SlideShare a Scribd company logo
1 of 36
Technology Digital
BigData01
Blockchain02
Cryptocurrency03
Internet of things04
Fintech05
SEM (Search Engine Marketing)06
SEO (Search Engine Optimization)07
08 Computer
Big Data
Big Data คือ ปริมาณข้อมูลที่มาก มีความ
ซับซ้อน โดยเฉพาะที่มาจากแหล่งข้อมูลใหม่ๆ
ด้วยปริมาณที่มากมายมหาศาลทาให้ไม่สามารถประเมินและ
วิเคราะห์ด้วยวิธีการ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์แบบเดิมๆ
แต่ข้อมูลมากมายมหาศาลเหล่านี้สามารถนามาใช้ประโยชน์
ได้ในทางธุรกิจที่ในอดีตไม่สามารถใช้ได้
Big Data ( 5V + 1C )
ปริมาณของข้อมูลซึ่งสาคัญมาก ๆ
โดยตัดสินจากคุณค่าและ
ความสาคัญของข้อมูล
Volume
ชนิดของข้อมูลที่มากมาย
หลากหลายรูปแบบซึ่งต้องรู้ และ
เข้าใจ เพื่อให้สามารถทาการ
วิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง
Variety ความเร็วของการสร้างข้อมูล และ
ประมวลผลข้อมูล
ว่าตรงตามความต้องการหรือไม่
Velocity
เรื่องความไม่เข้ากันของข้อมูลมัน
สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ซึ่งมันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้
ดังนั้นจาเป็นต้องมีกระบวนการ
เพื่อดักจับ และแก้ไขให้ทันท่วงที
Variability
ว่าด้วยเรื่องคุณภาพของข้อมูล ถ้า
คุณภาพแย่การวิเคราะห์ก็จะแย่
ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรื่องที่มาของ
ข้อมูลจึงมีความสาคัญอย่างมาก
Veracity
การจัดการข้อมูลแบบนี้มันมีความ
ซับซ้อนสูงอย่างมาก ทั้งมีจานวน
มากมาย ทั้งมีรูปแบบต่างกัน ทั้งมี
ที่มาต่างกัน ดังนั้นจึงต้องมี
กระบวนการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ
Complexity
ประโยชน์ที่จะนำ Big Data ไป
ใช้ มี 3 เรื่องใหญ่คือ
1. ลดค่าใช้จ่าย ช่วยตัดสินใจ สร้างโอกาสให้ธุรกิจ
2. การออกโปรดักส์หรือบริการใหม่ มีข้อมูลทาให้ออก
ผลิตภัณฑ์ได้ถูกใจลูกค้า แม้อาจไม่ได้ดีที่สุดก็ตามซึ่งองค์กร
ขนาดใหญ่จะใช้ big data มาวิเคราะห์ตลาด แม้แต่
วิเคราะห์คู่แข่ง และดูพฤติกรรมลูกค้าสนใจอะไรใช้วัดเสียง
สะท้อนผู้บริโภค
3. การมีข้อมูลทาให้ออกผลิตภัณฑ์ได้รวดเร็วกว่า และถูกใจ
ลูกค้ากว่า แม้อาจไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม
Big Data ได้
กลายเป็นทุนหรือทรัพย์สินไปแล้วใน
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางบริษัท
มูลค่าของบริษัทเกิดมาจากข้อมูลของ
เขา และในขณะนี้เขาก็วิเคราะห์และ
ประมวลผลเพื่อเพิ่มมูลค่าของข้อมูลให้
สูงขึ้นไปอีก
นอกจากนั้น เอสเอ็มอียังใช้ Customer Demand เช่น คุยกันถึงอาหารเสริมว่าอย่างไร
ต้องมีเทคโนโลยีมาช่วย learn execute data และ workflow ที่พัฒนามาจับข้อความ
ต่างๆ เช่น ร้านค้ามีข้อมูลย้อนหลัง 2 ปีพบช่วงสงกรานต์จะมีคนซื้อของบางอย่างเป็นจานวนมากก็จะช่วยให้
วางแผนสต็อกสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
หรือถ้ามีมากกว่านั้นคือ ทั้งรูปถ่ายและชื่อลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็จะให้บริการได้อีกอย่างที่เหนือขึ้นไป
ทาให้ได้ consumer experience ซึ่งเป็น
big data ที่ทาบน excel เท่านั้น เพียงกรอกข้อมูลให้ครบ มี value มีข้อมูลเป็นจานวนมากถึง
จะวิเคราะห์ได้
ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรม
ออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่เก็บ
สถิติการทาธุรกรรมทางการเงิน และสินทรัพย์ชนิด
อื่นๆ อีกในอนาคต
โดยไม่มีตัวกลางคือสถาบันการเงิน หรือ
สานักชาระบัญชี ระบบ Blockchain จะไม่มี
ตัวกลางอย่างที่เคยเป็นมายกตัวอย่างการทาธุรกรรม
ด้วย Bitcoin จะมีรหัส Token สร้างขึ้นมา
เพื่อสื่อสารกับ Blockchain
และทาการตรวจสอบว่า Bitcoin
นั้นๆ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ก่อนที่จะทาธุรกรรมให้
สาเร็จต่อไป
เท่ากับว่า Blockchain เป็นระบบโครงข่ายใน
การทาธุรกรรมต่างๆซึ่งตัดตัวกลางอย่างสถาบันการเงินที่มีอยู่
ในโลกปัจจุบันออกไป ซึ่งทาให้ต้นทุนการทาธุรกรรมถูกลง
และอาจจะส่งผลให้สถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง รวมไปถึง
สานักชาระบัญชีต่างๆไม่จาเป็นต้องมีอีกในอนาคตได้เลย
หากเทคโนโลยีนี้เข้ามาแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์
บล็อกเชน ถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่วงการเงินดิจิทัล
ธุรกิจการเงิน - ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆ ที่บล็อคเชนถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ตัวอย่างชัดๆก็คือ โครงการอินทนนท์
ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะใช้บล็อกเชนมาแทนเครือข่ายบาทเน็ตที่ใช้ระหว่างธนาคาร หรือโครงการ
JFIN ของทางเจมาร์ท (JMART) นาบล็อกเชนมาจัดการเรื่อง ข้อมูลลูกค้าและ Credit Score
บนระบบกู้ยืมทางออนไลน์
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์- ในหลายๆ ประเทศ เช่น มอลต้า อังกฤษ UAE
มีการนาบล็อกเชนมาเก็บข้อมูลแทนโฉนด(Land Registry)
หรือการนาบล็อกเชนมาช่วยในการแบ่งการเป็นเจ้าของ(Asset Tokenization)
