Recommended
More Related Content
Featured
Featured (20)
ปิโตรเคมี
- 2. ปิโตรเลียมปิโตรเลียม (petroleum)(petroleum) เกิดจากซากพืชซากสัตว์ถูกเกิดจากซากพืชซากสัตว์ถูก ทับถมด้วยกรวด ทราย และทับถมด้วยกรวด ทราย และ โคลนตม เป็นเวลานานนับโคลนตม เป็นเวลานานนับ ล้านๆ ปี โดยได้รับแรงกดดันล้านๆ ปี โดยได้รับแรงกดดัน จากชั้นหินและความร้อนจากใต้จากชั้นหินและความร้อนจากใต้ ผิวโลกทำาให้เกิดปฏิกิริยาแยกผิวโลกทำาให้เกิดปฏิกิริยาแยก สลายเป็นแก๊สธรรมชาติและสลายเป็นแก๊สธรรมชาติและ กำาเนิดปิโตรเลียมกำาเนิดปิโตรเลียม http://www.youtube.com/watch?v=KlMr7eThttp://www.youtube.com/watch?v=KlMr7eT
- 3. ปิโตรเลียมปิโตรเลียม (petroleum)(petroleum) เป็นของผสมเป็นของผสม ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน หลายชนิด ตั้งแต่โมเลกุลขนาดหลายชนิด ตั้งแต่โมเลกุลขนาด เล็กจนถึงโมเลกุลขนาดใหญ่ เมื่อเล็กจนถึงโมเลกุลขนาดใหญ่ เมื่อ ผ่านกระบวนการแยกจะได้ผ่านกระบวนการแยกจะได้ ผลิตภัณฑ์ที่นำาไปใช้ประโยชน์ผลิตภัณฑ์ที่นำาไปใช้ประโยชน์ เป็นเชื้อเพลิงประเภทต่างๆเป็นเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ปิโตรเลียมปิโตรเลียม
- 6. โครงสร้างของแหล่งกำาเนิดโครงสร้างของแหล่งกำาเนิด ปิโตรเลียมปิโตรเลียม โครงสร้างของโครงสร้างของ ชั้นหินที่พบปิโตรเลียมชั้นหินที่พบปิโตรเลียม แบบหนึ่ง มีลักษณะแบบหนึ่ง มีลักษณะ โค้งคล้ายรูปกระทะโค้งคล้ายรูปกระทะ ควำ่า ชั้นบนเป็นควำ่า ชั้นบนเป็น หินทราย ต่อไปเป็นหินทราย ต่อไปเป็น หินปูนและหินดินดานหินปูนและหินดินดาน จากนั้นจึงพบแก๊สจากนั้นจึงพบแก๊ส ธรรมชาติ นำ้ามันดิบธรรมชาติ นำ้ามันดิบ และนำ้า จากชั้นนำ้าจะและนำ้า จากชั้นนำ้าจะ หินทราย หินปูน หินดินดาน
- 7. นำ้ามันดิบ และแก๊สธรรมชาติ มี ความเบา จะเคลื่อนย้าย ไปกัก เก็บอยู่ในชั้นหินเนื้อพรุน เฉพาะบริเวณที่สูงของ โครงสร้างแต่ละแห่ง และจะถูก กักไว้ด้วยชั้นหินเนื้อแน่น ที่ปิด ทับอยู่ ปิโตรเลียมปิโตรเลียม
- 9. ปิโตรเลียมจากปิโตรเลียมจาก แหล่งกำาเนิดต่างกันแหล่งกำาเนิดต่างกัน จะมีปริมาณของจะมีปริมาณของ สารประกอบสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนไฮโดรคาร์บอน สารประกอบกำามันสารประกอบกำามัน ถัน ไนโตรเจน และถัน ไนโตรเจน และ ออกซิเจนแตกต่างออกซิเจนแตกต่าง กันขึ้นอยู่กับชนิดกันขึ้นอยู่กับชนิด ของซากพืช ซากของซากพืช ซาก สัตว์ ที่เป็นตัวกำาเนิด แหล่งกำาเนิดปิโตรเลียมแหล่งกำาเนิดปิโตรเลียม
- 10. 1. ธรณีวิทยา โดยใช้ภาพถ่ายทาง อากาศ ทำาแผนที่ 2. ธรณีฟิสิกส์ วัดความเข้มของสนามแม่ เหล็กโลก วัดคลื่นความสั่นสะเทือน วัดค่าแรงโน้มถ่วงของ
