SlideShare a Scribd company logo
1 of 12
ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลาย
และผู้ที่ชอบเผด็จการทั้งหลายด้วย
อยากให้ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยได้อ่านเพื่อเป็นบทเรียน
และเป็นพิเศษสุดสาหรับคนดีๆทั้งหลายที่นิยมเผด็จการแอนตี้ปร
ะชาธิปไตยทั้ง หลาย ที่เป็นชนชั้นสูง
หรือทาตัวเป็นชนชั้นสูงไทยทั้งหลาย อยากให้อ่านเป็นพิเศษ
ครับ
♦บทเรียน จาก "มหากาพย์เงินเฟ้อ" แห่ง..ซิมบับเว
ไม่มีที่ไหนในโลก เหมือน "ซิมบับเว" (Zimbabwe)
ไม่ใช่เพราะมีน้าตก วิคตอเรีย อันสวยงาม
ไม่ใช่เพราะมีเหมืองขุดเพชร ขนาดใหญ่
หรือเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
แต่ที่นี่ชาวซิมบับเว...
ทุกคนคือ "เศรษฐีพันล้าน" (Billionaire)
ย้อนกลับไป 9 ปีก่อน ประเทศนี้ก็ไม่ได้ต่างจากประเทศอื่น ๆ
ทั่วไป
หากแต่การบริหารงานที่ผิดพลาดและขาดความเข้าใจ
ของผู้นารัฐบาล
กลับสร้างหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนทุกคน
ชนิดที่...โลกต้องจารึกไว้เป็นอีกบทหนึ่งของประวัติศาสตร์การเ
งินโลกกันเลยทีเดียว
ประชากรชาว ซิมบับเว มีทั้ง "คนผิวขาวและคนผิวดา"
อาศัยอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพา คนผิวขาวที่ย้ายมาตั้งรกราก
เป็นเจ้าของที่ดินและฟาร์มเกษตร
ส่วนคนผิวดาเป็นชนชั้นแรงงาน
คนขาว รับหน้าที่ เป็นผู้บริหารชั้นดี
ส่วนคนดาเป็นแรงงานมีฝีมือ
ทุกอย่างลงตัว .......
จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษที่ 90
ในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี โรเบิร์ต มูกาเบ้ (Robert
Mugabe)
รัฐบาลออกกฎหมาย ใหม่ปฎิวัติการจัดการที่ดินทากิน (Land
Reform)
เนื้อหาสาคัญก็คือ ช่วยคนผิวดาซึ่งเป็นคนพื้นเมือง
ให้มีที่ดินเป็นของตัวเอง
ไม่ต้องตกเป็นลูกจ้างของคนผิวขาวอีกต่อไป
เกิดการยึดคืนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธ์ของคนผิวขาวแล้วเอาไปแ
จก ให้กับคนผิวดา
......เท่านั้นเองปัญหาเกิด
จากคนผิวดา ซึ่งเคยเป็นกรรมกร......
บัดนี้ได้เลื่อนขั้นกลายเป็นเจ้าของที่ดินจาเป็นต้องมาบริหาร
จากคนผิวขาว
ที่เคยบริหารกลับสูญสิ้นทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเอง
จาเป็นต้องรับสภาพ กรรมกร !
เหมือนใช้คนไม่ถูกกับประเภทงาน
ด้วยความที่ด้อยการศึกษาและขาดทักษะบริหารจัดการ
ไม่นานระบบเศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองของ ซิมบับเว ก็ดิ่งลงเหว
เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย สุดท้ายไม่วายเป็นหนี้ IMF
ในปี 2006 ปัญหาหนี้สินของประเทศ เกินเยียวยา
ผู้ว่าการธนาคารกลางในขณะนั้นเกิด ปิ๊งไอเดีย (ง่าย ๆ
แต่ไม่ฉลาด)
ในการใช้หนี้คืน นั่นก็คือ "การพิมพ์เงิน" (คุ้น ๆ ไหมครับ?)
