More Related Content
Similar to โครงงานเทคโนโลยี 4 g 5.4
Similar to โครงงานเทคโนโลยี 4 g 5.4 (20)
More from Wormzaza Worthless
More from Wormzaza Worthless (9)
โครงงานเทคโนโลยี 4 g 5.4
- 1. แบบเสนอโครงร่ า งโครงงานคอมพิ ว เตอร์
รายวิ ช า เทคโนโลยี ٢ (ง٣٢١٠٢)
กลุ ่ ม สาระการเรี ย นรู ้ การการอาชี พ และเทคโนโลยี
(คอมพิ ว เตอร์ )
ภาคเรี ย นที ่ 2 ปี ก ารศึ ก ษา 2554
---------------------------------
١. ชื ่ อ โครงงาน การพัฒนาเว็บบล็อก(WebBlog)ด้วย Blogger
เรื่อง เทคโนโลยี ٤G
٢. ประเภทของโครงงาน
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
٣. ชื ่ อ สกุ ล ผู ้ เ สนอโครงงาน
1. นาย วริพิฐ ยาบูฮา ชั้น ม. ٥/٤ เลขที่ ٥
2. นาย ไชยา พันธ์น้อย ชั้น ม. ٥/٤ เลขที่ ١
3. นาย กฤษฏา เทอดกิติวรางค์ ชั้น ม. ٥/٤ เลขที่ ٢
٤. ชื ่ อ ครู ท ี ่ ป รึ ก ษาโครงงาน
นางสาวเบญญาสิริ แก้วเบี่ยง ตำาแหน่ง ครู ค ศ 1
٥. ชื ่ อ ครู ท ี ่ ป รึ ก ษาโครงงานร่ ว ม
-
٦. แนวคิ ด ที ่ ม าและความสำ า คั ญ
ปัจจุบันเทคโนโลยีสานสนเทศและอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามี
บทบาทต่อการดำาเนินชีวิตของเรามากขึ้น ซึ่งเราอาจไม่รู้สึกตัวว่า
อินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยที่สำาคัญต่อการดำารงชีวิตในยุคข้อมูล
ข่าวสารมีความสำาคัญ คนหันมาบริโภคข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น
นอกจากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนถนนสำาหรับการเข้าไป
ถึงข้อมูลที่ต้องการ เรายังต้องการเครื่องมือที่จะสามารถสร้างเนื้อหา
และข้อมูลต่างๆไว้รองรับการเข้าถึง นั่นก็คือเทคโนโลยีเว็บไซต์ ซึ่ง
เป็นตัวกลางคอยให้ข้อมูลต่างๆแก่ผู้ใช้โดยการพัฒนาของ
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ ได้ถูกเปลี่ยนแปลงจากเดิมไป
มาก
ในยุคเทคโนโลยีการสื่อสานผ่านอินเตอร์เน็ต กำาลังเป็นที่
นิยมและมีผลกระทบในทุกๆด้านในปัจจุบัน ทำาให้ทุกคน ทุกสังคม
ต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกของ
การสื่อสาร และพัฒนาการของโลกเวิลด์ไวด์เว็บ(World Wide
Web; WWW) จากยุคแรกคือ Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเป็น Static
- 2. Web คือมีการนำาเสนอข้อมูลทางเดียว (one - waycommunication)
ด้วยการแปลงข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเรา ให้อยู่ในรูปของ
ดิจิตอล (Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือการโฆษณาตาม
หน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้สามารถอ่านได้แต่ไม่สามารถเข้าร่วมในการ
สร้างข้อมูลได้ แต่ก้าวเข้าสู้ยุคที่สองของเทคโนโลยีคือ WWW หรือ
Web 2.0 เป็นยุคที่ทำาให้อินเทอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมาก
ขึ้น เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์
จุดกำาเนิดของ Web 2.0 และการพัฒนาก้าวผ่านเข้าสู่ยุค
Web 3.0 ความนิยมของ Social Media มีการเติบโตอย่างไม่
หยุดยั้งและมีแนวโน้นของผู้ใช้บริการทั่วโลก ปัจจุบัน Social
Network Web Site ต่างๆก็มีการพัฒนาและเปิดโอกาสให้ผู้
ใช้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์เชิงสังคมกันมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือการสร้างเว็บ Blog เพื่อเผยแพร่
ข้อมูลในรูปแบบต่างๆ