- 12. การสำารวจปิโตรเลียมการสำารวจปิโตรเลียม 1.1.ทางธรณีวิทยาทางธรณีวิทยา ใช้ภาพถ่ายทางใช้ภาพถ่ายทาง อากาศ ภาพดาวเทียม แผนที่อากาศ ภาพดาวเทียม แผนที่ เป็นพื้นฐานในการสำารวจพื้นผิวเป็นพื้นฐานในการสำารวจพื้นผิว การเก็บและตรวจตัวอย่างหินการเก็บและตรวจตัวอย่างหิน เป็นข้อมูล ในการคาดคะเนเป็นข้อมูล ในการคาดคะเน โครงสร้างและชนิดของหินโครงสร้างและชนิดของหิน
- 13. การสำารวจปิโตรเลียมการสำารวจปิโตรเลียม 2.2. ทางธรณีฟิสิกส์ทางธรณีฟิสิกส์ ได้แก่ การวัดค่าแรงดึงดูดของได้แก่ การวัดค่าแรงดึงดูดของ โลก เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างโลก เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่าง ของชั้นหินใต้ผิวโลกของชั้นหินใต้ผิวโลก ทำาให้ได้ข้อมูลทำาให้ได้ข้อมูล เกี่ยวกับขอบเขตของแหล่งตะกอนเกี่ยวกับขอบเขตของแหล่งตะกอน ฟอสซิลฟอสซิล
- 14. การสำารวจการสำารวจ ปิโตรเลียมปิโตรเลียม 2.2. ทางธรณีฟิสิกส์ทางธรณีฟิสิกส์ --การวัดค่าสนามแม่เหล็กการวัดค่าสนามแม่เหล็ก ทำาให้ทำาให้ ทราบถึงลักษณะโครงสร้างของหินทราบถึงลักษณะโครงสร้างของหิน ขอบเขต ความลึก และลักษณะของขอบเขต ความลึก และลักษณะของ แนวหินแนวหิน -- การวัดคลื่นการสั่นสะเทือนการวัดคลื่นการสั่นสะเทือน ซึ่งซึ่ง แรงสั่นสะเทือนจะวิ่งผ่านชั้นหินชนิดแรงสั่นสะเทือนจะวิ่งผ่านชั้นหินชนิด
- 15. การสำารวจปิโตรเลียมการสำารวจปิโตรเลียม การวัดคลื่นการสั่นสะเทือนการวัดคลื่นการสั่นสะเทือน โดยการสร้างคลื่นสะท้อน จากการจุดระเบิดเพื่อให้เกิดคลื่น ความสั่นสะเทือนวิ่งไปกระทบชั้น หินใต้ท้องทะเลและใต้ดิน แล้ว สะท้อนกลับขึ้นมาบนผิวโลกเข้า เครื่องรับสัญญาณ จากนั้นเครื่อง รับสัญญาณจะบันทึกเวลาที่คลื่น ความสั่นสะเทือนสะท้อนกลับขึ้นมา จากชั้นหิน ณ ที่ระดับความสึกต่าง กัน ซึ่งระยะเวลาที่คลื่นความสั่น สะเทือนเดินทางกระทบชั้นหินที่
- 19. นำ้ามันดิบ นำ้ามันดิบ (crude oil) เกิดจากการทับถมของ สารอินทรีย์ในระดับใต้ผิวโลก และเกิดการแปรสภาพ ซึมผ่านช่องว่างระหว่างชั้นหินขึ้นสู่ผิวโลกจนถึงชั้นหิน เนื้อแน่นที่ไม่สามารถซึมผ่านขึ้นมาได้ จะถูกกักเก็บไว้ ในชั้นหินแข็งจะพบในชั้นของหินดินดาน ซึ่งจัด เป็นหินตะกอนประเภทหนึ่ง
- 20. นำ้ามันดิบ ประเทศไทยสำารวจพบนำ้ามันดิบครั้ง แรกที่อำาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2464 แหล่งนำ้ามันดิบในประเทศไทย ที่สำาคัญในปัจจุบัน ได้แก่ แหล่งนำ้ามันดิบ เพชร จากแหล่งสิริกิต์ ที่จังหวัดกำาแพงเพชร
- 21. การกลั่นนำ้ามันดิบการกลั่นนำ้ามันดิบ นำ้ามันดิบมีลักษณะเป็นของเหลว ข้นคล้ายโคลน มีสีดำาและ มีกลิ่น ใช้ประโยชน์โดยตรงได้น้อย มาก ต้องนำาไปแยกสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนออกเป็นกลุ่มๆ ตามช่วง ของจุดเดือด โดยองค์ประกอบแต่ละ ส่วนจะแยกออกจากกันด้วยหลักของ การกลั่นลำาดับส่วน (fraction distillation)
