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย เรียบร้อยแล้ว จะต้องนาเงินภาษีส่งที่ฝ่ายการเงิน (อาคารจอดรถหลังที่ 3 ชั้น 12) พร้อมกับจะต้องกรอก
เอกสารใบนาเงินส่งสานักงานการคลัง (ตามแบบพิมพ์หมายเลข 2214/2547) ภายในวันที่ 26 ของเดือน (ทั้งนี้สามารถโทร
สอบถามที่ฝ่ายการเงินได้ที่เบอร์ 4402 และขอตารางวันกาหนดส่งภาษีของแต่ละเดือนได้)
• เอกสารประกอบการนาเงินส่งภาษี ณ ที่จ่าย (ที่ฝ่ายการเงิน)
- สาเนาใบสาคัญรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงิน (3 ชุด)
- สาเนาใบภาษีหัก ณ ที่จ่าย (3 ชุด)
- 25. ประเด็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน - ภายในประเทศ
เอกสารประกอบการเบิกจ่าย ประกอบด้วย
1. ตัวเรื่อง(บันทึก)ที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงาน (ถ้าผู้เบิกค่าใช้จ่ายเป็นบุคคลภายนอก
ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของสภากาชาดไทย ในตัวเรื่องบันทึก จะต้องได้รับอนุมัติให้เบิกค่าใช้จ่าย
จากผู้มีอานาจ ตามระเบียบสภากาชาดไทย ข้อ 9 และ 10 ก่อน)
2. คาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติงาน (ต้องได้รับอนุมัติก่อนการเดินทาง)
3. ใบรายงานการเดินทางไปฏิบัติงาน
4. ใบเสร็จรับเงิน เช่น ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าลงทะเบียน ค่าอาหาร ฯลฯ
5. ใบรับรองการจ่ายเงิน และ/หรือ ใบรับรองการจ่ายเงินค่าพาหนะที่ได้ไปในกิจการต่างๆ
6. ใบสาคัญรับเงินค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าวิทยากร
7. หลักฐานการจ่ายเงินอื่นๆ
8. สาใบยืมเงินรองจ่าย (กรณีถ้ามีการยืมเงินรองจ่าย)
- 26. ประเด็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน - ภายในประเทศ
ค่าใช้จ่ายที่สามารถเบิกจ่ายได้ ตามระเบียบสภากาชาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป
ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2544 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 20 ได้แก่
1) ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง (ตามอัตราที่สภากาชาดไทยกาหนด)
2) ค่าเช่าที่พัก (ตามอัตราที่สภากาชาดไทยกาหนด)
***ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าที่พักจะต้องมีFolio แนบด้วยทุกครั้ง พร้อมตรวจสอบรายชื่อ วันที่เข้าพักให้
เรียบร้อย***
3) ค่าพาหนะ รวมถึงค่าเช่ายานพาหนะ เชื้อเพลิงหรือพลังงานสาหรับยานพาหนะ ค่าระวางบรรทุก
ค่าจ้างคนหาบหาม และอื่นๆ ทานองเดียวกัน
4) ค่าใช้จ่ายอื่นที่จาเป็นต้องจ่าย เนื่องในการเดินทางไปฏิบัติงาน
- 30. ระดับลูกจ้างและเจ้าหน้าที่
ค่าที่พักที่เบิกได้จริง
กรุงเทพฯ กลุ่ม ก กลุ่ม ข
พักเดี่ยว พักคู่
(เป็นราคาที่คิด
70% แล้ว)
พักเดี่ยว พักคู่
(เป็นราคาที่คิด
70% แล้ว)
พักเดี่ยว พักคู่
(เป็นราคาที่คิด
70% แล้ว)
1. ลูกจ้างและเจ้าหน้าที่ระดับ 1-5 หรือ
ตาแหน่งที่เทียบเท่า
1,200.- 840.- 1,000.- 700.- 900.- 630.-
2. เจ้าหน้าที่ระดับ 6-7 หรือตาแหน่งที่
เทียบเท่า
1,600.- 1,120.- 1,400.- 980.- 1,300.- 910.-
3. เจ้าหน้าที่ระดับ 8 หรือตาแหน่งที่เทียบเท่า 1,600.- 1,120.- 1,400.- 980.- 1,300.- 910.-
4. เจ้าหน้าที่ระดับ 9 ขึ้นไป หรือตาแหน่งที่
เทียบเท่า
2,000.- 1,400.- 1,800.- 1,260.- 1,700.- 1,190.-
5. กรรมการเจ้าหน้าที่ กรรมการบริหาร
กรรมการสภากาชาดไทย
ไม่มี
กาหนด
ไม่มีกาหนด ไม่มี
กาหนด
ไม่มีกาหนด ไม่มี
กาหนด
ไม่มีกาหนด
อัตราค่าที่พักในการเดินทางไปปฏิบัติงานภายนอกสถานที่
- 31. อัตราค่าที่พักในการเดินทางไปปฏิบัติงานภายนอกสถานที่ (ต่อ)
• กลุ่ม ก. หมายถึง นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่
เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี
• กลุ่ม ข. หมายถึง จังหวัดอื่นๆ นอกจากกรุงเทพฯ และจังหวัดกลุ่ม ก.
ในกรณีที่อัตราค่าที่พักเกินกว่าที่กาหนดไว้ในตาราง ให้นาเสนออุปนายกผู้อานวยการสภากาชาด
ไทย อนุมัติเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
หมายเหตุ :
1. ลูกจ้างและเจ้าหน้าที่ตามข้อ 1 และ 2 ไม่อนุญาตให้พักเดี่ยว จะพักเดี่ยวได้เฉพาะใน
กรณีความไม่เหมาะสมที่จะพักรวมกัน หรือมีเหตุจาเป็นที่ไม่อาจพักรวมกับผู้อื่นได้ให้เบิกค่าที่พักได้
ตามอัตรา
2. วิทยากรที่ได้รับค่าตอบแทน ไม่สามารถเบิกค่าที่พักได้
- 32. 32
ค่ารถปรับอากาศ รับ-ส่ง (กรณีจ้างรถบริษัทภายนอก)
เอกสารประกอบการเบิกเงิน :
ใบเสร็จรับเงินที่สมบูรณ์
ใบภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ใบนาเงินส่งคลัง
วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท
- จัดทาบันทึกข้อความขออนุมัติจัดจ้าง เสนอให้ทา
บันทึกรายงานเสนอผู้มีอานาจ (ผู้ช่วยผู้อานวยการโรงพยาบาลฯ ด้านงาน
จัดซื้อและบริหารพัสดุ)
**ในบันทึกข้อความจะต้อง ระบุว่าหน่วยงานจะเป็นผู้ดาเนินการจัดจ้างเอง
แนบการเบิกทุกครั้ง
วงเงินเกินกว่า 10,000 บาทขึ้นไป
1. ทาใบขออนุญาตดาเนินการจัดซื้อ/จ้าง บ.2530 (PR)
ส่งฝ่ายบริหารงานพัสดุ (พร้อมแนบใบเสนอราคาและตัวอนุมัติ
โครงการ) เพื่อจัดทาใบอนุมัติจัดซื้อ/จ้าง บ.2531(PA) และหาก
โครงการนั้นมีการทาใบยืมเงินรองจ่ายให้แนบสาเนาใบยืมเงิน
รองจ่ายไปด้วย
2. ใบสั่งจ้าง ฝ่ายบริหารงานพัสดุเป็นผู้จัดทาให้ หลังจากที่ 2530
(PR), 2531 (PA) อนุมัติ เรียบร้อยแล้ว
3. จ่ายเงิน และขอหลักฐานทางการเงินเก็บไว้แนบเบิกจ่ายต่อไป
ก่อนที่จะดาเนินการ จ้างรถบริษัทภายนอก หน่วยงาน
จะต้องติดต่อบริษัทขอใบเสนอราคาเพื่อดาเนินการตาม
ระเบียบพัสดุต่อไปดังนี้
(กรณีเป็นการใช้ยานพาหนะของหน่วยยานยนต์) ให้นาใบเสร็จค่าน้ามัน มาแนบเบิกได้เลย
- 33. 33
ตามระเบียบข้อที่ 31 ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2555
“การใช้ยานพาหนะส่วนตัวไปปฏิบัติงาน ผู้เดินทางต้องได้รับอนุญาตจากผู้อานวยการสานักงานหรือ
เลขาธิการสภากาชาดไทย แล้วแต่กรณี จึงจะมีสิทธิเบิกเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะในลักษณะเหมาจ่ายเป็น
ค่าใช้จ่ายสาหรับเป็นค่าน้ามันเชื้อเพลิงสาหรับการ เดินทางไปปฏิบัติงานโดยยานพาหนะส่วนตัวได้ ดังนี้
ก. รถยนต์ส่วนบุคคล กิโลเมตรละ 4 บาท
ข. รถจักรยานยนต์ กิโลเมตรละ 1.50 บาท
ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเพราะการใช้ยานพาหนะส่วนตัวไปปฏิบัติงานผู้เดินทางจะต้อง
รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด”
กรณีการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
เอกสารประกอบการเบิกเงิน :
ใบเสร็จรับเงินค่าน้ามัน หรือใบรับรองการจ่ายเงิน กรณีที่บิลใบเสร็จรับเงินไม่สมบูรณ์
ตรวจสอบใบเสร็จว่าวันที่อยู่ในช่วงเวลาที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ระยะทางในการเดินทางไป – กลับ (ตารางของกรมทางหลวง)
- 36. กรณีที่ 1 เป็นการเดินทางไปอบรมสัมมนา ดูงาน ประชุม เสนอผลงาน
เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 1 เดือน
เอกสารประกอบการเบิกจ่าย มีดังนี้
1. ตัวเรื่อง (บันทึก) ที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางและได้รับอนุมัติวงเงินจากผู้อานวยการสานักงานการคลัง
2. ใบรายงานการเดินทางไปปฏิบัติงาน
3. ใบเสร็จรับเงินค่าพาหนะ (ค่าตั๋วเครื่องบิน)
4. ใบเสร็จรับเงินค่าลงทะเบียน
5. ใบเสร็จรับเงินค่าที่พัก
6. ใบสาคัญรับเงินค่าเบี้ยเลี้ยง
7. ใบเสร็จรับเงินหรือใบรับรองการจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันการเดินทาง
8. ใบรับรองการจ่ายเงิน และ/หรือ ใบรับรองการจ่ายเงินค่าพาหนะที่ได้ไปในกิจการต่าง ๆ
9. หลักฐานการเงินอื่น ๆ
10. ใบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารไทยพาณิชย์
- 38. เป็นการเดินทางไปศึกษาต่อหรือลาอบรมต่อต่างประเทศ
เป็นระยะเวลาที่มากกว่า 1 เดือน
เอกสารประกอบการเบิกจ่าย มีดังนี้
1. ตัวเรื่อง (บันทึก) ที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางและได้รับอนุมัติวงเงินจากผู้อานวยการสานักงานการคลัง
2. ใบเสร็จรับเงินค่าพาหนะ (ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าภาษีเดินทาง ค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน)
3. ใบสาคัญรับเงินค่าใช้จ่ายประจาเดือน
4. ใบเสร็จรับเงินค่าเล่าเรียน และ/หรือใบรับรองการจ่ายเงิน
5. ใบสาคัญรับเงินค่าหนังสือและอุปกรณ์การศึกษา และ/หรือใบรับรองการจ่ายเงิน
6. ใบเสร็จรับเงินค่าประกันสุขภาพ และ/หรือใบรับรองการจ่ายเงิน
7. ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมการศึกษา และ/หรือใบรับรองการจ่ายเงิน
8. ใบเสร็จรับเงินค่าทาวีซ่า
9. ใบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารไทยพาณิชย์
กรณีที่ 2
- 39. ค่าใช้จ่ายที่สามารถเบิกจ่ายได้ มีดังนี้ :
1) ค่าพาหนะ
2) ค่าใช้จ่ายประจาเดือน
3) ค่าเล่าเรียน ค่าลงทะเบียน
4) ค่าธรรมเนียมการศึกษา
5) ค่าหนังสือและอุปกรณ์การศึกษา
6) ค่าประกันสุขภาพ
กรณีที่ 2 เป็นการเดินทางไปศึกษาต่อหรือลาอบรมต่อต่างประเทศ
เป็นระยะเวลาที่มากกว่า 1 เดือน