เทคโนโลยี ٤G เป็นเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ
หรือเป็นเส้นทางด่วนสำาหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสาย
เคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้แบบไร้
สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ
(three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง
นอกจากนั้น สถานีฐาน ซึ่งทำาหน้าที่ในการส่งผ่านสัญญาณ
โทรศัพท์เคลื่อนที่จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง และมี
ต้นทุนการติดตั้งที่แพงลิ่วในขณะนี้ จะมีให้เห็นกันอย่างแพร่
หลายเช่นเดียวกับหลอดไฟฟ้าตามบ้านเลยทีเดียว สำาหรับ
เทคโนโลยี 4G จะสามารถส่งผ่านข้อมูลแบบไร้สายด้วยระดับ
ความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นถึง 100 เมกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งห่างจาก
ความเร็วของชุดอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่ระดับ 10 กิโล
บิตต่อวินาที
4G คือ Forth Generation ซึ่งในบ้านเรายังไม่มีให้เห็น
กัน เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีสื่อสารในยุค 4G เรื่องความเร็วนั้น
เหนือกว่า 3G มาก คือทำาความเร็วในการสื่อสารได้ถึงระดับ
20-40 Mbps เมื่อเทียบกับความเร็วที่ได้จาก 3G นั้นคนละเรื่อง
กันเลย ที่ญี่ปุ่นนั้นเครือข่ายโทรศัพท์ที่ใช้เทคโนโลยี 4G
สามารถให้บริการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านมือถือได้แล้ว
หรือจะโหลดตัวอย่างภาพยนตร์มาชมบนโทรศัพท์มือถือก็มีให้
- 3. เห็นเช่นกัน ทำาไมญี่ปุ่นถึงรีบกระโดดไปสู่ยุค 4G กันเร็วเหลือ
เกิน คำาตอบง่าย ๆ ก็คือ ดิจิตอลคอนเทนต์ เป็นตัวผลักดันให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นนั่นเอง เมื่อผู้ให้บริการหลายหลายรูป
แบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจำาเป็นต้องอาศัยเครือข่ายที่มี
ความเร็วสูง สามารถรับส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก ๆ ดังนั้น
การผลักดันตัวเองให้เข้าสู่ยุค 4G ที่ใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่า
3G ก่อนคู่แข่ง น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด
เพื่อศึกษา รวบรวม และวิเคราะห์ระบบสื่อสารไร้สายยุคที่ 4
ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีของ ระบบ
สื่อสารไร้สายยุคที่ 4 เพื่อการยอมรับการพัฒนาของระบบสื่อสารไร้
สายยุคที่ 4 และสามารถประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
٧. วั ต ถุ ป ระสงค์
7.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger
เรื่องเทคโนโลยี ٤G
1.1. เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับ เรื่องเทคโนโลยี
٤G
1.2.เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อกจาก
٨. หลั ก การและทฤษฎี
8.1ความหมายของเว็ บ บล็ อ ก
เว็บบล็อก (Weblog) เป็นคำาที่มาจากคำาว่า เว็บ (Web) กับคำา
ว่า บล็อก (Blog) รวมกันเรียกว่าเว็บบล็อก ความหมายของเว็บ
บล็อกคือ เครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานบนเว็บไซต์มีลักษณะเหมือนกับ
เว็บบอร์ด แต่เน้นการใช้งานไปที่การบันทึกเรื่องราวหรือข้อมูลส่วน
ตัวเหมือนกับไดอารี่ จะแสดงข้อมูลในลักษณะที่เป็นหัวข้อประกอบ
บทคัดย่อ แต่จะดีกว่าไดอารีที่เขียนด้วยมือ ก็คือเป็นเว็บที่สามารถ
เชื่อมโยงไปหาบทความที่เว็บไซด์อื่น และเปิดรับความเห็นจากผู้อื่น
ได้ด้วยโดยทั่วๆไปแล้ว คุณสมบัตของบล็อก ก็คือ 1 มีการจัดหัวข้อ
ิ
ของเนื้อหา บทความ โดยให้เรื่องใหม่สุดอยู่ด้านบนสุด มักจะจัดกลุ่ม
เรื่องแบบเดียวกันไว้ด้วยกัน 2 มีการเก็บสะสมบทความอย่างเป็น
ระบบต่อเนื่องกัน 3 ผู้อ่านบทความนั้นๆ สามารถแสดงความเห็นได้ 4
มีลิสต์ของ link ไปเว็บหรือบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกัน หรือที่เรา
เรียกว่า blogroll เนื้อหาของบล็อก เนื้อหาของบล็อกก็เป็นไปตาม
- 4. ประเภทของบล็อก แต่ไม่ว่าจะเป็นบล็อกแบบไหนก็ตาม ควรจะมีการ
อัพเดทบ่อยๆ มีอะไรใหม่ๆ ให้คนอยากมาเยี่ยมชม
1. ประเภทของเว็ บ บล็ อ ก
บล็อ กมี ด้ว ยกั น หลายชนิ ด แต่ ล ะชนิ ด มี ข้ อ มู ล ที่ แ ตกต่ าง
กั น ไปทั้ ง ผู้ เ ขี ย นและผู้ เ ข้ า ชม โดยบล็ อ กจะเน้ น ไปที่ เ รื่ อ ง
ต่ า งๆ เช่ น learner blogs, political blogs, travel blogs,
fashion blogs, project blogs,legal blogs และอื่ น ๆบล็ อ ก
ที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็นตัวหนังสือ
และรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อก
ออกได้ ดังต่อไปนี้
1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่
1.1. Linklog บล็อกแบบเป็นบล็อกรุ่นแรกๆที่รวมลิ๊งก์
ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการ
รวมลิ๊ ง ก์ เ ท่ า นั้ น แต่ ก็ ไ ม่ เ รี ย งเหมื อ นว็ บ ไดเร็ ก ทอรี่ เ พราะ
เจ้ า ของบล็ อ กจะโพสต์ ลิ๊ ง ก์ ข องเขา ٢ – ١ ลิ๊ ง ก์ ต่ อ โพสต์
เท่านั้น
1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้เน้นโพสต์ภาพถ่าย
ที่เจ้าของบล็อกอยากนำาเสนอและมักจะไม่เน้นเขียนข้อความ
มากนัก
1.3. Vlog ย่ อ ม า จ า ก Videoblog เ ป็ น บ ล็ อ ก ที่ ร ว ม
วิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อก
ที่นิยมทำา กันมากในอนาคตเพราะการเจริญเติบโตของไฮส
ปี ด อิ นเตอร์ เ น็ ต หรื อ อิ น เตอร์ เ น็ ต บอร์ ด แบนด์ ที่ ทำา ให้ ก าร
ถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie
2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่
٢1 ล็ อ กส่ ว นตั ว (Personal log) นำา แสนอความคิ ด เห็ น
กิจวัตรประจำาวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก
2.2 บล็ อ กข่ า ว(News Blog) บล็ อ กที่ นำา เสนอข่ า วเป็ น
หลัก
2.3 บล็ อ กกลุ่ ม (Collaborative Blog) เป็ น บล็ อ กที่ เ ขี ย น
กันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com
2.4 บล็ อ กการเมื อ ง(Politic Blog) ว่ าด้ ว ยเรื่ อ งการเมื อ ง
ล้วน ๆ
- 5. 2.5 บล็ อ กเพื่ อ สิ่ ง แวดล้ อ ม(Environment Blog) พู ด ถึ ง
เรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม
2.6 มี เ ดี ย บล็ อ ก(Media Blog) เป็ น บล็ อ กที่ วิ เ คราะห์ สื่ อ
ต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/
black ของสุทธิชัย หยุ่น
2.7 บ ล็ อ ก บั น เ ทิ ง (Entertainment Blog) บ ล็ อ ก ที่ นำา
เสนอเรื่ อ งราวบั น เทิ งทั้ ง ทางจอแก้ ว และจอเงิ น เรื่ อ งซุ บ ซุ
ดารา กองถ่าย ฯลฯ
2.8 บ ล็ อ ก เ พื่ อ ก า ร ศึ ก ษ า (Educational Blog) ใ น
โรงเรี ย น หรื อ มหาวิ ท ยาลั ย ในต่ า งประเทศมั ก จะใช้ บ ล็ อ ก
เป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน
2.9 ติ ว เตอร์ บ ล็ อ ก(Tutorial Blog) เป็ น บล็ อ กที่ นำา เสนอ
วิธีการต่าง
3.แบ่งตามรูปแบบของเนื้อหาเฉพาะที่เห็นเด่นชัด
3.1 Filter Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทำา จะใช้สำาหรับนำาเสนอ
แหล่งข้อมูลที่ตนสนใจ (เว็บเพจหรือเว็บไซต์) โดยปกติมัก
จะเป็นข่าว บทความ หรือความคิดเห็นของบุคคลในวงการที่
เผยแพร่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจเรียกได้ว่า เป็น
บล็อก “Bookmark” หรือ มีชอเฉพาะ ว่า Social Bookma
ื่
rk บล็อกลักษณะนี้ จะนำาเสนอแค่หัวข้อเรื่อง และ URL ของ
เว็บเพจหรือเว็บไซต์ บางทีอาจเพิ่มคำาอธิบายเว็บเพจหรือ
เว็บไซต์นั้น ๆ ได้ด้วย และบางที่อาจจะสามารถเพิ่มความคิด
เห็นของผู้จัดทำาบล็อกได้อีกด้วย เป็นเหมือนการกลั่นกรอง
ข้อมูลให้ทราบว่าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ใดกำาลังได้รับความ
นิยม ซึ่งจะเป็นการช่วยจัดลำาดับความน่าเชื่อถือของเว็บเพจ
หรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้เช่นกัน ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้
ได้แก่ http://del.icio.us/ เป็นต้น
3.2 Personal Journal Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทำา จะใช้
สำาหรับนำาเสนอความคิดเห็นหรือประสบการณ์ของตนเอง
ผ่านข้อเขียน โดยอาจจะมีภาพประกอบ หรือมีการเชื่อมโยง
ออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลดูน่าเชื่อถือหรือมีความ
น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งบล็อกลักษณะนี้ เป็นบล็อกตามความ
เข้าใจของบุคคลทั่วไป ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้
- 6. ได้แก่ http://www.exteen.com หรือ http://www.blogge
r.com เป็นต้น
3.3 Photo Blog เป็นบล็อกที่ใช้สำาหรับเก็บภาพ (
ภาพถ่าย, ภาพวาด ฯลฯ) และสามารถใส่ รายละเอียดของ
ภาพ ใส่คำาค้น (tag) ได้ ทำาให้การเก็บภาพเป็นระบบและง่าย
ต่อการค้นหามาก ขึน ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้
้
ได้แก่ http://www.flickr.com เป็นต้น
3.4 Video Blog หรือ เรียกว่า Vlog เป็นบล็อกที่ใช้
สำาหรับเก็บวีดิทัศน์ส่วนตัว สามารถใส่รายละเอียดของวีดิ
ทัศน์ ใส่คำาค้น (tag) ได้ ทำาให้การเก็บวีดิทัศน์เป็นระบบและ
ง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้
ได้แก่ http://www.aolvideoblog.com เป็นต้น
3.5 บล็อกผสม มีลักษณะเป็นบล็อกที่สามารถเก็บข้อมูล
ต่าง ๆ ได้หลายประเภท ทั้งเก็บรูปภาพ เก็บเพลง เก็บวีดิโอ
เก็บลิงค์ (link) ต่าง ๆ หรือบันทึกประจำาวัน และใส่ปฏิทิน
รายการงานที่ต้องทำา ฯลฯ ได้ด้วย ปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับ
ความนิยมสูงมาก โดยมีชื่อเฉพาะด้วย เรียกว่า Social
Network Service ซึ่งนอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อให้
สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันแล้ว ก็ยังมีจุดประสงค์
หลักเพื่อการค้นหาและสะสมเพื่อนจากทั่วโลก
ตัวอย่าง Social NetworkingWebsites ซึ่งให้บริการ
ลักษณะนี้
ได้แก่ http://hi5.com หรือ http://multiply.com หรือ http
://spaces.live.com เป็นต้น (ซึ่งปัจจุบัน คำา
ว่า blog ใน Social Networking Websites นั้นจะกลายเป็น
แค่ส่วนที่ใช้เขียนข้อความเช่นบันทึกประจำาวันแต่เพียงอย่าง
เดียวเท่านั้น
และยังอาจใช้คำาว่า journal แทนคำาว่า blog ด้วย แต่
เนื่องจากบริการนี้ เป็นการรวมเอาบล็อกลักษณะต่าง ๆที่เคย
มี มาอยู่ในที่เดียว ทำาให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบาย
มากยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่เปิดใช้บริการที่เดียว ก็ได้ใช้
บริการครบถ้วน ไม่ต้องเสียเวลาไปสมัครใช้งานจาก
เว็บไซต์หลายที่ให้จดจำายากอีกด้วย)
- 7. 2. เว็ บ ไซต์ ท ี ่ ใ ห้ บ ริ ก ารเว็ บ บล็ อ ก
www.blogger.com www.exteen.com
www.mapandy.com
www.buddythai.com www.imigg.com
www.5iam.com
www.blogprathai.com
www.ndesignsblog.comwww.idatablog.com
www.inewblog.com www.onblogme.com
www.freeseoblogs.com
www.sumhua.com www.diaryi.net
www.istoreblog.com
www.skypream.com
www.thailandspace.com
www.sungson.com www.gujaba.com
www.sabuyblog.com www.ugetblog.com
2. ขอบเขตของโครงงาน
1. จัดทำาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บ
บล็อก(WebBlog)ด้วย Blogges
เรื่อง เทคโนโลยี ٤G
2. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการพัฒนา
ได้แก่
2.1.เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต
2.2.เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ www.Blogger.com
- 8. 2.3.เว็บไซต์ที่ใช้ให้บริการติดต่อสือสาร
เช่น่
www.Facebook.com www.hotmail.com
www.google.com
2.4.โปรแกรมตัดต่อและตกแต่งรูปภาพ เช่น Adobe Phothop
CS4 และ PhotoScape2.0
3. ขั ้ น ตอนและแผนดำ า เนิ น งาน
ระยะเวลาดำาเนินงาน
ที่ ขั้นตอนการดำาเนินงาน เดือน เดือนธันวาคม
พฤศจิกายน
สัปดาห์ที่ สัปดาห์ที่
١ ٢ ٣ ٤ ١ ٢
١ คิดหัวข้อโครงงาน
٢ ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
٣ จัดทำาโครงรางเพื่อนำา
เสนอ
٤ ปฏิบัติการจัดทำาโครงงาน
٥ นำาเสนอรายงานความ
ก้าวหน้าของโครงงานครั้ง
ที่ ١
٦ นำาเสนอรายงานความ
ก้าวหน้าของโครงงานครั้ง
ที่ ٢
٧ ปรับปรุง ทดสอบ
٨ จัดทำาเอกสารรายงาน
โครงงาน
٩ ประเมินผลงาน
١ นำาเสนอโครงงานผ่านเว็บ
٠ blog
١٠. สถานที ่ ด ำ า เนิ น งาน
- 9. ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ICT โรงเรียนดงขุยวิทยาคม
อำาเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์
4. ผลที ่ ค าดว่ า จะได้ ร ั บ
4.1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย
Blogger เรื่องไวรัสคอมพิวเตอร์
4.2.ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นำามาเป็นบทเรียนในการ
สร้างเว็บบล็อกคือเรื่องไวรัสคอมพิวเตอร์
4.3. ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อกจาก Blogger
ได้ด้วยตนเองและนำามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้
ของตนเองมากยิ่งขึ้น
4.4.สามารถติดต่อสือสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจ
่
ทั่วไป เพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ผ่านเว็บบล็อกได้
4.5.ได้นำาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่มาใช้อย่างมี
คุณค่า และสร้างสรรค์
5. เอกสารอ้ า งอิ ง
http://www.saksit.com/2009/11/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%
B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5-
4g/
ลงชื่อ.......................................
(นาย วรนิพิฐ ยาบูฮา)
ผูเสนอโครงงาน
้
ลงชื่อ......................................
(นางสาวเบญญาสิริ แก้วเบี่ยง
ครูที่ปรึกษาโครงงาน)