1. โครงงาน หมายถึง กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วย
ตนเองตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
หรือกระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคาตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้น
แนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่จะศึกษา ค้นคว้า
ดาเนินการ วางแผน กาหนดขั้นตอนการดาเนินงาน โดยทั่วๆ ไป การทาโครงงานสามารถทาได้
ทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของ
โครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็กๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นโครงงานใหญ่ที่มีความยากและ
ซับซ้อนขึ้นก็ได้
ประเภทของโครงงาน
โครงงานสามารถแบ่งตามลักษณะของกิจกรรมได้ ๔ ประเภท ดังนี้
1.โครงงานประเภทสารวจ
โครงงานประเภทสารวจ เป็นโครงงานประเภทเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของ
ปัญหาหรือสารวจความคิดเห็น ข้อมูลที่รวบรวมได้บางอย่างอาจเป็นปัญหาที่นาไปสู่การทดลอง
หรือค้นพบสาเหตุของปัญหาที่ต้องหาวิธีแก้ไขปรับปรุงร่วมกัน เช่น โครงงานการสารวจคาที่มัก
เขียนผิด โครงงานสารวจการใช้คาคะนองในหนังสือพิมพ์ เป็นต้น

2. 2.โครงงานประเภทการทดลอง
โครงงานประเภทการทดลอง เป็นโครงงานที่ต้องออกแบบทดลอง เพื่อการศึกษาผลการ
ทดลองว่าเป็นไปตามที่ตั้งสมมติฐานไว้หรือไม่ โครงงานประเภทนี้ต้องสรุปความรู้หรือผลการ
ทดลองเป็นหลักการหรือแนวทางการปฏิบัติไว้ เช่น โครงงานการทดลองยากันยุงจากพืช
สมุนไพร โครงงานการทดลองปลูกพืชสวนครัวโดยใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
3.โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์
โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็นโครงงานที่ประยุกต์หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้าสู่
กระบวนการปฏิบัติ โดยอาศัยเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อประดิษฐ์ชิ้นงานใหม่ อาจเป็นของใช้
เครื่องประดับจากวัสดุเหลือใช้ หรือนาวัสดุท้องถิ่นที่มีมากมายมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น
โครงงานการประดิษฐ์เครื่องจักสานจากผักตบชวา โครงงานการประดิษฐ์เครื่องช่วยสอนวิชา
ภาษาอังกฤษ เป็นต้น
4.โครงงานประเภททฤษฎี
โครงงานประเภททฤษฎี เป็นโครงงานที่มีลักษณะเป็นการหาความรู้ใหม่ โดยการ
รวบรวมข้อมูลและนามาวิเคราะห์จากสถิติแล้วอภิปราย หรือเป็นโครงงานที่ศึกษาค้นคว้าข้อมูล
ที่เกิดจากข้อสงสัย อาจเป็นการนาบทเรียนมาขยายเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ความรู้ในแง่มุม
ที่กว้างและลึกกว่าเดิม เช่น โครงงานการศึกษาคาซ้อนในวรรณคดีร้อยแก้ว โครงงานการศึกษา
ข้อคิดจากเรื่องพระมโหสถชาดก เป็นต้น

3. ประโยชน์และความสาคัญของการจัดทาโครงงาน
1. ทางานตามความถนัด ความสนใจของตนเอง
http://www.learners.in.th/blogs/posts/519475
2. ฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเอง หรือร่วมกันทางานเป็นกลุ่ม
http://www.learners.in.th/blogs/posts/399402

4. 3. สามารถวางแผนการทางานเป็นระบบ
http://cmemployment.org/newtopic/pohots.asp?Po_noticeidpk=96
4. พัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
http://cubiccreative.org/summer08/

5. 5. ศึกษา ค้นคว้า และแก้ปัญหาจากการทางาน
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=357733
6. เป็นสิ่งยืนยันว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในโครงงานที่ทาจริง
ในกรณีที่ต้องนาแสดงต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
http://www.banmuang.co.th/2011/12/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9

6. 7. มีความรู้นอกเหนือจากหนังสือแบบเรียน
http://play.kapook.com/photo/show-126482
แหล่งที่มา: http://www.thaigoodview.com/node/82878
http://www.zimbio.com/Free+Criminal+Background+Check/articles/-
oAE_PcodfY/Find+Best+Criminal+Background+Check+List+Ca
http://sjunod.deviantart.com/art/Black-Background-3-77018653