แนวคิด Blockchain
เริ่มกลับมาเป็นกระแสที่ต้องจับตามมองอีกครั้ง พร้อมมีการพัฒนาใหม่ๆ
ไปสู่การใช้งานที่มากกว่าการทาธุรกรรม Bitcoin ในอดีตที่ไม่ได้รับการยอมรับมากนัก
ผนวกรวมกับกระแสการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ที่ใช้แนวคิด อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things)
จาเป็นต้องมีการจัดการ ดูแลอย่างการรักษาความปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ
และความจาเป็นที่จะต้องบันทึกฐานข้อมูลของการติดต่อต่างๆ เหล่านั้น
ทาให้เทคโนโลยีอย่าง Blockchainที่ให้ความสาคัญกับความเป็นส่วนบุคคลจะกลายมาเป็นตัวช่วยสาคัญของ
การใช้งานดังกล่าว
โดยลดขั้นตอนระบบการทางานให้เรียบง่ายขึ้น มีการยืดหยุ่นที่สูงขึ้นรวมทั้งการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่าง
รวดเร็ว
กำรทำงำนของ Blockchain
เมื่อมีการร้องขอให้ทา
transaction
transaction
Transaction
ถูกแพร่ไปยังเครือข่าย
เครือข่ายตรวจสอบการทา
ธุรกรรมโดยใช้อัลกอริทึม
กำรทำงำนของ Blockchain
Transaction
ถูกผนึกเข้ากับ
transaction อื่นๆ
บล็อกใหม่จะถูกเพิ่มเข้าไปใน
Blockchain อย่าง
โปร่งใสและจะแก้ไขอีกไม่ได้
เมื่อทาถูกต้องครบทุก
ขั้นตอนการทาธุรกรรมนั้น
จึงจะสมบูรณ์
ยกตัวอย่ำงกำรประยุกต์ใช้
เช่น วงการอสังหาริมทรัพย์สามารถประยุกต์ใช้ทา Smart
contract โดยถ้าสัญญาอยู่ในบล็อกเชน ทุกคนจะเห็นข้อมูลตรงกัน
เราจึงสามารถไว้ใจให้ระบบ Automate ปฏิบัติงานใดๆ ตามที่ระบุไว้
ในสัญญาได้นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้ได้อีกมากมาย ดังที่มีการสรุปไว้
ในแผนภาพนี้
Cryptocurrency
ก็คือ “สกุลเงินที่ถูกเข้ารหัส” ที่ทางานบนระบบ “Blockchain” เป็นสกุลเงินที่
จับต้องไม่ได้ทางานผ่านคอมพิวเตอร์โดยจะมีชุดรหัสแฮชเป็นตัวยืนยันความถูกต้องของสกุลเงินนี้
ถูกออกแบบให้กระจายข้อมูลที่เข้ารหัสออกเป็นส่วนย่อยๆ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีศูนย์กลาง
(decentralized) และป้องกันการควบคุมจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง Crypto
Currency ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการพึ่งการควบคุมโดยผ่านศูนย์กลาง
(centralized) ตัวกลางที่พูดถึงก็คือธนาคาร , รัฐบาล หรืออื่นๆ
Cryptocurrency List : สกุลเงินดิจิตอล มีอะไรบ้ำง ที่สำคัญๆ
สาหรับ Bitcoin หรือ "บิตคอยน์" เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่เก่าแก่ที่สุดอายุของมันก็หลัก 20 ปีเข้ามาแล้ว ซึ่ง
หลังจากความสาเร็จของ Bitcoin ได้เป็นที่ประจักษ์มันก็ตามมาด้วย Cryptocurrency ที่มีชื่อว่า
"Namecoin" ในปี 2011 ซึ่งพอหลังจากที่สามารถมีคนสร้างสกุลดิจิตอลเจ้าที่ 2 ได้
มันก็นาไปสู่การเพิ่มจานวนขึ้นอย่าง "มหาศาล" ของสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในปัจจุบันมี
Cryptocurrency เป็นหล้กร้อย ที่มีปริมาณการซื้อขายกันอยู่ตลอด ซึ่งส่วนมากสร้างขึ้นบนหลักการของการกระจาย
อานาจ เหรียญส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกกากับดูแลโดยองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินแบบดั้งเดิม (Fiat Currency)
ที่จะถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง ที่ตามปกติจะดาเนินงานโดยเป็นอิสระจากรัฐบาล แต่รัฐบาลหลายแห่งชาติก็ใช้อานาจในการ
ควบคุมธนาคารกลางเช่นกัน ทาให้ Fiat Currency ตกอยู่ในความเสี่ยงตามมมุมมองของผู้ที่สนับสนุน
Cryptocurrency
สัญลักษณ์ของ Cryptocurrency มีอะไรบ้ำง
Bitcoin เทียบกับ Dollar : BTC/USD
Ether เทียบกับ Dollar : ETH/USD
Bitcoin Cash เทียบกับ Dollar : BCH/USD
Litecoin เทียบกับ Dollar : LTC/USD
Ripple เทียบกับ Dollar : XRP/USD
ในจุดนี้ จะเป็นรายการของ สกุลเงินดิจิตอล ทั้งหมด ที่สาคัญๆ
โดยการเทรดในตลาดเราจะไม่ได้ใช้ชื่อเต็มๆ แต่เป็นตัวอักษรย่อ และ
เทียบมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
Bitcoin เทียบกับ Euro : BTC/EUR
Ether เทียบกับ Euro : ETH/EUR
Bitcoin เทียบกับ Euro : BCH/EUR
Litecoin เทียบกับ Euro : LTC/EUR
Ripple เทียบกับ Euro : XRP/EUR
คล้ายๆ กับกรณีข้างต้น สกุลเงินยูโรก็ได้รับความนิยมทั่วโลก
สัญลักษณ์ของเหรียญต่างๆ เป็นยูโร ศึกษาได้ตามนี้
สกุลเงินดิจิตอลถือเป็นสัญญาว่าจะทาให้การโอนเงินง่ายขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย
เพื่อทาธุรกรรมได้ง่ายขึ้นโดยไม่จาเป็นต้องมีบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เช่นธนาคาร
หรือบริษัทบัตรเครดิต การโอนเหล่านี้อานวยความสะดวกผ่านการใช้กุญแจ
สาธารณะและกุญแจส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย
ในระบบสกุลเงินดิจิตอลที่ทันสมัย "กระเป๋ าเงิน" หรือที่อยู่บัญชี
ของผู้ใช้มีรหัสสาธารณะและใช้กุญแจส่วนตัวในการเซ็นธุรกรรม การโอนเงิน
เสร็จสิ้นด้วยค่าธรรมเนียมการดาเนินการขั้นต่าทาให้ผู้ใช้สามารถหลีกเลี่ยง
ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากธนาคารและสถาบันการเงินส่วนใหญ่สาหรับการ
