Bowl recycle
- 5. ▪ แทนที่จะผลิตพลาสติกจากปิโตรเลียม ก็ผลิตจากพืชแทน ซึ่งย่อยสลายได้ง่ายกว่า ตัวที่ใช้กันเยอะๆ คือ PLA (Polylactic-acid) ทามา
จากข้าวโพด/กากอ้อย และ PBS (Polybutylene succinate) ทามาจากมันสัมปะหลัง
▪ ข้อดี : มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพลาสติกทั่วไป มีความใส ยืดหยุ่น และทนความร้อน ใช้แทนพลาสติกธรรมดาได้
▪ ข้อเสีย : ราคาแพงและการย่อยสลายยังต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากๆ ถ้าไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เช่นทิ้งรวมกับขยะทั่วไป ก็อาจจะ
ไม่ย่อยสลายเลยก็ได้
PLA PBS
- 6. **เสริม
▪ PLA
พอลิแลคติคแอซิด (Polylactic acid หรือ Polylactide ) หรือที่เราคุ้นชินกันในชื่อ PLA เป็นพลาสติกที่ผลิตจากข้าวโพด มันสาปะหลัง
หรืออ้อย แต่ส่วนใหญ่นิยมผลิตจากข้าวโพด เพราะเป็นพืชที่มีอายุในการเก็บเกี่ยวเร็ว กระบวนการผลิตคือจะนาเมล็ดข้าวโพดไปทาเป็นแป้งแล้วนา
แป้งที่ได้ไปผ่านกระบวนการหมัก (fermentation) โดยใช้แบคทีเรีย Lactobacillus brevis ได้ผลผลิตเป็นกรดแลคติก (Lactic acid) ซึ่ง
กรดแลคติกนี้เป็นมอนอเมอร์ที่จะนาไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเป็นพลาสติก โดยนาไปผ่านกระบวนการ polymerization ได้เป็นพอลิเมอร์ที่
เรียกว่า Polylactic acidในปัจจุบัน Bio-Based หรือ Bio Plastic จาก PLA ถูกแปรรูปเพื่อให้ตรงกับการใช้งานอย่างมาก ทั้งด้านบรรจุ
ภัณฑ์ การแพทย์ รวมถึงเป็นวัสดุ filament ที่ใช้กับเครื่อง 3D Printer อีกด้วย
- 7. ▪ PETG
▪ พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate) หรือมีชื่อย่อว่า PET และ PETG เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เราคุ้นชินมากที่สุด นิยม
ผลิตเป็นขวดน้าดื่ม ขวดน้าอัดลม หรือภาชนะบรรจุอาหารต่างๆ เพราะมีน้าหนักเบา แข็งแรง ใช้งานได้หลากหลาย และปลอดภัยต่อผู้บริโภค
โดยทั่วไป PET จะถูกสังเคราะห์ขึ้นด้วยปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชั่น และพอลิเมอไรเซชั่นแบบควบแน่นจากวัสดุตั้งต้นที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตจากวัตถุดิบหลัก ได้แก่ monoethylene glycol (MEG) ร้อยละ 30 และ purified terephthalic acid
(PTA) ร้อยละ 70 แต่ในปัจจุบันวัสดุตั้งต้นเหล่านี้ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีนวัตกรรม Bio Plastic ซึ่งผลิตจากพืชเป็น
วัสดุหมุนเวียน นามาใช้ทดแทนวัตถุดิบจากปิโตรเลียม เพราะวัตถุดิบ Bio-Based สามารถผลิตได้จากแอลกอฮอล์ ซึ่งได้จากกระบวนการ
หมักของน้าตาล จากผลผลิตจากการเกษตร เช่น อ้อย กากน้าตาล ฟางข้าว เป็นต้น และเมื่อผ่านกระบวนการผลิตจะทาให้ได้เป็น Bio-
based polyethylene terephthalate (Bio-PET) จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสาหรับสิ่งแวดล้อมในอนาคต
▪ ในปัจจุบัน PETG มีบาทสาคัญในทางอุตสากรรมต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีเครื่อง 3D Printer ที่ใช้วัสดุแบบเส้นกับระบบ FDM ซึ่งในเชิง
พาณิชย์ได้มีออกจาหน่ายหลายแบรนด์ อย่างเช่น BioPETG™ Eco-Friendly PETG Filament 3D Printlife
- 8. ▪ PBS
▪ พอลิบิวทิลีนซัคซิเนต (Polybutylene succinate) มีชื่อย่อว่า PBS เป็นพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ และยังเป็นวัสดุอีกชนิด
หนึ่งที่ใช้ทาวัสดุทางการแพทย์ โดย PBS เป็นพอลิเอสเทอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นด้วยปฏิกิริยาการควบแน่น (condensation polymerization)
ระหว่างกรดซัคซินิคและ 1,4-บิวเทนไดออล ซึ่งมอนอเมอร์ทั้งสองชนิดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตขึ้นได้จากทั้งแหล่งปิโตรเคมี หรือ
อาศัยวัตถุดิบจากธรรมชาติก็ได้ แต่นิยมผลิตมาจากด้วยการใช้น้าตาลเป็นวัตถุดิบตั้งต้น สาหรับผลิตเป็น Bio Plastic
▪ ปัจจุบันพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพมีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดได้รับความสนใจและกาลังพัฒนาสู่ระดับอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นก็คือ
PBS ซึ่งวัสดุชนิดนี้จะมีลักษณะขุ่น สามารถนามาขึ้นรูปได้ง่าย และหลากหลายกระบวนการ โดยเฉพาะการฉีดขึ้นนรูป และการเป่าขึ้นรูปฟิล์ม ซึ่ง
PBS สามารถทนความร้อนได้ตั้งแต่ 80 – 95 องศาเซลเซียส และมีความยืดหยุ่นที่ดี ที่สาคัญยังสามารถนาไปผสมกับ PLA เพื่อ
ปรับปรุงคุณสมบัติให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หลายประเภทได้ เช่น ฟิล์มทางการเกษตร วัสดุทางวิศวกรรม วัสดุทางการแพทย์ เป็นต้น อีกทั้ง
กาลังขยายไปยังอุตสาหกรรมทางบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
- 9. ▪ PVC
▪ พอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl chloride) ส่วนใหญ่แล้วโดยทั่วไปจะเคยได้ยินในชื่อ PVC
และที่ใช้ในทุกบ้านก็คือ ท่อน้าประปาสีฟ้ า นั่นเอง โดยทั่วไปแล้ว PVC มีความนิยมใช้ในกลุ่ม
งานอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์น้อยกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่น เนื่องจาก PVC ประกอบไปด้วย
สารเคมีปรุงแต่ง จึงทาให้เกิดการตกค้างของสารเคมีในบรรจุภัณฑ์ได้ง่าย แต่ก็มีบรรจุภัณฑ์
บางชนิดผลิตจาก PVC สามารถนามาใช้ได้โดยไม่มีสารเคมีตกค้าง เช่น ฟิล์มยืดสาหรับห่อ
เนื้อสัตว์และผลไม้สด ถาดบรรจุอาหารแห้ง ถาดหรือกล่องบรรจุอาหารสด ขวดบรรจุน้ามัน
พืช เป็นต้น
▪ พลาสติกชีวภาพพอลิไวนิลคลอไรด์ (Bio-Polyvinyl chloride) หรือ Bio-PVC เป็น
พลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากสารชีวภาพบางส่วน (Partially bio-based) และเชื้อเพลิง
ฟอสซิล (Fossil fuel-based) จัดอยู่ในกลุ่มชนิดย่อยสลายไม่ได้ทางชีวภาพ ซึ่งเป็น
พลาสติกชนิด Thermoplastic มีส่วนประกอบหลักคือ คลอรีน 57% ซึ่งเป็นผลผลิต
จากเกลืออุตสาหกรรม และอีก 43% มาจากคาร์บอนซึ่งสกัดมาจากน้ามันและก๊าซ เมื่อ
เทียบปริมาณน้ามันและก๊าซธรรมชาติในการผลิตพลาสติกแต่ละชนิด พีวีซีเป็นพลาสติกที่ใช้
ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่าพลาสติกประเภท PE, PP, PET และ PS พีวีซียังมี
คุณสมบัติทนไฟและดับไฟได้จากคุณสมบัติของสารประกอบคลอรีน
- 10. ▪ PCL
▪ พอลิคาโปรแลคโตน (Polycaprolactone) หรือ PCL เป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่สามารถเข้ากับ
วัสดุอื่นๆ ได้ง่าย โดย PCL จัดเป็นเป็นเทอร์โมพลาสติกชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่มพอลิเอสเทอร์ที่มีสายโซ่
ตรง ที่สังเคราะห์มาจากน้ามันดิบ ผ่านกระบวนการทางเคมี และผ่านปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชั่นแบบ
ควบแน่น สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable Polymer) มีโครงสร้างคล้าย
PLA และ PGA แต่การสลายตัวช้ากว่า ซึ่งมีการนามาใช้ทางการแพทย์เพิ่มขึ้น เพราะมีสมบัติเชิงกล
และการเข้ากันได้กับเซลล์เป็นอย่างดี และผลิตจากวัตถุดิบที่สร้างขึ้นใหม่ได้ ซึ่งวัสดุในกลุ่มนี้เป็น
ทางเลือกใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม
- 12. ▪ข้อดี : ราคาถูก ผลิตเหมือนพลาสติกปกติ คุณสมบัติ
เหมือนพลาสติกปกติ และรีไซเคิลได้
▪ข้อเสีย : ใช้ระยะเวลาการย่อยสลายจนสมบูรณ์จะนาน
