SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)
สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ช้างป่วยจะมีอาการค่อนข้างรวดเร็ว คือล้มลงและตายทันที
อาการที่ไม่รุนแรง คือ เบื่ออาหาร ไข้สูง ผุดลุกผุดนั่ง มีเลือดออกตามเยื่อบุผิว มีอาการบวมใต้หนัง อุจจาระปนเลือด
ตายอย่างรวดเร็ว ห้ามเปิดผ่าซากโดยเด็ดขาด ควรจะเผาหรือฝังลึกๆ โรยด้วยปูนขาว ป้องกันสัตว์มาคุ้ยเขี่ย
และควรสวมถุงมืออย่าให้เลือดสัตว์ถูกมือ การรักษาให้ยาปฎิชีวนะ
และการป้องกันควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในแหล่งที่มีโรคระบาด
โดยใช้วัคซินแอนแทรกซ์ของกรมปศุสัตว์ที่ผลิตโดยสานักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ ฉีดวัคซีนครั้งแรกให้กับสัตว์อายุ 14
สัปดาห์ขึ้นไป และฉีดซ้าทุกปี ส่วนในเขตที่เคยมีการระบาดของโรคนี้ให้ฉีดซ้าทุก 6 เดือน ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ตัวละ 2
ซีซี. สัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว 2-3 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 1 ปี
โรคโลหิตจาง (Anemia) ส่วนมากเกิดในลูกช้าง เนื่องจากขาดธาตุเหล็กหรือมีพยาธิ รักษาโดยให้ Iron-
dextran® และให้อาหารเสริมซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบต่ออีกระยะหนึ่ง
โรคโคไลแบคซิลโลซิส (Colibacillosis) โรคนี้มักพบในลูกช้างที่เกิดใหม่ที่ไม่ได้รับ Colostrum เพียงพอ
หรือช้างรุ่นๆ ที่ได้รับอาหารสกปรกหรืออยู่ในโรงเรือนที่ขาดสุขลักษณะที่ถูกต้อง สาเหตุเกิดจากเชื้อ Escherichia
coli สัตว์ป่วยมีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร ท้องเสียและขาดน้าอย่างรุนแรง การรักษาให้ยาปฏิชีวนะ และ Supportive
ตามสมควรร่วมด้วย
โรคท้องร่วง (Diarrhoea) หรือท้องเสีย หรือท้องเดิน หมายถึงภาวะที่ช้างมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย
อุจจาระเหลวมากกว่าปกติหรือถ่ายเป็นน้า เป็นมูกหรือมูกเลือด โรคนี้จะพบมากในลูกช้างและมักมีอาการรุนแรง
สาเหตุ
1. เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Salmonella spp., E. coli, Pseudomonas spp.,
และ Clostridium spp.
2. เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เคยตรวจพบจากอุจจาระของช้างที่ถ่ายเหลว ได้แก่ Crona virus
3. เกิดจากหนอนพยาธิหรือโปรโตซัว ช้างที่แสดงอาการถ่ายเหลวที่มีสาเหตุจากหนอนพยาธิ
ส่วนมากมักเป็นแบบเฉียบพลัน บางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร ท้องอืด เป็นต้น
หนอนพยาธิที่พบในช้างคือ Strongyle, Protozoa, Coccidia, Eimeria, Flagellates และ
Trichomona นอกจากนี้ยังอาจพบ Giardia และ Hookworm
เอ็นเทอโรท็อกซีเมีย (Enterotoxemia) โรคนี้เคยมีรายงานว่าทาให้ช้างตายเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะช้างรุ่นๆ
ที่ไปกินอาหารสกปรก มีการปนเปื้อนของเชื้อเข้าไป สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium
perfringens ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิด anaerobic bacteria สัตว์ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย เบื่ออาหาร
ท้องร่วงและตาย โดยเฉพาะลูกช้างจะตายง่ายมาก การวินิจฉัยโดยการเพาะเชื้อและจาแนก toxin ในห้องปฏิบัติการ
การรักษาให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับ antitoxin และรักษาตามอาการ
ส่วนการป้องกันโรคนี้ในต่างประเทศโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
โรคเยื่อตาอักเสบ(Conjunctivitis)
ช้างบ้านมีปัญหาเกี่ยวกับตาค่อนข้างจะรุนแรงมาก อาจมีผลทาให้ช้างตาบอดได้
สาเหตุ
- ผงสกปรกเข้าตา ทาให้ระคายเคือง ถ้ามีเชื้อโรคเข้าตาก็จะทาให้ตาอักเสบลุกลามรุนแรง ตั้งแต่ตาแดง
เยื่อตาฝ้าจนถึงขั้นตาบอด
- ลูกตา ถูกหญ้าบาดหรือของแหลมคม เช่น หนามทิ่มแทงหรือถูกก้อนหิน หนังสะติ๊กยิงถูกลูกนัยน์ตา
เกิดเป็นแผลหรือลูกตาแตก
- เกิดจากการแพ้ เนื่องจากสุขภาพอ่อนแอ ป่วย มีไข้สูง ทาให้เยื่อตาอักเสบ
อาการ น้าตาไหล ตาแดงและอักเสบ หลับตาบ่อย มีขี้ตาและอาจใช้งวงขยี้ตาบ่อยๆ
เนื่องจากมีอาการระคายเคืองหรือเจ็บคันนัยน์ตาและมักจะหลบ ซุ่มอยู่ใต้ร่มไม้ ไม่กล้ามองสู้แสงแดด หากไม่รักษา
ปล่อยไว้จะเกิดเป็นเยื่อตาฝ้าและถึงขั้นตาบอด
การักษา
- นาช้างตาเจ็บไปผูกไว้ในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงแดดจ้ามากนัก
- ล้างตาด้วยน้ายาบอริค 1% หรือน้ายาโซเดียม ไบคาร์บอเนต แล้วป้ายด้วยขี้ผึ้งป้ายตา (จาพวกยาปฏิชีวนะ