โอนเงินได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสกุลเงินดิจิตอลเป็นสิ่งเสมือนจริงและไม่มีที่เก็บ
ส่วนกลางทาให้ความสมดุลของเงินดิจิตอลจะถูกลบออกจากส่วนของความ
ผิดพลาดในคอมพิวเตอร์ หากไม่มีสาเนาสารองของการถือครองหรือถ้าหากใคร
สูญเสียกุญแจส่วนตัวไป
ในขณะเดียวกันนี้จะไม่มีหน่วยงานใดๆไม่ว่าจะเป็นองค์กรกลาง,
รัฐบาลหรือบริษัทใดๆที่จะสามารถเข้าถึงทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวได้ลักษณะ
ของการทาธุรกรรมของสกุลเงินดิจิตอลกึ่งไม่ระบุชื่อทาให้เหมาะสาหรับโฮสต์
ของกิจกรรมที่เลวร้ายเช่นการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี
ข้อดีของสกุลเงินดิจิตอ(Cryptocurrency)
ข้อเสียของสกุลเงินดิจิต(Cryptocurrency)
Internet of things
ในทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวัน
ของเรามากขึ้น สิ่งของที่เราใช้มักเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตอยู่เสมอเห็น
ได้จากโทรศัพท์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ยานพาหนะ หรือ
แม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างในบ้านที่มีการพัฒนาให้ฉลาดและ
อานวยความสะดวกต่อผู้ใช้มากขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบ
อินเทอร์เน็ตได้Internet of Things (IoT) หรือ
“อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง” หมายถึงการที่วัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่ง
ปลูกสร้าง และสิ่งของต่างๆ ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์
เซ็นเซอร์ มีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ทาให้อุปกรณ์เหล่านี้เก็บบันทึกและรับส่งข้อมูลระหว่าง
กันได้มนุษย์จึงสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์จากระยะไกล
ได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่แล้วจะทาให้
สามารถผสานระบบอินเทอร์เน็ตกับโลกทางกายภาพได้มากขึ้น IoT มี
ชื่อเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to
Machine คือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่ออุปกรณ์กับ
เครื่องมือต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันนั่นเอง
แนวคิด Internet of Things
แนวคิดเรื่อง Internet of Things คิดขึ้นโดย เควิน
แอชตัน (Kevin Ashton) ซึ่งเป็นบุกเบิกเทคโนโลยีของอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ข้อมูล
อัตโนมัติที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา ซึ่ง
สร้างระบบมาตรฐานสากลสาหรับRFID* ที่ในขณะนั้นถือเป็นมาตรฐาน
โลกสาหรับการจับสัญญาณเซ็นเซอร์ต่าง ๆ (RFID Sensors) และ
เป็นผู้เริ่มต้นโครงการ Auto-ID Center ซึ่งทาให้ตัวเซ็นเซอร์
เหล่านั้นสามารถเชื่อมต่อกันได้เควิน แอชตัน
ได้ใช้คาว่า Internet of Things ในสไลด์การ
บรรยายของเขาเป็นครั้งแรก โดยนิยามเอาไว้ตอนนั้นว่าอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ใดก็ตามที่สามารถสื่อสารกันได้ได้ก็ถือเป็น“internet-
like” หรือพูดง่ายๆก็คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารแบบเดียวกับกับ
ระบบอินเตอร์เน็ตนั้นเอง โดยคาว่า “Things” ก็คือคาใช้แทนอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆเหล่านั้นและเขายังกล่าวไว้ว่า Internet of
Things อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตและอาจจะ
มากกว่าที่อินเทอร์เน็ตเคยทา
อุปกรณ์ที่เป็น
Internet of Things
“Things หรือ สรรพสิ่ง” ในความหมายของ
Internet of Things สามารถหมายถึงอุปกรณ์ที่แตกต่าง
หลากหลาย เช่น อุปกรณ์วัดอัตราหัวใจแบบฝังในร่างกายแท็กไบโอ
ชิปที่ติดกับปศุสัตว์ยานยนต์ที่มีเซ็นเซอร์ในตัว อุปกรณ์วิเคราะห์ดีเอ็น
เอในสิ่งแวดล้อมหรืออาหาร อุปกรณ์ภาคสนามที่ช่วยในการทางาน
ของนักผจญเพลิงในภารกิจค้นหาและช่วยเหลือ อุปกรณ์เหล่านี้จะ
จัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้วยการใช้เทคโนโลยีหลากหลายชนิด
และจากการส่งต่อข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อื่นๆ โดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ดี Internet of Things นี้ไม่ได้เป็นเพียง
ส่วนขยายของอินเทอร์เน็ต ที่เรารู้จักกันอยู่เท่านั้น แต่จะเกิดเป็นโครงสร้าง
พื้นฐานใหม่ของตนได้โดยพึ่งพาอยู่กับอินเทอร์เน็ตซึ่งการเกิดประโยชน์จะ
เป็นในรูปแบบพึ่งพากับบริการหรือธุรกิจใหม่ และจะสามารถครอบคลุม
การสื่อสารในหลายรูปแบบ เช่น เครื่องสู่เครื่อง เครื่องสู่คนเป็นต้น
Fintech
เทคโนโลยีทางการเงิน การบริการ และการลงทุนถ้า
ย้อนเวลากลับไปถามคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกซัก20 ปีที่แล้ว การ
บอกว่าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้โดย
ไม่ต้องไปที่ธนาคาร
คงถูกมองด้วยความสงสัยเพราะบริการหรือ
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินดูช่างซับซ้อนเกินกว่าที่คนทั่วไปจะมีอานาจ
จัดการ แต่ในวันนี้ การเข้าถึงบริการทางการเงินการลงทุน หรือ
แม้แต่เรื่องยากๆ แบบการขอสินเชื่อก็สามารถทาได้ด้วยตัวเองง่าย