ประมาณ 3-5 ปี จริงอยู่ พลาสติกแบบนี้อาจจะหายวับไป
ในเวลาไม่กี่เดือนและดูเหมือนย่อยสลายไปแล้ว แต่ความจริง
เป็นแค่การแตกตัวของพลาสติกเท่านั้น การย่อยสลายด้วย
จุลินทรีย์ที่เรามองไม่เห็นจะไม่ได้เร็วขนาดนั้น เราเรียก
พลาสติกเล็กๆ พวกนี้ว่า micro-plastic ซึ่งจะปะปนอยู่ใน
สิ่งแวดล้อม ถ้าปะปนอยู่ในน้า ปลาอาจจะกินเข้าไปแล้วคนก็
กินปลาอีกที ถ้าปะปนอยู่ในดิน พืชก็ไม่สามารถดูดซึมไปใช้
ประโยชน์ได้ หลายประเทศจึงออกกฎหมายแบนพลาสติก
ย่อยสลายประเภทนี้
- 13. ▪ มนุษย์ใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มาก่อนจะมีพลาสติกเสียอีก เช่น ใบตอง เข่งปลาทู กะลามะพร้าว ดินเผา ฯลฯ แต่ของเหล่านี้ไม่เหมาะกับการ
บริโภคแบบเร่งรีบในปัจจุบัน และวัสดุบางอย่างก็เสียง่าย พอคิดจะนากลับมาใช้ในเชิงเศรษฐกิจจริง จึงต้องดัดแปลงให้เหมือนกับอุปกรณ์ใบ
ปัจจุบัน เช่น จานใบไม้ หลอดกิ่งไผ่ เป็นต้น
▪ ข้อดี : ย่อยสลายง่าย ธรรมชาติ
▪ ข้อเสีย : ราคาแพงมากและยังไม่สามารถทดแทนคุณสมบัติพลาสติกได้ทั้งหมด
- 16. กาบหมาก จากสิ่งที่ดูไร้ค่าในสวนหมากของชาวอาเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ที่
แต่เดิมก็ปลูกต้นหมากกันอย่างแพร่หลาย ส่วนของลูกหมากก็เก็บไปขายสร้างรายได้
แต่สิ่งที่หลงเหลือไว้ก็คือกาบหมากที่ร่วงหลุดอยู่ แบรนด์”วีรษา”(Veerasa) เล็งเห็น
ประโยชน์จึงนากาบหมากมาแปรรูปให้เป็นจานใส่อาหาร โดยนากาบหมากมาล้างทาความ
สะอาด นาไปพึ่งแดดให้แห้งสนิท จากนั้นนามาตัดด้วยเครื่อง แล้วบรรจุขาย ข้อดีของ
จาน-ชามกาบหมากคือมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ สามารถ
นาเข้าไมโครเวฟและเตาอบได้อย่างปลอดภัย ใส่อาหารได้ทุกประเภ
- 18. ▪ วัสดุจากธรรมชาติเป็นสิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์สารพัดอย่าง เช่นได้นาหยวกหรือใบกล้วยมาทาเป็นภาชนะต่าง ๆมากมาย โดยใช้เทคนิคการขึ้นรูป
คล้าย ๆ กับเปเปอร์มาเช่ นั้นก็คือไส้ตรงกลางเป็นกระดาษ อัดหยวกกล้วยเป็นผิวหน้าด้วยมือทุกใบ และเคลือบทับด้วยน้ามันแบบฟู้ ด
เกรด สามารถใส่อาหารรับประทานได้คล้ายกับภาชนะทั่วไป แต่จะต้องหลีกเลี่ยงพวกแกง หรือเมนูที่มีน้าและไม่ควรแช่น้าไว้นาน ส่วนเรื่องการ
ล้างทาความสะอาดนั้นก็เหมือนภาชนะที่ทาจากไม้ทั่วไปครับ ล้างด้วยน้ายาล้างจานผึ่งลมให้แห้ง แค่นี้อายุของภาชนะจากหยวกกล้วยก็ยืดยาวได้
หลายปี
- 19. ▪ จานกระดาษชานอ้อย หรือกระดาษชานอ้อยเป็นกระดาษที่ได้มาจากการเอาเยื่อของชานอ้อยที่เหลือจากอุตสาหกรรมการผลิตน้าตาล นาไป
ผสมกับเยื่อกระดาษผ่านกระบวนการตีให้แน่นเพื่อป้องกันน้ารั่วซึม ขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆได้ ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ถ้วย เรียกว่าสามารถ
ใช้แทนถ้วยโฟมได้เลยครับ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเราแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อโลกของเราอีกด้วย เพราะเมื่อนาเปรียบเทียบกับ
พลาสติกและโฟมแล้วพบว่าชานอ้อยสามารถใส่น้าและอาหารทั้งเย็นจัดจนถึงร้อนจัดได้ถึง 250 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังเข้าเตาอบและเตา
ไมโครเวฟได้โดยไม่มีสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดมะเร็งอีกด้วย และที่สาคัญจานชามจากชานอ้อยสามารถย่อยสลายเองได้ในเวลา 45 วันเท่านั้นเอง
แต่ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่นิยมเปลี่ยนมาใช้กันเท่าไหร่ เพราะเรื่องราคาที่แพงกว่าโฟมถึง 2 เท่า แต่เชื่อเถอะครับว่าถ้าเราเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่
ดีต่อโลก