SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
หลุมดำ (Black Hole)
1.หลุมดำคืออะไร
หมายถึงเทหวัตถุในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมากไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสง
เราจึงมองไม่เห็นใจกลางของหลุมดา
หลุมดาจะมีพื้นที่หนึ่งที่เป็นขอบเขตของตัวเองเรียกว่าขอบฟ้าเหตุการณ์(EventHorizon)
ที่ตาแหน่งรัศมีชวาร์สชิลด์(Schwarzchild Radius) ถ้าหากวัตถุหลุดเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์
วัตถุจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกจากขอบฟ้าเหตุการณ์ได้
แต่เป็นไปไม่ได้ที่วัตถุใดจะมีความเร็วมากกว่าแสงวัตถุนั้นจึงไม่สามารถออกมาได้อีกต่อไป
เมื่อดาวฤกษ์ที่ มีมวลมหึมาแตกดับลงมันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดามืดที่สุด
ทว่ามีอานาจทาลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลังนักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า “หลุมดา”
2.กำรเกิดหลุมดำ
การเกิดหลุมดาในเอกภพโดยทั่วไปก็คือการเกิดการยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วง(Gravitational
Collapse) ของดวงดาว(ดาวฤกษ์)
เพราะว่าดวงดาวที่มีอยู่ในเอกภพจะอยู่ในสภาพที่มีสมดุลระหว่างแรง 2
ชนิดที่มีอยู่ในตัวมันเองก็คือแรงผลักออกจากการที่มีปฏิกิริยานิวเคลียร์(NuclearReaction)
ที่อยู่ในใจกลางของดวงดาวและแรงดึงดูดเข้าสู่ศูนย์กลางที่เกิดจากขนาดของมวล
(Gravitatational Pull) ซึ่งเมื่อดวงดาวได้เผาผลาญพลังงานนิวเคลียร์ภายในของมันจนหมด
แรงผลักออกก็ไม่สามารถที่จะต้านแรงดึงเข้าสู่จุดศูนย์กลางได้
ก็จึงทาให้เกิดการยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงนั่นเอง
ดวงอาทิตย์ของเราในระบบสุริยะก็สามารถยุบตัวเป็นหลุมดาได้
แต่ยังเป็นเวลาอีกนานมากเพราะมันจะต้องผ่านการวิวัฒนาการอีกหลายขั้นตอน
โดยปกติการยุบตัวของดวงดาวจะมีความสมมาตรเชิงทรงกลม(SphericalSymmetry)
เพราะเป็นการยุบเข้าสู่ใจกลางโดยตรงซึ่งก็จะเกิดเป็นหลุมดาชนิดที่ง่ายที่สุดที่เรียกว่า
หลุมดาชว๊าซชิลด์(SchwarzschildBlack Holes)
ถ้าการยุบตัวของหลุมดามีประจุติดไปด้วยและยังมีความสมมาตรเชิงทรงกลม
เราจะได้หลุมดาที่เรียกว่าหลุมดาไรส์เนอร์-นอร์ดสเตริม (Reissner-Nordstrom black holes)
และถ้าในระหว่างการยุบตัวมีการหมุนเข้ามาเกี่ยวข้องผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นหลุมดาเคอร์(Kerr
black hole) และถ้าการยุบตัวแบบนี้มีประจุรวมอยู่ด้วยเราจะเรียกมันว่าหลุมดาเคอร์-นิวแมน
(Kerr-Newman black hole) สาหรับการยุบตัวที่ไม่มีสมมาตรเชิงทรงกลม(non-spherical
symmetry) จะเกิดการแผ่คลื่นแรงโน้มถ่วง(gravitationalwaves)
ชื่อของหลุมดาประจุ(Q) โมเมนตัมเชิงมุม (L)
หลุมดาชวาซชิลด์(Schwarzschildblack holes) ไม่มี ไม่มี
หลุมดาเคอร์(Kerr black holes) ไม่มี มี