- 22. การกลั่นลำาดับส่วนการกลั่นลำาดับส่วน นำ้ามันดิบนำ้ามันดิบ การกลั่นลำาดับส่วน เป็นกระบวน การที่ทำาให้นำ้ามันดิบได้รับความร้อนสูง ประมาณ 500 องศาเซลเซียส ทำาให้ สารทุกชนิดเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส พร้อมกัน ผ่านขึ้นไปบนหอกลั่นแล้ว ควบแน่นแยกออกเป็นส่วนๆ โดยสารที่มีจุดเดือดสูง แรงยึด เหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมาก จึง ควบแน่นเป็นของเหลวก่อน และอยู่ที่ ด้านล่างของหอกลั่น
- 26. รับปรุงโครงสร้างของโมเลกุลรับปรุงโครงสร้างของโมเลกุล ระบวนการแตกสลายะบวนการแตกสลาย ((CrackingCracking)) ป็นการทำาให้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนโมเป็นการทำาให้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนโมเ แตกออกเป็นโมเลกุลเล็ก โดยใช้ความร้อนสูงแตกออกเป็นโมเลกุลเล็ก โดยใช้ความร้อนสูง มีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสม C10H22 C8H16 + C2H6 Catalys t 500 CC
- 27. เป็นการเปลี่ยนสารประกอบเป็นการเปลี่ยนสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน โซ่ตรงเป็นไอโซไฮโดรคาร์บอน โซ่ตรงเป็นไอโซ เมอร์แบบโซ่กิ่ง หรือการเปลี่ยนเมอร์แบบโซ่กิ่ง หรือการเปลี่ยน สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง ให้เป็นสารอะโรมาติก โดยใช้ให้เป็นสารอะโรมาติก โดยใช้ ความร้อน และตัวเร่งปฏิกิริยาความร้อน และตัวเร่งปฏิกิริยาCHCH33 CHCH33-CH-CH22 -CH-CH22 -CH-CH22 -CH-CH22 -CH-CH33 CHCH33-- CH- CH- CHCH- CH- CH33 Cataly st heat ฟอร์มมิ่งฟอร์มมิ่ง ((ReformingReforming))
- 28. อลคิเลชันอลคิเลชัน ((AlkylationAlkylation)) เป็นการรวมโมเลกุลของแอลเป็นการรวมโมเลกุลของแอล เคนและแอลคีนเคนและแอลคีน โดยมีกรดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเกิดเป็นโดยมีกรดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเกิดเป็น โมเลกุลแอลเคนโมเลกุลแอลเคน ที่มีโครงสร้างแบบโซ่กิ่งที่มีโครงสร้างแบบโซ่กิ่ง CHCH33 CHCH33 CHCH33 CHCH33 CHCH33-C=CH-C=CH22 + CH+ CH33-CH-CH-CH-CH33 CHCH33-- HH22SS OO44
- 29. ลิโกเมอไรเซชันลิโกเมอไรเซชัน((OligomerizationOligomerization)) ป็นการรวมสารประกอบแอลคีนโมเลกุลเล็กเข กันโดยใช้ความร้อน หรือตัวเร่งปฏิกิริยา เก ระกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีจำานวนคาร์บอนอะต ึ้น และยังมีพันธะคู่เหลืออยู่ในผลิตภัณฑ์ CH3 CH3 -CH= CH2 + CatalCatal ystyst CH3 CH3-C-CH2- C=CH2 CH3
- 30. กำาหนดคุณภาพของนำ้ามัน เปรียบเทียบสมบัติการเผาไหม้ของ นำ้ามัน เลขออก เทน เลขซีเทน ไอโซออก เทน = 100 เฮปเทน = 0 C16H34= 100 C11H10 = 0 เบนซิน ดีเซล
- 31. แก๊สธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วย ธาตุ ถ่านคาร์บอน (C) กับธาตุ ไฮโดรเจน (H) จับตัวกันเป็นโมเลกุล โดยเกิดขึ้น เองตามธรรมชาติ จากการทับถมของ ซากสิ่งมีชีวิตตามชั้นหิน ดิน และใน ทะเลหลายร้อยล้านปีมาแล้ว เช่นเดียว กับนำ้ามัน และเนื่องจากความร้อนและ ความกดดันของผิวโลกจึง แปรสภาพ