ๆ เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย
ยิ่งขึ้น
ฟินเทค (Fintech) Financial Technology คือ
การนาเอา
เทคโนโลยีมาใช้กับ
การเงินในการสร้าง
นวัตกรรมใหม่ เพื่อเป็น
สินค้า บริการ การ
แก้ปัญหาทางการเงิน
รวมถึงเป็นแนวทางในการ
ประกอบธุรกิจใหม่ ๆ ทา
ให้การจัดการ และการ
เข้าถึงทางการเงินเป็นไป
ได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยี
เทคโนโลยีทางการเงิน
มีจุดเริ่มต้นจาก
การนาระบบคอมพิวเตอร์
มาใช้ในระบบงานของ
ธนาคาร เมื่อเทคโนโลยี
เติบโตขึ้นพร้อม ๆ กับ
ความสามารถในการเข้าถึง
ของบุคคลทั่วไป
โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนที่
ถือเป็น Disrupter
แห่งยุค
ก็ทาให้อานาจ
ในการทาธุรกรรมและ
เข้าถึงบริการทางการเงิน
ไม่ถูกจากัดอยู่กับสถาบัน
การเงินอีกต่อไป
เทคโนโลยีทางการเงิน ได้
แตกแขนงออกมาเป็น
รูปแบบต่าง ๆ กัน เพื่อ
ตอบสนองความต้องการ
ทางการเงินของผู้ใช้
ทาไมฟินเทคถึงเป็นกระแสที่จับตามอง
เพียงแค่ไม่กี่ตัวอย่างข้างต้น ก็ช่วยให้เห็นได้แล้วว่า
บริการของ Startup ช่วยนาเสนออะไรหลายอย่างที่ธนาคาร
ทาให้ไม่ได้ หรือยังทาได้ไม่ดี แถมเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
ทุกคน อุตสาหกรรมการเงิน นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และ
สาคัญมาก นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลที่น่าสนใจอีก เช่น
ฟินเทค และการเป็น CORE ของธุรกิจอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมด้าน E-PAYMENT หรือการชาระเงิน
ออนไลน์ นับว่ามีบทบาทสาคัญมากต่อ E-COMMERCE การจะเปลี่ยนใจคนให้มาซื้อของออนไลน์ ต้องเกิดจากระบบการชาระ
เงินออนไลน์ที่ใช้ง่าย มีประสิทธิภาพด้วย เป็นต้น
กล่าวได้ว่าฟินเทคก่อให้เกิดตลาดใหม่อันเกิดจากการเชื่อมกันระหว่างด้านการเงินและเทคโนโลยี เป็นส่วนผสมของ
กระบวนการดั้งเดิมในเรื่องทางการเงินไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ - เงินทุนหมุนเวียน, SUPPLY CHAIN, กระบวนการชาระเงิน,
การฝาก/ถอน, ประกันชีวิต และอื่นๆ แต่แทนที่จะเป็นโครงสร้างการทาธุรกรรมแบบเดิมก็มีการนาเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความ
สมบูรณ์แบบและสะดวกต่อผู้ใช้งานมากขึ้น
SEM
มาจากการผสมระหว่าง Search Engine”
ซึ่งก็คือเครื่องมือค้นหาบนอินเตอร์เน็ต และคาว่า
“Marketing” คือ การตลาด เมื่อนามารวมกันและย่อก็จะได้
คาว่า “SEM” หรือ Search Engine Marketing(Search Engine Marketing)
การทาการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบน
อินเตอร์เน็ต ทั้งแบบเสียเงินและไม่เสียเงิน
หมายถึงหมายถึง
SEM ประกอบไปด้วย
หรือ Search Advertising นั่นเอง
ซึ่งการโฆษณาจะเป็นรูปแบบของ PPC
(Pay Per Click)
Paid Search
กำรทำ SEM (Search Engine Marketing) สำมำรถแบ่งได้
เป็น 2 ส่วน
1.SEO (Search Engine Optimization)
คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ไปติดอยู่อันดับต้นๆ ของ Search Engine
ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทา On-Page Off-page
หรือแม้กระทั่งการสร้าง Content เพื่อทาให้เว็บไซต์ติดอันดับแบบธรรมชาติ ไม่เสีย
เงินแต่ใช้เวลาทาค่อนข้างนาน
กำรทำ SEM (Search Engine Marketing) สำมำรถแบ่งได้
เป็น 2 ส่วน
2.PPC (Pay Per Click)
ก็คือพื้นที่ในการโฆษณาของ Search Result Page แต่ต้องจ่ายเงิน
ข้อดีของการทา
SEM แบบ PPC ก็คือ สามารถขึ้นโฆษณาได้ทันที รวดเร็ว ไม่ต้องสร้างโครงสร้างอะไรเยอะแยะ
เพียงแค่มีเว็บไซต์สินค้า ก็สามารถแสดงอยู่ในอันดับต้นๆ
SEO
เป็นกระบวนการทาให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกในการค้นหา
เป็นวิธีการทางการตลาดดิจิทัล
ที่จะทาให้เว็บไซต์แบรนด์สินค้า บริการ ธุรกิจ ขึ้นหน้าแรกของ Google
(Search Engine Optimization)
SEO
โดยขั้นตอนการทานั้นต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆ
ทั้งการใช้Content แบบ Onsite, Outreach,Blog
รวมถึงการใส่ Keyword และการทา Backlink
ที่ถือเป็นหัวใจหลักในการทาให้เว็บไซต์ไต่อันดับจากหน้าท้ายๆ
ขึ้นมาจนถึงหน้าแรกได้แบบ Organic เป็นช่องทางการตลาด
ออนไลน์ที่ต้องอาศัยทั้งระยะเวลา
และด้วยเหตุที่ SEO ไม่ต้องเสียเงิน สิ่งที่ต้องทาจึงเป็นการ
พัฒนา และจัดระเบีบยเว็บไซต์ไปพร้อมๆ กับการปรับปรุง Content
เพื่อสร้างเครือข่ายสู่การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของตนจนGoogle
เห็นว่าเว็บนั้นๆมีศักยภาพในการดึงดูดผู้เข้าชม
ทำไมถึงต้องอยำกขึ้นหน้ำแรก Google
ทาแผนการตลาดสาหรับทา SEO ทั้งหมด
ค้นหา Keyword ที่ต้องการให้เว็บไซต์คุณติดอันดับหรือนามาทา SEO Ahrefs
ปรับแต่งเว็บไซต์
ส่งคอนเทนต์ไปสู่เว็บไซต์ข้างนอก
ตรวจสอบพร้อมปรับปรุงแก้ไข
ให้ Social Media เป็นตัวช่วย SEO ของคุณ
ความหมายคือยิ่งหน้าเว็บของคุณอยู่หน้าหลังตั้งแต่ หน้า 1 หรือ 25 เป็นต้นไป
โอกาสที่คนจะเข้าไปพบเว็บไซต์ของคุณจากการค้นหานั้นแทบไม่เหลือ แน่นอนว่าหน้า 1ได้รับ
การเข้าถึงสูงที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้

More Related Content

