วีดีโอนี้ใช้ประกอบการเรียนการสอนรายวิชาการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ทางการศึกษา

2. โครงสร้างข้อมูลแบบอาร์เรย์และโครงสร้างข้อมูลแบบลิงก์ลิสต์
ล้วนแต่เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบเชิงเส้นทั้งสิ้น โดยทั้งอาร์เรย์และลิงก์ลิสต์
สามารถนาไปพัฒนาโครงสร้างข้อมูลแบบสแต็กและคิว พิจารณาจากรูปที่
4.7 ที่เป็นการเปรียบเทียบโครงสร้างข้อมูลแบบอาร์เรย์และลิงก์ลิสต์ที่ต่าง
มีคุณสมบัติเป็นรายการต่อเนื่องหรือลิสต์นั่นเอง
รูปที่ 4.7 อาร์เรย์และลิงก์ลิสต์ต่างก็เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบเชิงเส้น

3. ในการใช้อาร์เรย์เพื่อจัดเก็บข้อมูลแบบลิสต์นั้น ข้อมูลภายใน
หน่วยความจาจะถูกจัดเก็บเป็นลาดับต่อเนื่องกันไป ซึ่งทาให้ง่ายต่อกร
อ้างอิงข้อมูล เพียงแค่รู้ตาแหน่ง Base Address ก็สามารถจัดการกับ
ข้อมูลภายในได้แล้ว แต่สาหรับลิงก์ลิสต์นั้น จะมีข้อแตกต่างตรงที่ข้อมูล
ภายในหน่วยความจาจะไม่ได้อยู่ในลาดับต่อเนื่องเหมือนกับอาร์เรย์ แต่
จะถูกเชื่อมโยงด้วยลิงก์หรือพ้อยน์เตอร์ ดังนั้นอิลิเมนต์แต่ละตัวภายนิ
ลงก์ลิสต์จะมีการบรรจุแอดเดรสเพื่อชี้ไปยังตาแหน่งโหนดตัวถัดไป ซึ่งแต่
ละโหนดจะบรรจุตัวสาคัญอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือ

4. ในส่วนของลิงก์นั้น จะใช้สาหรับเชื่อมโยงไปยังข้อมูล โดยเริ่มต้นจากเฮด
พอยน์เตอร์ที่ชี้ไปยังตาแหน่งโหนดแรกของลิสต์ จากนั้นลิงกในแต่ละโหนดก็จะ
เชื่อมโยงไปยังโหนดตัวถัดไปเรื่อยๆ ส่วนชื่อของลิสตจะเป็นชื่อเดียวกับชื่อตัวแปร
พอยน์เตอร์ โดยลิงก์ลิสต์อย่างง่ายที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้คือ ซิงเกิลลิงก์ลิสต์
(Single-Linked List) ซึ่งจะมีเพียงลิงก์เดียวที่ใช้เชื่อมโยงไปยังโหนดตัวถัดไป
ในส่วนของข้อมูล จะมีการจัดเก็บสารสนเทศที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์
เพื่อนาไปใช้ในการประมวลผลตามที่ต้องการต่อไป

5. รูปที่ 4.8 ตัวอย่างการแทนที่ลิงก์ลิสต์ในหน่วยความจา

6. ลิงก์ลิสต์จะมีตัวแปรที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ซึ่งเรียกว่าพอยน์เตอร์ (Pointer)
ซึ่งตัวแปรพอยน์เตอร์จะไม่ได้เก็บข้อมูลที่มีอยู่จริง แต่จะเก็บแอดเดรสที่ใช้
สาหรับชี้ไปยังตาแหน่งของโหนดที่มีข้อมูลอยู่แทน

7. รูปที่ 4.9 ลิงก์ลิสต์ (Linked List)
จากรูปที่ 4.9 (a) แสดงภาพของลิงก์ลิสต์ ซึ่งมีเฮดพ้อยน์เตอร์ pHead ชี้ไปยังโหนดแรกของ
ลิสต์ จากนั้นโหนดแรกก็จะมีลิงก์ที่ใช้เชื่อมโยงไปยังโหนดตัวถัดไป ซึ่งภายในลิสต์จากรูปดังกล่าว
มีจานวนสมาชิก 4 อิลิเมนต์ด้วยกัน (ไม่นับรวมเฮดพ้อยน์เตอร์) สาหรับโหนดสุดท้าย ฟิลด์ลิงก์จะ
บรรจุค่า null เพื่อให้รู้ว่านี่คือจุดสิ้นสุดของลิสต์ และในกรณีลิงก์ลิสต์ที่ว่างเปล่า (Empty Linked
List) ซึ่งอาจเกิดจากการสร้างลิสต์ครั้งแรก หรือกรณีที่สมาชิกภายในลิสต์ถูกลบออกไปทั้งหมด
เฮดพ้อยน์เตอร์หรือ pHead ก็จะถูกกาหนดให้มีค่าเป็น null ซึ่งแสดงไว้ดังรูปที่ 4.9 (b)

8. โหนดข้อมูลในลิงก์ลิสต์จะมีโครงสร้างที่ประกอบไปด้วย 2 ฟิลด์ด้วยกัน
คือ ข้อมูลและลิงก์ ให้พิจารณาจากรูปที่ 4.10 ที่แสดงถึงโครงสร้างโหนดที่มี
ความแตกต่างกัน 3 ชนิด โดยโหนดแบบแรกจะบรรจุเพียงฟิลด์เดียว คือ
ฟิลด์ชื่อ number และลิงก์ ส่วนโหนดแบบที่สองจะประกอบด้วย 3 ฟิลด์
ด้วยกัน คือ id,name และ gpa แล้วตามด้วยลิงก์ ในขณะที่โหนดแบบที่สาม
ภายในโหนดประกอบด้วยฟิลด์ทั้งหมดที่ถูกบรรจุอยู่ในโครงสร้างของตัวเอง

9. รูปที่ 4.10 แสดงถึงโหนดที่บรรจุข้อมูลในรูปแบบต่างๆ และลิงก์ที่ใช้
สาหรับเชื่อมโยงไปยังโหนดถัดไป