- 32. แหล่งกำาเนิดแก๊สธรรมชาติแหล่งกำาเนิดแก๊สธรรมชาติ แก๊สธรรมชาติเกิดอยู่ใต้พื้นดิน อาจเป็นบนบกหรือใน ทะเล และอาจพบอยู่ตามลำาพัง ในสถานะแก๊สหรืออยู่รวมกับ นำ้ามันดิบ แหล่งแก๊สธรรมชาติในอ่าวไทย ประกอบด้วยแก๊ส มีเทนเป็นส่วนใหญ่ แก๊สธรรมชาติบางส่วนเกิดจากความร้อนสูงภายใน โลก ทำาให้นำ้ามันดิบที่ถูกเก็บกักไว้เป็นเวลานานเกิดการ สลายตัวเป็นแก๊สธรรมชาติอยู่เหนือชั้นนำ้ามันดิบ
- 33. ประกอบของแก๊สธรรมชาติประกอบของแก๊สธรรมชาติ แก๊สธรรมชาติที่ขุดเจาะขึ้นมามีองค์ ประกอบ 2 ส่วนคือ 1.ส่วนที่เป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนหมายชนิด ได้แก่ แก๊ส มีเทน (CH4) อีเทน (C2H6) โพรเพน (C3H8) บิวเทน (C4H10) และแก๊สเหลว 2.ส่วนที่ไม่ใช่สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน ได้แก่ แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ไอปรอท และไอ
- 34. กการแยกแก๊สธรรมชาติกการแยกแก๊สธรรมชาติ แก๊สธรรมชาติแยกส่วนที่ไม่ใช่สารประกอบไฮโดรคา ลดอุณหภูมิ เพิ่มความดัน เพื่อให้เปล สถานะเป็นของเหลว ผ่านไปยังหอกลั่นและลดความดัน เพิ่มอ เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส แก๊สมีเทน (CH4) แก๊สอีเทน (C2H6) แก๊สโพรเพน (C3H8) แก๊สหุงต้ม (LPG) (C3-C4) แก๊สธรรมชาติเหลว (C5-C6)
- 35. ยกส่วนที่ไม่ใช่สารประกอบไฮโดรคาร์บอน แยกส่วนที่ไม่ใช่สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน โดยใช้วัสดุที่มีรูพรุนดูด ซับ และแยกแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ออกโดยใช้โพแทสเซียมคาร์บอเนต (K2CO3) ดูดซับ เนื่องจากถ้าไม่แยกออก เมื่อลดอุณหภูมิตำ่ากว่า 0 องศาเซลเซียส นำ้าจะแข็งอุดตันท่อแก๊ส แล้วจึงนำาส่วนที่ เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไปแยก โดยใช้หลักการ กลั่นลำาดับส่วนต่อไป
- 36. ก๊สปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG การกลั่นลำาดับส่วน แก๊สธรรมชาติแก๊สธรรมชาติลดอุณหภูมิและเพิ่มความดัน สถานะ เป็นของเหลว สถานะ เป็นของเหลว หอกลั่นหอกลั่น ทน อีเทน โพรเพน ๊สธรรมชาติเหลว เพิ่มอุณหภูมิและลดความดัน
- 37. การใช้ประโยชน์ของแก๊ส ธรรมชาติ สารประกอบสูตรโมเลกุลร้อยละโดยปริมาตรประโยชน์ มีเทน CH4 60-80 ใช้เป็นเชื้อเพลิง อีเทน C2H4 4-10 ผลิตปุ๋ยไนโตรเจน ผลิตแอลกอฮอล์ ผลิต LPG โพรเพน C3H8 3-5ใช้เป็นแก๊สหุงต้มในบ้านเรือ เชื้อเพลิงในรถยนต์
- 38. องค์ประกอบและการใช้ประโยชน์ ของแก๊สธรรมชาติ สารประกอบสูตรโมเลกุลร้อยละโดยปริมาตรประโยชน์ บิวเทน C4H10 1-3 ใช้เป็นวัตถุดิบป้อนโรงกลั่น ผลิตสารเคมี เป็นแก๊สหุงต้ม เพนเทน C5H12 3-5 ใช้เป็นวัตถุดิบป้อนโรงกลั่น ผลิตสารเคมี เฮกเซน C6H14 0.1-1 ใช้เป็นตัวทำาละลาย
- 40. อลิเมอร์อลิเมอร์ ((POLYMERSPOLYMERS)) พอลิเมอร์ โฮโมพอ ลิเมอร์ A-A-A- A-A-A โคพอลิเมอร์ A-B-A-B-A-B ธรรมชาติ สังเคราะห์ธรรมชาติสังเคราะห์ แป้ง เซลลูโลส ยางธรรมชาติ (พอลิไอโซพรีน) ยางสังเคราะห์ พลาสติก โปรตีน พอลิเอสเตอร พอลิเอไมด์ ยางเอสบีอาร ยางสังเคราะห์
- 41. 1.พอลิเมอร์ เป็นสารอินทรีย์ที่มี มวลโมเลกุลสูงเกิดจากโมเลกุลพื้น ฐานที่เรียกว่า มอนอเมอร์ จำานวน มากเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ 2.โฮโมพอลิเมอร์ เป็นพอลิเมอร์ที่ ประกอบด้วย มอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน 3.โคพอลิเมอร์หรือพอลิเมอร์ร่วม เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์
- 42. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซ ชัน (POLYMERIZATION)พอลิเมอร์ไรเซชัน แบบควบแน่น แบบเติม เกิดจากมอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน งกันทำาปฏิกิริยากัน อย่างเช่น - NH2กับ -COOH - OH กับ -COOH พอลิเมอร์และสารโมเลกุลเล็ก เช่น O,HCl, NH3, CH3OH เกิดขึ้นด้วย เกิดจากมอนอเมอร์ที่เป สารไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่ม ตัวอย่างเช่นเอทิลีน โพร สไตรีน ไวนิลคลอไรด์ ได้ผลิตภัณฑ์เป็นพอลิเม เพียงสารเดียว
- 43. พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่เตรียมจากพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่เตรียมจาก ปฏิกิริยาปฏิกิริยา พอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติมพอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติม การผ่านของไอนำ้าได้ดี แต่ยอมให้อากาศผ่านได้เล นฟิล์มใส เหนียว ทนสารเคมี ทนกรด-เบส ปใช้ สติกชนิดใส่ของเย็น ถุงขยะ น ท่อนำ้า ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า กล่องกระดาษใส่นม 1. พอลิเอทิลีนสูตรโมเลกุล : - CH2- CH2 -
- 44. 2. พอลิโพรพิลีน สมบัติ 1. เหนียว แข็งแรง และผิวเป็นมันวาว 2. ทนต่อแรงดึง ทนต่อการขีดข่วน 3. ไม่ว่องไวต่อสารเคมี ทนนำ้า การนำาไปใช้ 1. ทำาภาชนะบรรจุสารเคมี 2. กระเป๋าเดินทาง พรม เชือก 3. เครื่องมือแพทย์ เช่น หลอดฉีดยา และ เครื่องมือ สูตรโมเลกุล : - CH2- CH - CH3
- 45. 3. พอลิไวนิลคลอไรด์ สมบัติ 1. แข็งและคงรูป ทนต่อความชื้น สาร เคมีและการขัดถู 2. ทนต่อการกัดแทะของแมลง และไม่ เป็นเชื้อรา 3. ไม่ทนความร้อนและแสง การนำาไปใช้ 1. กระเบื้องยางปูพื้น ท่อนำ้า หนังเทียม เสื้อกันฝน สูตรโมเลกุล : - CH2 - CH - Cl
- 46. อลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน(Teflon) สูตรโมเลกุล : - CF2 - CF2 - ทนสารเคมีดีทุกช่วงอุณหภูมิ ทนความร้อนได สูง าไฟฟ้า ผิวลื่นไม่ยึดติดภาชนะ ทนต่อแรงกระแ ปใช้ ผิวภาชนะหุงต้มเพื่อไม่ให้อาหารติดภาชนะ ฉ วงแหวนลูกสูบ และลูกปืนในเครื่องยนต์ สายเคเบิล สายไฟฟ้า