Featured

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by HubspotMarius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTExpeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsPixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 

Featured (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

Technology digital

  • 2. BigData01 Blockchain02 Cryptocurrency03 Internet of things04 Fintech05 SEM (Search Engine Marketing)06 SEO (Search Engine Optimization)07 08 Computer
  • 3. Big Data Big Data คือ ปริมาณข้อมูลที่มาก มีความ ซับซ้อน โดยเฉพาะที่มาจากแหล่งข้อมูลใหม่ๆ ด้วยปริมาณที่มากมายมหาศาลทาให้ไม่สามารถประเมินและ วิเคราะห์ด้วยวิธีการ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์แบบเดิมๆ แต่ข้อมูลมากมายมหาศาลเหล่านี้สามารถนามาใช้ประโยชน์ ได้ในทางธุรกิจที่ในอดีตไม่สามารถใช้ได้
  • 4. Big Data ( 5V + 1C ) ปริมาณของข้อมูลซึ่งสาคัญมาก ๆ โดยตัดสินจากคุณค่าและ ความสาคัญของข้อมูล Volume ชนิดของข้อมูลที่มากมาย หลากหลายรูปแบบซึ่งต้องรู้ และ เข้าใจ เพื่อให้สามารถทาการ วิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง Variety ความเร็วของการสร้างข้อมูล และ ประมวลผลข้อมูล ว่าตรงตามความต้องการหรือไม่ Velocity เรื่องความไม่เข้ากันของข้อมูลมัน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งมันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้ ดังนั้นจาเป็นต้องมีกระบวนการ เพื่อดักจับ และแก้ไขให้ทันท่วงที Variability ว่าด้วยเรื่องคุณภาพของข้อมูล ถ้า คุณภาพแย่การวิเคราะห์ก็จะแย่ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรื่องที่มาของ ข้อมูลจึงมีความสาคัญอย่างมาก Veracity การจัดการข้อมูลแบบนี้มันมีความ ซับซ้อนสูงอย่างมาก ทั้งมีจานวน มากมาย ทั้งมีรูปแบบต่างกัน ทั้งมี ที่มาต่างกัน ดังนั้นจึงต้องมี กระบวนการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ Complexity
  • 5. ประโยชน์ที่จะนำ Big Data ไป ใช้ มี 3 เรื่องใหญ่คือ 1. ลดค่าใช้จ่าย ช่วยตัดสินใจ สร้างโอกาสให้ธุรกิจ 2. การออกโปรดักส์หรือบริการใหม่ มีข้อมูลทาให้ออก ผลิตภัณฑ์ได้ถูกใจลูกค้า แม้อาจไม่ได้ดีที่สุดก็ตามซึ่งองค์กร ขนาดใหญ่จะใช้ big data มาวิเคราะห์ตลาด แม้แต่ วิเคราะห์คู่แข่ง และดูพฤติกรรมลูกค้าสนใจอะไรใช้วัดเสียง สะท้อนผู้บริโภค 3. การมีข้อมูลทาให้ออกผลิตภัณฑ์ได้รวดเร็วกว่า และถูกใจ ลูกค้ากว่า แม้อาจไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม
  • 6. Big Data ได้ กลายเป็นทุนหรือทรัพย์สินไปแล้วใน บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางบริษัท มูลค่าของบริษัทเกิดมาจากข้อมูลของ เขา และในขณะนี้เขาก็วิเคราะห์และ ประมวลผลเพื่อเพิ่มมูลค่าของข้อมูลให้ สูงขึ้นไปอีก
  • 7. นอกจากนั้น เอสเอ็มอียังใช้ Customer Demand เช่น คุยกันถึงอาหารเสริมว่าอย่างไร ต้องมีเทคโนโลยีมาช่วย learn execute data และ workflow ที่พัฒนามาจับข้อความ ต่างๆ เช่น ร้านค้ามีข้อมูลย้อนหลัง 2 ปีพบช่วงสงกรานต์จะมีคนซื้อของบางอย่างเป็นจานวนมากก็จะช่วยให้ วางแผนสต็อกสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า หรือถ้ามีมากกว่านั้นคือ ทั้งรูปถ่ายและชื่อลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็จะให้บริการได้อีกอย่างที่เหนือขึ้นไป ทาให้ได้ consumer experience ซึ่งเป็น big data ที่ทาบน excel เท่านั้น เพียงกรอกข้อมูลให้ครบ มี value มีข้อมูลเป็นจานวนมากถึง จะวิเคราะห์ได้
  • 8. ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรม ออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่เก็บ สถิติการทาธุรกรรมทางการเงิน และสินทรัพย์ชนิด อื่นๆ อีกในอนาคต โดยไม่มีตัวกลางคือสถาบันการเงิน หรือ สานักชาระบัญชี ระบบ Blockchain จะไม่มี ตัวกลางอย่างที่เคยเป็นมายกตัวอย่างการทาธุรกรรม ด้วย Bitcoin จะมีรหัส Token สร้างขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับ Blockchain และทาการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้นๆ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ก่อนที่จะทาธุรกรรมให้ สาเร็จต่อไป
  • 9. เท่ากับว่า Blockchain เป็นระบบโครงข่ายใน การทาธุรกรรมต่างๆซึ่งตัดตัวกลางอย่างสถาบันการเงินที่มีอยู่ ในโลกปัจจุบันออกไป ซึ่งทาให้ต้นทุนการทาธุรกรรมถูกลง และอาจจะส่งผลให้สถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง รวมไปถึง สานักชาระบัญชีต่างๆไม่จาเป็นต้องมีอีกในอนาคตได้เลย หากเทคโนโลยีนี้เข้ามาแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์
  • 10. บล็อกเชน ถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่วงการเงินดิจิทัล ธุรกิจการเงิน - ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆ ที่บล็อคเชนถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ตัวอย่างชัดๆก็คือ โครงการอินทนนท์ ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะใช้บล็อกเชนมาแทนเครือข่ายบาทเน็ตที่ใช้ระหว่างธนาคาร หรือโครงการ JFIN ของทางเจมาร์ท (JMART) นาบล็อกเชนมาจัดการเรื่อง ข้อมูลลูกค้าและ Credit Score บนระบบกู้ยืมทางออนไลน์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์- ในหลายๆ ประเทศ เช่น มอลต้า อังกฤษ UAE มีการนาบล็อกเชนมาเก็บข้อมูลแทนโฉนด(Land Registry) หรือการนาบล็อกเชนมาช่วยในการแบ่งการเป็นเจ้าของ(Asset Tokenization)
  • 11. แนวคิด Blockchain เริ่มกลับมาเป็นกระแสที่ต้องจับตามมองอีกครั้ง พร้อมมีการพัฒนาใหม่ๆ ไปสู่การใช้งานที่มากกว่าการทาธุรกรรม Bitcoin ในอดีตที่ไม่ได้รับการยอมรับมากนัก ผนวกรวมกับกระแสการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ที่ใช้แนวคิด อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things) จาเป็นต้องมีการจัดการ ดูแลอย่างการรักษาความปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และความจาเป็นที่จะต้องบันทึกฐานข้อมูลของการติดต่อต่างๆ เหล่านั้น ทาให้เทคโนโลยีอย่าง Blockchainที่ให้ความสาคัญกับความเป็นส่วนบุคคลจะกลายมาเป็นตัวช่วยสาคัญของ การใช้งานดังกล่าว โดยลดขั้นตอนระบบการทางานให้เรียบง่ายขึ้น มีการยืดหยุ่นที่สูงขึ้นรวมทั้งการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่าง รวดเร็ว
  • 13. กำรทำงำนของ Blockchain Transaction ถูกผนึกเข้ากับ transaction อื่นๆ บล็อกใหม่จะถูกเพิ่มเข้าไปใน Blockchain อย่าง โปร่งใสและจะแก้ไขอีกไม่ได้ เมื่อทาถูกต้องครบทุก ขั้นตอนการทาธุรกรรมนั้น จึงจะสมบูรณ์
  • 14. ยกตัวอย่ำงกำรประยุกต์ใช้ เช่น วงการอสังหาริมทรัพย์สามารถประยุกต์ใช้ทา Smart contract โดยถ้าสัญญาอยู่ในบล็อกเชน ทุกคนจะเห็นข้อมูลตรงกัน เราจึงสามารถไว้ใจให้ระบบ Automate ปฏิบัติงานใดๆ ตามที่ระบุไว้ ในสัญญาได้นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้ได้อีกมากมาย ดังที่มีการสรุปไว้ ในแผนภาพนี้
  • 15.
  • 16. Cryptocurrency ก็คือ “สกุลเงินที่ถูกเข้ารหัส” ที่ทางานบนระบบ “Blockchain” เป็นสกุลเงินที่ จับต้องไม่ได้ทางานผ่านคอมพิวเตอร์โดยจะมีชุดรหัสแฮชเป็นตัวยืนยันความถูกต้องของสกุลเงินนี้ ถูกออกแบบให้กระจายข้อมูลที่เข้ารหัสออกเป็นส่วนย่อยๆ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีศูนย์กลาง (decentralized) และป้องกันการควบคุมจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง Crypto Currency ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการพึ่งการควบคุมโดยผ่านศูนย์กลาง (centralized) ตัวกลางที่พูดถึงก็คือธนาคาร , รัฐบาล หรืออื่นๆ
  • 17. Cryptocurrency List : สกุลเงินดิจิตอล มีอะไรบ้ำง ที่สำคัญๆ สาหรับ Bitcoin หรือ "บิตคอยน์" เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่เก่าแก่ที่สุดอายุของมันก็หลัก 20 ปีเข้ามาแล้ว ซึ่ง หลังจากความสาเร็จของ Bitcoin ได้เป็นที่ประจักษ์มันก็ตามมาด้วย Cryptocurrency ที่มีชื่อว่า "Namecoin" ในปี 2011 ซึ่งพอหลังจากที่สามารถมีคนสร้างสกุลดิจิตอลเจ้าที่ 2 ได้ มันก็นาไปสู่การเพิ่มจานวนขึ้นอย่าง "มหาศาล" ของสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในปัจจุบันมี Cryptocurrency เป็นหล้กร้อย ที่มีปริมาณการซื้อขายกันอยู่ตลอด ซึ่งส่วนมากสร้างขึ้นบนหลักการของการกระจาย อานาจ เหรียญส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกกากับดูแลโดยองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินแบบดั้งเดิม (Fiat Currency) ที่จะถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง ที่ตามปกติจะดาเนินงานโดยเป็นอิสระจากรัฐบาล แต่รัฐบาลหลายแห่งชาติก็ใช้อานาจในการ ควบคุมธนาคารกลางเช่นกัน ทาให้ Fiat Currency ตกอยู่ในความเสี่ยงตามมมุมมองของผู้ที่สนับสนุน Cryptocurrency
  • 18. สัญลักษณ์ของ Cryptocurrency มีอะไรบ้ำง Bitcoin เทียบกับ Dollar : BTC/USD Ether เทียบกับ Dollar : ETH/USD Bitcoin Cash เทียบกับ Dollar : BCH/USD Litecoin เทียบกับ Dollar : LTC/USD Ripple เทียบกับ Dollar : XRP/USD ในจุดนี้ จะเป็นรายการของ สกุลเงินดิจิตอล ทั้งหมด ที่สาคัญๆ โดยการเทรดในตลาดเราจะไม่ได้ใช้ชื่อเต็มๆ แต่เป็นตัวอักษรย่อ และ เทียบมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
  • 19. Bitcoin เทียบกับ Euro : BTC/EUR Ether เทียบกับ Euro : ETH/EUR Bitcoin เทียบกับ Euro : BCH/EUR Litecoin เทียบกับ Euro : LTC/EUR Ripple เทียบกับ Euro : XRP/EUR คล้ายๆ กับกรณีข้างต้น สกุลเงินยูโรก็ได้รับความนิยมทั่วโลก สัญลักษณ์ของเหรียญต่างๆ เป็นยูโร ศึกษาได้ตามนี้
  • 20. สกุลเงินดิจิตอลถือเป็นสัญญาว่าจะทาให้การโอนเงินง่ายขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย เพื่อทาธุรกรรมได้ง่ายขึ้นโดยไม่จาเป็นต้องมีบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เช่นธนาคาร หรือบริษัทบัตรเครดิต การโอนเหล่านี้อานวยความสะดวกผ่านการใช้กุญแจ สาธารณะและกุญแจส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย ในระบบสกุลเงินดิจิตอลที่ทันสมัย "กระเป๋ าเงิน" หรือที่อยู่บัญชี ของผู้ใช้มีรหัสสาธารณะและใช้กุญแจส่วนตัวในการเซ็นธุรกรรม การโอนเงิน เสร็จสิ้นด้วยค่าธรรมเนียมการดาเนินการขั้นต่าทาให้ผู้ใช้สามารถหลีกเลี่ยง ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากธนาคารและสถาบันการเงินส่วนใหญ่สาหรับการ โอนเงินได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสกุลเงินดิจิตอลเป็นสิ่งเสมือนจริงและไม่มีที่เก็บ ส่วนกลางทาให้ความสมดุลของเงินดิจิตอลจะถูกลบออกจากส่วนของความ ผิดพลาดในคอมพิวเตอร์ หากไม่มีสาเนาสารองของการถือครองหรือถ้าหากใคร สูญเสียกุญแจส่วนตัวไป ในขณะเดียวกันนี้จะไม่มีหน่วยงานใดๆไม่ว่าจะเป็นองค์กรกลาง, รัฐบาลหรือบริษัทใดๆที่จะสามารถเข้าถึงทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวได้ลักษณะ ของการทาธุรกรรมของสกุลเงินดิจิตอลกึ่งไม่ระบุชื่อทาให้เหมาะสาหรับโฮสต์ ของกิจกรรมที่เลวร้ายเช่นการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี ข้อดีของสกุลเงินดิจิตอ(Cryptocurrency) ข้อเสียของสกุลเงินดิจิต(Cryptocurrency)
  • 21. Internet of things ในทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวัน ของเรามากขึ้น สิ่งของที่เราใช้มักเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตอยู่เสมอเห็น ได้จากโทรศัพท์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ยานพาหนะ หรือ แม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างในบ้านที่มีการพัฒนาให้ฉลาดและ อานวยความสะดวกต่อผู้ใช้มากขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบ อินเทอร์เน็ตได้Internet of Things (IoT) หรือ “อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง” หมายถึงการที่วัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่ง ปลูกสร้าง และสิ่งของต่างๆ ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ มีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทาให้อุปกรณ์เหล่านี้เก็บบันทึกและรับส่งข้อมูลระหว่าง กันได้มนุษย์จึงสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์จากระยะไกล ได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่แล้วจะทาให้ สามารถผสานระบบอินเทอร์เน็ตกับโลกทางกายภาพได้มากขึ้น IoT มี ชื่อเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to Machine คือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่ออุปกรณ์กับ เครื่องมือต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันนั่นเอง
  • 22. แนวคิด Internet of Things แนวคิดเรื่อง Internet of Things คิดขึ้นโดย เควิน แอชตัน (Kevin Ashton) ซึ่งเป็นบุกเบิกเทคโนโลยีของอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ข้อมูล อัตโนมัติที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา ซึ่ง สร้างระบบมาตรฐานสากลสาหรับRFID* ที่ในขณะนั้นถือเป็นมาตรฐาน โลกสาหรับการจับสัญญาณเซ็นเซอร์ต่าง ๆ (RFID Sensors) และ เป็นผู้เริ่มต้นโครงการ Auto-ID Center ซึ่งทาให้ตัวเซ็นเซอร์ เหล่านั้นสามารถเชื่อมต่อกันได้เควิน แอชตัน ได้ใช้คาว่า Internet of Things ในสไลด์การ บรรยายของเขาเป็นครั้งแรก โดยนิยามเอาไว้ตอนนั้นว่าอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ใดก็ตามที่สามารถสื่อสารกันได้ได้ก็ถือเป็น“internet- like” หรือพูดง่ายๆก็คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารแบบเดียวกับกับ ระบบอินเตอร์เน็ตนั้นเอง โดยคาว่า “Things” ก็คือคาใช้แทนอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆเหล่านั้นและเขายังกล่าวไว้ว่า Internet of Things อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตและอาจจะ มากกว่าที่อินเทอร์เน็ตเคยทา
  • 23. อุปกรณ์ที่เป็น Internet of Things “Things หรือ สรรพสิ่ง” ในความหมายของ Internet of Things สามารถหมายถึงอุปกรณ์ที่แตกต่าง หลากหลาย เช่น อุปกรณ์วัดอัตราหัวใจแบบฝังในร่างกายแท็กไบโอ ชิปที่ติดกับปศุสัตว์ยานยนต์ที่มีเซ็นเซอร์ในตัว อุปกรณ์วิเคราะห์ดีเอ็น เอในสิ่งแวดล้อมหรืออาหาร อุปกรณ์ภาคสนามที่ช่วยในการทางาน ของนักผจญเพลิงในภารกิจค้นหาและช่วยเหลือ อุปกรณ์เหล่านี้จะ จัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้วยการใช้เทคโนโลยีหลากหลายชนิด และจากการส่งต่อข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อื่นๆ โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ดี Internet of Things นี้ไม่ได้เป็นเพียง ส่วนขยายของอินเทอร์เน็ต ที่เรารู้จักกันอยู่เท่านั้น แต่จะเกิดเป็นโครงสร้าง พื้นฐานใหม่ของตนได้โดยพึ่งพาอยู่กับอินเทอร์เน็ตซึ่งการเกิดประโยชน์จะ เป็นในรูปแบบพึ่งพากับบริการหรือธุรกิจใหม่ และจะสามารถครอบคลุม การสื่อสารในหลายรูปแบบ เช่น เครื่องสู่เครื่อง เครื่องสู่คนเป็นต้น
  • 24. Fintech เทคโนโลยีทางการเงิน การบริการ และการลงทุนถ้า ย้อนเวลากลับไปถามคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกซัก20 ปีที่แล้ว การ บอกว่าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้โดย ไม่ต้องไปที่ธนาคาร คงถูกมองด้วยความสงสัยเพราะบริการหรือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินดูช่างซับซ้อนเกินกว่าที่คนทั่วไปจะมีอานาจ จัดการ แต่ในวันนี้ การเข้าถึงบริการทางการเงินการลงทุน หรือ แม้แต่เรื่องยากๆ แบบการขอสินเชื่อก็สามารถทาได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย ยิ่งขึ้น
  • 25. ฟินเทค (Fintech) Financial Technology คือ การนาเอา เทคโนโลยีมาใช้กับ การเงินในการสร้าง นวัตกรรมใหม่ เพื่อเป็น สินค้า บริการ การ แก้ปัญหาทางการเงิน รวมถึงเป็นแนวทางในการ ประกอบธุรกิจใหม่ ๆ ทา ให้การจัดการ และการ เข้าถึงทางการเงินเป็นไป ได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยี เทคโนโลยีทางการเงิน มีจุดเริ่มต้นจาก การนาระบบคอมพิวเตอร์ มาใช้ในระบบงานของ ธนาคาร เมื่อเทคโนโลยี เติบโตขึ้นพร้อม ๆ กับ ความสามารถในการเข้าถึง ของบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนที่ ถือเป็น Disrupter แห่งยุค ก็ทาให้อานาจ ในการทาธุรกรรมและ เข้าถึงบริการทางการเงิน ไม่ถูกจากัดอยู่กับสถาบัน การเงินอีกต่อไป เทคโนโลยีทางการเงิน ได้ แตกแขนงออกมาเป็น รูปแบบต่าง ๆ กัน เพื่อ ตอบสนองความต้องการ ทางการเงินของผู้ใช้
  • 26. ทาไมฟินเทคถึงเป็นกระแสที่จับตามอง เพียงแค่ไม่กี่ตัวอย่างข้างต้น ก็ช่วยให้เห็นได้แล้วว่า บริการของ Startup ช่วยนาเสนออะไรหลายอย่างที่ธนาคาร ทาให้ไม่ได้ หรือยังทาได้ไม่ดี แถมเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ทุกคน อุตสาหกรรมการเงิน นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และ สาคัญมาก นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลที่น่าสนใจอีก เช่น
  • 27. ฟินเทค และการเป็น CORE ของธุรกิจอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมด้าน E-PAYMENT หรือการชาระเงิน ออนไลน์ นับว่ามีบทบาทสาคัญมากต่อ E-COMMERCE การจะเปลี่ยนใจคนให้มาซื้อของออนไลน์ ต้องเกิดจากระบบการชาระ เงินออนไลน์ที่ใช้ง่าย มีประสิทธิภาพด้วย เป็นต้น กล่าวได้ว่าฟินเทคก่อให้เกิดตลาดใหม่อันเกิดจากการเชื่อมกันระหว่างด้านการเงินและเทคโนโลยี เป็นส่วนผสมของ กระบวนการดั้งเดิมในเรื่องทางการเงินไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ - เงินทุนหมุนเวียน, SUPPLY CHAIN, กระบวนการชาระเงิน, การฝาก/ถอน, ประกันชีวิต และอื่นๆ แต่แทนที่จะเป็นโครงสร้างการทาธุรกรรมแบบเดิมก็มีการนาเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความ สมบูรณ์แบบและสะดวกต่อผู้ใช้งานมากขึ้น
  • 28.
  • 29. SEM มาจากการผสมระหว่าง Search Engine” ซึ่งก็คือเครื่องมือค้นหาบนอินเตอร์เน็ต และคาว่า “Marketing” คือ การตลาด เมื่อนามารวมกันและย่อก็จะได้ คาว่า “SEM” หรือ Search Engine Marketing(Search Engine Marketing)
  • 31. SEM ประกอบไปด้วย หรือ Search Advertising นั่นเอง ซึ่งการโฆษณาจะเป็นรูปแบบของ PPC (Pay Per Click) Paid Search
  • 32. กำรทำ SEM (Search Engine Marketing) สำมำรถแบ่งได้ เป็น 2 ส่วน 1.SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ไปติดอยู่อันดับต้นๆ ของ Search Engine ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทา On-Page Off-page หรือแม้กระทั่งการสร้าง Content เพื่อทาให้เว็บไซต์ติดอันดับแบบธรรมชาติ ไม่เสีย เงินแต่ใช้เวลาทาค่อนข้างนาน
  • 33. กำรทำ SEM (Search Engine Marketing) สำมำรถแบ่งได้ เป็น 2 ส่วน 2.PPC (Pay Per Click) ก็คือพื้นที่ในการโฆษณาของ Search Result Page แต่ต้องจ่ายเงิน ข้อดีของการทา SEM แบบ PPC ก็คือ สามารถขึ้นโฆษณาได้ทันที รวดเร็ว ไม่ต้องสร้างโครงสร้างอะไรเยอะแยะ เพียงแค่มีเว็บไซต์สินค้า ก็สามารถแสดงอยู่ในอันดับต้นๆ
  • 35. SEO โดยขั้นตอนการทานั้นต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งการใช้Content แบบ Onsite, Outreach,Blog รวมถึงการใส่ Keyword และการทา Backlink ที่ถือเป็นหัวใจหลักในการทาให้เว็บไซต์ไต่อันดับจากหน้าท้ายๆ ขึ้นมาจนถึงหน้าแรกได้แบบ Organic เป็นช่องทางการตลาด ออนไลน์ที่ต้องอาศัยทั้งระยะเวลา และด้วยเหตุที่ SEO ไม่ต้องเสียเงิน สิ่งที่ต้องทาจึงเป็นการ พัฒนา และจัดระเบีบยเว็บไซต์ไปพร้อมๆ กับการปรับปรุง Content เพื่อสร้างเครือข่ายสู่การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของตนจนGoogle เห็นว่าเว็บนั้นๆมีศักยภาพในการดึงดูดผู้เข้าชม
  • 36. ทำไมถึงต้องอยำกขึ้นหน้ำแรก Google ทาแผนการตลาดสาหรับทา SEO ทั้งหมด ค้นหา Keyword ที่ต้องการให้เว็บไซต์คุณติดอันดับหรือนามาทา SEO Ahrefs ปรับแต่งเว็บไซต์ ส่งคอนเทนต์ไปสู่เว็บไซต์ข้างนอก ตรวจสอบพร้อมปรับปรุงแก้ไข ให้ Social Media เป็นตัวช่วย SEO ของคุณ ความหมายคือยิ่งหน้าเว็บของคุณอยู่หน้าหลังตั้งแต่ หน้า 1 หรือ 25 เป็นต้นไป โอกาสที่คนจะเข้าไปพบเว็บไซต์ของคุณจากการค้นหานั้นแทบไม่เหลือ แน่นอนว่าหน้า 1ได้รับ การเข้าถึงสูงที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้