Ebola
- 4. •สายพันธุ์ทีทําให้เกิดโรคในคน มี 4 สายพันธุ์ ได้แก่
–Zaire
–Sudan
–Ivory Coast
–Gabon
•สายพันธุ์ Reston
–แยกได้จากลิงในสถานทีกักกันทีนําเข้าจากฟิลิปปินส์ในปี
พ.ศ.2532
–ทําให้เกิดอาการรุนแรงได้เฉพาะในลิง
–แต่ไม่ทําให้เกิดอาการในคน
เชือก่อโรค
- 6. ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 2-21 วัน (ส่วนใหญ่ประมาณ
5-12 วัน)
โดยมีรายละเอียดของลักษณะทางคลินิก ดังนี
•วันที 1-2 ไข้สูงถึง 39OC เหงือออกมาก ครันเนือครันตัว
อ่อนเพลีย ปวดศีรษะบริเวณหน้าผากและด้านข้างปวด
เมือยกล้ามเนือ ปวดกระบอกตา เยือบุตาแดง หัวใจเต้นช้า
(bradycardia) ขณะมีไข้คลืนอาเจียนมาก ถ่ายเหลวเป็นนํา
ปวดมวนทัวท้อง อาจมีอาเจียนปนเลือดอุจจาระปนเลือด
ภายใน 2 วัน
ลักษณะของโรค
- 7. •วันที 3-6 อาจพบต่อมนําเหลืองบริเวณท้ายทอยคอ รักแร้
โต พบอาการเจ็บคอและกลืนลําบากได้บ่อยพบจุดบริเวณ
เพดานอ่อน และภาวะขาดนํา
•วันที 5-7 ประมาณร้อยละ15ของผู้ป่วยจะพบภาวะ
เลือดออก เช่น เลือดกําเดาไหลเลือดออกตามไรฟัน
เลือดออกในช่องท้อง(กระเพาะอาหาร&ลําไส้) เลือดออกทาง
ช่องคลอด ปัสสาวะเป็นเลือด เลือดออกบริเวณทีฉีดยา และ
พบเลือดออกบริเวณเยือบุตาขาวได้บ่อยจะพบจุดผืนแดง
กระจายจากใบหน้าไปก้นไปลําตัวและแขนแล้วกลายเป็นจํา
แดง ภายใน 24 ชม.ผืนจะขยายมารวมกันโดยไม่มีอาการคัน
- 40. •ผู้สัมผัสผู้ป่ วยโรค Ebola
–หมายถึง ผู้ทีสัมผัสผู้ป่วยโรค Ebola ด้วยกรณีต่อไปนี
อย่างน้อย 1 กรณี ภายใน 21 วันก่อนมีอาการป่วย
•อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับผู้ป่วย
•ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และสัมผัสเลือด/สารคัดหลังจาก
ร่างกายผู้ป่วย หรือเสือผ้าของผู้ป่วย
•สัมผัสกับร่างกายผู้เสียชีวิตขณะจัดการศพหรือระหว่างงาน
ศพ
•ทารกทีดูดนมมารดาทีป่วยด้วยโรค Ebola
นิยามผู้สัมผัสโรค
- 43. •ผู้ป่ วยสงสัย (Suspected case)
–หมายถึง ผู้ทีเดินทางไปยังประเทศทีมีการระบาด (จากข้อมูล ณ
ปัจจุบัน วันที 27 เม.ย.57 พบการระบาดในประเทศกีนี
สาธารณรัฐโลบีเรีย) และขณะอยู่ในประเทศนันมีประวัติสัมผัส
ดังนี
• มีประวัติสัมผัสกับสัตว์ป่าทีป่วยหรือตาย หรือ
• ดูแลใกล้ชิดและสัมผัสผู้ป่วยหนักหรือผู้เสียชีวิต
• ร่วมกับมีอาการไข้และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอาการไข้ทีเคยพบ
และทีเคยรักษาอยู่ในพืนทีนัน และมีอาการเลือดออกจากจมูก
เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกใต้ผิวหนัง เลือดออกในตาและใน
ปัสสาวะ
การเฝ้ าระวังในระบบปกติ (Routine surveillance)
- 44. •ผู้ป่ วยยืนยัน (Confirmed case)
–หมายถึง ผู้ป่วยทีมีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยัน เช่น
ผลการตรวจภูมิคุ้มกันชนิด IgM หรือการตรวจ
PCR(Polymerase chain reaction) หรือการแยกเชือไวรัส
(Viral isolation)ให้ผลบวก
การเฝ้ าระวังในระบบปกติ (Routine surveillance)
- 46. •ผู้ป่ วยสงสัย (Suspected case)
–หมายถึง ผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตทีมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน และมี
ประวัติสัมผัสกับ
• ผู้ป่วยสงสัย ผู้ป่วยเข้าข่าย หรือผู้ป่วยยืนยันโรค Ebola
• สัตว์ป่วยหรือตายจากโรค Ebola
การเฝ้ าระวังระหว่างการระบาด
- 47. •ผู้ป่ วยสงสัย (Suspected case) (ต่อ)
–หรือหมายถึง ผู้ทีมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน และอาศัยอยู่ในตําบล
ทีพบผู้ป่วยเข้าข่ายหรือผู้ป่วยยืนยันโรค Ebola และมีอาการ
แสดงอย่างน้อย 3 อาการ ต่อไปนี
การเฝ้ าระวังระหว่างการระบาด
• ปวดศีรษะ
• อาเจียน
• เบืออาหาร
• ถ่ายเหลว
• เซืองซึม
• ปวดท้อง
• ปวดกล้ามเนือ
• ปวดข้อ
• กลืนลําบาก
• หายใจลําบาก
• สะอึก
- 48. •ผู้ป่ วยสงสัย (Suspected case) (ต่อ)
–หรือหมายถึง ผู้ป่วยทีมีอาการไข้สูงเฉียบพลันและมีอาการ
เลือดออกทีหาสาเหตุไม่ได้และอาศัยอยู่ในตําบลทีพบผู้ป่วยเข้า
ข่ายหรือผู้ป่วยยืนยันโรค Ebola
–หรือหมายถึง ผู้เสียชีวิตฉับพลันอย่างไม่ทราบสาเหตุและอาศัย
อยู่ในตําบลทีพบผู้ป่วยเข้าข่ายหรือผู้ป่วยยืนยันโรค Ebola
การเฝ้ าระวังระหว่างการระบาด
- 49. •ไม่เป็นผู้ป่ วย (Non-case)
–หมายถึง ผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยเข้าข่ายทีมีผลการตรวจทาง
ห้องปฏิบัติการให้ผลลบ ไม่พบแอนติบอดีเฉพาะ หรือไม่พบ
RNA ของเชือไวรัสแอนติเจน (ตัวอย่างทีส่งตรวจเป็นตัวอย่างที
เก็บในช่วงเวลาทีมีอาการป่วย)
นิยามการรายงานโรคสําหรับทีมเฝ้ าระวังสอบสวนโรคใน รพ.