สกุลเงิน ซิมบับเวียนดอลล่าห์ (Zimbabwean Dollar : ZWD)
มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ประมาณ 1.59 Zim-Dollar แลกได้ 1 US-
Dollar
ในเมื่อประเทศเราเป็นหนี้ IMF ในสกุลเงินดอลล่าห์
เราก็แค่พิมพ์เงินประเทศเราเอาไปซื้อดอลล่าร์
เสร็จแล้วก็เอาไปใช้หนี้คืน ง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไรยาก
16 ก.พ. 2006 : ธนาคารกลางซิมบับเว จึงจัดพิมพ์เงินครั้งใหญ่
มูลค่า 21 Trillion (21,000,000,000,000 ZWD)
เพื่อสะสางปัญหา
ได้ผล ! หนี้หายวับไปกับตา
แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า..."โหดร้ายมากกว่าเป็นหนี้หลา
ยเท่าตัว"
เงิน 21T ออกไปเที่ยว ตปท
ได้ไม่นาน...ก็หมุนเวียนกลับเข้ามาในระบบศก.ของซิมบับเวเอง
สกุลเงิน ZWD เจือจางลงอย่างรวดเร็ว
สินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคาตามในทันที เดือดร้อนถึง
นายกโรเบิร์ต มูกาเบ้
ที่ต้องรีบสั่งการให้...ธนาคารกลางแก้ไขปัญหาโดยด่วน
ซึ่งแน่นอน....อาวุธคู่กายธนาคารกลางทุกประเทศมีแค่
สองอย่าง
แต่สาหรับ ซิมบับเว พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และ ก็พิมพ์ คือ
คาตอบสุดท้าย
ในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ปริมาณเงินอีก 60T !
ถูกอัดฉีดเข้าระบบ
วัตถุประสงค์ก็เพื่อจ่ายเพิ่มเป็นเงินเดือนให้กับบรรดาทหาร
ตารวจและข้าราชการ เพราะข้าวของแพงเหลือเกิน
...แต่กลับยิ่งทาให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเข้าไปอีก
เพื่อเป็นการยับยั้งและจัดระเบียบกันใหม่ ให้เงินสกุล ZWD
ยังคงดูน่าเชื่อถือต่อไป
สิงหาคมในปีนั้น ธนาคารกลางตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบ
ธนบัตรใหม่ทั้งหมด โดยขอร้องให้ประชาชนนา
ธนบัตรรุ่นเดิมมาแลก
แต่ภายใต้ข้อแม้ว่า.......
1000 ZWD เก่า แลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่ (ตัด 0 ออกสามตัว)
หากคุณมีเงินฝากในธนาคาร 1 ล้านวันนี้
วันรุ่งขึ้นยอดเงินฝากจะลดลงเหลือเพียง 1 พัน เท่านั้น !!
ทากันถึงขนาดนั้น แต่ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทา ......
ปี 2007
อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งต่อเนื่อง...ผลที่ตามมาคือสินค้าขึ้นราคารา
วกับติด จรวด รัฐบาลของมูกาเบ้ ตัดสินใจใช้มุขใหม่
(แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ)
ออกกฎหมายควบคุมราคาสินค้าทุกอย่าง (Price control)
...ร้านค้าใดหากไม่ทาตามถือว่ามีความผิด
ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า...
ในเมื่อขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ก็ "ไม่ขาย" ...สินค้าใน
ซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มถูกเก็บลงจากชั้นวาง
เหลือแต่ความว่างเปล่า
การกาหนดราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค
เริ่มกาหนดกันเองในตลาดมืด พร้อม ๆ กับการกักตุนสินค้า
เงิน ZWD กลายเป็น "เงินร้อน"
ประชาชนรีบใช้มันทันทีเมื่อได้มันมา
ทาให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อัตราเงินเฟ้อ
จึงยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
มกราคม 2008
รัฐบาลออกธนบัตรใหม่ชนิดราคา 200,000 ใช้เป็นครั้งแรก !
แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเดือน ธนบัตรชนิดราคา 10,000,000
ก็ถูกผลิตขึ้นมา ถือเป็นแบงค์ที่มูลค่าแพงที่สุดในขณะนั้น
แต่หากคิดเทียบเป็นเงินบาทไทย
คงใช้ซื้อข้าวผัดกระเพราได้เพียงแค่ 4 จาน (120 บาท)
--
เมษายน 2008
รัฐบาลออกธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000 ออกสู่สาธารณะ
--
มิถุนายน 2008
ธนบัตร ชนิดราคา 100,000,000 และ 250,000,000
ก็ถูกผลิตออกมา
แต่แค่เพียง สิบวันหลังจากนั้น ชนิดราคา 500,000,000
ก็ออกตามมาติด ๆ
--
กรกฎาคม 2008
ธนาคารกลางวางแผน จะออกธนบัตรชนิดราคา
100,000,000,000 ออกสู่ตลาด
แต่พอถึงปลายเดือน
ประธานธนาคารกลางเลือกที่จะขอปรับค่าเงินกันใหม่
(Redenominated)
โดยคราวนี้ ตัด 0 ข้างหลังออก 10 ตัว !
(10,000,000,000 ZWD เก่าแลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่)
--
อัตราเงินเฟ้อในขณะนั้นคือ 11,250,000 % !
ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะนั้น 100,000,000,000
...แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาราคาก็ปรับขึ้นเป็น
150,000,000,000
--
● บทวิเคราะห์ :
ความคิดของรัฐบาลและธนาคารกลางที่จะแก้ปัญหาโดยการพิม
พ์เงินอัดฉีดเข้าระบบ ไม่สัมฤทธิ์ผล สาเหตุก็เพราะ...
ความเชื่อถือในระบบธนบัตรของประชาชนชาวซิมบับเว
ลดลงเร็วกว่า
ความสามารถในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์
ไม่ว่าจะเร่งสปีดพิมพ์เพิ่มออกมามากขนาดไหน
ไม่สาคัญว่าจะใส่ 0 ไปอีกซักกี่ตัว เมื่อกระดาษก็คือกระดาษ
ความน่าเชื่อถือหากหมดไปจากกระดาษ ก็คือ จบ...
มูกาเบ้ ไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้
เค้าเลือกที่จะสู้หลังพิงฝากับเงินเฟ้อ
--
มกราคม ปี 2009
ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ประชาชนชาวซิมบับเว จึงได้เห็น
ธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000,000 ออกใช้
--
16 มกราคม 2009
วันที่โลกต้องจดจา รัฐบาลของมูกาเบ้ ประกาศจะพิมพ์ ธนบัตร
ชนิดราคา
10,000,000,000,000 - อ่านว่า สิบ ล้านล้าน
20,000,000,000,000 - อ่านว่า ยี่สิบ ล้านล้าน
50,000,000,000,000 - อ่านว่า ห้าสิบ ล้านล้าน
100,000,000,000,000 - อ่านว่า หนึ่งร้อย ล้านล้าน ออกใช้.....
แต่ไม่มีความหมายอีกต่อไป ประชาชนเลิกพกเงินเป็นกระสอบ ๆ
เพื่อไปจ่ายตลาด ...เงินสกุล ซิมบับเว
ไม่มีใครเชื่อถือและอยากใช้
การซื้อขายทั่วไป...ถูกกาหนดราคากันใหม่ด้วย
เงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น US.Dollar
หรือไม่เช่นนั้น...ก็ทาการซื้อขายกันด้วย......"ทองคา"
ประชาชนชาว ซิมบับเว บางส่วน (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ)
ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณ เอากะทะไปร่อนหาเศษทองในแม่น้า
เพื่อเอามาแลกกับ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ามันพืช หรือ ขนมปัง
ประทังชีวิตไปวัน ๆ
ใครที่ยังเก็บทองคาติดตัวเอาไว้ ยังสามารถซื้อของได้เท่าเดิม
แต่ผู้ที่เก็บเงินออมไว้ในรูปแบบของ "ธนบัตร"
ซิมบับเวเผื่อไว้ใช้ยามแก่
กลับพบว่า...เงินทั้งหมดแทบไม่พอที่จะจ่ายแม้แค่
"อาหารเช้าเพียง 1 มื้อ"
--
เมษายน ปี 2009
สกุลเงิน ZWD ตายสนิท
รัฐบาลปล่อยให้ตลาดเป็นคนกาหนดราคา
และสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกันเอง
เงิน ZWD ประกาศหยุดพิมพ์เพิ่ม อย่างน้อย 1 ปีหลังจากนั้น
เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาด้วยตัวของมันเอง
--
ระบบเศรษฐกิจนั้นเมื่อเกิดปัญหา
กลไกของตลาดจะมีวิธีจัดการแก้ไขได้ด้วยตัวของมัน
ภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า "มือที่มองไม่เห็น" (Invisible
Hand) หน้าที่ของรัฐบาล เพียงแค่สนับสนุนให้
มือที่มองไม่เห็นนี้ ทางานไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่มีอะไรมาขัดขวาง
แต่รัฐบาลในหลาย ๆ
ประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือกาลังพัฒนา
กลับพยายามที่จะทาตัวเป็นมือที่มองไม่เห็นนี้ซะเอง ใช้อานาจ
เข้าจุ้นจ้าน-เข้าแก้ไข ...สุดท้ายก็พัง
เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนร่างกายคนเรา ต้องมี "วิญญาณ" หาก
วิญญาณ ออกจากร่างเมื่อไหร่ เราก็ตาย
เงินก็เช่นกัน อยู่ได้ด้วย "ความเชื่อถือ" เมื่อความเชื่อถือ หมดไป
เงินก็ตายได้เช่นกัน
ทั้งวิญญาณและความเชื่อถือ ถึงแม้เรามองมันไม่เห็น
แต่เชื่อเถอะครับว่า......."มันมีอยู่จริง.....!"
เงินสกุลต่าง ๆ พยายามพัฒนาระบบ
เปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างอยู่ตลอด ก็เพื่อคงความเชื่อถือให้ยังคงอยู่
ผิดกับ "ทองคา" ที่ความเชื่อถือ คงอยู่ในตัวมัน
ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานได้หลายพันปี หากจะพูดว่าเป็น
"อมตะ" ก็คงจะไม่ผิด
มีบางช่วงเวลา
ในหน้าประวัติศาสตร์ที่เราอาจะหลงลืมมันไปบ้าง
แต่ ทุกครั้งมื่อทุกคนคิดได้ ทองคาก็จะได้กลับมาทาหน้าที่
"เงินที่แท้จริง......." ทุกครั้งไป.
Credit : ThaiGold.info
edit : thongkrm_virut@yahoo.com

