More Related Content
More from Thongkum Virut (20)
ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลาย และผู้ที่ชอบเผด็จการทั้งหลายด้วย
- 2. ไม่ใช่เพราะมีเหมืองขุดเพชร ขนาดใหญ่
หรือเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
แต่ที่นี่ชาวซิมบับเว...
ทุกคนคือ "เศรษฐีพันล้าน" (Billionaire)
ย้อนกลับไป 9 ปีก่อน ประเทศนี้ก็ไม่ได้ต่างจากประเทศอื่น ๆ
ทั่วไป
หากแต่การบริหารงานที่ผิดพลาดและขาดความเข้าใจ
ของผู้นารัฐบาล
กลับสร้างหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนทุกคน
ชนิดที่...โลกต้องจารึกไว้เป็นอีกบทหนึ่งของประวัติศาสตร์การเ
งินโลกกันเลยทีเดียว
ประชากรชาว ซิมบับเว มีทั้ง "คนผิวขาวและคนผิวดา"
อาศัยอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพา คนผิวขาวที่ย้ายมาตั้งรกราก
เป็นเจ้าของที่ดินและฟาร์มเกษตร
ส่วนคนผิวดาเป็นชนชั้นแรงงาน
คนขาว รับหน้าที่ เป็นผู้บริหารชั้นดี
ส่วนคนดาเป็นแรงงานมีฝีมือ
ทุกอย่างลงตัว .......
จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษที่ 90
- 3. ในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี โรเบิร์ต มูกาเบ้ (Robert
Mugabe)
รัฐบาลออกกฎหมาย ใหม่ปฎิวัติการจัดการที่ดินทากิน (Land
Reform)
เนื้อหาสาคัญก็คือ ช่วยคนผิวดาซึ่งเป็นคนพื้นเมือง
ให้มีที่ดินเป็นของตัวเอง
ไม่ต้องตกเป็นลูกจ้างของคนผิวขาวอีกต่อไป
เกิดการยึดคืนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธ์ของคนผิวขาวแล้วเอาไปแ
จก ให้กับคนผิวดา
......เท่านั้นเองปัญหาเกิด
จากคนผิวดา ซึ่งเคยเป็นกรรมกร......
บัดนี้ได้เลื่อนขั้นกลายเป็นเจ้าของที่ดินจาเป็นต้องมาบริหาร
จากคนผิวขาว
ที่เคยบริหารกลับสูญสิ้นทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเอง
จาเป็นต้องรับสภาพ กรรมกร !
เหมือนใช้คนไม่ถูกกับประเภทงาน
ด้วยความที่ด้อยการศึกษาและขาดทักษะบริหารจัดการ
ไม่นานระบบเศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองของ ซิมบับเว ก็ดิ่งลงเหว
- 4. เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย สุดท้ายไม่วายเป็นหนี้ IMF
ในปี 2006 ปัญหาหนี้สินของประเทศ เกินเยียวยา
ผู้ว่าการธนาคารกลางในขณะนั้นเกิด ปิ๊งไอเดีย (ง่าย ๆ
แต่ไม่ฉลาด)
ในการใช้หนี้คืน นั่นก็คือ "การพิมพ์เงิน" (คุ้น ๆ ไหมครับ?)
สกุลเงิน ซิมบับเวียนดอลล่าห์ (Zimbabwean Dollar : ZWD)
มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ประมาณ 1.59 Zim-Dollar แลกได้ 1 US-
Dollar
ในเมื่อประเทศเราเป็นหนี้ IMF ในสกุลเงินดอลล่าห์
เราก็แค่พิมพ์เงินประเทศเราเอาไปซื้อดอลล่าร์
เสร็จแล้วก็เอาไปใช้หนี้คืน ง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไรยาก
16 ก.พ. 2006 : ธนาคารกลางซิมบับเว จึงจัดพิมพ์เงินครั้งใหญ่
มูลค่า 21 Trillion (21,000,000,000,000 ZWD)
เพื่อสะสางปัญหา
ได้ผล ! หนี้หายวับไปกับตา
แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า..."โหดร้ายมากกว่าเป็นหนี้หลา
ยเท่าตัว"
เงิน 21T ออกไปเที่ยว ตปท
ได้ไม่นาน...ก็หมุนเวียนกลับเข้ามาในระบบศก.ของซิมบับเวเอง
- 5. สกุลเงิน ZWD เจือจางลงอย่างรวดเร็ว
สินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคาตามในทันที เดือดร้อนถึง
นายกโรเบิร์ต มูกาเบ้
ที่ต้องรีบสั่งการให้...ธนาคารกลางแก้ไขปัญหาโดยด่วน
ซึ่งแน่นอน....อาวุธคู่กายธนาคารกลางทุกประเทศมีแค่
สองอย่าง
แต่สาหรับ ซิมบับเว พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และ ก็พิมพ์ คือ
คาตอบสุดท้าย
ในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ปริมาณเงินอีก 60T !
ถูกอัดฉีดเข้าระบบ
วัตถุประสงค์ก็เพื่อจ่ายเพิ่มเป็นเงินเดือนให้กับบรรดาทหาร
ตารวจและข้าราชการ เพราะข้าวของแพงเหลือเกิน
...แต่กลับยิ่งทาให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเข้าไปอีก
เพื่อเป็นการยับยั้งและจัดระเบียบกันใหม่ ให้เงินสกุล ZWD
ยังคงดูน่าเชื่อถือต่อไป
สิงหาคมในปีนั้น ธนาคารกลางตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบ
ธนบัตรใหม่ทั้งหมด โดยขอร้องให้ประชาชนนา
ธนบัตรรุ่นเดิมมาแลก
แต่ภายใต้ข้อแม้ว่า.......
1000 ZWD เก่า แลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่ (ตัด 0 ออกสามตัว)
- 6. หากคุณมีเงินฝากในธนาคาร 1 ล้านวันนี้
วันรุ่งขึ้นยอดเงินฝากจะลดลงเหลือเพียง 1 พัน เท่านั้น !!
ทากันถึงขนาดนั้น แต่ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทา ......
ปี 2007
อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งต่อเนื่อง...ผลที่ตามมาคือสินค้าขึ้นราคารา
วกับติด จรวด รัฐบาลของมูกาเบ้ ตัดสินใจใช้มุขใหม่
(แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ)
ออกกฎหมายควบคุมราคาสินค้าทุกอย่าง (Price control)
...ร้านค้าใดหากไม่ทาตามถือว่ามีความผิด
ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า...
ในเมื่อขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ก็ "ไม่ขาย" ...สินค้าใน
ซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มถูกเก็บลงจากชั้นวาง
เหลือแต่ความว่างเปล่า
การกาหนดราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค
เริ่มกาหนดกันเองในตลาดมืด พร้อม ๆ กับการกักตุนสินค้า
เงิน ZWD กลายเป็น "เงินร้อน"
ประชาชนรีบใช้มันทันทีเมื่อได้มันมา
ทาให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อัตราเงินเฟ้อ
จึงยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
- 7. มกราคม 2008
รัฐบาลออกธนบัตรใหม่ชนิดราคา 200,000 ใช้เป็นครั้งแรก !
แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเดือน ธนบัตรชนิดราคา 10,000,000
ก็ถูกผลิตขึ้นมา ถือเป็นแบงค์ที่มูลค่าแพงที่สุดในขณะนั้น
แต่หากคิดเทียบเป็นเงินบาทไทย
คงใช้ซื้อข้าวผัดกระเพราได้เพียงแค่ 4 จาน (120 บาท)
--
เมษายน 2008
รัฐบาลออกธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000 ออกสู่สาธารณะ
--
มิถุนายน 2008
ธนบัตร ชนิดราคา 100,000,000 และ 250,000,000
ก็ถูกผลิตออกมา
แต่แค่เพียง สิบวันหลังจากนั้น ชนิดราคา 500,000,000
ก็ออกตามมาติด ๆ
--
กรกฎาคม 2008
- 8. ธนาคารกลางวางแผน จะออกธนบัตรชนิดราคา
100,000,000,000 ออกสู่ตลาด
แต่พอถึงปลายเดือน
ประธานธนาคารกลางเลือกที่จะขอปรับค่าเงินกันใหม่
(Redenominated)
โดยคราวนี้ ตัด 0 ข้างหลังออก 10 ตัว !
(10,000,000,000 ZWD เก่าแลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่)
--
อัตราเงินเฟ้อในขณะนั้นคือ 11,250,000 % !
ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะนั้น 100,000,000,000
...แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาราคาก็ปรับขึ้นเป็น
150,000,000,000
--
● บทวิเคราะห์ :
ความคิดของรัฐบาลและธนาคารกลางที่จะแก้ปัญหาโดยการพิม
พ์เงินอัดฉีดเข้าระบบ ไม่สัมฤทธิ์ผล สาเหตุก็เพราะ...
ความเชื่อถือในระบบธนบัตรของประชาชนชาวซิมบับเว
ลดลงเร็วกว่า
- 9. ความสามารถในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์
ไม่ว่าจะเร่งสปีดพิมพ์เพิ่มออกมามากขนาดไหน
ไม่สาคัญว่าจะใส่ 0 ไปอีกซักกี่ตัว เมื่อกระดาษก็คือกระดาษ
ความน่าเชื่อถือหากหมดไปจากกระดาษ ก็คือ จบ...
มูกาเบ้ ไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้
เค้าเลือกที่จะสู้หลังพิงฝากับเงินเฟ้อ
--
มกราคม ปี 2009
ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ประชาชนชาวซิมบับเว จึงได้เห็น
ธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000,000 ออกใช้
--
16 มกราคม 2009
วันที่โลกต้องจดจา รัฐบาลของมูกาเบ้ ประกาศจะพิมพ์ ธนบัตร
ชนิดราคา
10,000,000,000,000 - อ่านว่า สิบ ล้านล้าน
20,000,000,000,000 - อ่านว่า ยี่สิบ ล้านล้าน
50,000,000,000,000 - อ่านว่า ห้าสิบ ล้านล้าน
100,000,000,000,000 - อ่านว่า หนึ่งร้อย ล้านล้าน ออกใช้.....
- 10. แต่ไม่มีความหมายอีกต่อไป ประชาชนเลิกพกเงินเป็นกระสอบ ๆ
เพื่อไปจ่ายตลาด ...เงินสกุล ซิมบับเว
ไม่มีใครเชื่อถือและอยากใช้
การซื้อขายทั่วไป...ถูกกาหนดราคากันใหม่ด้วย
เงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น US.Dollar
หรือไม่เช่นนั้น...ก็ทาการซื้อขายกันด้วย......"ทองคา"
ประชาชนชาว ซิมบับเว บางส่วน (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ)
ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณ เอากะทะไปร่อนหาเศษทองในแม่น้า
เพื่อเอามาแลกกับ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ามันพืช หรือ ขนมปัง
ประทังชีวิตไปวัน ๆ
ใครที่ยังเก็บทองคาติดตัวเอาไว้ ยังสามารถซื้อของได้เท่าเดิม
แต่ผู้ที่เก็บเงินออมไว้ในรูปแบบของ "ธนบัตร"
ซิมบับเวเผื่อไว้ใช้ยามแก่
กลับพบว่า...เงินทั้งหมดแทบไม่พอที่จะจ่ายแม้แค่
"อาหารเช้าเพียง 1 มื้อ"
--
เมษายน ปี 2009
สกุลเงิน ZWD ตายสนิท
รัฐบาลปล่อยให้ตลาดเป็นคนกาหนดราคา
และสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกันเอง
- 11. เงิน ZWD ประกาศหยุดพิมพ์เพิ่ม อย่างน้อย 1 ปีหลังจากนั้น
เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาด้วยตัวของมันเอง
--
ระบบเศรษฐกิจนั้นเมื่อเกิดปัญหา
กลไกของตลาดจะมีวิธีจัดการแก้ไขได้ด้วยตัวของมัน
ภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า "มือที่มองไม่เห็น" (Invisible
Hand) หน้าที่ของรัฐบาล เพียงแค่สนับสนุนให้
มือที่มองไม่เห็นนี้ ทางานไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่มีอะไรมาขัดขวาง
แต่รัฐบาลในหลาย ๆ
ประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือกาลังพัฒนา
กลับพยายามที่จะทาตัวเป็นมือที่มองไม่เห็นนี้ซะเอง ใช้อานาจ
เข้าจุ้นจ้าน-เข้าแก้ไข ...สุดท้ายก็พัง
เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนร่างกายคนเรา ต้องมี "วิญญาณ" หาก
วิญญาณ ออกจากร่างเมื่อไหร่ เราก็ตาย
เงินก็เช่นกัน อยู่ได้ด้วย "ความเชื่อถือ" เมื่อความเชื่อถือ หมดไป
เงินก็ตายได้เช่นกัน
ทั้งวิญญาณและความเชื่อถือ ถึงแม้เรามองมันไม่เห็น
แต่เชื่อเถอะครับว่า......."มันมีอยู่จริง.....!"
- 12. เงินสกุลต่าง ๆ พยายามพัฒนาระบบ
เปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างอยู่ตลอด ก็เพื่อคงความเชื่อถือให้ยังคงอยู่
ผิดกับ "ทองคา" ที่ความเชื่อถือ คงอยู่ในตัวมัน
ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานได้หลายพันปี หากจะพูดว่าเป็น
"อมตะ" ก็คงจะไม่ผิด
มีบางช่วงเวลา
ในหน้าประวัติศาสตร์ที่เราอาจะหลงลืมมันไปบ้าง
แต่ ทุกครั้งมื่อทุกคนคิดได้ ทองคาก็จะได้กลับมาทาหน้าที่
"เงินที่แท้จริง......." ทุกครั้งไป.
Credit : ThaiGold.info
edit : thongkrm_virut@yahoo.com