SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
ชื่อ นายชนกันต์ ใยเทศ ม.5/3 เลขที่ 14
แบบทดสอบ 1
1. โครงงาน หมายถึงอะไร
ตอบ โครงงาน เป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวก ับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คาตอบให้ลึกซึ้ง
หรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน
มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียดปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคาตอบในเรื่องนั้นๆ
2.โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง
ตอบ โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ
โดยจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน
เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน
หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้
แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม
หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้
จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอ
ร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา
ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ
ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
3. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง
ตอบ ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก
ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรมและลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้5 ประเภทคือ
1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา(Educational Media)
2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (ToolsDevelopment)
3.โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี(TheoryExperiment)
4.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
5.โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
4. ขั้นตอนการทาโครงงานมีกี่ขั้นอะไรบ้าง
ตอบ ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์
1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3.จัดทาเค้าโครงของโครงงาน
4.การลงมือทาโครงงาน
5.การเขียนรายงาน
6.การนาเสนอและแสดงโครงงาน
1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คาถามหรือความสนใจในเรื่องต่างๆ
จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก ับระบบคอมพิวเตอร์หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว
ปัญหาที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ ก ันดังนี้
1.การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
2.การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3.การฟังบรรยายทางวิชาการรายการวิทยุและโทรทัศน์
รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือก ับบุคคลอื่นๆ
4.กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5.งานอดิเรกของนักเรียน
6.การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้
รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ
ชื่อโครงงาน ทาอะไร ก ับใคร เพื่ออะไร
ประเภทโครงงาน วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้
ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงานอาจเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มก็ได้
ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและควบคุมการทาโครงงานของนักเรียน
ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาร่วมให้คาแนะนาในการทาโครงงานของนัีกเรียน
ระยะเวลาดาเนินงาน
ระยะเวลาการดาเนินงานโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด กาหนดเป็นวันหรือ
เดือนก็ได้
แนวคิดที่มา และความสาคัญ สภาพปัจจุบันที่เป็นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล
วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ และผลผลิต
หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน
วิธีดาเนินงาน
กิจกรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงานเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ
และผู้ัรับผิดชอบ
ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลาและกิจกรรมดาเนินการต่างๆตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
1.ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
2.สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
3.มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา
4.มีเวลาเพียงพอ
5.มีงบประมาณเพียงพอ
6.มีความปลอดภัย
2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูลซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ
จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม
ในการศึกษาจะต้องได้คาตอบว่า
1.จะทา อะไร
2.ทาไมต้องทา
3.ต้องการให้เกิดอะไร
4.ทาอย่างไร
5.ใช้ทรัพยากรอะไร
6.ทาก ับใคร
7.เสนอผลอย่างไร
3.องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทาโครงงาน
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว
ก็เสมือนว่าการจัดทาโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่งขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ดังนี้
4.1การเตรียมการ
การเตรียมการต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย
และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน
ได้แก ่ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไรมีปัญหาและแก ้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิตกระบวนการ และผลกระทบ
เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆที่นามาใช้ในการดาเนินงาน
4.2การลงมือพัฒนา
1.ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครงแต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น
2.จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จก ่อนจึงค่่อยทา
ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานก ันทา
ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย
3.พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบและบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
4.3การทดสอบผลงานและแก้ไข
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงก ับความต้องการ
ที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทาด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย
4.4การอภิปรายและข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้วให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม
เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงานและทาการอภิปรายผลด้วยเพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร้อมก ับนา
ไปหาความสัมพันธ์ก ับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้วทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ ทฤษฎี
หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
4.5แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ
เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกตประเด็นที่สาคัญหรือปัญหา
ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
5.การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิดวิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ได้
ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวก ับโครงงานนั้นในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่ายชัดเจนกระชับ
และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
5.1ส่วนนา
ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวก ับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย
1.ชื่อโครงงาน
2.ชื่อผู้ทาโครงงาน
3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4.คาขอบคุณ เป็นคากล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงานที่มีส่วนช่วยทาให้โครงงานสาเร็จ
5.บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสาคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ
5.2บทนา
บทนาเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย
1.ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
2.เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า
3.ขอบเขตของโครงงาน
5.3หลักการและทฤษฎี
หลักการและทฤษฎีเป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี
หรือวิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนามาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย
5.4วิธีดาเนินการ
วิธีดาเนินการ อธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียดพร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อมทั้งวิธีการที่ใช้แก ้ไข
พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน
5.5ผลการศึกษา
ผลการศึกษานาเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้โดยอาจแสดงเป็นตารางหรือ กราฟหรือข้อความ
ทั้งนี้ให้คานึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก
5.6สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลและข้อเสนอแนะอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทา งาน
ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้
นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนา ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์อุปสรรคของการทาโครงงานหรือข้อสังเกตที่สาคัญ
หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทาโครงงานนี้
รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก ้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทานองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย
5.7ประโยชน์
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงานระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น
และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย
5.8บรรณานุกรม
บรรณานุกรมรวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสารหรือเว็บไซด์ต่างๆที่ผู้ทา โครงงานใช้ค้นคว้า
หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆที่นามาใช้ประโยชน์ในการทา
โครงงานนี้การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย
5.9การจัดทาคู่มือการใช้งาน
หาโครงงานที่นักเรียนจัดทา เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนั้นโดยละเอียด
ซึ่งประกอบด้วย
1.ชื่อผลงาน
2.ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้
3.ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจะให้ผลงานนั้นทางานได้อย่างสมบูรณ์
4.คุณลักษณะของผลงานอธิบายว่าผลงานนั้นทา หน้าที่อะไรบ้างรับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก
5.วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคาสั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงานทางานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
6.การนาเสนอและแสดงโครงงาน
การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด
ความพยายามในการทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเทและเป็นวิธีทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น
การเสนอผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆก ัน เช่นการแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม
การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคาพูดเป็นต้นโดยผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
1.ชื่อโครงงาน
2.ชื่อผู้จัดทาโครงงาน
3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4.คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน
5.วิธีการดาเนินการที่สาคัญ
6.การสาธิตผลงาน
7.ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน

More Related Content

What's hot

งานคอมสวย
งานคอมสวยงานคอมสวย
งานคอมสวยfahsrisakul
 
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์Kansiri Sai-ud
 
กิจกรรม2
กิจกรรม2กิจกรรม2
กิจกรรม2hazama02
 
กิจกรรมที่2
กิจกรรมที่2 กิจกรรมที่2
กิจกรรมที่2 kanyarataryoon
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Plai Plaifah
 
โครงงานคอมพิวเตอร์.Pd
โครงงานคอมพิวเตอร์.Pdโครงงานคอมพิวเตอร์.Pd
โครงงานคอมพิวเตอร์.PdPolly Rockheels
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27
โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27
โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27Chonlakan Kuntakalang
 

What's hot (16)

งานคอมสวย
งานคอมสวยงานคอมสวย
งานคอมสวย
 
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Comm
CommComm
Comm
 
กิจกรรมที่ 1
กิจกรรมที่ 1กิจกรรมที่ 1
กิจกรรมที่ 1
 
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Computer project
Computer projectComputer project
Computer project
 
Polly pele
Polly pelePolly pele
Polly pele
 
Work2 3
Work2 3Work2 3
Work2 3
 
ใบงานที่2 8
ใบงานที่2 8ใบงานที่2 8
ใบงานที่2 8
 
กิจกรรม2
กิจกรรม2กิจกรรม2
กิจกรรม2
 
อะไรก็ได้
อะไรก็ได้อะไรก็ได้
อะไรก็ได้
 
กิจกรรมที่2
กิจกรรมที่2 กิจกรรมที่2
กิจกรรมที่2
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์.Pd
โครงงานคอมพิวเตอร์.Pdโครงงานคอมพิวเตอร์.Pd
โครงงานคอมพิวเตอร์.Pd
 
Commmm2
Commmm2Commmm2
Commmm2
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27
โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27
โครงงานคอมพิวเตอร์เลขที่ 5,27
 