Terramycin, Kemicitin อย่างเดียวหรือไม่ cortisone ด้วย) ถ้าลูกตาอักเสบรุนแรงก็จาเป็นต้องฉีด
Dexamethasone เข้า subconjunctiva ในลูกตาช้าง แต่ต้องฉีดจากผนังตาด้านนอก
โดยฉีดเฉียงและอาจให้ Vitamin A เสริมในรายที่ขาด Vitamin A ด้วย
(ในกลุ่มควาญช้างนิยมใช้ยาสีฟันป้ายลูกตาเพื่อรักษาโรคตาอักเสบ)
โรคปากและเท้าเปื่อย (Foot and Mouth disease)
ช้างเป็นโรคนี้ได้โดยติดจากโค กระบือ
สาเหตุ เชื้อไวรัส
อาการ มีลักษณะอาการเช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ ที่เป็น คือ
ฝ่าเท้าและเล็บลอกหลุด เจ็บเท้า เดินไม่ค่อยได้มีแผลที่เพดานปาก
กินอาหารลาบาก มีไข้
การรักษา ใช้ยาปฏิชีวนะควบคุม Secondary infection
และใส่แผลด้วยยา gentian violet
หรือให้สารอาหารบารุงต่างๆ ช้างจะสามารถหายได้เอง
การป้ องกัน ฉีดวัคซีนให้โค กระบือ ในบริเวณที่เลี้ยงช้าง
โรคคอบวม (Haemorrhagic septicemia or Pasteurellosis)
โรคคอบวม โรคนี้มักเกิดในช้างที่เลี้ยงในแหล่งที่มีโค กระบือ ถ่ายอุจจาระลงแหล่งน้า ถ้ามีโรคนี้เกิดก็อาจติดมาถึงช้างได้
สาเหตุ เกิดจากเชื้อ Pasteurella spp.
อาการ ช้างป่วยกระทันหัน บริเวณลาคอบวมน้า ลิ้นและปากบวม หายใจลาบาก น้าลายไหลยืด บางครั้งมีอาการท้องผูก
อุจจาระมีมูกเลือด โรคนี้ถ้าเป็นในลูกช้างจะมีอัตราการตายสูงกว่าในช้างที่โตเต็มที่แล้ว ถ้ารีบรักษาก่อนอาการลุกลาม
โอกาสรอดตายสูง
การรักษา ให้ยาปฏิชีวนะ หรืออาจใช้ยาซัลฟา
การป้ องกัน ฉีดวัคซีน 2 ซีซี./เชือก เข้ากล้ามเนื้อลึก ปีละ 1 ครั้ง ควรมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง
โรคฝีดาษ (Elephant pox)
โรคนี้เคยระบาดในช้างคณะละครสัตว์ในยุโรป ช้างป่ วย 11 เชือก ตาย 1 เชือก จากจานวนช้างทั้งหมด 18 เชือกที่มีอยู่
สาเหตุุ เกิดจากเชื้อไวรัส
อาการ เกิดเป็นตุ่มตามผิวหนัง ซึ่งรุนแรงถึงตายได้ ในช้างจะพบตุ่มตามศีรษะและงวง เยื่อตาอักเสบ (Conjunctivitis)
และบวม มีของเหลวไหลจาก temporal gland มีรายงานว่า กรฝักตัวของโรคใช้เวลา 2 - 4 อาทิตย์ มี erosion &
ulceration ของ mucous membranes กลืนอาหารลาบาก อ่อนเพลีย มีไข้สูง กีบหลุดลอก เจ็บขา
(Lameness)
การรักษา ใช้ยาปฏิชีวนะควบคุม Secondary infection
การวินิจฉัย ควรนาน้าหรือเยื่อในตุ่มแผลส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ
การป้ องกัน ควรมีการฉีดวัคซีน small pox ให้ทั้งช้างและคนที่เกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นโรคติดต่อคนได้
โรคพิษสุนัขบ้า(Rabies)
ช้างอาจติดโรคพิษสุนัขบ้าได้จากการที่ถูกสุนัขบ้ากัด
สาเหตุุ เกิดจากเชื้อไวรัส
อาการ มีอาการเหมือนกับสุนัขบ้าทุกประการ คือ ช่วงแรกจะมีอาการเซื่องซึม ชอบอยู่ในที่มืด กินอาหารได้บ้าง
ระยะต่อมาจะมีอาการทุรนทุรายมากขึ้น ตาเหม่อลอย เห็นคนหรือสัตว์ก็จะทาราย ต่อมาขากรรไกรแข็งเป็นอัมพาต
กินอาหารและน้าไม่ได้และตายในที่สุด เมื่อถูกสุนัขบ้ากัดใหม่ๆ
ให้ใช้กรดไนตริคหรือโซดาไฟจี้ที่บาดแผลแล้วทาด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน จะช่วยได้บ้าง
การรักษา ไม่มี
การป้ องกัน ฉีดวัคซีนป้ องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสุนัขในบริเวณที่มีการเลี้ยงช้าง
โรคซัลโมเนลโลซิส (Salmonellosis)
มีรายงานว่าช้างเกิดโรคนี้บ่อยและเสียชีวิตจานวนมากโดยเฉพาะลูกช้าง ถ้าช่วยไม่ทันอาจเสียชีวิตได้
อาการ ท้องร่วง ถ่ายเหลวเป็นน้าไม่หยุด มีกลิ่นเหม็น มีมูกเลือดและเยื่อบุผิวปน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไข้สูง
มักพบในช้างที่อยู่ในโรงเรือนที่ไม่ถูกสุขลักษณะและมักติดต่อไปยังช้างเชือกอื่นๆ
การรักษา
- ให้ยาปฏิชีวนะ
- ให้ Supportive treatment ตามอาการ
- ในลูกช้างควรให้กินข้าวต้ม อาหารบด และกินน้ามากๆ
โรคผิวหนัง (Skin diseases)
โรคผิวหนังในช้าง ได้แก่
1. Rash เป็นผื่น คัน เป็นอาการแพ้สารพิษ เช่น ถูกพืชมีพิษ ผิวหนังและกล้ามเนื้อบวม จะหายได้เองภายใน 2 - 3 วัน
2. Sunburn ช้างที่ถูกแสงแดดส่องเผาโดยตรงติดต่อกันหลายชั่วโมง ผิวหนังเกิดไหม้เกรียม ผิวหนังอักเสบ
ควรให้ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบชนิดครีมทาบริเวณผิวหนัง
3. Dermatitis โรคผิวหนังอักเสบและมีการติดเชื้อ ผิวหนังพุพองจากการคัน และเกาถู
เกิดเป็นประจากับช้างบ้านที่ขาดการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร ร่างกายสกปรก ไม่ได้อาบน้า ผิวหนังแห้งเป็นขุยหรือถูกแมลงต่างๆ
รบกวน เช่น