- 47. 5. พอลิสไต รีน สมบัติ 1. แข็งมากแต่เปราะ ไม่ทนต่อตัวทำา ละลายอินทรีย์ แต่ทนต่อกรด และเบส 2. ใส โปร่งแสง ผิวเรียบ ไม่นำาไฟฟ้า การนำาไปใช้ 1. ภาชนะบรรจุต่างๆ ที่ใช้แล้วทิ้ง ชิ้น ส่วนประกอบของตู้เย็น เครื่องเรือน ตลับเทป กล่องใสใส่
- 48. พอลิเมทิลเมทาคริเลต สมบัติ 1. ใส โปร่งแสง ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ 2. ทนต่อการขีดข่วนได้น้อยกว่าแก้ว การนำาไปใช้ 1. กระจกครอบไฟท้ายรถยนต์ 2. เลนส์แว่นตา เลนส์สัมผัส 3. ไม้บรรทัดชนิดใส วัสดุทันตกรรม สูตรโครงสร้าง : - CH2 – CH - CO2CH3
- 49. พอลิอะคริโลไนไตรด์ สมบัติ 1. แข็ง เหนียว ทนต่อความชื้น สารเคมี และเชื้อรา 2. ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ทน ต่อการขีดข่วน การนำาไปใช้ 1. ผ้าโอรอน สูตรโมเลกุล : - CH2 – CH - CN
- 51. งสร้างแบบเส้น โค้งงอได้มาก อ่อนตัวเมื่อได้รับความร้อนแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิลดลง รูปร่างกลับไปมาได้ มีความหนาแน่นและมีจุดหลอมเหลวสูง ยืดหยุ่นได้ม งสร้างแบบกิ่ง โค้งงอได้ ยืดหยุ่นได้ มีความหนาแน่นตำ่า และมีจุดหลอมเหลว อร์แบบเส้น คุณสมบัคุณสมบั ติติ
- 53. ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 1. พลาสติก เป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์ มี คุณสมบัติอ่อนตัวเมื่อได้รับความร้อนจึง ทำาให้สามารถหลอมขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ได้มากมายหลายรูป แบบ และยังเป็นวัสดุเอนกประสงค์ที่มี ประโยชน์สามารถใช้แทนวัสดุอื่นได้นานับ ประการ การศึกษาชนิดของพลาสติกทำาได้โดย การตรวจสอบสมบัติบางประการ เช่น ความ เหนียว ความแข็ง ความทนทานต่อการขีด ข่วน ความหนาแน่น การละลาย และการเผา
- 54. สติกเมื่อใช้สมบัติการอ่อนตัวเมื่อได้รับความร้อนเป ได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ ทอร์มอพลาสติก เป็นพลาสติกที่อ่อนตัวเมื่อได้รับควา หลายครั้งโดยสมบัติของพลาสติกไม่เปลี่ยนแปลง เป ร้างแบบเส้น และแบบกิ่ง เช่น พอลิเอทิลีน พอลิโพร รีน เป็นต้น ลาสติกเทอร์มอเซต เป็นพลาสติกที่ไม่อ่อนตัวเมื่อได ขึ้นรูปได้เพียงครั้งเดียว มีความแข็งมาก ทนต่อคว ดัน เปลี่ยนแปลงรูปร่างไม่ได้ เมื่อให้ความร้อนที่อุณ แตกและไหม้เป็นเถ้า เป็นพอลิเมอร์ที่มีโครงสร้างแบ มีน พอลิยูริเทน พอลิฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์
- 55. การผลิตพลาสติกโดยอาศัยแม่แบบ 5 วิธี ดังนี้ 1. การอัดแบบ (compression moulding) ทำา โดยเอาผงหรือเม็ดพลาสติก ใส่ลงไปในเบ้าของแบบที่ร้อน เมื่อพลาสติก หลอมเหลวก็ใช้แม่แบบที่ร้อน อีกอัน อัดลงไปทำาให้พลาสติกนั้นไหลเข้าเต็ม แบบ เมื่อพลาสติกเย็นลง จะแข็งตัว มีรูปทรงเหมือนแม่แบบ เช่น จาน ชาม อ่างซักผ้า 2.การฉีดเข้าแบบ (injection moulding ) ใส่ เม็ดพลาสติกลงในเครื่องที่ให้ ความร้อนเพื่อหลอมเป็นของเหลว แล้วใช้แรง