Viewers also liked

อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ chanakan12
 
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์Pon Tacha
 
Pedia exodontia
Pedia exodontiaPedia exodontia
Pedia exodontiaIAU Dent
 

Viewers also liked (6)

Com
ComCom
Com
 
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
 
Dss
DssDss
Dss
 
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
 
Pedia exodontia
Pedia exodontiaPedia exodontia
Pedia exodontia
 
Com (1)
Com (1)Com (1)
Com (1)
 

Similar to แบบทดสอบ 1

แบบทดสอบ 1
แบบทดสอบ 1แบบทดสอบ 1
แบบทดสอบ 1Tanawat Rengtian
 
ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5Xioniczero
 
แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1poe15562
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1OnceFor_ME
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1nattawateiei
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1mayochikijo
 
ใบงานที่1
ใบงานที่1ใบงานที่1
ใบงานที่1Nipit"TK
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์nainapat
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1benz13749
 
แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1mayochikijo
 
แบบทดสอบ
แบบทดสอบแบบทดสอบ
แบบทดสอบPloy Wantakan
 
แบบทดสอบ
แบบทดสอบแบบทดสอบ
แบบทดสอบMix Chanatkrit
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1nainapat
 
โครงงานความหมาย
โครงงานความหมายโครงงานความหมาย
โครงงานความหมายbenz13749
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์fahsai imjai
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Earn'n Earn
 
โครงงานคอมพิวเตอร์2
โครงงานคอมพิวเตอร์2โครงงานคอมพิวเตอร์2
โครงงานคอมพิวเตอร์2fahsai imjai
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Ekkaphum Sunggudthong
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์Nantapop Pongcharoen
 

Similar to แบบทดสอบ 1 (20)

แบบทดสอบ 1
แบบทดสอบ 1แบบทดสอบ 1
แบบทดสอบ 1
 
ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5
 
แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1
 
ใบงานที่1
ใบงานที่1ใบงานที่1
ใบงานที่1
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1แบบทดสอบ1
แบบทดสอบ1
 
แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1แบบทดสอบที่ 1
แบบทดสอบที่ 1
 
แบบทดสอบ
แบบทดสอบแบบทดสอบ
แบบทดสอบ
 
แบบทดสอบ
แบบทดสอบแบบทดสอบ
แบบทดสอบ
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1
 
โครงงานความหมาย
โครงงานความหมายโครงงานความหมาย
โครงงานความหมาย
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์2
โครงงานคอมพิวเตอร์2โครงงานคอมพิวเตอร์2
โครงงานคอมพิวเตอร์2
 