หลุมดาไรส์เนอร์-นอร์ดสเตริม (Reissner-Nordstr?m black holes) มี ไม่มี
หลุมดาเคอร์-นิวแมน(Kerr-Newman black holes) มี มี
3.ประเภทของหลุมดำ
1.หลุมดาจิ๋ว(Mini black holes) หลุมดาพวกนี้ มีขนาดราว 10-15
เมตรเป็นหลุมดาที่มีมวลเพียงไม่กี่ร้อยล้านตันมีขนาดเล็กเพียงขนาดของอะตอมเท่านั้น
เกิดขึ้นหลังจากเกิดบิ๊กแบงได้ไม่นานหลุมดาชนิดนี้จะมีอายุสั้นและจะสลายตัวด้วยการระเบิด
แล้วปลดปล่อยรังสีแกมมาออกมา
2.หลุมดาที่เกิดจากวิวัฒนาการของดวงดาวหรือหลุมดาที่ เกิดจากดาวฤกษ์ที่ตายแล้ว(Stellar
black holes) เมื่อดาวฤกษ์ที่มวลมากๆถึงคราวหมดอายุไขจะเกิดการระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา
หากหลังการระเบิดยังหลงเหลือมวลสารที่ใจกลางของดาวมากกว่า3เท่าของดวงอาทิตย์
มวลใจกลางดาวนั้นจะยุบตัวต่อลงเป็นหลุมดา
หลุมดาประเภทนี้เกิดจากดาวยักษ์แดง(Redgiantstars) ที่มีมวลมากกว่า3เท่าของ
มวลของดวงอาทิตย์ตามวิวัฒนาการของดวงดาว(Stellar evolution)
ส่วนดาวที่มีมวลน้อยกว่านี้ก็จะวิวัฒนาการไปสู่ดาวแคระขาว(whitedwarfs) หรือ
ดาวนิวตรอน(neutron stars) หลุมดาประเภทนี้เกิดจากการที่ดาวฤกษ์เผาผลาญพลังงานทุกอย่าง
จนหมดสิ้นทาให้เกิดการยุบตัวเป็นsingularity (หมายถึงบริเวณที่เป็นอนันต์)
ซึ่งถือว่าเป็นจุดตรงกลางของหลุมดาในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอสไตน์ singularity
จะเกิดขึ้นได้เมื่อดวงดาวได้ยุบตัวจนถึงรัศมีชว๊าซชิลด์(Schwarzschildradius) หรือ เรียกว่า
ขอบเขตแห่งเหตุการณ์(Eventhorizon) ซึ่งเป็นขอบเขตที่ไม่มีอะไรสามารถหลุดพ้นออกมาได้
(ยกเว้นแต่ว่าใครจะทาความเร็วได้มากกว่าความเร็วแสง
แต่ความเป็นไปได้ก็ถูกจากัดโดยทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอสไตน์ที่กล่าวว่า
ไม่มีสิ่งใดที่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าความเร็วแสง)
3.หลุมดายักษ์หรือหลุมดามวลยิ่งยวด(Supermassiveblackholes)
หลุมดาจาพวกนี้จะมีมวลมากมายมหาศาล
อาจมีมวลมากนับเป็นหลายพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์
ส่วนใหญ่จะพบหลุมดามวลยิ่งยวดอยู่ใจกลางของควอซ่าร์(Quasars) ซึ่งเป็นใจกลางของ galaxy
ที่มีการระเบิดเกิดขึ้นและมันดูดดาวจานวนนับพันล้านดวงรวมถึงก๊าซและฝุ่นในอวกาศ
หรือแม้กระทั่งดาวเคราะห์เข้าไปด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่าหลุมดามวลยิ่งยวด
4.ผลของการตกลงไปในหลุมดา
ในส่วนนี้จะเป็นการอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีบางสิ่งตกลงไปในหลุมดาชวาร์สชิลด์
ที่เป็นเป็นไม่หมุนและไม่มีประจุ
ส่วนหลุมดาที่หมุนและมีประจุจะมีความยุ่งยากที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อตกลงไป
– กระบวนกำรสปำเกตตี้
วัตถุที่อยู่ภายใต้แรงดึงดูดขนาดใหญ่จะสัมผัสได้ถึงแรงไทดอล(tidalforce)
