กระท้อนลอยแก้ว
- 1. “กระท้อนลอยแก้ว” หวานเย็นชื่นใจ/กุ๊กเล็ก
หน ้าฝนมาเยือนแล ้ว “กุ๊กเล็ก” แสนจะแฮปปี้ดีอกดีใจ ฝนตกลงมาทีไรเย็นกายเย็นใจเสียจริง
นี่ถ ้าฝนตกแล ้วรถไม่ติดเราจะยิ่งแฮปปี้กว่านี้อีก
สาหรับสิ่งที่ถูกใจ “กุ๊กเล็ก” สุดๆในหน ้าฝน ก็เห็นผลไม ้หลากหลายชนิดที่มาพร้อมๆกับหน ้าฝน
โดยหนึ่งในนั้นก็มี “กระท้อน” ที่จะออกมากในช่วงฤดูฝนมาให ้เราเลือกกิน
โดยตามธรรมชาติของกระท้อนในเมืองไทยนั้น จะออกลูกแค่ปีละครั้ง ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ย.นี้เท่านั้น
เพราะฉะนั้นพอถึงหน ้ากระท้อนออกเมื่อไหร่ เราก็ต ้องขอกินกระท้อนให ้หนาใจกันสักหน่อย
อันที่จริงกระท้อนสดๆ ก็มีอยู่หลายสายพันธุ์ให ้เลือกกิน แต่ที่ถูกใจ “กุ๊กเล็ก” มาก ก็เห็นจะเป็ น
“กระท้อนปุยฝ้ าย” ที่ลูกใหญ่ ผิวหนา เนื้อในหวาน เมล็ดปุยนุ่ม ยิ่งถ ้าเอามาทาเป็ นเมนูของหวานยิ่งเข ้าท่าใหญ่
โดยเอามาทาเป็ น “กระท้อนลอยแก้ว” ที่กินแล ้วชื่นใจ ที่ “กุ๊กเล็ก” จะนามาเสนอเป็ นเมนูเด็ดในครั้งนี้ยังไงล่ะ
สาหรับส่วนผสมของ “กระท้อนลอยแก้ว”
กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก (เลือกที่แก่จัด เพราะจะได ้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม)
น้าตาลทราย 2/3 ถ ้วย
เกลือป่ น 1 ช้อนชา
น้าร้อน 1 ถ ้วย
น้าสะอาดหรือน้าลอยดอกมะลิ 1/2 ถ ้วย
เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล ้ว ก็ถึงเวลาโชว์ฝีมือปลายจวักกัน เริ่มจากชงน้าร้อนกับเกลือ
คนจนเกลือละลายแล ้วกรองด ้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้ให ้เย็น หันมาปอกเปลือกกระท้อนออกให ้เกือบถึงปุย
ใช้มีดแซะเนื้อระหว่างเมล็ดออกและหั่นกระท้อนออกเป็ นชิ้นๆ แล ้วนาลงแช่ในน้าเกลือที่ทารอไว้แล ้ว
ทีนี้ก็มาทาน้าเชื่อม โดยผสมน้าตาลกับน้าสะอาด (หรือน้าลอยดอกมะลิ จะช่วยให ้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ของดอกมะลิ)เข ้าด ้วยกัน และยกตั้งไฟคนให ้น้าตาลละลาย แล ้วกรองเอาผงออก
จากนั้นก็ล ้างภาชนะที่ทาให ้สะอาด แล ้วเทน้าเชื่อมใส่ลงไปเคี่ยวต่ออีกที
จนได ้น้าเชื่อมที่ข ้นกาลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล ้วช้อนกระท้อนขึ้นจากน้าเกลือทิ้งให ้สะเด็ดน้า
และใส่ลงในชามน้าเชื่อม ใส่เกลือลงไปในน้าเชื่อมเล็กน ้อยคนให ้เข ้ากัน ให ้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็ นอันว่าใช้ได ้
ได ้ “กระท้อนลอยแก้ว” ที่พอเวลาจะกินก็แค่ใส่น้าแข็งลงไป กินแล ้วเย็นกายหวานชื่นใจดีจริงๆ