1. การนำาเสนอแบบมืออาชีพ
วอร์เร็น บัฟเฟ็ตต์ และ บิล เกตส์ ไปบรรยายให้นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเนบราสกาฟัง
มีคำาถามจากนักศึกษาคนหนึ่งถามว่า วอร์เร็นจะแนะนำาอะไรสำาหรับนักศึกษาที่กำาลังจะจบการศึกษา
เข้าสู่โลกธุรกิจ พวกเขาควรจะเตรียมตัวอย่างไรบ้างเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ ...
วอร์เร็น ตอบว่า การพูดในที่สาธารณะเป็นทักษะที่สำาคัญและจำาเป็น
ถ้ามีทักษะการนำาเสนอทีดีมันก็จะเป็นสินทรัพย์ หากไม่มีก็เสมือนเป็นหนี้สิน
่
เพราะว่าทักษะนี้มันจะอยู่กับเราไป 50-60 ปี ในชีวิตทำางาน
สำาหรับเขาแล้วเคยอบรมทักษะการพูดในที่สาธารณะของเดลคาร์เนกีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951
เมื่อทักษะนี้สำาคัญ แต่ปรากฏว่าในโลกแห่งความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม
ในดีวีดีเรือง Conquering Death by PowerPoint ของ J. Douglas Jeffereys เขาได้แสดงสถิติที่น่าสนใจ
่
จากผลการสำารวจลูกค้าของเขาในช่วงมิถุนายน ค.ศ. 2001 ถึง ธันวาคม ค.ศ. 2004 พบว่า 60% ของคน
ทั่วไป
มีความเห็นว่าการนำาเสนอในทางธุรกิจน่าเบื่อ 34% บอกว่าทรมานที่ต้องนังฟัง
่
มีเพียง 19% บอกว่า มีประสบการณ์การฟังการนำาเสนอที่น่าสนุกและประทับใจ
จากหนังสือ Presenting to Win by Jerry Weissman มีการประมาณการว่า ในแต่ละวัน ทั่วโลกมีการนำา
เสนอ
โดยใช้ PowerPoint กว่า 30 ล้านครัง คิดดูว่าแต่ละวันมันเป็นความสูญเสียทางธุรกิจขนาดไหน
้
หากการนำาเสนอส่วนใหญ่เป็นอย่างที่สถิติบอกไว้
ที่จริงความเสียหายไม่ใช่แต่เพียงความน่าเบื่อ หรือความทรมานจากการทนฟังการนำาเสนอที่ไม่น่าสนใจ
เท่านั้น
ความไม่ชำานาญในทักษะการจัดทำา PowerPoint อาจจะฆ่าคนตายได้
Edward Tufte ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและการนำาเสนอ ซึ่งได้รับการยกย่องจาก New York Times ว่า
เป็น “ลีโอนาร์โด ดาวินชี ทางด้านข้อมูล” ระบุว่าทักษะในการนำาเสนอที่ไม่เก่งของวิศวกรจากองค์กรหนึ่ง
ผนวกกับสไลด์ PowerPoint ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล ทำาให้ผู้บริหาร NASA ไม่สามารถเชื่อและเข้าใจว่า
กระสวยอวกาศโคลัมเบียมีความเสียงด้านเทคนิค ในที่สุดโคลัมเบียก็เกิดอุบัตเหตุขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
่ ิ
ค.ศ. 2003 เป็นเหตุให้ลูกเรือนักบินอวกาศทั้ง 7 คนต้องเสียชีวต ทั้งนี้ หากวิศวกรจากบริษัที่ว่ามีทักษะใน
ิ
การนำาเสนอที่ดีและสไลด์ที่สื่อความได้ อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว โศกนาฏกรรม
ครั้งนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วการนำาเสนอทางธุรกิจมักจะพลาดท่าเสียทีอยู่ 2 เรือง คือ ในตอนที่ออกแบบ หรือในตอนที่นำา
่
เสนอ
ผมอยากแชร์ประสบการณ์ทอาจจะช่วยทำาให้การออกแบบทำาได้ดีขึ้น
ี่
เวลาที่เราจัดเตรียมการนำาเสนอนั้น เราควรตอบคำาถามนี้ให้ได้
ผลลัพธ์สดท้ายที่เราต้องการให้เกิดกับผู้ฟังการนำาเสนอคืออะไร
ุ
เราอยากให้เขาคิดอะไร หรือทำาอะไรหลังจากการนำาเสนอครังนี้้
โดยทั่วไปการนำาเสนอมี 3 เป้าหมายใหญ่ๆ คือ ทำาให้คนเข้าใจในสิ่งที่เรานำาเสนอ
หรือทำาให้เชื่อหรือคล้อยตามในสิ่งที่เรานำาเสนอ หรือทำาให้ลงมือทำาตามที่เรานำาเสนอ
ตัวอย่างทีดีคือ ภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth by Al Gorr อดีตรองประธานาธิบดีของอเมริกา ใน
่
หนัง
เขาเริ่มตังแต่การอธิบายให้เรื่องภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องง่ายๆ โดยใช้สอที่น่าสนใจตั้งแต่กราฟฟิกไปจนถึง
้ ื่
การ์ตูน
หลังจากนั้นเขาก็ทำาให้คนดูเชือและคล้อยตามด้วยข้อมูลและสถิติทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนหลักฐานด้วย
่
ภาพ
และภาพยนตร์ จนกระทั่งตอนจบเขาก็มการ Call for actions
ี

2. โดยมีรายการกว่า 20 ข้อให้คนที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกไปปฏิบัติ
ที่น่าเสียใจคือว่า นักธุรกิจอย่างพวกเราจำานวนมากตกม้าตายตังแต่การทำาให้คนเข้าใจ
้
มีข้อมูลที่เราควรตระหนักไว้ในการออกแบบการนำาเสนอดังต่อไปนี้
จากหนังสือ Listening – The forgotten skill by Madelyn Burley - Allen เขาบอกว่า
โดยเฉลี่ยแล้วประสิทธิภาพในการฟังของคนทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 25%
ในหนังสือ Developing Effective Training by Tony Pont แนะนำาไว้ว่า
พยายามทำาให้การนำาเสนอของคุณสั้นเพียง 15-20 นาที
เพราะว่านั่นเป็นระยะเวลา ซึ่งผู้ฟังที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult) ทั่วไปสามารถจะรับฟังการนำาเสนอได้
หากเกินกว่านั้นมักจะไม่สามารถดึงสมาธิของเขาไว้ได้
นอกจากนี้ David L. Sousa กล่าวไว้ในหนังสือ How the brain learn ว่า หลังการเรียนรู้ไป 24 ชั่วโมง
เราจะรักษาความรูได้เพียง 5% เท่านั้น หากเป็นการรับฟังการบรรยาย
้
หากให้ระดมความคิดและทำางานกลุ่มจะขึ้นมาถึง 50%
หากใช้วิธีลองฝึกฝนทักษะและความรู้นั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 75%
และหากนำาไปใช้งานทันที หรือนำาไปสอนต่อจะสูงถึง 90%
หากเราตระหนักถึงธรรมชาติของมนุษย์ในการสื่อสารแล้ว เราน่าจะออกแบบการสื่อสารได้ดีขึ้น
อย่างที่ Ludwig Mies van Der Rohe (เกิด 27 มีนาคม ค.ศ. 1886 เสียชีวิต 17 สิงหาคม ค.ศ. 1969) ซึ่ง
เป็นสถาปนิก
ที่โด่งดังและได้รับการยกย่องว่าเป็น Modern Architecture กล่าวไว้ว่า
More is Less หรือ ยิ่งให้มากคนยิ่งรับได้น้อย
ดังนั้น เราต้องระมัดระวังอย่าอัดข้อมูลมากเกินไปในการนำาเสนอ
มีคำาแนะนำาในการออกแบบลำาดับของสไลด์ใน PowerPoint ดังนี้
1. เริ่มสไลด์แรกด้วย Title คือ ชื่อเรื่องที่นำาเสนอ
2. สไลด์ถัดไปเป็นสไลด์ที่จะบอกผู้ฟังว่าประโยชน์ของเขาที่จะได้รับ จากการฟังครั้งนี้คออะไร
ื
(หรือคุณอาจจะเตรียมเป็นบทพูด โดยไม่มีสไลด์ก็ได้) ตอบคำาถามเหล่านี้ว่า
อะไรคือประโยชน์ของผู้ฟัง ทำาไมเขาต้องฟังการนำาเสนอคุณในครั้งนี้
3. แล้วตามด้วยสไลด์ที่บอกวัตถุประสงค์ในการนำาเสนอ
4. Agenda หรือหัวข้อในการนำาเสนอ
5. เนื้อหา ตามลำาดับในข้อ 4
6. สไลด์สดท้าย ให้นำาสไลด์วตถุประสงค์ในข้อ 3 กลับมากล่าวอีกครังหนึ่ง
ุ ั ้
แต่เปลี่ยนหัวสไลด์เป็น Review หรือสรุป/ทบทวน

3. ในการออกแบบสไลด์ ควรใช้แนวทางดังนี้
1. จัดทำาสไลด์ตามลำาดับของเนื้อหา
2. เป็น Bullet point ไม่ใช่ Word point นี่เป็นข้อผิดพลาดใหญ่เลยสำาหรับคนทั่วๆ ไป
อย่าลืมว่า PowerPoint ออกแบบมาเพื่อช่วยสื่อความ
3. หากมีข้อมูลที่ต้องนำาเสนอมากมายแบบกรณีกระสวยโคลัมเบีย อย่าอัดข้อมูลลงในสไลด์ ให้แจกเป็น
เอกสาร
ประกอบที่เป็น Word Document หรือมีตารางข้อมูลโดยละเอียด ไม่ใช่นำาไปยัดใส่ในสไลด์ทงหมด
ั้
4. ในแต่ละ Bullet ควรจบในบรรทัดเดียวกัน ควรจะอยู่ระหว่าง 6-8 คำาในภาษาอังกฤษ
หรือไม่เกิน 10 คำาในภาษาไทย ให้นึกง่ายๆ ว่าเป็นการพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์
ไม่จำาเป็นต้องเป็นประโยคที่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น “ปูนใหญ่โกอินเตอร์”
“แอมเวย์ดับเบิ้ลยอดขายในห้าปี” “โฆสิต: กระตุ้นเศรษฐกิจพอแล้ว”
5. ไม่ควรเกิน 6 Bullet ในแต่ละหน้า หรือไม่ควรเกิน 6 บรรทัดในแต่ละสไลด์
6. ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่
7. ใช้สีตัวอักษรตัดกับพื้น Background ของสไลด์
8. ใช้ภาพประกอบ อย่างที่สุภาษิตจีนบอกไว้วา ภาพหนึ่งภาพบอกได้มากกว่าหมื่นคำาพูด
่
9. อย่าให้เทคนิคของ PowerPoint ขโมยซีน
ผู้นำาเสนอคือ ศูนย์กลางความสนใจไม่ใช่เทคนิคที่มากจนเกินพอดี
10. ใส่หมายเลขสไลด์เพื่อช่วยให้คนฟังอ้างอิงได้
ที่มา โพสต์ทูเดย์
Create Date : 04 สิงหาคม 2552
Last Update : 4 สิงหาคม 2552 14:07:21 น.