- เหลือบ (Tabanus) มีชุกชุมอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะในหน้าฝน จะดูดกินเลือดและจะเป็นพาหะนาเชื้อโรค surra
มาสู่ช้างได้
- แมลงวันคอก (Stable flies, stomoxys) ชอบกัดและดูดเลือดช้างตามผิวหนัง
- แมลงวันป่ า (Gad flies) จะเอาก้นไชหนังช้างแล้วปล่อยไข่ไว้ ไข่จะเจริญเป็นตัวอ่อน
เป็นหนอนหรือชาวบ้านเรียกว่าตัวด้วง เห็นเป็นตุ่มๆ อยู่บริเวณผิวหนังช้าง ซึ่งภายในตุ่มนี้ตัวอ่อนจะจเริญอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
แล้วดันทะลุออกจากผิวหนังตกบนพื้นดินเจริญเป็นตัวแมลงวันป่ าต่อไป
- เหาแดง เหาช้าง (Elephant louse-Haematomyzus elephantis)
การรักษา
1. ทาความสะอาดผิวหนังด้วยสบู่หรือยาฆ่าเชื้อโรค
2. กรณีเป็นเชื้อรา ให้กิน Griseofulvin ขนาด 0.5 - 1 mg./kg. หรือ Ketoconzole
โดยตรวจดูอาการของสัตว์ประกอบด้วยทุกวัน
3. Supportive tratment
4. ให้กิน Vitamin B complex 10 - 20 tabs/วัน นาน 1 - 5 เดือน
5. ให้ยาตามสมควร เช่น Sulfur ointment, gentian violet, Povidone iodine,
Thimerosol tincture หรือ Carbamate powder หรือ Ivermectin solution หรือ
Prednisolone cream
6. ถ้าเกิดจากเหาแดงหรือเหาช้าง อาจใช้ Ivermectin® 0.06 - 0.08 mg./kg. ให้กินหรือใช้
Carbamate powder (Negasunt®) โรยแผลหรือใช้มะขามเปียกถูตัวร่วมกับ
Neguvon® โดยก่อนทาอาบน้าก่อน แล้วห้ามอาบตลอด 24 ชั่วโมง
7. อาจใช้เครือสะบ้า (Entada scandams)
ทุบให้ละเอียดฟอกช้างทุกวันหลังอาบน้าแล้วเครือสะบ้าจะเกิดเป็นฟองคล้ายสบู่ ปล่อยทิ้งให้ฟองแห้งไปเอง
บางแห่งใช้เครือหางไหล หรือโล่ติ้นทุบแช่น้า แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดถูตามตัวก็ได้ผลดี
โรคท้องผูกในช้าง
สาเหตุ ส่วนใหญ่จากการกินอาหารที่มีลักษณะที่เป็นเยื่อใย พันกันเป็นก้อนและขวางลาไส้ เช่น ทางมะพร้าวหรือต้นกล้วยทั้งต้น
การรักษา พยายามล้วงสวนทวารด้วยน้าสบู่อ่อนๆ หรือน้าอุ่น โดยใช้ปั๊มเข้าข้างในทวาร เข้าไปมากๆ
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายส่วนที่อุดตันออก
โรควัณโรค (Tuberculosis)
สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium spp.
อาการ มักเป็นแบบเรื้อรัง น้าหนักลดลง ทั้งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีน้ามูกไหลตลอดเวลา เบื่ออาหาร ยืนเซื่องซึม
ไอเสียงดัง หายใจลาบาก
การวินิจฉัย จากประวัติและอาการทางคลินิค และการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการ ย้อมสีเชื้อ acid fast จาก nasal
discharge เพื่อตรวจสอบทางกล้องจุลทรรศน์ให้แน่ชัดด้วย
การรักษา โดยฉีด Isoniazid ซึ่งมีรายงานว่ารักษาได้ผลดี
โรคบาดทะยัก (Tetanus)
โรคบาดทะยักส่วนใหญ่พบในช้างที่ถูกลักตัดงาและตัดชิดจนพบโพรงงา ช้างจะนาดินยัดเข้าโพรงงา
เชื้อที่ติดมากับดินเจริญเติบโตได้ดีในโพรงงา ทาให้เกิดโรคได้
นอกจากนี้ยังพบในช้างที่อยู่ในโรงเรือนที่ไม่ถูกสุขลักษณะและมีบาดแผลเป็นรูลึก
สาเหตุุ เชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani
ช้างจะมีอาการ ซึม กินอาหารและน้าลาบาก ขากรรไกรแข็ง หายใจลาบาก มีไข้สูง แสดงอาการชัก เกร็งของกล้ามเนื้อ ขาและหาง
โอกาสตายสูงมาก
การรักษา
- Penicillin high dose
- Antitoxin 30,000 – 50,000 iu/kg.
- ถ้ามีอาการชักอาจให้ 7% Chloral hydrate .60 gm หรือถ้าให้เข้าทางทวารหนัก จานวน 2 - 4 ออนซ์
- กรณีที่กินอาหารไม่ได้ ต้องป้ อนอาหารเหลวผ่านสายยางเข้าปาก
- แนะนาให้ฉีด Toxoid 4 - 5 ซี.ซี./ครั้ง ภายหลังการรักษา 3 - 4 วัน
การป้ องกัน ไม่ควรตัดงาสั้นจนเกินไป เมื่อพบช้างที่ถูกลักตัดงาสั้นเกินไปจนเห็นโพรงงา ให้รับรักษาแผล
โรคติดเชื้อไวรัส
Herpes virus
พบว่าช้างป่าแอฟริกามีอาการของปอดที่ติดเชื้อ Herpes virus จากการผ่าซาก
Encephalomyocarditis virus (ECMV)
เป็นโรคที่มีความรุนแรงทาให้ช้างถึงตายได้ พบทั้งช้างเอเชียและแอฟริกา ที่สวนสัตว์ 3 แห่งในรัฐฟลอริดา
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีช้างล้มป่ วยด้วยโรค ECMV อย่างเฉียบพลันและตายลง จากการผ่าซากพบว่า
มีวิการของปอดบวมและเลือดคั่ง พบ cardiomyopathy
ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคนั้นเชื่อว่าเกิดจากเชื้อนี้ติดมากับสัตว์ป่ าที่อยู่ในสวนสัตว์ด้วยกัน
โรคนี้สามารถติดต่อถึงคนได้แต่เป็นแบบอ่อนๆ หรือไม่แสดงอาการให้เห็น
Coryzalike Syndrome
มีอาการเหมือนคนเป็นหวัด มีน้ามูกไหลอย่างรุนแรง น้าตาไหล เบื่ออาหารเล็กน้อย ซึม
ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเกิดจากไวรัสชนิดใด ช้างที่ป่ วยถ้ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
ก็จะหายป่ วยจากโรคเองได้โดยไม่ต้องมีการรักษาหรืออาจจะให้ยาปฏิชีวนะและยาบารุงเพื่อป้ องกันการเกิดโรคปอดบวมแทรกซ้อน
บาดแผล (wounds)
บาดแผลที่ลาตัว งวงหรือฝ่ าเท้า เช่น ถูกมีดหรือเคียวปาดงวง ถูกกระจกหรือแก้วบาดขา ถูกของแหลมตา เช่น
ตะปูหรือเศษแก้วตาหรือแทงเข้าไปในบริเวณฝ่ าเท้า
อาการ ที่สังเกตได้คือ ช้างจะเดินไม่ปกติ อาจยกขาหรือมีเลือดไหลออกตามบาดแผลให้เห็นหรือข้อขาบวม
ตรวจพบตะปูหรือเศษแก้ว
การรักษา วางยาสลบในท่ายืนหลับในช้างโตหรือท่านอนตะแคงหลับในช้างเล็ก อาจต้องฉีดยาชาเฉพาะที่ช่วย
เพื่อสะดวกในการปฏิบัติงาน เสร็จแล้วในช้างเล็กควรฉีด Antidote ให้ฟื้นขึ้น ฉีดยาปฏิชีวนะ
ทาความสะอาดและใส่ยาใส่แผลตามควรทุกวัน
ฝี (Abscesses)
ฝีที่ผิวหนังจะบวมปูดขึ้นมา ส่วนใหญ่มีลักษณะกลมหรือรี มักพบที่คอ ด้านข้างของขาหน้า กลางหลัง
บริเวณหัวเข่าและท่อนขา การเกิดฝีในช้างจะพบบ่อยมาก สาเหตุมักจะเกิดจากการกระแทก ชน ทาให้เกิดฟกช้า การถูครูด แผล
พยาธิ ซึ่งมีการเสียดสีเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการแพ้วัคซีน การฉีดยาผิด route
การรักษา
1. ถ้าฝียังไม่สุก ประคบหรือทาด้วย Tincture iodine
ร่วมกับน้ามันนวดทุกวันจนฝีสุกจึงเจาะหรือบีบหนองออกให้หมด
2. ถ้าแน่ใจว่าฝีสุกดีแล้ว ก็ทาการผ่าเอาหนองออกให้หมด แล้วล้างทาความสะอาดด้วย solution ของ
nitrofurazone ผสม dimethylsulfoxide (DMSO) ในอัตรา 2:1 ซึ่งใช้รักษาฝีช้างได้ผลดีหรืออาจล้างด้วย
NSS หรือ antiseptic อื่นๆ แล้วจึงทา Setoning หรือใช้ Bactacin ใส่หรือใส่ยาทิงเจอร์ไอโอดีนหรือ
Gentian violet ทุกวัน
โรคพยาธิภายใน
พยาธิภายในของช้างพบในลาไส้เล็กและลาไส้ใหญ่ มีดังนี้
1. พยาธิตัวกลม (Nematoda)
Murshida indica, M. falcifera และ M. elephasi
Quilonia renniei, Q. sedecimradiata
Equinurbia sipunculiformis
Decrusia additictia
Choniangium epistomum
2. พยาธิใบไม้ (Trematoda)
Pfenderius heterocaeca
3. พยาธิตัวตืด
Anoplocephala mambriata
นอกจากนี้ยังมี
พยาธิใบไม้ในตับ :- Fasciala jacksoni
พยาธิใบไม้ในลาไส้ใหญ่ :- Psudodiscus hawkesi, P. collinsi
พยาธิในกระแสโลหิต :- Dipetalonema goosi, D.
loxodontis, Indofilaria spp., Pattabiramani spp., Schistosoma
nairi, Babesia spp., Trypanosoma spp.
พยาธิปากขอ (Hookworm)
โปรโตซัว :- Eimeria spp., Trichomonas spp.
อาการ ถ้าช้างมีพยาธิในลาไส้มาก จะแสดงอาการท้องอืด ท้องเสีย ลาไส้อักเสบ โรคตับอักเสบ
การรักษา ตามธรรมชาติ เมื่อช้างรู้สึกตัวว่ามีพยาธิรบกวนมากเกินไปแล้ว ช้างก็จะหากินดินปนหญ้าจานวนเท่าลูกมะพร้าว
หลังจากนั้น 1 - 2 วัน ช้างก็จะท้องอืด ตึง แล้วถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้า มีพยาธิเป็นๆ ปนออกด้วยติดต่อกันหลายวัน
บางตัวอาจนานกว่า 10 วัน ช้างจะมีร่างกายซูบผอมลง อ่อนเพลีย แต่จะรู้สึกสบายตัวขึ้น แล้วช้างจะหาวิธีแก้ท้องร่วงเอง
โดยจะหากินเครือกระวัลย์และเปลือกต้นหว้าหรือเปลือกอินทรีย์หรือกระโดน แล้วช้างจะเกิดความอยากกินอาการ กินจุ
ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสังเกตเบื้องต้นพบว่าช่วงเวลาที่ช้างจะมีการถ่ายท้องขับพยาธิ คือ
ช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนกรกฎาคม และช่วงเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน
- อาจให้ยาถ่ายพยาธิรวมคือ Ivermectin ขนาด 8 - 10 c.c/ตัว ฉีดเข้าใต้หนังแต่ถ้าตรวจพบพยาธิใบไม้ ก็ใช้
Ivermec®-F ซึ่งสามารถถ่ายพยาธิตัวอื่นๆ ด้วย
- ยากินที่ใช้รักษาโรคพยาธิภายในของช้างมีหลายชนิด ได้แก่ Thiabendazole, Abendazole,
Fenbendazole, Mebendazole, Nitrozanil (Trodax®) และ Tetramisole
โรคลมชักหรือโรคลมแดด (Heatstroke)
สาเหตุุ เกิดเนื่องจากปล่อยช้างอยู่กลางแดดนานเกินไป สัตว์จะมีอาการยืนซึม ไม่กินอาหาร เดินเซ หายใจหอบ ล้มลงทันทีทันใด
การรักษา
- ถ้าช้างอยู่ในท่านอนคว่า ให้พลิกอยู่ในท่านอนตะแคง หาที่ร่มให้ เช่น ใต้ต้นไม้ กางผ้าใบให้ ใช้น้าเย็นใส่เข้าทางก้น
ใช้น้าแข็งวางที่ด้านหน้าและหัว ฉีดน้าเย็นให้ทั่วตัว
- ให้ Prednisolone 0.05 - 0.1 mg./kg. เข้าทางหลอดเลือดดาหรือ Dexamethasone 0.05 -
0.1 mg./kg. เข้าหลอดเลือดดา
- เมื่อช้างยืนได้แล้วอย่าให้ล้มลงไปอีก ควรประคองไว้
- ให้ Steroid และ Antibiotics 2 - 5 วัน
- ให้ผูกช้างไว้ในที่ร่ม จนกว่าอาการจะเป็นปกติ

More Related Content

More from Nathirut Chernthongchai

ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsNathirut Chernthongchai
 
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลยคณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลยNathirut Chernthongchai
 
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2Nathirut Chernthongchai
 
เฉลยสังคม 7 วิชาสามัญ
เฉลยสังคม 7 วิชาสามัญเฉลยสังคม 7 วิชาสามัญ
เฉลยสังคม 7 วิชาสามัญNathirut Chernthongchai
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6Nathirut Chernthongchai
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6Nathirut Chernthongchai
 
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsNathirut Chernthongchai
 
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsNathirut Chernthongchai
 
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลยคณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลยNathirut Chernthongchai
 
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2Nathirut Chernthongchai
 

More from Nathirut Chernthongchai (20)

Blog
BlogBlog
Blog
 
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
 
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลยคณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
 
วิชาเคมี
วิชาเคมีวิชาเคมี
วิชาเคมี
 
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
 
Biology เฉลย
Biology เฉลยBiology เฉลย
Biology เฉลย
 
Biology
BiologyBiology
Biology
 
7 สามัญ ภาษาไทย
7 สามัญ ภาษาไทย7 สามัญ ภาษาไทย
7 สามัญ ภาษาไทย
 
เฉลยสังคม 7 วิชาสามัญ
เฉลยสังคม 7 วิชาสามัญเฉลยสังคม 7 วิชาสามัญ
เฉลยสังคม 7 วิชาสามัญ
 
7 สามัญ สังคม
7 สามัญ สังคม7 สามัญ สังคม
7 สามัญ สังคม
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 
7 สามัญ สังคม
7 สามัญ สังคม7 สามัญ สังคม
7 สามัญ สังคม
 
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
 
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physicsฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
ฟิสิกส์ 7 วิชาสามัญ โดย ideal physics
 
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลยคณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
คณิตศาสตร์ 7 วิชาสามัญ พร้อมเฉลย
 
วิชาเคมี
วิชาเคมีวิชาเคมี
วิชาเคมี
 
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
เฉลย 7 วิชาสามัญ ภาษาอังกฤษ edit2
 