- 53. •กรณีผู้สัมผัส
–บันทึกอุณหภูมิวันละ 2 ครัง นาน 21 วัน หลังจากสัมผัสผู้ป่วย
ครังสุดท้าย
–หากผู้สัมผัสมีไข้> 38.5oC (101oF) ให้จัดเป็นผู้ป่วยใหม่และ
แยกออกจากผู้อืน
–เฝ้าระวังในพืนทีระบาดนาน 2 เท่าของระยะฟักตัว (21 x2=42
วัน) หลังจากวันทีผู้ป่วยเสียชีวิตหรือจําหน่ายออกจาก รพ.
การติดตามผู้ป่ วยและผู้สัมผัส
- 56. •สิงส่งตรวจทีควรเก็บตัวอย่างมี3 ประเภท
–เลือดในระยะเฉียบพลัน (acute phase)
• ให้เก็บจากผู้ป่วยในระยะ 7 วัน นับจากวันเริมป่วย
–ซีรัมในระยะฟืนตัว (convalescentphase)
• ให้เก็บจากผู้ป่วยในระยะอย่างน้อยทีสุดหลังจากวันเริมป่วย 14 วัน
• ควรเก็บ pair serum คือเก็บห่างกัน 7-20 วัน
• ไม่จําเป็นต้องแยก serum ระยะ acute จาก blood clot เพือลดความ
เสียงต่อการติดเชือของผู้ปฏิบัติงาน
• ควรใช้หลอดเก็บเลือดทีเป็นระบบปิดทีปลอดเชือ(Vacutainer type)
• เก็บเลือดมีอุณหภูมิ 4oC
–การเก็บตัวอย่างหลังจากเสียชีวิต และการตรวจชินเนือผิวหนัง/
อวัยวะอืนๆ เช่น ตับ
การเก็บตัวอย่าง
- 63. •วิธีการทําลายเชือ
–นํายาทําความสะอาดทัวไป
• เชือไวรัสมีความไวต่อนํายาฟอกขาว (Bleach) โดยผสมนํายาฟอก
ขาวด้วยอัตราส่วน 1:10 หรือ แช่ลงนํายาทําความสะอาด
อัตราส่วน 1:100 นาน 10 นาที
–สบู่และนําสะอาด
• ล้างและขัดด้วยสบู่และนําเพือล้างสิงปนเปือนออกจากวัสดุ
อุปกรณ์ต่างๆ
• ควรใช้นํายาทําความสะอาดซึงมีประสิทธิภาพากกว่าสบู่
–ทําลายเชือด้วยวิธี sterilization
• ควรใช้วิธี autoclave หรือ stream sterilizer หากไม่มีให้ต้มเดือด
นาน 20 นาที
การป้ องกันการติดเชือระหว่างดูแลผู้ป่ วย
- 64. •การแยกผู้ป่ วย
–ถ้ามีห้อง Negativepressure ให้แยกไว้ในห้องจนกว่าจะหายป่วย
–กรณีทีไม่มีห้อง Negative pressure ให้จัดห้องแยกทีอยู่ห่างจากที
สาธารณะ มีระบบระบายอากาศทีดี และระวังการใช้พัดลม
–มีสัญลักษณ์ระบุเขตระวังหน้าห้องหรือประตูทางเข้าห้องผู้ป่วย
–จํากัดการเข้าออกหรือปะปนกับผู้ป่วยอืน
–จัดเจ้าหน้าทีประจํา ไม่ผลัดเปลียนกับเจ้าหน้าทีชุดอืนๆ
–อุปกรณ์ใช้เฉพาะหอผู้ป่วย ห้ามปะปนกับหอผู้ป่วยอืน
–การย้ายผู้ป่วยออกจากห้อง ให้พิจารณาตามอาการและอาการ
แสดงของผู้ป่วยว่าไม่มีไข้อย่างน้อย 7 วัน หรือ นับจากวันเริม
ป่วย 21 วัน
การป้ องกันการติดเชือระหว่างดูแลผู้ป่ วย