คอม
คอมคอม
คอม
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์
 

แบบทดสอบ 1

  • 1. ชื่อ นายชนกันต์ ใยเทศ ม.5/3 เลขที่ 14 แบบทดสอบ 1 1. โครงงาน หมายถึงอะไร ตอบ โครงงาน เป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวก ับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คาตอบให้ลึกซึ้ง หรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียดปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคาตอบในเรื่องนั้นๆ 2.โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง ตอบ โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ โดยจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอ ร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
  • 2. 3. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง ตอบ ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรมและลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้5 ประเภทคือ 1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา(Educational Media) 2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (ToolsDevelopment) 3.โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี(TheoryExperiment) 4.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application) 5.โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) 4. ขั้นตอนการทาโครงงานมีกี่ขั้นอะไรบ้าง ตอบ ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ 1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล 3.จัดทาเค้าโครงของโครงงาน 4.การลงมือทาโครงงาน 5.การเขียนรายงาน 6.การนาเสนอและแสดงโครงงาน 1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คาถามหรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก ับระบบคอมพิวเตอร์หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ ก ันดังนี้
  • 3. 1.การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ 2.การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ 3.การฟังบรรยายทางวิชาการรายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือก ับบุคคลอื่นๆ 4.กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน 5.งานอดิเรกของนักเรียน 6.การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้ รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ ชื่อโครงงาน ทาอะไร ก ับใคร เพื่ออะไร ประเภทโครงงาน วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงานอาจเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มก็ได้ ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและควบคุมการทาโครงงานของนักเรียน ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาร่วมให้คาแนะนาในการทาโครงงานของนัีกเรียน ระยะเวลาดาเนินงาน ระยะเวลาการดาเนินงานโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด กาหนดเป็นวันหรือ เดือนก็ได้ แนวคิดที่มา และความสาคัญ สภาพปัจจุบันที่เป็นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ และผลผลิต หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน วิธีดาเนินงาน กิจกรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงานเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ และผู้ัรับผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลาและกิจกรรมดาเนินการต่างๆตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
  • 4. 1.ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา 2.สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้ 3.มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา 4.มีเวลาเพียงพอ 5.มีงบประมาณเพียงพอ 6.มีความปลอดภัย 2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูลซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คาตอบว่า 1.จะทา อะไร 2.ทาไมต้องทา 3.ต้องการให้เกิดอะไร 4.ทาอย่างไร 5.ใช้ทรัพยากรอะไร 6.ทาก ับใคร 7.เสนอผลอย่างไร 3.องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน 4. การลงมือทาโครงงาน เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทาโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่งขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ดังนี้ 4.1การเตรียมการ การเตรียมการต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน ได้แก ่ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไรมีปัญหาและแก ้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิตกระบวนการ และผลกระทบ เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆที่นามาใช้ในการดาเนินงาน
  • 5. 4.2การลงมือพัฒนา 1.ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครงแต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น 2.จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จก ่อนจึงค่่อยทา ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานก ันทา ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย 3.พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบและบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน 4.3การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงก ับความต้องการ ที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทาด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย 4.4การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้วให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงานและทาการอภิปรายผลด้วยเพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร้อมก ับนา ไปหาความสัมพันธ์ก ับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้วทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย 4.5แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกตประเด็นที่สาคัญหรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้ 5.การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิดวิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวก ับโครงงานนั้นในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่ายชัดเจนกระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้ 5.1ส่วนนา ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวก ับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย 1.ชื่อโครงงาน 2.ชื่อผู้ทาโครงงาน 3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4.คาขอบคุณ เป็นคากล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงานที่มีส่วนช่วยทาให้โครงงานสาเร็จ 5.บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสาคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ 5.2บทนา บทนาเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย
  • 6. 1.ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 2.เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า 3.ขอบเขตของโครงงาน 5.3หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีเป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนามาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย 5.4วิธีดาเนินการ วิธีดาเนินการ อธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียดพร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อมทั้งวิธีการที่ใช้แก ้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน 5.5ผลการศึกษา ผลการศึกษานาเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้โดยอาจแสดงเป็นตารางหรือ กราฟหรือข้อความ ทั้งนี้ให้คานึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก 5.6สรุปผลและข้อเสนอแนะ สรุปผลและข้อเสนอแนะอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทา งาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนา ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์อุปสรรคของการทาโครงงานหรือข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทาโครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก ้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทานองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย 5.7ประโยชน์ ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงานระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย 5.8บรรณานุกรม บรรณานุกรมรวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสารหรือเว็บไซด์ต่างๆที่ผู้ทา โครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆที่นามาใช้ประโยชน์ในการทา โครงงานนี้การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย 5.9การจัดทาคู่มือการใช้งาน หาโครงงานที่นักเรียนจัดทา เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนั้นโดยละเอียด ซึ่งประกอบด้วย 1.ชื่อผลงาน 2.ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้
  • 7. 3.ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจะให้ผลงานนั้นทางานได้อย่างสมบูรณ์ 4.คุณลักษณะของผลงานอธิบายว่าผลงานนั้นทา หน้าที่อะไรบ้างรับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก 5.วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคาสั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงานทางานในฟังก์ชันหนึ่งๆ 6.การนาเสนอและแสดงโครงงาน การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเทและเป็นวิธีทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆก ัน เช่นการแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคาพูดเป็นต้นโดยผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้ 1.ชื่อโครงงาน 2.ชื่อผู้จัดทาโครงงาน 3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4.คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน 5.วิธีการดาเนินการที่สาคัญ 6.การสาธิตผลงาน 7.ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน