SlideShare a Scribd company logo
1 of 29
บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาตินี้ จัดทาขึ้นเพื่อ เรียนรู้วิธีการ
ทาสบู่ เพราะสบู่เป็นของใช้ที่จาเป็นในชีวิตประจาวัน ทุกวันเราอาบน้าต้องใช้สบู่เพื่อการขจัดสิ่งสกปรก
ออกจากร่างกาย ซึ่งคนส่วนมากมักจะเลือกสบู่ที่สามารถทาความสะอาดได้ดีมากๆ จนไม่คานึงถึงผล
เสียที่จะเกิดกับผิวในภายหลัง ปัจจุบันสบู่มีมากมายหลายชนิดให้เราเลือกใช้
ตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละบุคคล บางชนิดก็ผสมสมุนไพร บางชนิดก็ผสมสารเคมี เช่น
Triclocarban เพื่อ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งผู้ใช้บางรายอาจเกิดอาการแพ้สารเคมี หากใช้บ่อยเกินไป
แต่เรารู้จักสบู่เหล่านั้น ดีเพียงไร และจะมีสัก
กี่คนที่ใส่ใจในรายละเอียดว่าสบู่แต่ละก้อนมีส่วนประกอบสาคัญอะไรบ้าง สบู่
ที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบสาคัญที่จาเป็นและมีประโยชน์ต่อผิว ซึ่งนอกจากจะทาให้สบู่ที่ได้ทาความ
สะอาด ผิวได้ดีแล้ว ยังสามารถบารุงผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้สบู่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เป็นประจาทุกวัน หาก
เราคัดสรร สบู่ที่ดีมีคุณภาพ จะทาให้เรามีสุขภาพผิวของที่ดีอยู่คู่กับเราไปตลอดนานเท่านาน
สบู่เกิดจากการทาปฏิกิริยาเคมีของส่วนผสมพื้นฐาน คือน้าด่าง (โซเดียมไฮดรอกไซด์) กับน้ามัน
ซึ่งจะ เป็นน้ามันพืชหรือน้ามันสัตว์ก็ได้ ปฏิกิริยาเคมีเช่นนี้เรียกว่า Saponification
ซึ่งจะได้ของแข็งลื่นมีฟอง เป็นส่วนผสมของสบู่ 5 ส่วนและกลีเซอรีน 1 ส่วน
ในโรงงานอุตสาหกรรมได้สกัดเอากลีเซอรีนออกไป
เราจึงได้ใช้เนื้อสบู่ล้วนๆ หรือมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเพียงเล็กน้อย ส่วนการผลิตสบู่ธรรมชาติ
เป็นกระบวนการผลิตแบบเย็น ซึ่งสารสกัด กลีเซอรีนยังคงมีอยู่ในเนื้อสบู่ ทาให้ผิวมีความชุ่มชื้นเมื่อใช้
สบู่ชนิดนี้สบู่ที่เกิดจากกระบวนนี้เองที่เราเรียกกันว่า สบู่ธรรมชาติ นับเป็นสบู่แท้ที่เราไม่ต้องไปแต่ง
เติมอะไรอีกเลย สบู่ธรรมชาตินี้ก็มีคุณสมบัติของสบู่ที่ดีที่สุดสาหรับผิวเรา
กิตติกรรมประกาศ
ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาติในครั้งนี้
คณะผู้จัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณครู ที่ช่วยให้คาปรึกษาเกี่ยวกับการทาโครงงานทั้งหมด
ทั้งชี้แนะ และแก้ไขในส่วนที่ผิดพลาดทั้งยังช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการจัดทาโครงงานเรื่องนี้
ขอขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่ช่วยให้คาแนะนาในการทาโครงงานและการชี้แนะในขณะที่ทาการทดลอง
และดูแลในการทาทุกขั้นตอนขอขอบคุณครู โชติกาศิลาพัฒณ์
คุณครูที่ปรึกษาที่ช่วยให้คาแนะนาในการทาโครงงานนี้และบุคคลที่ทาให้การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้สาเร็จลุล่วง
ไปได้ด้วยดีก็เพราะความช่วยเหลือที่อนุมัติเห็นชอบในการจัดทาโครงงานชิ้นนี้
และได้ให้คาแนะนาปรึกษาในการทาโครงงานอย่างเป็นกันเองรวมทั้งแนวคิดตลอดจนข้อบกพร่องต่างๆที่ต้องแก้ไข
ทาให้คณะผู้จัดทาสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทาโครงงานชิ้นนี้ได้ จนโครงงานเรื่องนี้ เสร็จสมบูรณ์
คณะผู้จัดทาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมาณโอกาสนี้
คณะผู้จัดทา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
สบู่เป็นเครื่องสาอางชนิดหนึ่งที่ใช้ในการทาความสะอาดร่างกายเดิมใช้เพื่อทาความสะอาดร่างกายเท่านั้น
ปัจจุบันกระบวนการผลิตสบู่มีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆเพื่อให้สบู่มีสรรพคุณตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นเช่น
มีสีสรรที่สวยงามน่าใช้ มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณทางยาในทางการค้า
มีการใช้สารสังเคราะห์เพิ่มขึ้นทาให้ผลิตภัณฑ์น่าใช้ บรรจุภัณฑ์สวยงามแต่แฝงไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย
มีพิษตกค้างและราคาสูงปัจจุบันนิยมใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมในสบู่
แทนการใช้สารเคมีสังเคราะห์พืชสมุนไพรที่ใช้ มีสาระสาคัญและมีสรรพคุณทางยาเช่น
มีน้ามันหอมระเหยที่มีกลิ่นเฉพาะใช้ในการบาบัดโรคมีสีสรรสวยงามหาง่ายราคาถูกประหยัดปลอดภัยไร้สารสังเคราะห์
และไม่มีพิษตกค้างทาให้สบู่สมุนไพรที่ผลิตขึ้นจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีคุณลักษณะเฉพาะที่หลากหลาย
จึงเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของสบู่สมุนไพรที่มีคุณค่ายิ่งของภูมิปัญญาไทย
เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยไหนหรือชาติไหนคงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยใช้ “สบู่”ในการ นามาถู
ผสมกับน้าเพื่อชาระล้างสิ่งสกปรกและทาความสะอาดร่างกาย ที่มาตั้งแต่สมัยโบราณ
เพราะในการใช้ชีวิตประจาวันของคนทุกคนต้องมีการอาบน้ากันอยู่ทุกวันโดยปกติคนส่วนใหญ่เฉลี่ย
ก็อาบน้าวันละสองครั้งและปัจจุบันนี้ สบู่ก็มีมากมายหลายชนิดให้ได้เลือกใช้ ตามความเหมาะสม
และความชอบของแต่ละบุคคล แต่จะมีใครทราบหรือไม่ว่าสบู่ส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่ล้วนแล้วแต่มีส่วน ผสมที่
เป็นพิษของสารซักฟอกและสารเคมีและเศษที่หลงเหลือในอุตสาหกรรมจากการกลั่นน้ามัน และปิโตรเลียม
เคมีรวมถึงวัตถุกันเสียซึ่งสารเหล่านี้ล้วนส่งผลร้ายต่อสัตว์และคนและที่มากกว่านั้น คือ
ผิวสามารถดูดซึมของเสียเหล่านี้ได้ถึง60%ดังนั้นทางเราจึงได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการทาสบู่
แล้วจัดทาสบู่สมุนไพรขึ้นมาจากกลีเซอรีนธรรมชาติ ที่ใช้ได้ผลอย่างดียิ่งอีกทั้งยังไม่มีสารเคมีหรือสารพิษปนมาอีกด้วย
สบู่นั้นเป็นผลจากปฏิกิริยาเคมีของส่วนผสมพื้นฐานคือน้าด่าง(SodiumHydroxide หรือPotassiumHydroxide)
กับน้ามันซึ่งในที่นี้ทา มาจากน้ามันมะพร้าวปฏิกิริยาเคมีนี้เรียกว่า Saponification
ซึ่งจะทาให้ได้เกลือในรูปของแข็งที่ลื่นและ มีฟอง
ที่เราเรียกกันว่าสบู่ โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักจะใช้กากน้ามันปิโตรเลียมเป็นเบสในการทาสบู่
ซึ่งโมเลกุลของน้ามันปิโตรเลียมจะมีขนาดใหญ่จนผิวไม่สามารถซึมซับได้ และยังก่อให้เกิดอาการ อุดตันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ส่วนประกอบสาคัญทุกชนิดที่ใช้ในกระบวนการผลิต ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ
คุณจึงมั่นใจได้ว่าไม่มีสารสังเคราะห์ใดๆเจือปนอยู่ในสบู่จึงเป็นสบู่ธรรมชาติที่มีความปลอดภัย
สมมติฐาน
1. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติผสมสมุนไพรต่างชนิดกันสามารถทาความสะอาดผิวกายได้ต่างกัน
2. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติที่ผสมมะขามกับน้าผึ้งทาความสะอาดผิวได้ดีที่สุด
3. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติไม่มีสารเคมีใดๆจึงไม่เป็นโทษต่อร่างกาย
ตัวแปรต้น สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติ
ตัวแปรตาม ความสะอาดของผิวกาย
ตัวแปรควบคุม ปริมาณสบู่ผสมสมุนไพร
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
การทาสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาตินั้นจะได้สบู่สมุนไพรหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายชนิด
ก็ขึ้นอยู่กับแบบพิมพ์ที่จะนามาพิมพ์สบู่กับสมุนไพรชนิดต่างๆที่นามาผสมกับกลีเซอรีนทาให้ได้สบู่ตามที่เราต้องการ
โดยสบู่ที่ได้มานั้นจะไม่มีสารพิษหรือสารเคมี ใดๆที่จะตกค้างภายในร่างกายของเราได้เลยเมื่อเรานาสบู่ที่ทามาใช้
เพราะส่วนผสมที่นมาทานั้น ล้วนแล้วแต่ทามาจากธรรมชาติทั้งสิ้น
บทที่ 3
วิธีการดาเนินการ
ในการศึกษาเรื่องสบู่สมุนไพรผู้ศึกษาได้กาหนดขั้นตอนในการศึกษาวางแผนและดาเนินงานดังนี้
1.ศึกษาขั้นตอนวิธีการและอุปกรณ์
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
สบู่
สบู่ เป็นสิ่งที่ใช้ในการทาความสะอาดร่างกาย เช่น การอาบน้า การล้างมือ
สบู่จะช่วยละลายไขมัน ทาให้การชาระล้างสะอาดมากขึ้น
สบู่คืออะไร
สบู่ (soap) คือสารเคมีที่เกิดจากการทาปฏิกิริยากันระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์(ด่าง,โซดาไฟ, (NaOH,)
และน้ามันที่มาจากสัตว์หรือพืช
มีส่วนผสมระหว่างกรด(ไขมัน)กับเบส(ด่าง) ในอัตราส่วนที่ทาให้สามารถทาความสะอาดได้ดี
และไม่เป็นอันตรายต่อผิว คือมีค่า pH อยู่ระหว่าง 8-10
ใช้ชาระล้างร่างกายควบคู่กับการอาบน้า ทามาจากไขมันสัตว์ผสมกับน้าหอม โซดาไฟ และวัตถุดิบอื่นๆ
สบู่ก้อน คือส่วนผสมระหว่างกรด(ไขมัน)กับเบส(ด่าง)
ในอัตราส่วนที่ทาให้สามารถทาความสะอาดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผิว คือมีค่า pH อยู่ระหว่าง 8-10
(ในเอกสารจดแจ้งของ อย.ให้ผู้ผลิตสบู่ก้อนระบุว่ามีค่า ph ไม่เกิน 11) กรดหรือกรดไขมัน เช่นน้ามันพืช
ไขมันสัตว์ เบส
เช่นโซดาไฟ โดยทั่วไปอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมคือเมื่อผสมกันแล้วควรจะเหลือกรดไขมันอยู่ประมาณ 5%
หากไม่มีเครื่องมือในการวัดค่า pH ให้เก็บสบู่เอาไว้อย่างน้อย 15-30 วันเพื่อให้ค่า pH ลดลง
อยู่ในอัตราที่เหมาะสม
กรด(ไขมัน)และเบส(ด่าง)ที่นามาทาสบู่ ไขมันแต่ละชนิดประกอบด้วยกรดไขมันมากกว่า 1 ชนิด
ตามธรรมชาติกรดไขมันเหล่านี้จะไม่อยู่อิสระ
แต่รวมตัวกับสารกลีเซอรอลในไขมันอยู่ในรูปกลีเซอไรด์ เมื่อด่างทาปฏิกิริยากับกรดไขมัน
กรดไขมันจะหลุดออกจากกลีเซอไรด์ รวมตัวเป็นสบู่
สารที่เกาะอยู่กับกรดไขมันก็จะหลุดออกมาเป็นกลีเซอรีน ปฏิกิริยาของ
กรดไขมันแต่ละชนิดเมื่อรวมตัวกับด่างแล้ว จะให้สบู่ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น กรดลอริก (lauric acid)
มีมากในน้ามันมะพร้าว เป็นกรดไขมันที่ทาปฏิกิริยากับด่างแล้วให้สารที่มีฟองมาก เป็นต้น
คุณสมบัติของสบู่ที่ได้จากกรดไขมันต่างชนิดกัน
1. น้ามันมะพร้าว สบู่ที่ผลิตได้มีเนื้อแข็ง กรอบ แตกง่าย สีขาวข้น มีฟองมากเป็นครีม
ให้ฟองที่คงทนพอควร เมื่อใช้แล้วทาให้ผิวแห้ง
2. น้ามันปาล์ม ให้สบู่ที่แข็งเล็กน้อย มีฟองน้อย ฟองคงทนอยู่นาน มีคุณสมบัติในการชะล้างได้ดี
แต่ทาให้ผิวแห้ง
3. น้ามันราข้าว ให้วิตามินอีมาก ทาให้สบู่มีความชุ่มชื้น บารุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว
4. น้ามันถั่วเหลือง เป็นน้ามันที่เข้าได้ดีกับน้ามันอื่น ให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน
มีกลิ่นหืนง่าย
5. น้ามันงา เป็นน้ามันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว
6. น้ามันมะกอก ทาให้ได้สบู่ที่แข็งพอสมควร ใช้ได้นาน มีฟองเป็นครีมนุ่มนวลมาก ให้ความชุ่มชื้น
ไม่ทาให้ผิวแห้ง
7. น้ามันละหุ่ง ช่วยทาให้สบู่มีฟองขนาดเล็กจานวนมาก ทาให้สบู่เป็นเนื้อเดียวกันดี สบู่ไม่แตก
ทาให้สบู่มีความนุ่มเนียน และช่วยให้ผิวนุ่ม
8. น้ามันเมล็ดทานตะวัน ทาให้สบู่นุ่มขึ้น แต่ฟองน้อย
9. ไขมันวัว จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็งสีขาวอายุการใช้งานนานมีฟองน้อย ทนนาน แต่นุ่มนวล
10. ไขมันหมู จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน
11. ขี้ผึ้ง ได้สบู่เนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน
12. ไขมันแพะ ได้สบู่เนื้อนุ่ม ได้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ผิวนุ่มเนียน
13.
เบส(ด่าง)ที่ใช้มี 3 ชนิด คือ
1. ขี้เถ้า ใช้ในการผลิตสบู่ในสมัยโบราณ ปัจจุบันมีการพัฒนาใช้เป็นด่างแทน
2. โซดาไฟ หรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ ทาปฏิกิริยาได้สบู่ก้อนแข้ง
3. โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ทาปฏิกิริยาได้สบู่เหลว
ความแตกต่างระหว่างสบู่ธรรมชาติและสบู่เคมี
สบู่ธรรมชาติ จะผลิตโดยใช้ไขมันจากพืชหรือสัตว์ผสมกับด่างหรือ NaOH
จะได้สบู่ธรรมชาติถือว่าเป็นสบู่ที่ดีเนื่องจากค่าความเป็นค่า pH (Power of hydrogen)
คือค่าที่อยู่ในระดับเดียวกับร่างกายของเราและเป็นสภาวะที่ดีที่สุด
นั่นคือมีค่าเป็นกลางใกล้เคียงกับผิวพรรณของเรามากที่สุด ทาให้ไม่ค่อยมีความระคายเคืองต่อผิว
ส่วนสบู่เคมี ได้ถูกพัฒนาขึ้น อันเนื่องมาจากการผลิตสบู่แบบดั้งเดิม มีต้นทุนสูง ใช้เวลานานในการผลิต
และ ผลิตได้ครั้งละจากัด จึงทาให้มีผู้ติดค้นสบู่อีกสูตรหนึ่งขึ้นมาคือสบู่เคมี
ซึ่งผลิตโดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติในการชะล้าง มาอัดเป็นก้อนและผสมกลิ่นน้าหอม และ เติมสี
และจัดจาหน่ายทั่วไป มีการเติมมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อทดแทนกลีเซอรีน ที่เคยได้ในการผลิตแบบดั้งเดิม
สบู่ประเภทนี้ให้การชะล้างที่ดีมากๆ และมีกลิ่นสี น่าใช้ เพราะแต่งเติมเข้าไปด้วยกรรมวิธีใหม่ ๆ
แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ การระคายเคืองในบางคน และการสะสมสารเคมี ไว้ที่ผิวกาย ทุกวัน ๆ และปัจจุบัน
คนส่วนมากมักจะเลือกสบู่ที่สามารถทาความสะอาดได้มากๆ ซึ่งเหล่านี้มักจะเป็นสบู่เคมี
จนไม่คานึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับผิวในภายหลัง ปัจจุบันสบู่มีมากมายหลายชนิดให้เราเลือกใช้
ตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละบุคคล แต่เรารู้จักสบู่เหล่านั้นดีเพียงไร
และจะมีสักกี่คนที่ใส่ใจในรายละเอียดว่าสบู่แต่ละก้อนมีส่วนประกอบสาคัญอะไร บ้าง
สบู่ที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบสาคัญที่จาเป็นและมีประโยชน์ต่อผิว
ซึ่งนอกจากจะทาให้สบู่ที่ได้ทาความสะอาดผิวได้ดีแล้ว ยังสามารถบารุงผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้
สบู่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เป็นประจาทุกวัน หากเราคัดสรรสบู่ที่ดีมีคุณภาพ
จะทาให้เรามีสุขภาพผิวของที่ดีอยู่คู่กับเราไปตลอดนานเท่านาน
กลีเซอรีน คือ แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งมีสูตรทางเคมี C3H5(HO)3 มีลักษณะข้นและใส ไม่มีสี
เป็นผลพลอยได้จากกระบวนทาสบู่ โดยที่ด่างจะผสมกับไขมันจากสัตว์และพืช ผู้ผลิต
สบู่จะแยกกลีเซอรีนออกมาเพื่อนนาไปใช้ประโยชน์ในการทาโลชั่นและครีมได้อีก กลีเซอรีน
เมื่ออยู่ในโลชั่นจะให้ผลดีมาก เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ให้ความชุ่มชื้น
สามารถละลายได้ในแอลกอฮอล์และในน้า
กลีเซอรีน ยังนาไปใช้ผลิตไนโตรกลีเซอรีนและขนม และยังนาไปใช้ถนอมผักและผลไม้
รวมทั้งแช่ตัวอย่างทดลองในห้องแล็ป
มองหาส่วนผสมที่เป็นกลีเซอรีนได้จากบรรดาโลชั่นที่วางจาหน่ายตามชั้นในร้านขายยา
หรือร้านงานฝีมือที่ขายผลิตภัณฑ์จากสบู่
สบู่ทาเอง
สบู่ทาเองเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมและทาง่ายมาก เพียงมีกลีเซอรีนและเตาไมโครเวฟ ก็ลงมือได้เลย
ตัดกลีเซอรีนที่ส่วนใหญ่ จะมาขายเป็นท่อนๆ ให้เป็นลูกเต๋าขนาด 2 นิ้ว
หย่อนกลีเซอรีนหลายๆก้อนใส่ภาชนะแก้ว เอาเข้าเตาไมโครเวฟไฟปานกลาง เอาออกมาดูทุกๆ 30 วินาที
จนกว่าจะละลายใช้ได้ ถึงตรงนี้ให้เติมสีหรือกลิ่นที่คุณชอบ
จากนั้นรินกลีเซอรีนเหลวลงในพิมพ์สบู่หรือพิมพ์ขนม ถ้าไม่มีใช้ถ้วยพลาสติกโพลีสไตริน เทลงไปซัก 3 ใน 4
นิ้วจากก้นถ้วย ทิ้งให้แข็งตัวราวครึ่งชั่วโมง
มะขามเปียก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica
ชื่อสามัญ : Tamarind, Indian date
วงศ์ : Leguminosae - Caesalpinioideae
มะขาม เป็นไม้เขตร้อน
มีถิ่นกาเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบประเทศซูดาน ต่อมามีการนาเข้ามาในประเทศแถบเขตร้อนของเอเชีย แ
ละประเทศแถบละตินอเมริกา และในปัจจุบันมีมากในเม็กซิโก
ชื่อมะขามในภาคต่างๆ เรียก มะขามไทย (ภาคกลาง) ขาม (ภาคใต้) ตะลูบ(โคราช) ม่วงโคล้ง
(กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) อาเปียล เขมร จังหวัดสุรินทร์ ในภาษาอังกฤษใช้คาว่า tamarind หรือ Indian date
ซึ่งแปลมาจากภาษาอาหรับ:‫هندي‬ ‫تمر‬ (tamr hindī)
มะขามเป็นต้นไม้ประจาจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีคาขวัญประจาจังหวัดว่า "เมืองมะขามหวาน
อุทยานน้าหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง"
ลักษณะเฉพาะ
มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาด ใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม
เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้าตาลอ่อน ใบเป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่
ใบย่อยเป็นรูป ขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15 คู่
แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก
ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก ผล
เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้าตาลเกรียม
เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้าตาล
เนื้อในกลายเป็นสีน้าตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด
เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้าตาล ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnately
compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก
ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน
ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม
การปลูกมะขาม ทาได้โดยเตรียมดินโดยขุดหลุมกว้าง ยาวและลึกด้านละ 60 ซม.
ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าดินรองก้นหลุมเอากิ่งพันธุ์ลงปลูก รดน้าให้ชุ่ม
มะขามเมื่อลงดินแล้วจะโตเร็ว ควรใช้ไม้หลักพยุงไว้ให้แน่น และการบารุงรักษาหลังเริ่มปลูก
ควรเอาใจใส่ดายหญ้ารอบต้น และรดน้าทุกวัน
การปลูกเลี้ยง
การขยายพันธุ์ : นิยมขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง ติดตาหรือต่อกิ่ง
เพราะได้ผลเร็วและไม่ทาให้กลายพันธุ์สภาพดินฟ้ าอากาศ : ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิดแม้แต่ดินเลว
เช่นดินลูกรัง เจริญได้ดีในดินร่วนปนดินเหนียว ทนแล้งได้ดี ฤดูปลูกที่เหมาะสม คือต้นฤดูฝน
ควรหาเศษหญ้าฟางคลุมโคนจนกว่าต้นจะแข็งแรง
ควรฉีดยาป้ องกันโรคราแป้ งและแมลงพวกหนอนเจาะฝัก ด้วงเจาะเมล็ด ในระยะที่เป็นดอกอยู่
ประโยชน์ของมะขาม
คุณค่าทางโภชนาการ : ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามิน เอ มาก มะขามเปียกรสเปรี้ยวทาให้ชุ่มคอ
ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก"
ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทาให้ออกฤทธิ์
ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย
มะขามเปียกอุดมด้วยกรดอินทรีย์ อาทิ กรดซิตริค (Citric Acid) กรดทาร์ทาริค(Tartaric Acid)
หรือกรดมาลิค(Malic Acid) เป็นต้น มีคุณสมบัติชาระล้างความสกปรกรูขุมขน
คราบไขมันบนผิวหนังได้ดีมาก
สารที่มีคุณประโยชน์
1. ยอดอ่อนของมะขามมีวิตามินเอ และวิตามิน ซื สูง
2. มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน กากใบ
3. แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส
4. มะขามเปียกมีสารกรดอินทรีย์ เช่น กรดซิตริค กรดทาทาริค กรดมาลิค
5. มีสารพวกกัม (gum) และ เพคติน (pectin)
ส่วนที่ใช้เป็นยา : เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) เปลือกต้น (ทั้งสดหรือแห้ง) เนื้อในเมล็ด
สรรพคุณทางยา :
ราก - แก้ท้องร่วง สมานแผล รักษาเริม และงูสวัด
เปลือกต้น - แก้ไข้ ตัวร้อน
แก่น - กล่อมเสมหะ และโลหิต ขับโลหิต ขับเสมหะ รักษาฝีในมดลูก รักษาโรคบุรุษ
เป็นยาชักมดลูกให้เข้าอู่
ใบสด (มีกรดเล็กน้อย) - เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลาไส้ แก้ไอ แก้บิด รักษาหวัด ขับเสมหะ
หยอดตารักษาเยื่อตาอักเสบ แก้ตามัว ฟอกโลหิต ขับเหงื่อ ต้มผสมกับสมุนไพรอื่นๆ
อาบหลังคลอดช่วยให้สะอาดขึ้น
เนื้อหุ้มเมล็ด - แก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย ยาถ่าย ขับเสมหะ แก้ไอ กระหายน้า
เป็นยาสวนล้างท้อง
ฝักดิบ - ฟอกเลือด และลดความอ้วน เป็นยาระบายและลดอุณหภูมิในร่างกาย บรรเทาอาการไข้
เมล็ดในสีขาว - เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนตัวกลมในลาไส้ พยาธิเส้นด้าย
เปลือกเมล็ด - แก้ท้องร่วง แก้บิดลมป่วง สมานแผลที่ปาก ที่คอ ที่ลิ้น และตามร่างกาย รักษาแผลสด
ถอนพิษและรักษาแผลที่ถูกไฟลวก รักษาแผลเบาหวาน
เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) - รับประทานจิ้มเกลือ แก้ไอ ขับเสมหะ
ดอกสด – เป็นยาลดความดันโลหิตสูง
วิธีและปริมาณที่ใช้ในการรักษา :
1. เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน ตัวกลม ตัวเส้นด้าย ได้ผลดี
ใช้เมล็ดคั่วกะเทาะเปลือกออก แล้วเอาเนื้อในเมล็ดแช่น้าเกลือจนนุ่ม รับประทานเนื้อทั้งหมด
ครั้งละ 20-30 เมล็ด
2. เป็นยาระบาย ยาถ่าย
- ใช้เนื้อที่หุ้มเมล็ด (มะขามเปียก) แกะเมล็ดแล้วขนาด 2 หัวแม่มือ (15-30 กรัม)
จิ้มเกลือรับประทาน แล้วดื่มน้าตามมากๆ
- เอามะขามเปียกละลายน้าอุ่นกับเกลือ ฉีดสวนแก้ท้องผูก
3. แก้ท้องร่วง
-เมล็ดคั่วให้เกรียม กะเทาะเปลือกรับประทาน
-เปลือกต้น ทั้งสดและแห้ง ประมาณ 1-2 กามือ (15-30 กรัม) ต้มกับน้าปูนใส หรือ น้า รับประทาน
4. รักษาแผล
เมล็ดกะเทาะเปลือก ต้ม นามาล้างแผลและสมานแผลได้
5. แก้ไอและขับเสมหะ
ใช้เนื้อในฝักแก่ หรือมะขามเปียก จิ้มเกลือรับประทานพอควร
6. เป็นยาลดความดันสูง
ใช้ดอกสด ไม่จากัดจานวน ใช้แกงส้มหรือต้มกับปลาสลิดรับประทาน
สารเคมี :
ใบ มี Alcohols, phenolic estersand ethers. Sambubiose, Carboxylic acid, Oxalic acid
ดอก มี Oxoglutaric acid, Glyoxalic acid , Oxaloacetic acid
ผล มี Alcohols, Aldehydes; Citric acid Ketones, Vitamin B1, Essential Oil, Enzyme
เมล็ด มี Phosphatidylcholine, Proteins Glutelin, Albumin, Prolamine, Lectin
สมุนไพร อัญชัน
อัญชัน สมุนไพร ดอกอัญชันสีน้าเงินอมม่วง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clitoria ternatea L.
ชื่อสามัญ : Blue pea, Blue vine,Butterflypea, Pigeon wings
ชื่อวงศ์ : Fabaceae
ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : แดงชัน เอื้องชัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ต้น: อัญชันเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยล้มลุกขนาดเล็ก มีเถาขนาดเล็กและอ่น แต่ก้สามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 20 ฟุต
ลักษณะเถาจะค่อนข้างกลม สีเขียวแต่หากเถาแก็จะเป็นสีน้าตาล ตามลาต้นจะมีขนนุ่ม ๆ
ปกคลุมโดยทั่วไป
ใบ: ใบของอัญชัน มีลักษณะเป็นช่อ มีใบย่อยรูปไข่ 5-7 ใบ ใบเล็กและค่อนข้างบาง
รูปใบเกือบจะเป็นทรงกลม ออกใบรวามเป็นแผงสลับกันไปตามข้อต้น
ดอก: ดอกอัญชันจะเป็นดอกเดี่ยว และจะออกดอกเป็นช่อตามปลายยอดช่อหนึ่งจะมีดอก 2.4
ดอกอัญชันจะมีทั้งชนิดดอกราและดอกซ้อน ดอกมีหลายสี เช่น สีน้าเงินอมม่วง สีม่วง สีฟ้ า สีขาว
ลักษณะของดอกคล้ายดอกถั่วมี 2 กลีบ
เมื่อกลีบดอกบานอ้าออกเต็มที่จะมองเห็นลักษณะของดอกคล้ายดอกถั่ว มี 2 กลีบ
เมื่อกลีบดอกบานอ้าออกเต็มที่ จะมองเห็นลักษณะคล้ายกาบหอย หรือปีกผีเสื้อ เมื่อดอกโรยก็จะติดฝัก
สรรพคุณของสมุนไพร :
น้าคั้นจากดอก ใช้ทาคิ้ว ทาหัว เป็นยาปลูกผม (ขน) ทาให้ ผมดกดาเงางาม รักษาอาการผมร่วง
ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตแชมพูสระผมและครีมนวด แก้ฟกช้าบวม
สีจากกลีบดอกอัญชันสดมีสีน้าเงินด้วยสารแอนโทไซอานิน ใช้เป็นสารบ่งชี้(indicator) แทนลิตมัส
(lithmus) เมื่อเติมน้ามะนาว (กรด) ลงไปเล็กน้อยจะกลายเป็นสีม่วง
ใช้แต่งสีขนม เช่น เรไร ขนมน้าดอกไม้ ขนมขี้หนู ข้าวดอกอัญชัน ขนมชั้น ช่อม่วง
นมสด
นมสด คือ นมธรรมชาติที่รีดมาจากแม่โค นามาผลิตเป็นนมสดได้ 3 ชนิด คือ
-นมสดธรรมดา
-นมสดพร่องมันเนย
-นมสดขาดมันเนย
นมเป็นอาหารธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมด้วยแร่ธาตุอาหารครบทุกหมู่
คือ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และไขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้าตาลนมหรือแล็กโทส (lactose)
และโปรตีนที่เรียกว่า เคซีน (casein) จะพบในธรรมชาติคือในนมหรือน้านมเท่านั้น
นมจึงมีความสาคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาร่างกายและสมองของเด็กและเยาวชน
นมมีส่วนประกอบดังนี้
1.น้า เป็นสื่อกลางให้สารอาหารหลายชนิดละลาย ทาให้สะดวกในการบริโภค
โดยเฉพาะเด็กอ่อนหรือทารกที่ยังไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร
2.ไขมัน ตามปกติเรียกไขมันจากน้านมว่า มันเนย
เป็นส่วนประกอบที่สาคัญทางโภชนาการและเศรษฐกิจ ให้พลังงาน ตลอดจนสารอาหารและวิตามินเอ ดี อี
และเค นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยที่สาคัญใช้ในการกาหนดราคาซื้อขายน้านมดิบ
เพราะสามารถนาไปใช้อุตสาหกรรมนมได้ นมให้ไขมันเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับขนมปัง นมผงถั่วเหลือง
หรือเนื้อ การดื่มนมจึงไม่ทาให้อ้วน
3.โปรตีน ในน้านมเกือบทั้งหมดประกอบด้วยสารอาหารโปรตีน ที่เรียกว่า เคซีน โกลบุลิน
(globulin) อัลบูมิน (albumin) ในปริมาณค่อนข้างสูง และมีกรดอะมิโน (amio acid) อยู่ 19 ชนิด
ซึ่งมีประโยชน์ต่อการสร้างเนื้อเยื่อ เลือด และกระดูก นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ อีกด้วย
4.สารประกอบที่มีไนโตรเจน ตามปกตินมจะมีแร่ธาตุไนโตรเจนอยู่ประมาณร้อยละ 0.5
5.แล็กโทส เมื่อถูกย่อยแล้วจะกลายเป็นกลูโคส (glucose) และกาแล็กโทส (galactose)
น้าตาลกาแล็กโทสนี้เป็นส่วนประกอบของซีรีโบรไซด์ (cerebroside)
ซึ่งพบมากในเยื่อหุ้มสมองและเยื้อหุ้มประสาท
ดังนั้นทารกและเด็กจึงมีความต้องการแล็กโทสเพื่อนาไปใช้ในการเจริญเติบโตของสมอง
6.วิตามิน ในนมมีวิตามินเอ บี 1 (ไทอามีน-thaiamine) บี 2 บีรวม บี 6 บี 12 ซี ดี และดี 3
ซึ่งช่วยป้ องกันโรคลักปิดลักเปิด อัมพาต โรคผิวหนัง โรคลาไส้ โรคฟันผุ เป็นต้น
7.แร่ธาตุในน้านม มีลักษณะเป็นเถ้า ประกอบด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม
ฟอสฟอรัส คลอไรด์ ซิเทรต เหล็ก ทองแดง และไอโอดี
นม หมายถึงของเหลวสีขาวที่ประกอบด้วยสารอาหารที่ออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
นมจะประกอบไปด้วยสารอาหารหลักที่จาเป็นสาหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่
ซึ่งนมสามารถนาไปสร้างผลิตภัณฑ์อื่นได้แก่ ครีม เนย โยเกิร์ต ไอศกรีม ชีส
นอกจากนี้นมยังสามารถหมายถึงเครื่องดื่มอื่นที่นามาใช้ทดแทนนม เช่น นมถั่วเหลือง นมข้าว นมข้าวโพด
นมแอลมอนด์
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ให้นม ได้แก่ มนุษย์ วัว แกะ แพะ ม้า ลา อูฐ แย็ก ควาย เรนเดียร์
โดยนมจากม้าและลาเป็นนมที่มีไขมันต่า ในขณะที่นมจากแมวน้าจะมีไขมันสูงถึง 50%
นอกจากนี้ในประเทศรัสเซียและประเทศสวีเดน มีการกินนมมูส
นมคือ ของเหลวสีขาวสะอาดสดเป็นปกติ ซึ่งได้จากการรีดจากเต้านมของสัตว์ให้นมต่าง ๆ
ที่มีสุขภาพดี เช่น โค กระบือ แพะ แกะ ฯลฯ ในช่วงเวลาอย่างน้อย ๓ วัน ภายหลังคลอดลูก
หรือจนกว่าจะปราศจากนมเหลือง
นมสด หมายถึง นมโคดิบ (Raw milk) ที่มีลักษณะเป็นของเหลว (liquid) ได้แก่นมที่รีดมาจากแม่โค มี ๓
ชนิด
๑. นมสดที่มิได้แยกออกหรือเติมเข้าไปซึ่งวัตถุใด
๒. นมสดพร่องมันเนยที่ได้แยกมันเนยบางส่วนออกจากนมสด
๓. นมสดขาดมันเนยที่ได้แยกมันเนยออกแล้วเกือบหมดจากนม
มาตรฐานหรือคุณภาพของนมสด
๑. ปราศจากเชื้อโรคอันอาจติดต่อถึงคนได้
๒. ไม่มีน้านมเหลืองเจือปน
๓. ไม่มีสารที่อาจเป็นพิษในปริมาณที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารปฏิชีวนะ
สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง
๔. มีธาตุน้านมไม่รวมมันเนย ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘.๕
ของน้าหนักและมีมันเนยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓.๒ ของน้าหนัก สาหรับนมสดตามข้อ ๑. และ ๒.
๕. มีธาตุน้านมไม่รวมมันเนย ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘.๕ ของน้าหนัก
และมีมันเนยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๐.๑ และ ไม่ถึงร้อยละ ๓.๒ ของน้าหนักสาหรับนมสดพร่องมันเนย
๖. มีธาตุน้านมไม่รวมมันเนยไม่น้อยกว่า ๘.๘ ของน้าหนัก และมีมันเนยไม่ถึงร้อยละ ๐.๑
ของน้าหนักสาหรับ นมสดขาดมันเนย
๗. ผ่านความร้อนตามกรรมวิธีต่าง ๆ ก่อนจาหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง
บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนวิธีในการดาเนินงาน
ขั้นตอนและวิธีการดาเนินงาน
แผนการปฏิบัติงาน
ขั้นตอน รายการ วันที่ปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ
ขั้นแรก
- ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ ให้จัดตั้งกลุ่ม
ทาโครงงาน
- คิดเรื่องที่จะทาโครงงาน
- อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับหัวข้อโครงงาน
- เลือกหัวข้อโครงงาน ที่จะทา
- เสนอเรื่องให้อาจารย์ทราบ
วันที่ 5
มิถุนายน
2557
วันที่ 6
มิถุนายน
2557
วันที่ 7
มิถุนายน
2557
นักเรียน
นักเรียน
สมาชิก
สมาชิก
สมาชิก
ขั้นเตรียม -
ขอคาแนะนาและแนวทางในการปฏิบัติจากอาจารย์
- รวมกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด
วันที่ 12
มิถุนายน
2557
ดวงศิริ
สมาชิก
ขั้นดาเนินงาน - แบ่งหน้าที่ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มไปทา
- ทาเค้าโครงของโครงงาน
- ลงมือทาตัวชิ้นงานเป็นตัวอย่าง
- พิจารณาหาข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข
วันที่ 13
มิถุนายน
2557
สมาชิก
สมาชิก
-นามาปรับใช้ในการทาตัวชิ้นงาน
-ทาตัวชิ้นงาน พร้อมทั้งถ่ายรูปตอนที่ทา
- หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ
วันที่ 19
มิถุนายน
2557
วันที่ 21
มิถุนายน
2557
วันที่ 23
มิถุนายน
2557
วันที่ 24
มิถุนายน
2557
วันที่ 28
มิถุนายน
2557
วันที่ 30
มิถุนายน
2557
สมาชิก
ธัญพร
ธัญพร
สมาชิก
สมาชิก
ขั้นนาเสนอ - เสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา ให้อาจารย์พิจารณา
เพื่อนามาเขียนรายงานโครงงาน
- รวบรวมข้อมูลที่ได้มา เขียนเป็นรายงานโครงงาน
- จัดทาแผ่นนาเสนอผลงาน
- นาข้อมูลการทาโครงงานมาเข้ารูปเล่ม
- ทาโครงงานสาเร็จ
- ส่งงานให้กับอาจารย์พร้อมทั้งนาเสนอ
วันที่ 3
กรกฎาคม
2557
วันที่ 4
สมาชิก
สมาชิก
กรกฎาคม
2557
วันที่ 5
กรกฎาคม
2557
วันที่ 9
กรกฎคม
2557
วันที่10
กรกฎาคม
2557
ธัญพร
สมาชิก
สมาชิก
สมาชิก
ระยะเวลาในการดาเนินงาน
วันที่ 5 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557
ปัญหา/อุปสรรค
1.มีฟองอากาศอยู่ในสบู่
2. สบู่ไม่มีกลิ่นหอมตามแบบที่วางแผนไว้
3. อุกรณ์ไม่พร้อม
สถานที่ในการทาโครงงาน
บ้านเลขที่ ๕ หมู่ที่๕ ตาบล หนองโน อาเภอ เมืองสระบุรี จังหวัด สระบุรี ๑๘๐๐
โรงเรียนเสาไห้วิมล “วิทยานุกูล”
วัสดุอุปกรณ์
วัสดุอุปกรณ์ในการทาสบู่
1. กลีเซอรีน 2 กิโลกรัม
2. มีด 1 ด้าม
3. เขียง 1 อัน
4. หม้อ 1 ใบ
5. เตาแก๊ส 1 อัน
6. ไม้พาย 1 อัน
7. แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ขวด
8. มะขาม 1 ถุง
9. ดอกอัญชัน ตามใจชอบ
10. นมสด 1 กระป๋อง
11. แม่พิมพ์สบู่ 3 อัน
12. แผ่นใสซีน 1 ม้วน
วิธีการทาสบู่
1. หั่นกลีเซอรีนให้เป็นชิ้นเล็นๆ
2. นากลีเซอรีนใส่หม้อแล้วนาไปตั้งไฟอ่อนๆ
3. รอให้กลีเซอรีนละลายจนหมดโดยไม่ต้องคนมากเพราะจะทาให้เกิดฟอง
4. รอจนกลีเซอรีนละลายจนหมดแล้วจึงใส่สมุนไพรที่เราได้จัดเตรียมไว้
5. อาจจะใส่ขมิ้นผสมน้าผึ้งลงไปตามชอบ
6. อาจใส่สีหรือกลิ่นตามชอบลงไป (หรือใช้สีตามธรรมชาติของสมุนไพร)
7. ใช้ไม้พายคนส่วนผสมให้เข้ากันโดยคนเบาๆอย่าคนแรงเพราะจะทาให้เกิดฟอง
8. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีจึงปิดไฟ
9. นาสบู่ที่ได้เทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้
10. แล้วจึงนาแอลกอฮอล์95 % ที่เตรียมไว้ฉีดที่แม่พิมพ์เพื่อไล่ฟองสบู่ออกให้หมด
11. แล้วจึงตั้งทิ้งไว้รอให้สบู่แข็งตัวประมาณ 30 นาที
12. เมื่อสบู่แข็งตัวดีแล้วจึงแกะออกจากแม่พิมพ์แล้วเก็บให้มิดชิดอย่างให้โดนลม
13. นาสบู่ที่ได้ใส่บรรจุภัณฑ์ที่ได้เตรียมไว้แล้วตกแต่งให้สวยงาม
14. เสร็จแล้วค่ะสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาติ

More Related Content

Featured

Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTExpeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsPixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Applitools
 

Featured (20)

Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
 

Namyem ^^

  • 1. บทคัดย่อ โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาตินี้ จัดทาขึ้นเพื่อ เรียนรู้วิธีการ ทาสบู่ เพราะสบู่เป็นของใช้ที่จาเป็นในชีวิตประจาวัน ทุกวันเราอาบน้าต้องใช้สบู่เพื่อการขจัดสิ่งสกปรก ออกจากร่างกาย ซึ่งคนส่วนมากมักจะเลือกสบู่ที่สามารถทาความสะอาดได้ดีมากๆ จนไม่คานึงถึงผล เสียที่จะเกิดกับผิวในภายหลัง ปัจจุบันสบู่มีมากมายหลายชนิดให้เราเลือกใช้ ตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละบุคคล บางชนิดก็ผสมสมุนไพร บางชนิดก็ผสมสารเคมี เช่น Triclocarban เพื่อ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งผู้ใช้บางรายอาจเกิดอาการแพ้สารเคมี หากใช้บ่อยเกินไป แต่เรารู้จักสบู่เหล่านั้น ดีเพียงไร และจะมีสัก กี่คนที่ใส่ใจในรายละเอียดว่าสบู่แต่ละก้อนมีส่วนประกอบสาคัญอะไรบ้าง สบู่ ที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบสาคัญที่จาเป็นและมีประโยชน์ต่อผิว ซึ่งนอกจากจะทาให้สบู่ที่ได้ทาความ สะอาด ผิวได้ดีแล้ว ยังสามารถบารุงผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้สบู่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เป็นประจาทุกวัน หาก เราคัดสรร สบู่ที่ดีมีคุณภาพ จะทาให้เรามีสุขภาพผิวของที่ดีอยู่คู่กับเราไปตลอดนานเท่านาน สบู่เกิดจากการทาปฏิกิริยาเคมีของส่วนผสมพื้นฐาน คือน้าด่าง (โซเดียมไฮดรอกไซด์) กับน้ามัน ซึ่งจะ เป็นน้ามันพืชหรือน้ามันสัตว์ก็ได้ ปฏิกิริยาเคมีเช่นนี้เรียกว่า Saponification ซึ่งจะได้ของแข็งลื่นมีฟอง เป็นส่วนผสมของสบู่ 5 ส่วนและกลีเซอรีน 1 ส่วน ในโรงงานอุตสาหกรรมได้สกัดเอากลีเซอรีนออกไป เราจึงได้ใช้เนื้อสบู่ล้วนๆ หรือมีส่วนผสมของกลีเซอรีนเพียงเล็กน้อย ส่วนการผลิตสบู่ธรรมชาติ เป็นกระบวนการผลิตแบบเย็น ซึ่งสารสกัด กลีเซอรีนยังคงมีอยู่ในเนื้อสบู่ ทาให้ผิวมีความชุ่มชื้นเมื่อใช้ สบู่ชนิดนี้สบู่ที่เกิดจากกระบวนนี้เองที่เราเรียกกันว่า สบู่ธรรมชาติ นับเป็นสบู่แท้ที่เราไม่ต้องไปแต่ง เติมอะไรอีกเลย สบู่ธรรมชาตินี้ก็มีคุณสมบัติของสบู่ที่ดีที่สุดสาหรับผิวเรา
  • 2. กิตติกรรมประกาศ ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาติในครั้งนี้ คณะผู้จัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณครู ที่ช่วยให้คาปรึกษาเกี่ยวกับการทาโครงงานทั้งหมด ทั้งชี้แนะ และแก้ไขในส่วนที่ผิดพลาดทั้งยังช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการจัดทาโครงงานเรื่องนี้ ขอขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่ช่วยให้คาแนะนาในการทาโครงงานและการชี้แนะในขณะที่ทาการทดลอง และดูแลในการทาทุกขั้นตอนขอขอบคุณครู โชติกาศิลาพัฒณ์ คุณครูที่ปรึกษาที่ช่วยให้คาแนะนาในการทาโครงงานนี้และบุคคลที่ทาให้การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้สาเร็จลุล่วง ไปได้ด้วยดีก็เพราะความช่วยเหลือที่อนุมัติเห็นชอบในการจัดทาโครงงานชิ้นนี้ และได้ให้คาแนะนาปรึกษาในการทาโครงงานอย่างเป็นกันเองรวมทั้งแนวคิดตลอดจนข้อบกพร่องต่างๆที่ต้องแก้ไข ทาให้คณะผู้จัดทาสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทาโครงงานชิ้นนี้ได้ จนโครงงานเรื่องนี้ เสร็จสมบูรณ์ คณะผู้จัดทาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมาณโอกาสนี้ คณะผู้จัดทา
  • 3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน สบู่เป็นเครื่องสาอางชนิดหนึ่งที่ใช้ในการทาความสะอาดร่างกายเดิมใช้เพื่อทาความสะอาดร่างกายเท่านั้น ปัจจุบันกระบวนการผลิตสบู่มีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆเพื่อให้สบู่มีสรรพคุณตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นเช่น มีสีสรรที่สวยงามน่าใช้ มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณทางยาในทางการค้า มีการใช้สารสังเคราะห์เพิ่มขึ้นทาให้ผลิตภัณฑ์น่าใช้ บรรจุภัณฑ์สวยงามแต่แฝงไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย มีพิษตกค้างและราคาสูงปัจจุบันนิยมใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมในสบู่ แทนการใช้สารเคมีสังเคราะห์พืชสมุนไพรที่ใช้ มีสาระสาคัญและมีสรรพคุณทางยาเช่น มีน้ามันหอมระเหยที่มีกลิ่นเฉพาะใช้ในการบาบัดโรคมีสีสรรสวยงามหาง่ายราคาถูกประหยัดปลอดภัยไร้สารสังเคราะห์ และไม่มีพิษตกค้างทาให้สบู่สมุนไพรที่ผลิตขึ้นจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีคุณลักษณะเฉพาะที่หลากหลาย จึงเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของสบู่สมุนไพรที่มีคุณค่ายิ่งของภูมิปัญญาไทย เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยไหนหรือชาติไหนคงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยใช้ “สบู่”ในการ นามาถู ผสมกับน้าเพื่อชาระล้างสิ่งสกปรกและทาความสะอาดร่างกาย ที่มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะในการใช้ชีวิตประจาวันของคนทุกคนต้องมีการอาบน้ากันอยู่ทุกวันโดยปกติคนส่วนใหญ่เฉลี่ย ก็อาบน้าวันละสองครั้งและปัจจุบันนี้ สบู่ก็มีมากมายหลายชนิดให้ได้เลือกใช้ ตามความเหมาะสม และความชอบของแต่ละบุคคล แต่จะมีใครทราบหรือไม่ว่าสบู่ส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่ล้วนแล้วแต่มีส่วน ผสมที่ เป็นพิษของสารซักฟอกและสารเคมีและเศษที่หลงเหลือในอุตสาหกรรมจากการกลั่นน้ามัน และปิโตรเลียม เคมีรวมถึงวัตถุกันเสียซึ่งสารเหล่านี้ล้วนส่งผลร้ายต่อสัตว์และคนและที่มากกว่านั้น คือ ผิวสามารถดูดซึมของเสียเหล่านี้ได้ถึง60%ดังนั้นทางเราจึงได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการทาสบู่ แล้วจัดทาสบู่สมุนไพรขึ้นมาจากกลีเซอรีนธรรมชาติ ที่ใช้ได้ผลอย่างดียิ่งอีกทั้งยังไม่มีสารเคมีหรือสารพิษปนมาอีกด้วย สบู่นั้นเป็นผลจากปฏิกิริยาเคมีของส่วนผสมพื้นฐานคือน้าด่าง(SodiumHydroxide หรือPotassiumHydroxide) กับน้ามันซึ่งในที่นี้ทา มาจากน้ามันมะพร้าวปฏิกิริยาเคมีนี้เรียกว่า Saponification ซึ่งจะทาให้ได้เกลือในรูปของแข็งที่ลื่นและ มีฟอง ที่เราเรียกกันว่าสบู่ โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักจะใช้กากน้ามันปิโตรเลียมเป็นเบสในการทาสบู่ ซึ่งโมเลกุลของน้ามันปิโตรเลียมจะมีขนาดใหญ่จนผิวไม่สามารถซึมซับได้ และยังก่อให้เกิดอาการ อุดตันได้อีกด้วย นอกจากนี้ส่วนประกอบสาคัญทุกชนิดที่ใช้ในกระบวนการผลิต ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ คุณจึงมั่นใจได้ว่าไม่มีสารสังเคราะห์ใดๆเจือปนอยู่ในสบู่จึงเป็นสบู่ธรรมชาติที่มีความปลอดภัย
  • 4. สมมติฐาน 1. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติผสมสมุนไพรต่างชนิดกันสามารถทาความสะอาดผิวกายได้ต่างกัน 2. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติที่ผสมมะขามกับน้าผึ้งทาความสะอาดผิวได้ดีที่สุด 3. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติไม่มีสารเคมีใดๆจึงไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ตัวแปรต้น สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติ ตัวแปรตาม ความสะอาดของผิวกาย ตัวแปรควบคุม ปริมาณสบู่ผสมสมุนไพร
  • 5. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า การทาสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาตินั้นจะได้สบู่สมุนไพรหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายชนิด ก็ขึ้นอยู่กับแบบพิมพ์ที่จะนามาพิมพ์สบู่กับสมุนไพรชนิดต่างๆที่นามาผสมกับกลีเซอรีนทาให้ได้สบู่ตามที่เราต้องการ โดยสบู่ที่ได้มานั้นจะไม่มีสารพิษหรือสารเคมี ใดๆที่จะตกค้างภายในร่างกายของเราได้เลยเมื่อเรานาสบู่ที่ทามาใช้ เพราะส่วนผสมที่นมาทานั้น ล้วนแล้วแต่ทามาจากธรรมชาติทั้งสิ้น
  • 7. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง สบู่ สบู่ เป็นสิ่งที่ใช้ในการทาความสะอาดร่างกาย เช่น การอาบน้า การล้างมือ สบู่จะช่วยละลายไขมัน ทาให้การชาระล้างสะอาดมากขึ้น สบู่คืออะไร สบู่ (soap) คือสารเคมีที่เกิดจากการทาปฏิกิริยากันระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์(ด่าง,โซดาไฟ, (NaOH,) และน้ามันที่มาจากสัตว์หรือพืช มีส่วนผสมระหว่างกรด(ไขมัน)กับเบส(ด่าง) ในอัตราส่วนที่ทาให้สามารถทาความสะอาดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผิว คือมีค่า pH อยู่ระหว่าง 8-10 ใช้ชาระล้างร่างกายควบคู่กับการอาบน้า ทามาจากไขมันสัตว์ผสมกับน้าหอม โซดาไฟ และวัตถุดิบอื่นๆ สบู่ก้อน คือส่วนผสมระหว่างกรด(ไขมัน)กับเบส(ด่าง) ในอัตราส่วนที่ทาให้สามารถทาความสะอาดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผิว คือมีค่า pH อยู่ระหว่าง 8-10 (ในเอกสารจดแจ้งของ อย.ให้ผู้ผลิตสบู่ก้อนระบุว่ามีค่า ph ไม่เกิน 11) กรดหรือกรดไขมัน เช่นน้ามันพืช ไขมันสัตว์ เบส เช่นโซดาไฟ โดยทั่วไปอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมคือเมื่อผสมกันแล้วควรจะเหลือกรดไขมันอยู่ประมาณ 5% หากไม่มีเครื่องมือในการวัดค่า pH ให้เก็บสบู่เอาไว้อย่างน้อย 15-30 วันเพื่อให้ค่า pH ลดลง
  • 8. อยู่ในอัตราที่เหมาะสม กรด(ไขมัน)และเบส(ด่าง)ที่นามาทาสบู่ ไขมันแต่ละชนิดประกอบด้วยกรดไขมันมากกว่า 1 ชนิด ตามธรรมชาติกรดไขมันเหล่านี้จะไม่อยู่อิสระ แต่รวมตัวกับสารกลีเซอรอลในไขมันอยู่ในรูปกลีเซอไรด์ เมื่อด่างทาปฏิกิริยากับกรดไขมัน กรดไขมันจะหลุดออกจากกลีเซอไรด์ รวมตัวเป็นสบู่ สารที่เกาะอยู่กับกรดไขมันก็จะหลุดออกมาเป็นกลีเซอรีน ปฏิกิริยาของ กรดไขมันแต่ละชนิดเมื่อรวมตัวกับด่างแล้ว จะให้สบู่ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น กรดลอริก (lauric acid) มีมากในน้ามันมะพร้าว เป็นกรดไขมันที่ทาปฏิกิริยากับด่างแล้วให้สารที่มีฟองมาก เป็นต้น
  • 9. คุณสมบัติของสบู่ที่ได้จากกรดไขมันต่างชนิดกัน 1. น้ามันมะพร้าว สบู่ที่ผลิตได้มีเนื้อแข็ง กรอบ แตกง่าย สีขาวข้น มีฟองมากเป็นครีม ให้ฟองที่คงทนพอควร เมื่อใช้แล้วทาให้ผิวแห้ง 2. น้ามันปาล์ม ให้สบู่ที่แข็งเล็กน้อย มีฟองน้อย ฟองคงทนอยู่นาน มีคุณสมบัติในการชะล้างได้ดี แต่ทาให้ผิวแห้ง 3. น้ามันราข้าว ให้วิตามินอีมาก ทาให้สบู่มีความชุ่มชื้น บารุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว 4. น้ามันถั่วเหลือง เป็นน้ามันที่เข้าได้ดีกับน้ามันอื่น ให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นหืนง่าย 5. น้ามันงา เป็นน้ามันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว 6. น้ามันมะกอก ทาให้ได้สบู่ที่แข็งพอสมควร ใช้ได้นาน มีฟองเป็นครีมนุ่มนวลมาก ให้ความชุ่มชื้น ไม่ทาให้ผิวแห้ง 7. น้ามันละหุ่ง ช่วยทาให้สบู่มีฟองขนาดเล็กจานวนมาก ทาให้สบู่เป็นเนื้อเดียวกันดี สบู่ไม่แตก ทาให้สบู่มีความนุ่มเนียน และช่วยให้ผิวนุ่ม 8. น้ามันเมล็ดทานตะวัน ทาให้สบู่นุ่มขึ้น แต่ฟองน้อย 9. ไขมันวัว จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็งสีขาวอายุการใช้งานนานมีฟองน้อย ทนนาน แต่นุ่มนวล 10. ไขมันหมู จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน 11. ขี้ผึ้ง ได้สบู่เนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน 12. ไขมันแพะ ได้สบู่เนื้อนุ่ม ได้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ผิวนุ่มเนียน 13. เบส(ด่าง)ที่ใช้มี 3 ชนิด คือ 1. ขี้เถ้า ใช้ในการผลิตสบู่ในสมัยโบราณ ปัจจุบันมีการพัฒนาใช้เป็นด่างแทน 2. โซดาไฟ หรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ ทาปฏิกิริยาได้สบู่ก้อนแข้ง 3. โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ทาปฏิกิริยาได้สบู่เหลว
  • 10. ความแตกต่างระหว่างสบู่ธรรมชาติและสบู่เคมี สบู่ธรรมชาติ จะผลิตโดยใช้ไขมันจากพืชหรือสัตว์ผสมกับด่างหรือ NaOH จะได้สบู่ธรรมชาติถือว่าเป็นสบู่ที่ดีเนื่องจากค่าความเป็นค่า pH (Power of hydrogen) คือค่าที่อยู่ในระดับเดียวกับร่างกายของเราและเป็นสภาวะที่ดีที่สุด นั่นคือมีค่าเป็นกลางใกล้เคียงกับผิวพรรณของเรามากที่สุด ทาให้ไม่ค่อยมีความระคายเคืองต่อผิว ส่วนสบู่เคมี ได้ถูกพัฒนาขึ้น อันเนื่องมาจากการผลิตสบู่แบบดั้งเดิม มีต้นทุนสูง ใช้เวลานานในการผลิต และ ผลิตได้ครั้งละจากัด จึงทาให้มีผู้ติดค้นสบู่อีกสูตรหนึ่งขึ้นมาคือสบู่เคมี ซึ่งผลิตโดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติในการชะล้าง มาอัดเป็นก้อนและผสมกลิ่นน้าหอม และ เติมสี และจัดจาหน่ายทั่วไป มีการเติมมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อทดแทนกลีเซอรีน ที่เคยได้ในการผลิตแบบดั้งเดิม สบู่ประเภทนี้ให้การชะล้างที่ดีมากๆ และมีกลิ่นสี น่าใช้ เพราะแต่งเติมเข้าไปด้วยกรรมวิธีใหม่ ๆ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ การระคายเคืองในบางคน และการสะสมสารเคมี ไว้ที่ผิวกาย ทุกวัน ๆ และปัจจุบัน คนส่วนมากมักจะเลือกสบู่ที่สามารถทาความสะอาดได้มากๆ ซึ่งเหล่านี้มักจะเป็นสบู่เคมี จนไม่คานึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับผิวในภายหลัง ปัจจุบันสบู่มีมากมายหลายชนิดให้เราเลือกใช้ ตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละบุคคล แต่เรารู้จักสบู่เหล่านั้นดีเพียงไร และจะมีสักกี่คนที่ใส่ใจในรายละเอียดว่าสบู่แต่ละก้อนมีส่วนประกอบสาคัญอะไร บ้าง สบู่ที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบสาคัญที่จาเป็นและมีประโยชน์ต่อผิว ซึ่งนอกจากจะทาให้สบู่ที่ได้ทาความสะอาดผิวได้ดีแล้ว ยังสามารถบารุงผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้ สบู่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เป็นประจาทุกวัน หากเราคัดสรรสบู่ที่ดีมีคุณภาพ จะทาให้เรามีสุขภาพผิวของที่ดีอยู่คู่กับเราไปตลอดนานเท่านาน กลีเซอรีน คือ แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งมีสูตรทางเคมี C3H5(HO)3 มีลักษณะข้นและใส ไม่มีสี เป็นผลพลอยได้จากกระบวนทาสบู่ โดยที่ด่างจะผสมกับไขมันจากสัตว์และพืช ผู้ผลิต สบู่จะแยกกลีเซอรีนออกมาเพื่อนนาไปใช้ประโยชน์ในการทาโลชั่นและครีมได้อีก กลีเซอรีน เมื่ออยู่ในโลชั่นจะให้ผลดีมาก เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ให้ความชุ่มชื้น สามารถละลายได้ในแอลกอฮอล์และในน้า กลีเซอรีน ยังนาไปใช้ผลิตไนโตรกลีเซอรีนและขนม และยังนาไปใช้ถนอมผักและผลไม้ รวมทั้งแช่ตัวอย่างทดลองในห้องแล็ป
  • 11. มองหาส่วนผสมที่เป็นกลีเซอรีนได้จากบรรดาโลชั่นที่วางจาหน่ายตามชั้นในร้านขายยา หรือร้านงานฝีมือที่ขายผลิตภัณฑ์จากสบู่ สบู่ทาเอง สบู่ทาเองเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมและทาง่ายมาก เพียงมีกลีเซอรีนและเตาไมโครเวฟ ก็ลงมือได้เลย ตัดกลีเซอรีนที่ส่วนใหญ่ จะมาขายเป็นท่อนๆ ให้เป็นลูกเต๋าขนาด 2 นิ้ว หย่อนกลีเซอรีนหลายๆก้อนใส่ภาชนะแก้ว เอาเข้าเตาไมโครเวฟไฟปานกลาง เอาออกมาดูทุกๆ 30 วินาที จนกว่าจะละลายใช้ได้ ถึงตรงนี้ให้เติมสีหรือกลิ่นที่คุณชอบ จากนั้นรินกลีเซอรีนเหลวลงในพิมพ์สบู่หรือพิมพ์ขนม ถ้าไม่มีใช้ถ้วยพลาสติกโพลีสไตริน เทลงไปซัก 3 ใน 4 นิ้วจากก้นถ้วย ทิ้งให้แข็งตัวราวครึ่งชั่วโมง
  • 12. มะขามเปียก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica ชื่อสามัญ : Tamarind, Indian date วงศ์ : Leguminosae - Caesalpinioideae
  • 13. มะขาม เป็นไม้เขตร้อน มีถิ่นกาเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบประเทศซูดาน ต่อมามีการนาเข้ามาในประเทศแถบเขตร้อนของเอเชีย แ ละประเทศแถบละตินอเมริกา และในปัจจุบันมีมากในเม็กซิโก ชื่อมะขามในภาคต่างๆ เรียก มะขามไทย (ภาคกลาง) ขาม (ภาคใต้) ตะลูบ(โคราช) ม่วงโคล้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) อาเปียล เขมร จังหวัดสุรินทร์ ในภาษาอังกฤษใช้คาว่า tamarind หรือ Indian date ซึ่งแปลมาจากภาษาอาหรับ:‫هندي‬ ‫تمر‬ (tamr hindī) มะขามเป็นต้นไม้ประจาจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีคาขวัญประจาจังหวัดว่า "เมืองมะขามหวาน อุทยานน้าหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง" ลักษณะเฉพาะ มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาด ใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้าตาลอ่อน ใบเป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูป ขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15 คู่ แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้าตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้าตาล เนื้อในกลายเป็นสีน้าตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้าตาล ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม การปลูกมะขาม ทาได้โดยเตรียมดินโดยขุดหลุมกว้าง ยาวและลึกด้านละ 60 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าดินรองก้นหลุมเอากิ่งพันธุ์ลงปลูก รดน้าให้ชุ่ม มะขามเมื่อลงดินแล้วจะโตเร็ว ควรใช้ไม้หลักพยุงไว้ให้แน่น และการบารุงรักษาหลังเริ่มปลูก ควรเอาใจใส่ดายหญ้ารอบต้น และรดน้าทุกวัน การปลูกเลี้ยง
  • 14. การขยายพันธุ์ : นิยมขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง ติดตาหรือต่อกิ่ง เพราะได้ผลเร็วและไม่ทาให้กลายพันธุ์สภาพดินฟ้ าอากาศ : ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิดแม้แต่ดินเลว เช่นดินลูกรัง เจริญได้ดีในดินร่วนปนดินเหนียว ทนแล้งได้ดี ฤดูปลูกที่เหมาะสม คือต้นฤดูฝน ควรหาเศษหญ้าฟางคลุมโคนจนกว่าต้นจะแข็งแรง ควรฉีดยาป้ องกันโรคราแป้ งและแมลงพวกหนอนเจาะฝัก ด้วงเจาะเมล็ด ในระยะที่เป็นดอกอยู่ ประโยชน์ของมะขาม คุณค่าทางโภชนาการ : ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามิน เอ มาก มะขามเปียกรสเปรี้ยวทาให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก" ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทาให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย มะขามเปียกอุดมด้วยกรดอินทรีย์ อาทิ กรดซิตริค (Citric Acid) กรดทาร์ทาริค(Tartaric Acid) หรือกรดมาลิค(Malic Acid) เป็นต้น มีคุณสมบัติชาระล้างความสกปรกรูขุมขน คราบไขมันบนผิวหนังได้ดีมาก สารที่มีคุณประโยชน์ 1. ยอดอ่อนของมะขามมีวิตามินเอ และวิตามิน ซื สูง 2. มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน กากใบ 3. แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส 4. มะขามเปียกมีสารกรดอินทรีย์ เช่น กรดซิตริค กรดทาทาริค กรดมาลิค 5. มีสารพวกกัม (gum) และ เพคติน (pectin)
  • 15. ส่วนที่ใช้เป็นยา : เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) เปลือกต้น (ทั้งสดหรือแห้ง) เนื้อในเมล็ด สรรพคุณทางยา : ราก - แก้ท้องร่วง สมานแผล รักษาเริม และงูสวัด เปลือกต้น - แก้ไข้ ตัวร้อน แก่น - กล่อมเสมหะ และโลหิต ขับโลหิต ขับเสมหะ รักษาฝีในมดลูก รักษาโรคบุรุษ เป็นยาชักมดลูกให้เข้าอู่ ใบสด (มีกรดเล็กน้อย) - เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลาไส้ แก้ไอ แก้บิด รักษาหวัด ขับเสมหะ หยอดตารักษาเยื่อตาอักเสบ แก้ตามัว ฟอกโลหิต ขับเหงื่อ ต้มผสมกับสมุนไพรอื่นๆ อาบหลังคลอดช่วยให้สะอาดขึ้น เนื้อหุ้มเมล็ด - แก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย ยาถ่าย ขับเสมหะ แก้ไอ กระหายน้า เป็นยาสวนล้างท้อง ฝักดิบ - ฟอกเลือด และลดความอ้วน เป็นยาระบายและลดอุณหภูมิในร่างกาย บรรเทาอาการไข้ เมล็ดในสีขาว - เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนตัวกลมในลาไส้ พยาธิเส้นด้าย เปลือกเมล็ด - แก้ท้องร่วง แก้บิดลมป่วง สมานแผลที่ปาก ที่คอ ที่ลิ้น และตามร่างกาย รักษาแผลสด ถอนพิษและรักษาแผลที่ถูกไฟลวก รักษาแผลเบาหวาน เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) - รับประทานจิ้มเกลือ แก้ไอ ขับเสมหะ ดอกสด – เป็นยาลดความดันโลหิตสูง วิธีและปริมาณที่ใช้ในการรักษา : 1. เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน ตัวกลม ตัวเส้นด้าย ได้ผลดี ใช้เมล็ดคั่วกะเทาะเปลือกออก แล้วเอาเนื้อในเมล็ดแช่น้าเกลือจนนุ่ม รับประทานเนื้อทั้งหมด ครั้งละ 20-30 เมล็ด
  • 16. 2. เป็นยาระบาย ยาถ่าย - ใช้เนื้อที่หุ้มเมล็ด (มะขามเปียก) แกะเมล็ดแล้วขนาด 2 หัวแม่มือ (15-30 กรัม) จิ้มเกลือรับประทาน แล้วดื่มน้าตามมากๆ - เอามะขามเปียกละลายน้าอุ่นกับเกลือ ฉีดสวนแก้ท้องผูก 3. แก้ท้องร่วง -เมล็ดคั่วให้เกรียม กะเทาะเปลือกรับประทาน -เปลือกต้น ทั้งสดและแห้ง ประมาณ 1-2 กามือ (15-30 กรัม) ต้มกับน้าปูนใส หรือ น้า รับประทาน 4. รักษาแผล เมล็ดกะเทาะเปลือก ต้ม นามาล้างแผลและสมานแผลได้ 5. แก้ไอและขับเสมหะ ใช้เนื้อในฝักแก่ หรือมะขามเปียก จิ้มเกลือรับประทานพอควร 6. เป็นยาลดความดันสูง ใช้ดอกสด ไม่จากัดจานวน ใช้แกงส้มหรือต้มกับปลาสลิดรับประทาน สารเคมี : ใบ มี Alcohols, phenolic estersand ethers. Sambubiose, Carboxylic acid, Oxalic acid ดอก มี Oxoglutaric acid, Glyoxalic acid , Oxaloacetic acid ผล มี Alcohols, Aldehydes; Citric acid Ketones, Vitamin B1, Essential Oil, Enzyme เมล็ด มี Phosphatidylcholine, Proteins Glutelin, Albumin, Prolamine, Lectin
  • 17. สมุนไพร อัญชัน อัญชัน สมุนไพร ดอกอัญชันสีน้าเงินอมม่วง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clitoria ternatea L. ชื่อสามัญ : Blue pea, Blue vine,Butterflypea, Pigeon wings ชื่อวงศ์ : Fabaceae ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : แดงชัน เอื้องชัน ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
  • 18. ต้น: อัญชันเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยล้มลุกขนาดเล็ก มีเถาขนาดเล็กและอ่น แต่ก้สามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 20 ฟุต ลักษณะเถาจะค่อนข้างกลม สีเขียวแต่หากเถาแก็จะเป็นสีน้าตาล ตามลาต้นจะมีขนนุ่ม ๆ ปกคลุมโดยทั่วไป ใบ: ใบของอัญชัน มีลักษณะเป็นช่อ มีใบย่อยรูปไข่ 5-7 ใบ ใบเล็กและค่อนข้างบาง รูปใบเกือบจะเป็นทรงกลม ออกใบรวามเป็นแผงสลับกันไปตามข้อต้น ดอก: ดอกอัญชันจะเป็นดอกเดี่ยว และจะออกดอกเป็นช่อตามปลายยอดช่อหนึ่งจะมีดอก 2.4 ดอกอัญชันจะมีทั้งชนิดดอกราและดอกซ้อน ดอกมีหลายสี เช่น สีน้าเงินอมม่วง สีม่วง สีฟ้ า สีขาว ลักษณะของดอกคล้ายดอกถั่วมี 2 กลีบ เมื่อกลีบดอกบานอ้าออกเต็มที่จะมองเห็นลักษณะของดอกคล้ายดอกถั่ว มี 2 กลีบ เมื่อกลีบดอกบานอ้าออกเต็มที่ จะมองเห็นลักษณะคล้ายกาบหอย หรือปีกผีเสื้อ เมื่อดอกโรยก็จะติดฝัก สรรพคุณของสมุนไพร : น้าคั้นจากดอก ใช้ทาคิ้ว ทาหัว เป็นยาปลูกผม (ขน) ทาให้ ผมดกดาเงางาม รักษาอาการผมร่วง ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตแชมพูสระผมและครีมนวด แก้ฟกช้าบวม สีจากกลีบดอกอัญชันสดมีสีน้าเงินด้วยสารแอนโทไซอานิน ใช้เป็นสารบ่งชี้(indicator) แทนลิตมัส (lithmus) เมื่อเติมน้ามะนาว (กรด) ลงไปเล็กน้อยจะกลายเป็นสีม่วง ใช้แต่งสีขนม เช่น เรไร ขนมน้าดอกไม้ ขนมขี้หนู ข้าวดอกอัญชัน ขนมชั้น ช่อม่วง
  • 20. นมสด คือ นมธรรมชาติที่รีดมาจากแม่โค นามาผลิตเป็นนมสดได้ 3 ชนิด คือ -นมสดธรรมดา -นมสดพร่องมันเนย -นมสดขาดมันเนย นมเป็นอาหารธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมด้วยแร่ธาตุอาหารครบทุกหมู่ คือ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และไขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้าตาลนมหรือแล็กโทส (lactose) และโปรตีนที่เรียกว่า เคซีน (casein) จะพบในธรรมชาติคือในนมหรือน้านมเท่านั้น นมจึงมีความสาคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาร่างกายและสมองของเด็กและเยาวชน นมมีส่วนประกอบดังนี้ 1.น้า เป็นสื่อกลางให้สารอาหารหลายชนิดละลาย ทาให้สะดวกในการบริโภค โดยเฉพาะเด็กอ่อนหรือทารกที่ยังไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร 2.ไขมัน ตามปกติเรียกไขมันจากน้านมว่า มันเนย เป็นส่วนประกอบที่สาคัญทางโภชนาการและเศรษฐกิจ ให้พลังงาน ตลอดจนสารอาหารและวิตามินเอ ดี อี และเค นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยที่สาคัญใช้ในการกาหนดราคาซื้อขายน้านมดิบ เพราะสามารถนาไปใช้อุตสาหกรรมนมได้ นมให้ไขมันเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับขนมปัง นมผงถั่วเหลือง หรือเนื้อ การดื่มนมจึงไม่ทาให้อ้วน 3.โปรตีน ในน้านมเกือบทั้งหมดประกอบด้วยสารอาหารโปรตีน ที่เรียกว่า เคซีน โกลบุลิน (globulin) อัลบูมิน (albumin) ในปริมาณค่อนข้างสูง และมีกรดอะมิโน (amio acid) อยู่ 19 ชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อการสร้างเนื้อเยื่อ เลือด และกระดูก นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ อีกด้วย 4.สารประกอบที่มีไนโตรเจน ตามปกตินมจะมีแร่ธาตุไนโตรเจนอยู่ประมาณร้อยละ 0.5
  • 21. 5.แล็กโทส เมื่อถูกย่อยแล้วจะกลายเป็นกลูโคส (glucose) และกาแล็กโทส (galactose) น้าตาลกาแล็กโทสนี้เป็นส่วนประกอบของซีรีโบรไซด์ (cerebroside) ซึ่งพบมากในเยื่อหุ้มสมองและเยื้อหุ้มประสาท ดังนั้นทารกและเด็กจึงมีความต้องการแล็กโทสเพื่อนาไปใช้ในการเจริญเติบโตของสมอง 6.วิตามิน ในนมมีวิตามินเอ บี 1 (ไทอามีน-thaiamine) บี 2 บีรวม บี 6 บี 12 ซี ดี และดี 3 ซึ่งช่วยป้ องกันโรคลักปิดลักเปิด อัมพาต โรคผิวหนัง โรคลาไส้ โรคฟันผุ เป็นต้น 7.แร่ธาตุในน้านม มีลักษณะเป็นเถ้า ประกอบด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส คลอไรด์ ซิเทรต เหล็ก ทองแดง และไอโอดี นม หมายถึงของเหลวสีขาวที่ประกอบด้วยสารอาหารที่ออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นมจะประกอบไปด้วยสารอาหารหลักที่จาเป็นสาหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ซึ่งนมสามารถนาไปสร้างผลิตภัณฑ์อื่นได้แก่ ครีม เนย โยเกิร์ต ไอศกรีม ชีส นอกจากนี้นมยังสามารถหมายถึงเครื่องดื่มอื่นที่นามาใช้ทดแทนนม เช่น นมถั่วเหลือง นมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ให้นม ได้แก่ มนุษย์ วัว แกะ แพะ ม้า ลา อูฐ แย็ก ควาย เรนเดียร์ โดยนมจากม้าและลาเป็นนมที่มีไขมันต่า ในขณะที่นมจากแมวน้าจะมีไขมันสูงถึง 50% นอกจากนี้ในประเทศรัสเซียและประเทศสวีเดน มีการกินนมมูส นมคือ ของเหลวสีขาวสะอาดสดเป็นปกติ ซึ่งได้จากการรีดจากเต้านมของสัตว์ให้นมต่าง ๆ ที่มีสุขภาพดี เช่น โค กระบือ แพะ แกะ ฯลฯ ในช่วงเวลาอย่างน้อย ๓ วัน ภายหลังคลอดลูก หรือจนกว่าจะปราศจากนมเหลือง นมสด หมายถึง นมโคดิบ (Raw milk) ที่มีลักษณะเป็นของเหลว (liquid) ได้แก่นมที่รีดมาจากแม่โค มี ๓ ชนิด ๑. นมสดที่มิได้แยกออกหรือเติมเข้าไปซึ่งวัตถุใด ๒. นมสดพร่องมันเนยที่ได้แยกมันเนยบางส่วนออกจากนมสด ๓. นมสดขาดมันเนยที่ได้แยกมันเนยออกแล้วเกือบหมดจากนม มาตรฐานหรือคุณภาพของนมสด ๑. ปราศจากเชื้อโรคอันอาจติดต่อถึงคนได้ ๒. ไม่มีน้านมเหลืองเจือปน
  • 22. ๓. ไม่มีสารที่อาจเป็นพิษในปริมาณที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารปฏิชีวนะ สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง ๔. มีธาตุน้านมไม่รวมมันเนย ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘.๕ ของน้าหนักและมีมันเนยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓.๒ ของน้าหนัก สาหรับนมสดตามข้อ ๑. และ ๒. ๕. มีธาตุน้านมไม่รวมมันเนย ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘.๕ ของน้าหนัก และมีมันเนยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๐.๑ และ ไม่ถึงร้อยละ ๓.๒ ของน้าหนักสาหรับนมสดพร่องมันเนย ๖. มีธาตุน้านมไม่รวมมันเนยไม่น้อยกว่า ๘.๘ ของน้าหนัก และมีมันเนยไม่ถึงร้อยละ ๐.๑ ของน้าหนักสาหรับ นมสดขาดมันเนย ๗. ผ่านความร้อนตามกรรมวิธีต่าง ๆ ก่อนจาหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนวิธีในการดาเนินงาน ขั้นตอนและวิธีการดาเนินงาน แผนการปฏิบัติงาน
  • 23. ขั้นตอน รายการ วันที่ปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ ขั้นแรก - ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ ให้จัดตั้งกลุ่ม ทาโครงงาน - คิดเรื่องที่จะทาโครงงาน - อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับหัวข้อโครงงาน - เลือกหัวข้อโครงงาน ที่จะทา - เสนอเรื่องให้อาจารย์ทราบ วันที่ 5 มิถุนายน 2557 วันที่ 6 มิถุนายน 2557 วันที่ 7 มิถุนายน 2557 นักเรียน นักเรียน สมาชิก สมาชิก สมาชิก ขั้นเตรียม - ขอคาแนะนาและแนวทางในการปฏิบัติจากอาจารย์ - รวมกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด วันที่ 12 มิถุนายน 2557 ดวงศิริ สมาชิก ขั้นดาเนินงาน - แบ่งหน้าที่ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มไปทา - ทาเค้าโครงของโครงงาน - ลงมือทาตัวชิ้นงานเป็นตัวอย่าง - พิจารณาหาข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข วันที่ 13 มิถุนายน 2557 สมาชิก สมาชิก
  • 24. -นามาปรับใช้ในการทาตัวชิ้นงาน -ทาตัวชิ้นงาน พร้อมทั้งถ่ายรูปตอนที่ทา - หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ วันที่ 19 มิถุนายน 2557 วันที่ 21 มิถุนายน 2557 วันที่ 23 มิถุนายน 2557 วันที่ 24 มิถุนายน 2557 วันที่ 28 มิถุนายน 2557 วันที่ 30 มิถุนายน 2557 สมาชิก ธัญพร ธัญพร สมาชิก สมาชิก ขั้นนาเสนอ - เสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา ให้อาจารย์พิจารณา เพื่อนามาเขียนรายงานโครงงาน - รวบรวมข้อมูลที่ได้มา เขียนเป็นรายงานโครงงาน - จัดทาแผ่นนาเสนอผลงาน - นาข้อมูลการทาโครงงานมาเข้ารูปเล่ม - ทาโครงงานสาเร็จ - ส่งงานให้กับอาจารย์พร้อมทั้งนาเสนอ วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 วันที่ 4 สมาชิก สมาชิก
  • 26. ระยะเวลาในการดาเนินงาน วันที่ 5 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557 ปัญหา/อุปสรรค 1.มีฟองอากาศอยู่ในสบู่ 2. สบู่ไม่มีกลิ่นหอมตามแบบที่วางแผนไว้
  • 27. 3. อุกรณ์ไม่พร้อม สถานที่ในการทาโครงงาน บ้านเลขที่ ๕ หมู่ที่๕ ตาบล หนองโน อาเภอ เมืองสระบุรี จังหวัด สระบุรี ๑๘๐๐ โรงเรียนเสาไห้วิมล “วิทยานุกูล” วัสดุอุปกรณ์ วัสดุอุปกรณ์ในการทาสบู่ 1. กลีเซอรีน 2 กิโลกรัม 2. มีด 1 ด้าม 3. เขียง 1 อัน 4. หม้อ 1 ใบ
  • 28. 5. เตาแก๊ส 1 อัน 6. ไม้พาย 1 อัน 7. แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ขวด 8. มะขาม 1 ถุง 9. ดอกอัญชัน ตามใจชอบ 10. นมสด 1 กระป๋อง 11. แม่พิมพ์สบู่ 3 อัน 12. แผ่นใสซีน 1 ม้วน วิธีการทาสบู่ 1. หั่นกลีเซอรีนให้เป็นชิ้นเล็นๆ 2. นากลีเซอรีนใส่หม้อแล้วนาไปตั้งไฟอ่อนๆ 3. รอให้กลีเซอรีนละลายจนหมดโดยไม่ต้องคนมากเพราะจะทาให้เกิดฟอง 4. รอจนกลีเซอรีนละลายจนหมดแล้วจึงใส่สมุนไพรที่เราได้จัดเตรียมไว้
  • 29. 5. อาจจะใส่ขมิ้นผสมน้าผึ้งลงไปตามชอบ 6. อาจใส่สีหรือกลิ่นตามชอบลงไป (หรือใช้สีตามธรรมชาติของสมุนไพร) 7. ใช้ไม้พายคนส่วนผสมให้เข้ากันโดยคนเบาๆอย่าคนแรงเพราะจะทาให้เกิดฟอง 8. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีจึงปิดไฟ 9. นาสบู่ที่ได้เทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ 10. แล้วจึงนาแอลกอฮอล์95 % ที่เตรียมไว้ฉีดที่แม่พิมพ์เพื่อไล่ฟองสบู่ออกให้หมด 11. แล้วจึงตั้งทิ้งไว้รอให้สบู่แข็งตัวประมาณ 30 นาที 12. เมื่อสบู่แข็งตัวดีแล้วจึงแกะออกจากแม่พิมพ์แล้วเก็บให้มิดชิดอย่างให้โดนลม 13. นาสบู่ที่ได้ใส่บรรจุภัณฑ์ที่ได้เตรียมไว้แล้วตกแต่งให้สวยงาม 14. เสร็จแล้วค่ะสบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาติ