_cloud__rain.pptx
- 5. -เมฆชั้นต่า (Low Could) มีความสูงของ
ฐานเมฆ 2,000 m
-มีความสูงยอดเมฆ 6,000 m เช่น
1. เมฆอัลโตคิวมูลัส
(Altocumulus)
2. เมฆอัลโตสเตรตัส
ชนิดของเมฆ
- 7. - เมฆชั้นต่า (Low Could) มีความสูงของยอด
เมฆ 2,000 m เช่น
1. เมฆสเตรตัส (Stratus)
2. เมฆสเตรโตคิวมูลัส
(Stratocumulus)
3. เมฆนิมโบสเตรตัส
ชนิดของเมฆ
- 9. - เมฆที่ก่อตัวในแนวตั้ง (Vertical development
cloud) มี ความสูงของเมฆเฉลี่ย 500 m (ความสูง
ของยอดเมฆเฉลี่ยถึงระดับเมฆซีร ์รัส) เช่น
1. เมฆคิวมูลัส (Cumulus)
2. เมฆคิวมูโลนิมบัส
(Cumulonimbus)
ชนิดของเมฆ
- 10. ภาพ 4 แสดง เมฆที่ก่อตัวในแนวตั้ง (Vertical develop
- 11. เมฆนั้นแบ่งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบเป็ น
ชั้น (layered) ในแนวนอน และ แบบลอยตัว
สูงขึ้น (convective) ในแนวตั้ง โดยจะมีชื่อ
เรียกว่า สเตรตัส (stratus ซึ่งหมายถึงลักษณะ
เป็ นชั้น) และ คิวมูลัส (cumulus ซึ่งหมายถึงทับ
ถมกันเป็ นกอง) ตามลาดับ นอกจากนี้แล้วยังมี
คาที่ใช้ในการบอกลักษณะของเมฆอีกด้วย
สเตรตัส (stratus) หมายถึง ลักษณะเป็ นชั้น
คิวมูลัส (cumulus) หมายถึง ลักษณะเป็ นกองสุม
ซีร ์รัส (cirrus) หมายถึง ลักษณะเป็ นลอนผม หรือ
เป็ นริ้ว ๆ คล้ายขนสัตว์
นิมบัส (nimbus) หมายถึง ฝน
เมฆ (Cloud)
- 12. เมฆซีร ์โรสเตรตัส ทาให้เกิด
ดวงอาทิตย์ทรงกรด หรือดวง
จันทร ์ทรงกรด
ดวงอาทิตย์ทรงกรด
หรือดวงจันทร ์ทรงกรด
เกิดจาก แสงอาทิตย์
หรือแสงจันทร ์ส่องมา
กระทบกับเกล็ดน้าแข็ง
ในเมฆซีร ์โรสเตรตัสใน
มุมที่เหมาะสม ทาให้
เมฆ (Cloud)
- 17. นักอุตุนิยมวิทยาใช้ปริมาณเมฆในท้องฟ
้ า
บอกสภาพอากาศดังนี้
ลักษณะท้องฟ
้ า ปริมาณเมฆ
1. ท้องฟ
้ าแจ่มใส ไม่มีเมฆ หรือมีน้อยกว่า 1 ส่วน
2. ท้องฟ
้ าโปร่ง
มากกว่า 1/10 ส่วนแต่ไม่
เกิน 3/10 ส่วน
3. เมฆบางส่วน
มากกว่า 3/10 ส่วนแต่ไม่เกิน
5/10 ส่วน
4. เมฆเป็ น
ส่วนมาก
มากกว่า 5/10 ส่วนแต่ไม่เกิน
8/10 ส่วน
5. เมฆมาก
มากกว่า 8/10 ส่วนแต่ไม่เกิน
9/10 ส่วน
6. เมฆเต็ม
ท้องฟ
้ า
10/10 ส่วน
•ละอองน้าในเมฆมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ
20 ไมโครเมตร
•หยดน้าฝนมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2000
ไมโครเมตร
ดังนั้นหยดน้าฝนมีเส้นผ่านศูนย์กลางเป็ น 100
เท่าของ ละอองน้า
- 18. น้าฟ
้ า
•คือ ฝน หิมะ หรือลูกเห็บที่ตกลงมา เกิดจาก
อนุภาคน้าหรือเกร็ดน้าแข็งในเมฆที่มีขนาดใหญ่
ขึ้นและมีความหนาแน่นมากขึ้น จนอากาศไม่
สามารถอุ้มน้าหรือน้าแข็งไว้ในเมฆได้ น้าฟ
้ าที่
ตกมาในเมืองไทยส่วนใหญ่คือ ฝน แต่บางครั้งจะ
มีลูกเห็บตกลงมาด้วย
* หมอก น้าค้าง น้าค้างแข็งไม่ใช่
หยาดน้าฟ
้ า เพราะไม่ได้ตกลงมา
จากบรรยากาศ
* ในประเทศไทยมีปริมาณฝนเฉลี่ยมากที่สุดในเดือน
กันยายน และน้อยสุดในเดือนกุมภาพันธ ์
- 21. การวัดปริมาณน้าฝน
•เกณฑ์ ในการวัดปริมาณน้าฝนภายใน 24 hr
เป็ นดังนี้
ฝนตกเล็กน้อย Slight rain มีปริมาณ 0.1
- 10 มิลลิเมตร
ฝนตกปานกลาง Moderate rain มีปริมาณ
10.1 - 35 มิลลิเมตร
ฝนตกหนัก Heavy rain มีปริมาณ
35.1 - 90 มิลลิเมตร
ฝนตกหนักมาก Very Heavy rain มีปริมาณ
90.1 มิลลิเมตร ขึ้นไป