ที่ทาให้มันไปในทิศทางของวัตถุที่ก่อให้เกิดสนามโน้มถ่วง
นี่อาจจะเกิดจากกฎกาลังสองผกผันทาให้ส่วนที่ใกล้กว่าของวัตถุที่ถูก
แผ่ออกสัมผัสกับแรงดึงดูดได้เร็วกว่าส่วนที่อยู่ไกลกว่าใกล้ๆกับหลุมดา
แรงไทดอลจะถูกคาดหวังว่าจะเพียงพอที่จะทาให้วัตถุตกลงไปไม่ว่าจะเป็นอะตอม
หรือนิวคลีออน เรียกปรากฏการณ์นี้ว่ากระบวนการสปาเกตตี้(spaghettification)
กระบวนการสปาเกตตี้ นี้จะเริ่มจากวัตถุที่ตกลงไปในหลุมดาจะแยกเป็นสองส่วน
และจากนั้นแต่ละส่วนก็จะแยกออกเป็นอีกสองส่วนรวมเป็นสี่แล้วก็แยกเป็นแปด
กระบวนการแยกออกเป็นสอง(bifurcation) นี้จะดาเนินไปเรื่อย ๆ
และผ่านจุดที่จะแยกวัตถุต้นแบบในระดับอะตอม
และสุดท้ายกระบวนการนี้จะทาให้วัตถุกลายเป็นสตริงของอนุภาคพื้นฐาน
ความแรงของ tidalforce
ของหลุมดาขึ้นกับค่าความโน้มถ่วงนั้นเปลี่ยนแปลงระยะอย่างไรมากกว่าที่จะคิดถึง
แรงสัมบูรณ์ที่ตกลงไป
นั่นหมายความว่าหลุมดาขนาดเล็กจะเกิดปรากฏการณ์สปาเกตตี้เมื่อวัตถุที่ตกลง
ไปนั้นยังอยู่ภายนอกขอบฟ้าเหตุการณ์
ขณะที่วัตถุที่ตกลงไปในหลุมดาขนาดใหญ่นั้นอาจไม่ผิดแผลกแตกต่างไป
หรืออาจจะไปสัมผัสแรงขนาดใหญ่ที่ผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไป
-ก่อนที่วัตถุที่ตกลงไปจะข้ามขอบฟ้าเหตุการณ์
วัตถุที่อยู่ในสนามความโน้มถ่วงจะมีเวลาที่ช้าลงเรียกว่าการยืดของช่วงเวลาจากความโน้มถ่วง
และมีลักษณะที่แดงและมืดทึบลงเนื่องจากเกิดการเลื่อนของสเปกตรัมไป
ในทิศทางที่มีความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นเรดชิฟท์ที่เกิดขึ้นโดยความโน้มถ่วงจากหลุมดา
ในที่สุดวัตถุนั้นจะค่อนข้างมืดลงไปจนไม่สามารถมองเห็นได้
-อะไรทำให้สสำรหลุดจำกหลุมดำไม่ได้
วัตถุสามารถเคลื่อนที่ ในทิศทางใดก็ได้เมื่ออยู่ห่างจากหลุมดาภายใต้ความเร็วแสง
ยิ่งใกล้หลุมดาเข้ามาพื้นผิวจะเริ่มบิดเบี้ยว
ทางที่จะเข้าสู่หลุมดาจะมีมากกว่าทางที่จะหลุดออกจากหลุมดา ภายในขอบฟ้าเหตุการณ์
เส้นทางทั้งหมดจะดึงอนุภาคเข้าใกล้ศูนย์กลางของหลุมดา
ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะหลุดออกมาได้อีก
เหตุผลที่นิยมจะนามาอธิบายปรากฏการณ์หลุมดาก็คือแนวคิดเกี่ยวกับความเร็วหลุดพ้น
ความเร็วนี้เป็นที่ต้องการสาหรับการเริ่มต้นที่ผิวของวัตถุขนาดใหญ่เพื่อที่
จะหลุดจากสนามโน้มถ่วงของวัตถุใดๆ
แนวคิดนี้มาจากกฎความโน้มถ่วงของนิวตันที่ความเร็วหลุดพ้นของวัตถุหนาแน่น
เพียงพอจะเท่ากับหรือมากกว่าความเร็วแสง
มีการกล่าวอ้างว่าไม่มีอะไรที่จะมากกว่าความเร็วแสงได้
จึงสรุปได้ว่าไม่มีสสารใดจะสามารถหนีจากวัตถุที่หนาแน่นขนาดนี้ได้

More Related Content

Featured

How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
ThinkNow
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Kurio // The Social Media Age(ncy)
 

Featured (20)

Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
 

หลุมดำ