Biology เฉลย
Biology เฉลยBiology เฉลย
Biology เฉลย
 
Biology
BiologyBiology
Biology
 

ใบงานที่ 2 คอม

  • 1. โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ช้างป่วยจะมีอาการค่อนข้างรวดเร็ว คือล้มลงและตายทันที อาการที่ไม่รุนแรง คือ เบื่ออาหาร ไข้สูง ผุดลุกผุดนั่ง มีเลือดออกตามเยื่อบุผิว มีอาการบวมใต้หนัง อุจจาระปนเลือด ตายอย่างรวดเร็ว ห้ามเปิดผ่าซากโดยเด็ดขาด ควรจะเผาหรือฝังลึกๆ โรยด้วยปูนขาว ป้องกันสัตว์มาคุ้ยเขี่ย และควรสวมถุงมืออย่าให้เลือดสัตว์ถูกมือ การรักษาให้ยาปฎิชีวนะ และการป้องกันควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์ในแหล่งที่มีโรคระบาด โดยใช้วัคซินแอนแทรกซ์ของกรมปศุสัตว์ที่ผลิตโดยสานักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ ฉีดวัคซีนครั้งแรกให้กับสัตว์อายุ 14 สัปดาห์ขึ้นไป และฉีดซ้าทุกปี ส่วนในเขตที่เคยมีการระบาดของโรคนี้ให้ฉีดซ้าทุก 6 เดือน ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ตัวละ 2 ซีซี. สัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว 2-3 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 1 ปี โรคโลหิตจาง (Anemia) ส่วนมากเกิดในลูกช้าง เนื่องจากขาดธาตุเหล็กหรือมีพยาธิ รักษาโดยให้ Iron- dextran® และให้อาหารเสริมซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบต่ออีกระยะหนึ่ง โรคโคไลแบคซิลโลซิส (Colibacillosis) โรคนี้มักพบในลูกช้างที่เกิดใหม่ที่ไม่ได้รับ Colostrum เพียงพอ หรือช้างรุ่นๆ ที่ได้รับอาหารสกปรกหรืออยู่ในโรงเรือนที่ขาดสุขลักษณะที่ถูกต้อง สาเหตุเกิดจากเชื้อ Escherichia coli สัตว์ป่วยมีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร ท้องเสียและขาดน้าอย่างรุนแรง การรักษาให้ยาปฏิชีวนะ และ Supportive ตามสมควรร่วมด้วย โรคท้องร่วง (Diarrhoea) หรือท้องเสีย หรือท้องเดิน หมายถึงภาวะที่ช้างมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย อุจจาระเหลวมากกว่าปกติหรือถ่ายเป็นน้า เป็นมูกหรือมูกเลือด โรคนี้จะพบมากในลูกช้างและมักมีอาการรุนแรง สาเหตุ 1. เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Salmonella spp., E. coli, Pseudomonas spp., และ Clostridium spp. 2. เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เคยตรวจพบจากอุจจาระของช้างที่ถ่ายเหลว ได้แก่ Crona virus 3. เกิดจากหนอนพยาธิหรือโปรโตซัว ช้างที่แสดงอาการถ่ายเหลวที่มีสาเหตุจากหนอนพยาธิ ส่วนมากมักเป็นแบบเฉียบพลัน บางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร ท้องอืด เป็นต้น หนอนพยาธิที่พบในช้างคือ Strongyle, Protozoa, Coccidia, Eimeria, Flagellates และ Trichomona นอกจากนี้ยังอาจพบ Giardia และ Hookworm
  • 2. เอ็นเทอโรท็อกซีเมีย (Enterotoxemia) โรคนี้เคยมีรายงานว่าทาให้ช้างตายเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะช้างรุ่นๆ ที่ไปกินอาหารสกปรก มีการปนเปื้อนของเชื้อเข้าไป สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium perfringens ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิด anaerobic bacteria สัตว์ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย เบื่ออาหาร ท้องร่วงและตาย โดยเฉพาะลูกช้างจะตายง่ายมาก การวินิจฉัยโดยการเพาะเชื้อและจาแนก toxin ในห้องปฏิบัติการ การรักษาให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับ antitoxin และรักษาตามอาการ ส่วนการป้องกันโรคนี้ในต่างประเทศโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน โรคเยื่อตาอักเสบ(Conjunctivitis) ช้างบ้านมีปัญหาเกี่ยวกับตาค่อนข้างจะรุนแรงมาก อาจมีผลทาให้ช้างตาบอดได้ สาเหตุ - ผงสกปรกเข้าตา ทาให้ระคายเคือง ถ้ามีเชื้อโรคเข้าตาก็จะทาให้ตาอักเสบลุกลามรุนแรง ตั้งแต่ตาแดง เยื่อตาฝ้าจนถึงขั้นตาบอด - ลูกตา ถูกหญ้าบาดหรือของแหลมคม เช่น หนามทิ่มแทงหรือถูกก้อนหิน หนังสะติ๊กยิงถูกลูกนัยน์ตา เกิดเป็นแผลหรือลูกตาแตก - เกิดจากการแพ้ เนื่องจากสุขภาพอ่อนแอ ป่วย มีไข้สูง ทาให้เยื่อตาอักเสบ อาการ น้าตาไหล ตาแดงและอักเสบ หลับตาบ่อย มีขี้ตาและอาจใช้งวงขยี้ตาบ่อยๆ เนื่องจากมีอาการระคายเคืองหรือเจ็บคันนัยน์ตาและมักจะหลบ ซุ่มอยู่ใต้ร่มไม้ ไม่กล้ามองสู้แสงแดด หากไม่รักษา ปล่อยไว้จะเกิดเป็นเยื่อตาฝ้าและถึงขั้นตาบอด การักษา - นาช้างตาเจ็บไปผูกไว้ในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงแดดจ้ามากนัก - ล้างตาด้วยน้ายาบอริค 1% หรือน้ายาโซเดียม ไบคาร์บอเนต แล้วป้ายด้วยขี้ผึ้งป้ายตา (จาพวกยาปฏิชีวนะ Terramycin, Kemicitin อย่างเดียวหรือไม่ cortisone ด้วย) ถ้าลูกตาอักเสบรุนแรงก็จาเป็นต้องฉีด Dexamethasone เข้า subconjunctiva ในลูกตาช้าง แต่ต้องฉีดจากผนังตาด้านนอก โดยฉีดเฉียงและอาจให้ Vitamin A เสริมในรายที่ขาด Vitamin A ด้วย (ในกลุ่มควาญช้างนิยมใช้ยาสีฟันป้ายลูกตาเพื่อรักษาโรคตาอักเสบ) โรคปากและเท้าเปื่อย (Foot and Mouth disease) ช้างเป็นโรคนี้ได้โดยติดจากโค กระบือ สาเหตุ เชื้อไวรัส อาการ มีลักษณะอาการเช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ ที่เป็น คือ ฝ่าเท้าและเล็บลอกหลุด เจ็บเท้า เดินไม่ค่อยได้มีแผลที่เพดานปาก กินอาหารลาบาก มีไข้ การรักษา ใช้ยาปฏิชีวนะควบคุม Secondary infection และใส่แผลด้วยยา gentian violet หรือให้สารอาหารบารุงต่างๆ ช้างจะสามารถหายได้เอง การป้ องกัน ฉีดวัคซีนให้โค กระบือ ในบริเวณที่เลี้ยงช้าง
  • 3. โรคคอบวม (Haemorrhagic septicemia or Pasteurellosis) โรคคอบวม โรคนี้มักเกิดในช้างที่เลี้ยงในแหล่งที่มีโค กระบือ ถ่ายอุจจาระลงแหล่งน้า ถ้ามีโรคนี้เกิดก็อาจติดมาถึงช้างได้ สาเหตุ เกิดจากเชื้อ Pasteurella spp. อาการ ช้างป่วยกระทันหัน บริเวณลาคอบวมน้า ลิ้นและปากบวม หายใจลาบาก น้าลายไหลยืด บางครั้งมีอาการท้องผูก อุจจาระมีมูกเลือด โรคนี้ถ้าเป็นในลูกช้างจะมีอัตราการตายสูงกว่าในช้างที่โตเต็มที่แล้ว ถ้ารีบรักษาก่อนอาการลุกลาม โอกาสรอดตายสูง การรักษา ให้ยาปฏิชีวนะ หรืออาจใช้ยาซัลฟา การป้ องกัน ฉีดวัคซีน 2 ซีซี./เชือก เข้ากล้ามเนื้อลึก ปีละ 1 ครั้ง ควรมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง โรคฝีดาษ (Elephant pox) โรคนี้เคยระบาดในช้างคณะละครสัตว์ในยุโรป ช้างป่ วย 11 เชือก ตาย 1 เชือก จากจานวนช้างทั้งหมด 18 เชือกที่มีอยู่ สาเหตุุ เกิดจากเชื้อไวรัส อาการ เกิดเป็นตุ่มตามผิวหนัง ซึ่งรุนแรงถึงตายได้ ในช้างจะพบตุ่มตามศีรษะและงวง เยื่อตาอักเสบ (Conjunctivitis) และบวม มีของเหลวไหลจาก temporal gland มีรายงานว่า กรฝักตัวของโรคใช้เวลา 2 - 4 อาทิตย์ มี erosion & ulceration ของ mucous membranes กลืนอาหารลาบาก อ่อนเพลีย มีไข้สูง กีบหลุดลอก เจ็บขา (Lameness) การรักษา ใช้ยาปฏิชีวนะควบคุม Secondary infection การวินิจฉัย ควรนาน้าหรือเยื่อในตุ่มแผลส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ การป้ องกัน ควรมีการฉีดวัคซีน small pox ให้ทั้งช้างและคนที่เกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นโรคติดต่อคนได้ โรคพิษสุนัขบ้า(Rabies) ช้างอาจติดโรคพิษสุนัขบ้าได้จากการที่ถูกสุนัขบ้ากัด สาเหตุุ เกิดจากเชื้อไวรัส อาการ มีอาการเหมือนกับสุนัขบ้าทุกประการ คือ ช่วงแรกจะมีอาการเซื่องซึม ชอบอยู่ในที่มืด กินอาหารได้บ้าง ระยะต่อมาจะมีอาการทุรนทุรายมากขึ้น ตาเหม่อลอย เห็นคนหรือสัตว์ก็จะทาราย ต่อมาขากรรไกรแข็งเป็นอัมพาต กินอาหารและน้าไม่ได้และตายในที่สุด เมื่อถูกสุนัขบ้ากัดใหม่ๆ ให้ใช้กรดไนตริคหรือโซดาไฟจี้ที่บาดแผลแล้วทาด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน จะช่วยได้บ้าง
  • 4. การรักษา ไม่มี การป้ องกัน ฉีดวัคซีนป้ องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสุนัขในบริเวณที่มีการเลี้ยงช้าง โรคซัลโมเนลโลซิส (Salmonellosis) มีรายงานว่าช้างเกิดโรคนี้บ่อยและเสียชีวิตจานวนมากโดยเฉพาะลูกช้าง ถ้าช่วยไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ อาการ ท้องร่วง ถ่ายเหลวเป็นน้าไม่หยุด มีกลิ่นเหม็น มีมูกเลือดและเยื่อบุผิวปน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไข้สูง มักพบในช้างที่อยู่ในโรงเรือนที่ไม่ถูกสุขลักษณะและมักติดต่อไปยังช้างเชือกอื่นๆ การรักษา - ให้ยาปฏิชีวนะ - ให้ Supportive treatment ตามอาการ - ในลูกช้างควรให้กินข้าวต้ม อาหารบด และกินน้ามากๆ โรคผิวหนัง (Skin diseases) โรคผิวหนังในช้าง ได้แก่ 1. Rash เป็นผื่น คัน เป็นอาการแพ้สารพิษ เช่น ถูกพืชมีพิษ ผิวหนังและกล้ามเนื้อบวม จะหายได้เองภายใน 2 - 3 วัน 2. Sunburn ช้างที่ถูกแสงแดดส่องเผาโดยตรงติดต่อกันหลายชั่วโมง ผิวหนังเกิดไหม้เกรียม ผิวหนังอักเสบ ควรให้ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบชนิดครีมทาบริเวณผิวหนัง 3. Dermatitis โรคผิวหนังอักเสบและมีการติดเชื้อ ผิวหนังพุพองจากการคัน และเกาถู เกิดเป็นประจากับช้างบ้านที่ขาดการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร ร่างกายสกปรก ไม่ได้อาบน้า ผิวหนังแห้งเป็นขุยหรือถูกแมลงต่างๆ รบกวน เช่น - เหลือบ (Tabanus) มีชุกชุมอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะในหน้าฝน จะดูดกินเลือดและจะเป็นพาหะนาเชื้อโรค surra มาสู่ช้างได้ - แมลงวันคอก (Stable flies, stomoxys) ชอบกัดและดูดเลือดช้างตามผิวหนัง - แมลงวันป่ า (Gad flies) จะเอาก้นไชหนังช้างแล้วปล่อยไข่ไว้ ไข่จะเจริญเป็นตัวอ่อน เป็นหนอนหรือชาวบ้านเรียกว่าตัวด้วง เห็นเป็นตุ่มๆ อยู่บริเวณผิวหนังช้าง ซึ่งภายในตุ่มนี้ตัวอ่อนจะจเริญอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วดันทะลุออกจากผิวหนังตกบนพื้นดินเจริญเป็นตัวแมลงวันป่ าต่อไป - เหาแดง เหาช้าง (Elephant louse-Haematomyzus elephantis) การรักษา 1. ทาความสะอาดผิวหนังด้วยสบู่หรือยาฆ่าเชื้อโรค 2. กรณีเป็นเชื้อรา ให้กิน Griseofulvin ขนาด 0.5 - 1 mg./kg. หรือ Ketoconzole โดยตรวจดูอาการของสัตว์ประกอบด้วยทุกวัน 3. Supportive tratment 4. ให้กิน Vitamin B complex 10 - 20 tabs/วัน นาน 1 - 5 เดือน 5. ให้ยาตามสมควร เช่น Sulfur ointment, gentian violet, Povidone iodine, Thimerosol tincture หรือ Carbamate powder หรือ Ivermectin solution หรือ Prednisolone cream
  • 5. 6. ถ้าเกิดจากเหาแดงหรือเหาช้าง อาจใช้ Ivermectin® 0.06 - 0.08 mg./kg. ให้กินหรือใช้ Carbamate powder (Negasunt®) โรยแผลหรือใช้มะขามเปียกถูตัวร่วมกับ Neguvon® โดยก่อนทาอาบน้าก่อน แล้วห้ามอาบตลอด 24 ชั่วโมง 7. อาจใช้เครือสะบ้า (Entada scandams) ทุบให้ละเอียดฟอกช้างทุกวันหลังอาบน้าแล้วเครือสะบ้าจะเกิดเป็นฟองคล้ายสบู่ ปล่อยทิ้งให้ฟองแห้งไปเอง บางแห่งใช้เครือหางไหล หรือโล่ติ้นทุบแช่น้า แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดถูตามตัวก็ได้ผลดี โรคท้องผูกในช้าง สาเหตุ ส่วนใหญ่จากการกินอาหารที่มีลักษณะที่เป็นเยื่อใย พันกันเป็นก้อนและขวางลาไส้ เช่น ทางมะพร้าวหรือต้นกล้วยทั้งต้น การรักษา พยายามล้วงสวนทวารด้วยน้าสบู่อ่อนๆ หรือน้าอุ่น โดยใช้ปั๊มเข้าข้างในทวาร เข้าไปมากๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายส่วนที่อุดตันออก โรควัณโรค (Tuberculosis) สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium spp. อาการ มักเป็นแบบเรื้อรัง น้าหนักลดลง ทั้งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีน้ามูกไหลตลอดเวลา เบื่ออาหาร ยืนเซื่องซึม ไอเสียงดัง หายใจลาบาก การวินิจฉัย จากประวัติและอาการทางคลินิค และการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการ ย้อมสีเชื้อ acid fast จาก nasal discharge เพื่อตรวจสอบทางกล้องจุลทรรศน์ให้แน่ชัดด้วย การรักษา โดยฉีด Isoniazid ซึ่งมีรายงานว่ารักษาได้ผลดี โรคบาดทะยัก (Tetanus) โรคบาดทะยักส่วนใหญ่พบในช้างที่ถูกลักตัดงาและตัดชิดจนพบโพรงงา ช้างจะนาดินยัดเข้าโพรงงา เชื้อที่ติดมากับดินเจริญเติบโตได้ดีในโพรงงา ทาให้เกิดโรคได้ นอกจากนี้ยังพบในช้างที่อยู่ในโรงเรือนที่ไม่ถูกสุขลักษณะและมีบาดแผลเป็นรูลึก สาเหตุุ เชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani ช้างจะมีอาการ ซึม กินอาหารและน้าลาบาก ขากรรไกรแข็ง หายใจลาบาก มีไข้สูง แสดงอาการชัก เกร็งของกล้ามเนื้อ ขาและหาง โอกาสตายสูงมาก การรักษา - Penicillin high dose - Antitoxin 30,000 – 50,000 iu/kg. - ถ้ามีอาการชักอาจให้ 7% Chloral hydrate .60 gm หรือถ้าให้เข้าทางทวารหนัก จานวน 2 - 4 ออนซ์ - กรณีที่กินอาหารไม่ได้ ต้องป้ อนอาหารเหลวผ่านสายยางเข้าปาก - แนะนาให้ฉีด Toxoid 4 - 5 ซี.ซี./ครั้ง ภายหลังการรักษา 3 - 4 วัน การป้ องกัน ไม่ควรตัดงาสั้นจนเกินไป เมื่อพบช้างที่ถูกลักตัดงาสั้นเกินไปจนเห็นโพรงงา ให้รับรักษาแผล