- 56. 4. การอัดแบบลมเป่า(blow moulding) ทำา โดยอัดพลาสติกเหลวเข้าไปในช่องแม่แบบที่อยู่ ด้านล่าง เมื่อแม่แบบเข้ามาประกบติดกัน จาก นั้นฉีดอากาศเข้าไปทางปลายบนของพลาสติก อากาศจะดันพลาสติกให้โป่งออกไปแนบกับแม่ แบบ เช่น ขวดพลาสติก ของเล่นสำาหรับเด็ก 5. การอัดต่อเนื่อง (extrusion) ทำาโดยใส่ เม็ดพลาสติกผงหรือเม็ดลงในเครื่องอัดแบบ เกลียวที่มีเครื่องทำาความร้อนอยู่ ทำาให้พลาสติก อ่อนตัวแล้วเกลียวในเครื่องก็จะดันพลาสติก ผ่านหัวฉีดที่มีรูปร่างต่างๆออกมาต่อเนื่องกัน
- 58. บ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ รรมชาติ ได้จากแหล่งธรรมชาติโดยตรง ดังนี้ ส้นใยจากพืช ประกอบด้วยเซลลูโลสเป็นส่วนใหญ่ ไ ของพืช เช่น จากเมล็ด ได้แก่ นุ่น ฝ้าย จากลำาต้น ได จากใบ ได้แก่ อะบากา สับปะรด ป่านศรนารายณ์ ส้นใยจากสัตว์ ประกอบด้วยโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ เช ก่ นก กระต่าย อูฐ มิงค์ ส้นใยจากสินแร่ เช่น ใยหิน
- 59. 2. เส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งทนความร้อน และทนต่อสารเคมีได้ดีกว่าเส้นใย ธรรมชาติ และทนแรงดึงสูง ดังนี้ 2.1 เส้นใยสังเคราะห์จากสารเคมี เช่น พอลิเอไมด์ พอลิเอสเทอร์ 2.2 เส้นใยที่ได้จากการนำาสาร ธรรมชาติมาปรุงแต่งขึ้นใหม่ เช่น เซลลูโลสจากพืช โปรตีนจากพืชและ สัตว์ ได้แก่ เรยอน พอลิอะคริโลไนไตรด์
- 61. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ ผลิตภัณฑ์ พอลิเมอร์สังเคราะห์ การโดยการเติมสารเพิ่มคุณสมบัติ ดัง ติมสีเพิ่มความสวยงาม ติมใยแก้วเพิ่มความแข็งแรง ทนต่อแ ะแทก เรียก ไฟเบอร์กลาส ติมผงแกรไฟต์ให้นำาไฟฟ้าได้ แปรรูปทำาเป็นวัตถุเคลือบผิว
- 62. ระโยชน์จากพลาสติกระโยชน์จากพลาสติก 1. ด้านการแพทย์ พอลิไวนิลคลอไรด์ ผลิตถุงใส่ เลือด เส้นเลือดเทียม พอลิสไตรีน ทำาหลอดฉีดยา พอลิโพรพิลีน ทำากระดูกเทียม เอ็นเย็บแผล พอลิเอทิลีน ทำาฟันปลอม ลิ้น หัวใจ กระเพาะปัสสาวะ ท่อนำ้าดี
- 63. 2.2.ด้านการเกษตรด้านการเกษตร ช้พอลิเอทิลีน ปูพื้นบ่อนำ้า าพลาสติก PVCคลุมดิน รักษาความชุ่มชื้น าตาข่ายกันแมลงในการปลูกพืชปลอดสารพิษ ช้เม็ดพลาสติกผสมในดินเหนียวให้ดินร่วนขึ้น ภาวะมลพิษที่เกิดจากการผลิต และการใช้ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี 1. ภาวะมลพิษ : ภาวะแวดล้อมที่ก่อ
- 65. ระทบจากมลพิษทางนำ้า มีดังนี้ระทบจากมลพิษทางนำ้า มีดังนี้ 1.1. ผลต่อสุขภาพผลต่อสุขภาพ อนามัยอนามัย 2.2. การประมงการประมง 3.3. การเกษตรการเกษตร กรรมกรรม 4.4. ระบบนิเวศระบบนิเวศ 5.5. อุตสาหกรรมอุตสาหกรรม
- 66. ควบคุมและป้องกันมลพิษทางนำ้าควบคุมและป้องกันมลพิษทางนำ้า 1. กำาหนดมาตรฐานนำ้าทิ้งของโรงงาน สาหกรรม 2. ออกกฎหมายบังคับให้มีระบบบำาบัด เสีย และมีบทลงโทษที่ชัดเจน 3. ลดการใช้สารมลพิษในด้านการเก สาหกรรม และอื่นๆ 4. เผยแพร่ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน
- 67. าา DO, BODDO, BOD และและ CODCOD (Dissolved Oxygen):ค่าปริมาณออกซ ในนำ้า ซึ่งในธรรมชาติ มีค่า DO 5-7 m D(Biological Oxygen Demand):ค่าปริม ทรีย์ต้องการใช้ย่อยสลายสารอินทรีย D(Chemical Oxygen Demand):ปริมาณ ต้องการ O2 ของสารเคมีที่มีอยู่ในนำ้า ค่า COD> BODเสมอ
- 68. การพิจารณา คุณภาพของนำ้า BODสูง สารอินทรีย์มาก ใช้ O2 มาก ในนำ้าเหลือ O2 อยู่น้อย ค่าค่าBOD>100 mg/lBOD>100 mg/l ปริมาณปริมาณ < 3< 3 mg/lmg/l จัดเป็นนำ้าเสียจัดเป็นนำ้าเสีย
- 69. BODตำ่า สารอินทรีย์น้อย ใช้ O2 น้อย ในนำ้ามี O2 มาก จารณาคุณภาพของนำ้า(ต่อ) ค่าค่า BOD<BOD< 100 mg/l100 mg/l ปริมาณปริมาณ OO22>> 3 mg/l3 mg/l นำ้ายังไม่นำ้ายังไม่
- 70. สูตรการคำานวณ .. ปริมาณปริมาณ OO22ในนำ้าในนำ้า(1(1 ลิตรลิตร)) = 8000CV= 8000CV V2าหนดให้ ามเข้มข้นของสารละลาย Na2S2O3(m ปริมาตรของ Na2S2O3 ที่ใช้ไทเทรต(m ปริมาตรของนำ้าตัวอย่างที่นำามาวิเคราะ 2. BOD( mg/l) = ปริมาณ O2 ที่ถูกใช้ไป(mg) ปริมาตร
- 71. มาตรฐานนำ้าทิ้งตามประกาศของมาตรฐานนำ้าทิ้งตามประกาศของ กระทรวงกระทรวง อุตสาหกรรมอุตสาหกรรม สมบัติสมบัติ//ชนิดของสารชนิดของสาร BODBOD55 pHpH อุณหภูมิอุณหภูมิ ของแข็งที่ละลายนำ้าได้ของแข็งที่ละลายนำ้าได้ ซัลไฟด์ซัลไฟด์((HH22SS)) ปริมาณสูงสุดที่อนุญาปริมาณสูงสุดที่อนุญา 20 - 60 mg/l20 - 60 mg/l 5 - 95 - 9 40 C40 C 2000 mg/l2000 mg/l 1 mg/l1 mg/l
- 72. มาตรฐานนำ้ามาตรฐานนำ้า ทิ้งทิ้ง((ต่อต่อ))สมบัติสมบัติ//ชนิดของสารชนิดของสาร ไซยาไนด์ไซยาไนด์ ((HCNHCN)) คลอรีนอิสระคลอรีนอิสระ ฟีนอลฟีนอล นำ้ามัน และไขมันนำ้ามัน และไขมัน สังกะสีสังกะสี((ZnZn)) โครเมียมโครเมียม((Cr)Cr) ปริมาณสูงสุดที่ปริมาณสูงสุดที่ อนุญาตอนุญาต 0.2 mg/lmg/l 1 mg/lmg/l 1 mg/lmg/l 5 mg/lmg/l 5 mg/lmg/l 0.5 mg/lmg/l
- 73. ตรฐานนำ้าทิ้งตรฐานนำ้าทิ้ง((ต่อต่อ)) สมบัติสมบัติ//ชนิดของสารชนิดของสาร สารหนูสารหนู ((AsAs)) ทองแดงทองแดง(Cu)(Cu) ฟอสฟอรัสฟอสฟอรัส(P)(P) นิเกิลนิเกิล(Ni)(Ni) แมงกานีสแมงกานีส(Mn)(Mn) ปริมาณสูงสุดที่อนุญาปริมาณสูงสุดที่อนุญา 0.25 mg/l0.25 mg/l 1 mg/l1 mg/l 0.2 mg/l0.2 mg/l 0.2 mg/l0.2 mg/l 5 mg/l5 mg/l
- 74. าตรฐานนำ้าทิ้งาตรฐานนำ้าทิ้ง((ต่อต่อ)) สมบัติสมบัติ//ชนิดของสารชนิดของสาร ปรอทปรอท((HgHg)) แคดเมียมแคดเมียม(Cd)(Cd) แบเรียมแบเรียม(Ba)(Ba) ซีลิเนียมซีลิเนียม(Se)(Se) ปริมาณสูงสุดที่อนุญาปริมาณสูงสุดที่อนุญา 0.0050.005 mg/lmg/l 0.030.03 mg/lmg/l 11 mg/lmg/l 0.020.02 mg/lmg/l
- 76. ารกำาจัดพลาสติกที่ใช้แล้วารกำาจัดพลาสติกที่ใช้แล้ว 1. ใช้ปฏิกิริยาทางชีวเคมี 2. ใช้สมบัติการละลายในนำ้า 3. ใช้แสงแดด 4. ใช้ความร้อน 5. นำากลับมาใช้ใหม่