More Related Content

Viewers also liked

Viewers also liked (7)

Filtration Media Pore Test Rig
Filtration Media Pore Test RigFiltration Media Pore Test Rig
Filtration Media Pore Test Rig
 
How to Make Mac and Cheese
How to Make Mac and CheeseHow to Make Mac and Cheese
How to Make Mac and Cheese
 
Combining Ontology Matchers via Anomaly Detection
Combining Ontology Matchers via Anomaly DetectionCombining Ontology Matchers via Anomaly Detection
Combining Ontology Matchers via Anomaly Detection
 
Stress Study on YTE
Stress Study on YTE Stress Study on YTE
Stress Study on YTE
 
RFID Application
RFID ApplicationRFID Application
RFID Application
 
Top 5 Android Halloween Games for Kids
Top 5 Android Halloween Games for KidsTop 5 Android Halloween Games for Kids
Top 5 Android Halloween Games for Kids
 
Media packs
Media packsMedia packs
Media packs
 

More from Thongkum Virut

ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
Thongkum Virut
 
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
Thongkum Virut
 

More from Thongkum Virut (20)

งานวิจัย
งานวิจัยงานวิจัย
งานวิจัย
 
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
 
All10
All10All10
All10
 
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทยบิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
 
ข้าว
ข้าวข้าว
ข้าว
 
การปกครองของไทยในสมัยโบราณ
การปกครองของไทยในสมัยโบราณการปกครองของไทยในสมัยโบราณ
การปกครองของไทยในสมัยโบราณ
 
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
 
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
 
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
 
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริหนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
 
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
 
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทรประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
 
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
 
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการสหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
 
ประวัติรัฐหวู
ประวัติรัฐหวูประวัติรัฐหวู
ประวัติรัฐหวู
 
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกเหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
 
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
 
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตยเรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
 
คู่ขัดแย้งในสังคมไทย
คู่ขัดแย้งในสังคมไทยคู่ขัดแย้งในสังคมไทย
คู่ขัดแย้งในสังคมไทย
 
ระบอบเผด็จการรัฐสภา
ระบอบเผด็จการรัฐสภาระบอบเผด็จการรัฐสภา
ระบอบเผด็จการรัฐสภา
 

ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลาย และผู้ที่ชอบเผด็จการทั้งหลายด้วย

  • 1. ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลาย และผู้ที่ชอบเผด็จการทั้งหลายด้วย อยากให้ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยได้อ่านเพื่อเป็นบทเรียน และเป็นพิเศษสุดสาหรับคนดีๆทั้งหลายที่นิยมเผด็จการแอนตี้ปร ะชาธิปไตยทั้ง หลาย ที่เป็นชนชั้นสูง หรือทาตัวเป็นชนชั้นสูงไทยทั้งหลาย อยากให้อ่านเป็นพิเศษ ครับ ♦บทเรียน จาก "มหากาพย์เงินเฟ้อ" แห่ง..ซิมบับเว ไม่มีที่ไหนในโลก เหมือน "ซิมบับเว" (Zimbabwe) ไม่ใช่เพราะมีน้าตก วิคตอเรีย อันสวยงาม
  • 2. ไม่ใช่เพราะมีเหมืองขุดเพชร ขนาดใหญ่ หรือเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่ที่นี่ชาวซิมบับเว... ทุกคนคือ "เศรษฐีพันล้าน" (Billionaire) ย้อนกลับไป 9 ปีก่อน ประเทศนี้ก็ไม่ได้ต่างจากประเทศอื่น ๆ ทั่วไป หากแต่การบริหารงานที่ผิดพลาดและขาดความเข้าใจ ของผู้นารัฐบาล กลับสร้างหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนทุกคน ชนิดที่...โลกต้องจารึกไว้เป็นอีกบทหนึ่งของประวัติศาสตร์การเ งินโลกกันเลยทีเดียว ประชากรชาว ซิมบับเว มีทั้ง "คนผิวขาวและคนผิวดา" อาศัยอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพา คนผิวขาวที่ย้ายมาตั้งรกราก เป็นเจ้าของที่ดินและฟาร์มเกษตร ส่วนคนผิวดาเป็นชนชั้นแรงงาน คนขาว รับหน้าที่ เป็นผู้บริหารชั้นดี ส่วนคนดาเป็นแรงงานมีฝีมือ ทุกอย่างลงตัว ....... จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษที่ 90
  • 3. ในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี โรเบิร์ต มูกาเบ้ (Robert Mugabe) รัฐบาลออกกฎหมาย ใหม่ปฎิวัติการจัดการที่ดินทากิน (Land Reform) เนื้อหาสาคัญก็คือ ช่วยคนผิวดาซึ่งเป็นคนพื้นเมือง ให้มีที่ดินเป็นของตัวเอง ไม่ต้องตกเป็นลูกจ้างของคนผิวขาวอีกต่อไป เกิดการยึดคืนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธ์ของคนผิวขาวแล้วเอาไปแ จก ให้กับคนผิวดา ......เท่านั้นเองปัญหาเกิด จากคนผิวดา ซึ่งเคยเป็นกรรมกร...... บัดนี้ได้เลื่อนขั้นกลายเป็นเจ้าของที่ดินจาเป็นต้องมาบริหาร จากคนผิวขาว ที่เคยบริหารกลับสูญสิ้นทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเอง จาเป็นต้องรับสภาพ กรรมกร ! เหมือนใช้คนไม่ถูกกับประเภทงาน ด้วยความที่ด้อยการศึกษาและขาดทักษะบริหารจัดการ ไม่นานระบบเศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองของ ซิมบับเว ก็ดิ่งลงเหว
  • 4. เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย สุดท้ายไม่วายเป็นหนี้ IMF ในปี 2006 ปัญหาหนี้สินของประเทศ เกินเยียวยา ผู้ว่าการธนาคารกลางในขณะนั้นเกิด ปิ๊งไอเดีย (ง่าย ๆ แต่ไม่ฉลาด) ในการใช้หนี้คืน นั่นก็คือ "การพิมพ์เงิน" (คุ้น ๆ ไหมครับ?) สกุลเงิน ซิมบับเวียนดอลล่าห์ (Zimbabwean Dollar : ZWD) มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ประมาณ 1.59 Zim-Dollar แลกได้ 1 US- Dollar ในเมื่อประเทศเราเป็นหนี้ IMF ในสกุลเงินดอลล่าห์ เราก็แค่พิมพ์เงินประเทศเราเอาไปซื้อดอลล่าร์ เสร็จแล้วก็เอาไปใช้หนี้คืน ง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไรยาก 16 ก.พ. 2006 : ธนาคารกลางซิมบับเว จึงจัดพิมพ์เงินครั้งใหญ่ มูลค่า 21 Trillion (21,000,000,000,000 ZWD) เพื่อสะสางปัญหา ได้ผล ! หนี้หายวับไปกับตา แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า..."โหดร้ายมากกว่าเป็นหนี้หลา ยเท่าตัว" เงิน 21T ออกไปเที่ยว ตปท ได้ไม่นาน...ก็หมุนเวียนกลับเข้ามาในระบบศก.ของซิมบับเวเอง
  • 5. สกุลเงิน ZWD เจือจางลงอย่างรวดเร็ว สินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคาตามในทันที เดือดร้อนถึง นายกโรเบิร์ต มูกาเบ้ ที่ต้องรีบสั่งการให้...ธนาคารกลางแก้ไขปัญหาโดยด่วน ซึ่งแน่นอน....อาวุธคู่กายธนาคารกลางทุกประเทศมีแค่ สองอย่าง แต่สาหรับ ซิมบับเว พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และ ก็พิมพ์ คือ คาตอบสุดท้าย ในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ปริมาณเงินอีก 60T ! ถูกอัดฉีดเข้าระบบ วัตถุประสงค์ก็เพื่อจ่ายเพิ่มเป็นเงินเดือนให้กับบรรดาทหาร ตารวจและข้าราชการ เพราะข้าวของแพงเหลือเกิน ...แต่กลับยิ่งทาให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเข้าไปอีก เพื่อเป็นการยับยั้งและจัดระเบียบกันใหม่ ให้เงินสกุล ZWD ยังคงดูน่าเชื่อถือต่อไป สิงหาคมในปีนั้น ธนาคารกลางตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบ ธนบัตรใหม่ทั้งหมด โดยขอร้องให้ประชาชนนา ธนบัตรรุ่นเดิมมาแลก แต่ภายใต้ข้อแม้ว่า....... 1000 ZWD เก่า แลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่ (ตัด 0 ออกสามตัว)
  • 6. หากคุณมีเงินฝากในธนาคาร 1 ล้านวันนี้ วันรุ่งขึ้นยอดเงินฝากจะลดลงเหลือเพียง 1 พัน เท่านั้น !! ทากันถึงขนาดนั้น แต่ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทา ...... ปี 2007 อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งต่อเนื่อง...ผลที่ตามมาคือสินค้าขึ้นราคารา วกับติด จรวด รัฐบาลของมูกาเบ้ ตัดสินใจใช้มุขใหม่ (แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ) ออกกฎหมายควบคุมราคาสินค้าทุกอย่าง (Price control) ...ร้านค้าใดหากไม่ทาตามถือว่ามีความผิด ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า... ในเมื่อขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ก็ "ไม่ขาย" ...สินค้าใน ซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มถูกเก็บลงจากชั้นวาง เหลือแต่ความว่างเปล่า การกาหนดราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค เริ่มกาหนดกันเองในตลาดมืด พร้อม ๆ กับการกักตุนสินค้า เงิน ZWD กลายเป็น "เงินร้อน" ประชาชนรีบใช้มันทันทีเมื่อได้มันมา ทาให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อัตราเงินเฟ้อ จึงยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
  • 7. มกราคม 2008 รัฐบาลออกธนบัตรใหม่ชนิดราคา 200,000 ใช้เป็นครั้งแรก ! แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเดือน ธนบัตรชนิดราคา 10,000,000 ก็ถูกผลิตขึ้นมา ถือเป็นแบงค์ที่มูลค่าแพงที่สุดในขณะนั้น แต่หากคิดเทียบเป็นเงินบาทไทย คงใช้ซื้อข้าวผัดกระเพราได้เพียงแค่ 4 จาน (120 บาท) -- เมษายน 2008 รัฐบาลออกธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000 ออกสู่สาธารณะ -- มิถุนายน 2008 ธนบัตร ชนิดราคา 100,000,000 และ 250,000,000 ก็ถูกผลิตออกมา แต่แค่เพียง สิบวันหลังจากนั้น ชนิดราคา 500,000,000 ก็ออกตามมาติด ๆ -- กรกฎาคม 2008
  • 8. ธนาคารกลางวางแผน จะออกธนบัตรชนิดราคา 100,000,000,000 ออกสู่ตลาด แต่พอถึงปลายเดือน ประธานธนาคารกลางเลือกที่จะขอปรับค่าเงินกันใหม่ (Redenominated) โดยคราวนี้ ตัด 0 ข้างหลังออก 10 ตัว ! (10,000,000,000 ZWD เก่าแลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่) -- อัตราเงินเฟ้อในขณะนั้นคือ 11,250,000 % ! ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะนั้น 100,000,000,000 ...แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาราคาก็ปรับขึ้นเป็น 150,000,000,000 -- ● บทวิเคราะห์ : ความคิดของรัฐบาลและธนาคารกลางที่จะแก้ปัญหาโดยการพิม พ์เงินอัดฉีดเข้าระบบ ไม่สัมฤทธิ์ผล สาเหตุก็เพราะ... ความเชื่อถือในระบบธนบัตรของประชาชนชาวซิมบับเว ลดลงเร็วกว่า
  • 9. ความสามารถในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ ไม่ว่าจะเร่งสปีดพิมพ์เพิ่มออกมามากขนาดไหน ไม่สาคัญว่าจะใส่ 0 ไปอีกซักกี่ตัว เมื่อกระดาษก็คือกระดาษ ความน่าเชื่อถือหากหมดไปจากกระดาษ ก็คือ จบ... มูกาเบ้ ไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้ เค้าเลือกที่จะสู้หลังพิงฝากับเงินเฟ้อ -- มกราคม ปี 2009 ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ประชาชนชาวซิมบับเว จึงได้เห็น ธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000,000 ออกใช้ -- 16 มกราคม 2009 วันที่โลกต้องจดจา รัฐบาลของมูกาเบ้ ประกาศจะพิมพ์ ธนบัตร ชนิดราคา 10,000,000,000,000 - อ่านว่า สิบ ล้านล้าน 20,000,000,000,000 - อ่านว่า ยี่สิบ ล้านล้าน 50,000,000,000,000 - อ่านว่า ห้าสิบ ล้านล้าน 100,000,000,000,000 - อ่านว่า หนึ่งร้อย ล้านล้าน ออกใช้.....
  • 10. แต่ไม่มีความหมายอีกต่อไป ประชาชนเลิกพกเงินเป็นกระสอบ ๆ เพื่อไปจ่ายตลาด ...เงินสกุล ซิมบับเว ไม่มีใครเชื่อถือและอยากใช้ การซื้อขายทั่วไป...ถูกกาหนดราคากันใหม่ด้วย เงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น US.Dollar หรือไม่เช่นนั้น...ก็ทาการซื้อขายกันด้วย......"ทองคา" ประชาชนชาว ซิมบับเว บางส่วน (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณ เอากะทะไปร่อนหาเศษทองในแม่น้า เพื่อเอามาแลกกับ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ามันพืช หรือ ขนมปัง ประทังชีวิตไปวัน ๆ ใครที่ยังเก็บทองคาติดตัวเอาไว้ ยังสามารถซื้อของได้เท่าเดิม แต่ผู้ที่เก็บเงินออมไว้ในรูปแบบของ "ธนบัตร" ซิมบับเวเผื่อไว้ใช้ยามแก่ กลับพบว่า...เงินทั้งหมดแทบไม่พอที่จะจ่ายแม้แค่ "อาหารเช้าเพียง 1 มื้อ" -- เมษายน ปี 2009 สกุลเงิน ZWD ตายสนิท รัฐบาลปล่อยให้ตลาดเป็นคนกาหนดราคา และสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกันเอง
  • 11. เงิน ZWD ประกาศหยุดพิมพ์เพิ่ม อย่างน้อย 1 ปีหลังจากนั้น เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาด้วยตัวของมันเอง -- ระบบเศรษฐกิจนั้นเมื่อเกิดปัญหา กลไกของตลาดจะมีวิธีจัดการแก้ไขได้ด้วยตัวของมัน ภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า "มือที่มองไม่เห็น" (Invisible Hand) หน้าที่ของรัฐบาล เพียงแค่สนับสนุนให้ มือที่มองไม่เห็นนี้ ทางานไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรมาขัดขวาง แต่รัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือกาลังพัฒนา กลับพยายามที่จะทาตัวเป็นมือที่มองไม่เห็นนี้ซะเอง ใช้อานาจ เข้าจุ้นจ้าน-เข้าแก้ไข ...สุดท้ายก็พัง เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนร่างกายคนเรา ต้องมี "วิญญาณ" หาก วิญญาณ ออกจากร่างเมื่อไหร่ เราก็ตาย เงินก็เช่นกัน อยู่ได้ด้วย "ความเชื่อถือ" เมื่อความเชื่อถือ หมดไป เงินก็ตายได้เช่นกัน ทั้งวิญญาณและความเชื่อถือ ถึงแม้เรามองมันไม่เห็น แต่เชื่อเถอะครับว่า......."มันมีอยู่จริง.....!"
  • 12. เงินสกุลต่าง ๆ พยายามพัฒนาระบบ เปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างอยู่ตลอด ก็เพื่อคงความเชื่อถือให้ยังคงอยู่ ผิดกับ "ทองคา" ที่ความเชื่อถือ คงอยู่ในตัวมัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานได้หลายพันปี หากจะพูดว่าเป็น "อมตะ" ก็คงจะไม่ผิด มีบางช่วงเวลา ในหน้าประวัติศาสตร์ที่เราอาจะหลงลืมมันไปบ้าง แต่ ทุกครั้งมื่อทุกคนคิดได้ ทองคาก็จะได้กลับมาทาหน้าที่ "เงินที่แท้จริง......." ทุกครั้งไป. Credit : ThaiGold.info edit : thongkrm_virut@yahoo.com