  • 6. โรคติดเชื้อไวรัส Herpes virus พบว่าช้างป่าแอฟริกามีอาการของปอดที่ติดเชื้อ Herpes virus จากการผ่าซาก Encephalomyocarditis virus (ECMV) เป็นโรคที่มีความรุนแรงทาให้ช้างถึงตายได้ พบทั้งช้างเอเชียและแอฟริกา ที่สวนสัตว์ 3 แห่งในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีช้างล้มป่ วยด้วยโรค ECMV อย่างเฉียบพลันและตายลง จากการผ่าซากพบว่า มีวิการของปอดบวมและเลือดคั่ง พบ cardiomyopathy ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคนั้นเชื่อว่าเกิดจากเชื้อนี้ติดมากับสัตว์ป่ าที่อยู่ในสวนสัตว์ด้วยกัน โรคนี้สามารถติดต่อถึงคนได้แต่เป็นแบบอ่อนๆ หรือไม่แสดงอาการให้เห็น Coryzalike Syndrome มีอาการเหมือนคนเป็นหวัด มีน้ามูกไหลอย่างรุนแรง น้าตาไหล เบื่ออาหารเล็กน้อย ซึม ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเกิดจากไวรัสชนิดใด ช้างที่ป่ วยถ้ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ก็จะหายป่ วยจากโรคเองได้โดยไม่ต้องมีการรักษาหรืออาจจะให้ยาปฏิชีวนะและยาบารุงเพื่อป้ องกันการเกิดโรคปอดบวมแทรกซ้อน บาดแผล (wounds) บาดแผลที่ลาตัว งวงหรือฝ่ าเท้า เช่น ถูกมีดหรือเคียวปาดงวง ถูกกระจกหรือแก้วบาดขา ถูกของแหลมตา เช่น ตะปูหรือเศษแก้วตาหรือแทงเข้าไปในบริเวณฝ่ าเท้า อาการ ที่สังเกตได้คือ ช้างจะเดินไม่ปกติ อาจยกขาหรือมีเลือดไหลออกตามบาดแผลให้เห็นหรือข้อขาบวม ตรวจพบตะปูหรือเศษแก้ว การรักษา วางยาสลบในท่ายืนหลับในช้างโตหรือท่านอนตะแคงหลับในช้างเล็ก อาจต้องฉีดยาชาเฉพาะที่ช่วย เพื่อสะดวกในการปฏิบัติงาน เสร็จแล้วในช้างเล็กควรฉีด Antidote ให้ฟื้นขึ้น ฉีดยาปฏิชีวนะ ทาความสะอาดและใส่ยาใส่แผลตามควรทุกวัน ฝี (Abscesses) ฝีที่ผิวหนังจะบวมปูดขึ้นมา ส่วนใหญ่มีลักษณะกลมหรือรี มักพบที่คอ ด้านข้างของขาหน้า กลางหลัง บริเวณหัวเข่าและท่อนขา การเกิดฝีในช้างจะพบบ่อยมาก สาเหตุมักจะเกิดจากการกระแทก ชน ทาให้เกิดฟกช้า การถูครูด แผล พยาธิ ซึ่งมีการเสียดสีเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการแพ้วัคซีน การฉีดยาผิด route การรักษา 1. ถ้าฝียังไม่สุก ประคบหรือทาด้วย Tincture iodine ร่วมกับน้ามันนวดทุกวันจนฝีสุกจึงเจาะหรือบีบหนองออกให้หมด 2. ถ้าแน่ใจว่าฝีสุกดีแล้ว ก็ทาการผ่าเอาหนองออกให้หมด แล้วล้างทาความสะอาดด้วย solution ของ nitrofurazone ผสม dimethylsulfoxide (DMSO) ในอัตรา 2:1 ซึ่งใช้รักษาฝีช้างได้ผลดีหรืออาจล้างด้วย NSS หรือ antiseptic อื่นๆ แล้วจึงทา Setoning หรือใช้ Bactacin ใส่หรือใส่ยาทิงเจอร์ไอโอดีนหรือ Gentian violet ทุกวัน โรคพยาธิภายใน พยาธิภายในของช้างพบในลาไส้เล็กและลาไส้ใหญ่ มีดังนี้
  • 7. 1. พยาธิตัวกลม (Nematoda) Murshida indica, M. falcifera และ M. elephasi Quilonia renniei, Q. sedecimradiata Equinurbia sipunculiformis Decrusia additictia Choniangium epistomum 2. พยาธิใบไม้ (Trematoda) Pfenderius heterocaeca 3. พยาธิตัวตืด Anoplocephala mambriata นอกจากนี้ยังมี พยาธิใบไม้ในตับ :- Fasciala jacksoni พยาธิใบไม้ในลาไส้ใหญ่ :- Psudodiscus hawkesi, P. collinsi พยาธิในกระแสโลหิต :- Dipetalonema goosi, D. loxodontis, Indofilaria spp., Pattabiramani spp., Schistosoma nairi, Babesia spp., Trypanosoma spp. พยาธิปากขอ (Hookworm) โปรโตซัว :- Eimeria spp., Trichomonas spp. อาการ ถ้าช้างมีพยาธิในลาไส้มาก จะแสดงอาการท้องอืด ท้องเสีย ลาไส้อักเสบ โรคตับอักเสบ การรักษา ตามธรรมชาติ เมื่อช้างรู้สึกตัวว่ามีพยาธิรบกวนมากเกินไปแล้ว ช้างก็จะหากินดินปนหญ้าจานวนเท่าลูกมะพร้าว หลังจากนั้น 1 - 2 วัน ช้างก็จะท้องอืด ตึง แล้วถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้า มีพยาธิเป็นๆ ปนออกด้วยติดต่อกันหลายวัน บางตัวอาจนานกว่า 10 วัน ช้างจะมีร่างกายซูบผอมลง อ่อนเพลีย แต่จะรู้สึกสบายตัวขึ้น แล้วช้างจะหาวิธีแก้ท้องร่วงเอง โดยจะหากินเครือกระวัลย์และเปลือกต้นหว้าหรือเปลือกอินทรีย์หรือกระโดน แล้วช้างจะเกิดความอยากกินอาการ กินจุ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสังเกตเบื้องต้นพบว่าช่วงเวลาที่ช้างจะมีการถ่ายท้องขับพยาธิ คือ ช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนกรกฎาคม และช่วงเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน - อาจให้ยาถ่ายพยาธิรวมคือ Ivermectin ขนาด 8 - 10 c.c/ตัว ฉีดเข้าใต้หนังแต่ถ้าตรวจพบพยาธิใบไม้ ก็ใช้ Ivermec®-F ซึ่งสามารถถ่ายพยาธิตัวอื่นๆ ด้วย - ยากินที่ใช้รักษาโรคพยาธิภายในของช้างมีหลายชนิด ได้แก่ Thiabendazole, Abendazole, Fenbendazole, Mebendazole, Nitrozanil (Trodax®) และ Tetramisole โรคลมชักหรือโรคลมแดด (Heatstroke) สาเหตุุ เกิดเนื่องจากปล่อยช้างอยู่กลางแดดนานเกินไป สัตว์จะมีอาการยืนซึม ไม่กินอาหาร เดินเซ หายใจหอบ ล้มลงทันทีทันใด การรักษา - ถ้าช้างอยู่ในท่านอนคว่า ให้พลิกอยู่ในท่านอนตะแคง หาที่ร่มให้ เช่น ใต้ต้นไม้ กางผ้าใบให้ ใช้น้าเย็นใส่เข้าทางก้น ใช้น้าแข็งวางที่ด้านหน้าและหัว ฉีดน้าเย็นให้ทั่วตัว - ให้ Prednisolone 0.05 - 0.1 mg./kg. เข้าทางหลอดเลือดดาหรือ Dexamethasone 0.05 - 0.1 mg./kg. เข้าหลอดเลือดดา - เมื่อช้างยืนได้แล้วอย่าให้ล้มลงไปอีก ควรประคองไว้
  • 8. - ให้ Steroid และ Antibiotics 2 - 5 วัน - ให้ผูกช้างไว้ในที่ร่ม จนกว่าอาการจะเป็นปกติ