Black hole
- 1. ชื่อนาย พลอธิป พิศภา ชั้น ม.5/3 เลขที่ 16
Black Hole
หมายถึงเทหวัตถุในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก
ไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสง เราจึงมองไม่เห็นใจกลางของหลุมดา
หลุมดาจะมีพื้นที่หนึ่งที่เป็นขอบเขตของตัวเองเรียกว่าขอบฟ้ าเหตุการณ์ที่ตาแหน่งรัศมีชวาร์สชิลด์ ถ้าหากวัตถุหลุดเข้าไปในขอ
บฟ้ าเหตุการณ์ วัตถุจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกจากขอบฟ้ าเหตุการณ์ได้
แต่เป็นไปไม่ได้ที่วัตถุใดจะมีความเร็วมากกว่าแสง วัตถุนั้นจึงไม่สามารถออกมาได้อีกต่อไป
เมื่อดาวฤกษ์ที่มีมวลมหึมาแตกดับลง มันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดามืดที่สุด ทว่ามีอานาจทาลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลัง
นักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า "หลุมดา" เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดาด้วยกล้องโทรทรรศน์ใดๆ
เนื่องจากหลุมดาไม่เปล่งแสงหรือรังสีใดเลยแต่สามารถตรวจพบได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุ และคลื่นโน้มถ่วงของหลุมดา
(ในเชิงทฤษฎีโครงการ แอลไอจีโอ) และจนถึงปัจจุบันได้ค้นพบหลุมดาในจักรวาลแล้วอย่างน้อย 6แห่ง
หลุมดาเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว
สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเ
คลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเรียกว่าเอกภาวะ
หลุมดาแบ่งได้เป็น 4ประเภท
คือ หลุมดามวลยวดยิ่ง เป็นหลุมดาในใจกลางของดาราจักร, หลุมดาขนาดกลาง, หลุมดาจากดาวฤกษ์ ซึ่งเกิดจากการแตกดับของ
ดาวฤกษ์, และ หลุมดาจิ๋วหรือหลุมดาเชิงควอนตัม ซึ่งเกิดขึ้นในยุคเริ่มแรกของเอกภพ
ตามทฤษฎีโนแฮร์ หลุมดามีคุณสมบัติทางกายภาพที่แยกออกจากกัน 3ประการ
ได้แก่มวล ประจุไฟฟ้ าและโมเมนตัมเชิงมุมหลุมดาสองหลุมใดๆ
ที่มีค่าคุณสมบัติทั้งสามเท่ากันจะไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างกันได้เลย ซึ่งไม่เหมือนกับวัตถุทางดาราศาสตร์อื่น ๆ
เช่นดาวฤกษ์ ที่มีค่าคุณสมบัติมากมายจนอาจจะนับไม่ถ้วน
แสดงว่าในการยุบตัวของดาวฤกษ์จนกลายไปเป็นหลุมดานั้นมีข้อมูลของคุณสมบัติที่สูญหายไปเป็นจานวนมหาศาล
แต่นัยยะหนึ่งในการศึกษาทฤษฎีทางกายภาพ ข้อมูลก็เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ไม่มีวันสูญหาย
การที่ข้อมูลคุณสมบัติของหลุมดาสูญหายไปเกือบหมดจึงเป็นเรื่องน่าพิศวง
นักฟิสิกส์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า พาราดอกซ์ข้อมูลของหลุมดา
ทฤษฎีโนแฮร์ได้สร้างสมมติฐานบางอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติของเอกภพและสสารที่อยู่ในเอกภพ สมมติฐานอื่นๆ
จะนาไปสู่บทสรุปที่ต่างไป ตัวอย่างเช่น ถ้าธรรมชาติยอมให้มีแม่เหล็กขั้วเดียวซึ่งเป็นไปได้ในทางทฤษฎีแต่ไม่เคยถูกสังเกตพบ
ก็น่าจะเป็นไปได้ที่หลุมดาจะมีประจุแม่เหล็กแต่ถ้าเอกภพมีมากกว่า 4มิติ(เหมือนที่กล่าวไว้ในทฤษฎีสตริง)