SlideShare a Scribd company logo
1 of 51
Download to read offline
LOGO
Information Technology for Life
Name: Teacher / Contact
GESC103
เนื้อหาการเรียนรู้
 กฎหมายเบื้องต้น
 ลาดับขั้นกฎหมาย
 ที่มาของกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
 กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา
 จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ
 หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
1. กฎหมายเบื้องต้น
กฎหมาย หมายถึง คาสิ่งหรือข้อบังคับของรัฐ ซึ่งบัญญัติขึ้นเพื่อใช้ควบคุม
ความประพฤติของบุคคลซึ่งอยู่ในรัฐหรือในประเทศของตน หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่
ประพฤติปฏิบัติตาม ก็จะมีความผิดและถูกลงโทษ หรือได้รับผลเสียหายนั้น
ด้วย และได้มีผู้ให้ความหมายของกฎหมายไว้ดังนี้
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย
"กฎหมาย คือ คาสั่งทั้งหลายของผู้ปกครองว่าการแผ่นดินต่อราษฏรทั้งหลาย
เมื่อไม่ทาตาม ธรรมดาต้องลงโทษ"
1.1 ลักษณะของกฎหมายเป็นข้อบังคับแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ
1. บังคับไม่ให้กระทา เช่น ห้ามลักทรัพย์ห้ามทาร้ายร่างกาย ห้ามเสพ
สิ่งเสพย์ติด
2. บังคับให้กระทา เช่น ประชาชนชาวไทยเมื่อมีอายุ 15 ปี ต้องมีบัตร
ประจาตัวประชาขน ผู้มีรายได้ต้องเสียภาษีอากร เป็นต้น
1.2 บทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืน ได้แก่
1. ความผิดทางอาญากาหนดโทษไว้5 สถาน คือ ประหารชีวิต จาคุก กักขัง
ปรับและริบทรัพย์สิน
2. วิธีการเพื่อความปลอดภัย เป็นมาตรการเพื่อให้สังคมปลอดภัยจากการกระทา
ของผู้กระทาผิดที่ติดเป็นนิสัยไม่มีความเข็ดหลาบ ตามประมวลกฎหมายอาญา
กาหนดไว้5 ประการ คือ การกักกัน ห้ามเข้าเขตกาหนด เรียกประกันทัณฑ์บน
คุมตัวไว้ในสถานพยาบาล และห้ามประกอบอาชีพบางอย่าง
3. กฎหมายต้องมาจากรัฏฐาธิปัตย์คือ กฎหมายที่บัญญัติออกมาต้องมาจากรัฐที่
มีเอกราช
1.2 บทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืน ได้แก่ (ต่อ)
4. พนักงานของรัฐเป็นผู้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย หมายความว่า เมื่อมีการ
กระทาผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ดาเนินการลงโทษ
ผู้กระทาผิด ผู้เสียหายจะแก้แค้นหรือลงโทษกันเองไม่ได้บุคคลเหล่านี้ได้แก่
เจ้าหน้าที่ตารวจ ผู้พิพากษา เป็นต้น
2. ลาดับขั้นกฎหมาย
- กฎหมายรัฐธรรมนูญ
- พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
- ประมวลกฎหมาย
- พระราชกาหนด (พ.ร.ก.)
- พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)
2. ลาดับขั้นกฎหมาย (ต่อ)
- กฎกระทรวง
- ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ และคาสั่ง
- กฎหมายที่ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง
3.ที่มาของกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
แต่เดิม กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศมี 6 ฉบับ ได้แก่
กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
กฎหมายการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
3.ที่มาของกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
ต่อมา จึงได้รวมเอากฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายว่าด้วยลายมือชื่อิเล็กทรอนิกส์
ผนวกเข้าไว้เป็นฉบับเดียวกัน ดังนั้นกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยในปัจจุบันจึงมีทั้งสิ้น
5 ฉบับ ได้แก่
1. พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
2. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ…
4. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ… และ
5. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ
จากข้างต้นก็จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน มีกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพียง 2 ฉบับ ที่มีผลบังคับใช้
3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 นับเป็น
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศฉบับแรกที่ใช้บังคับกับการทาธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการทาธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์บางประเภท เช่น การทาสัญญา กฎหมายกาหนดว่าต้องมีการลง
ลายมือชื่อคู่สัญญาจึงจะมีผลสมบูรณ์และใช้บังคับได้ตามกฎหมาย กฎหมายทั้ง
สองส่วนจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ต่อ)
ตัวอย่างการกระทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
กรมการค้าต่างประเทศนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีดีไอ
(Electronic Data Interchange -- EDI) เป็นการส่งหรือรับข้อความโดย
วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้มาตรฐานที่กาหนดไว้ล่วงหน้ามาใช้
สาหรับการให้บริการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออกและนาเข้าสินค้าอื่นๆ
การซื้อขายสินค้าบนเว็บไซต์ มีลักษณะที่ร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตเสนอขายสินค้าให้แก่
ผู้บริโภคโดยตรง โดยเว็บไซต์จะระบุราคาสินค้าและค่าขนส่งอย่างชัดเจน มีการรับคาสั่งซื้อ
กระทาโดยระบบอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์และมีการรับชาระเงินด้วยบัตรเครดิตหรืออาจเป็นการ
ชาระเงินแบบดั้งเดิมคือหักจากบัญชีธนาคารโดยผู้ซื้อต้องไปดาเนินการโอนเงินที่ธนาคารซึ่งตน
เปิดบัญชีไว้เพื่อเข้าสู่บัญชีของผู้ขายอีกทีหนึ่ง
3.2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เป็น
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศที่มุ่งควบคุมการกระทาความผิดต่อระบบคอมพิวเตอร์และ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ เนื่องจากในอดีตที่ ผ่านมากฎหมายอาญาที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้นไม่
สามารถรองรับหรือครอบคลุมถึงการกระทาความผิดรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี
สารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เนื่องจากการกระทาความผิดที่อาศัยคอมพิวเตอร์ในการ
กระทาความผิดนั้นมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น การบุกรุกทางคอมพิวเตอร์
หรือแฮกกิง (hacking) ซึ่งเป็นการเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยที่ผู้กระทา
ผิดและเครื่องคอมพิวเตอร์อาจอยู่คนละแห่งกัน
3.2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ตัวอย่างการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ของทางราชการได้ถูกแฮกเกอร์การเจาะเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับ
อนุญาต และมีรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการอื่นๆทั่วประเทศ ซึ่ง
ส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ
การปล่อยซอฟต์แวร์บางชนิดที่เป็นไวรัสเพื่อทาลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ และทา
ให้การใช้บริการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องชะงักเช่น ไวรัสไฟล์ (virus file) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์
โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต หรือม้าโทรจัน (trojan horse) ซึ่งเป็น
โปรแกรมจาพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝงกระทาการบางอย่างในเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยที่เจ้าของคอมพิวเตอร์นั้นรับมาโดยไม่รู้ตัว
3.3 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
แม้ว่ากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยมีด้วยกัน
หลายฉบับ แต่ไม่อาจครอบคลุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ทุกประเภท เนื่องจากกฎหมาย
เหล่านี้มีลักษณะเป็นการให้ความคุ้มครองแก่ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะเรื่อง
เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในการครอบครองของสถาบันการเงินอยู่ภายใต้
พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 การคุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534
3.3 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ต่อ)
ตัวอย่างการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในการสมัครใช้บัตรเครดิต และการขอสินเชื่อต่างๆ ผู้ขอใช้บริการต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับ
ชื่อ อายุที่อยู่รายได้ประวัติทางการเงิน ฯลฯ ซึ่งบางครั้งธนาคารหรือสถาบันการเงินบางแห่งอาจ
นาข้อมูลดังกล่าวไปเปิดเผยแก่บริษัทในเครือข่าย หรืออาจส่งต่อไปให้ผู้อื่นได้
ในการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ ผู้ซื้อต้องกรอกข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์เกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่
หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิตฯลฯซึ่งเว็บไซต์บางแห่งอาจนาข้อมูลบัตรเครดิต
ดังกล่าวไปใช้ในทางที่มิชอบ หรือนาไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่นสร้างความเสียหายให้กับผู้ซื้อได้
3.4 กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
การโอนเงินโดยอาศัยระบบการชาระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของไทยได้เริ่มนามาใช้เป็น
ระยะเวลานานแล้ว ตั้งแต่ระบบการโอนเงินผ่านเครื่องเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ หรือที่เรียก
ทั่วไปว่า เครื่องเอทีเอ็ม และมีวิวัฒนาการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยทั่วไปการโอนเงินทาง
อิเล็กทรอนิกส์จะมีบทบาทเป็นอย่างมากในการทาธุรกรรมทางการค้า เช่น การใช้บัตร
เครดิต (credit card) และบัตรเดบิต (debit card) จึงมีความจาเป็นในการออกกฎหมาย
เกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายกับ
การโอนเงินรายใหญ่ รายย่อย และเงินอิเล็กทรอนิกส์
3.4 กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ)
สาหรับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของที่สาคัญของประเทศไทยในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ระบบ
ได้แก่ ระบบบาทเน็ต (BATHNET) ระบบการหักบัญชีเช็ค และระบบการโอนเงินรายย่อย
(คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ 2544: 71-72) ดังนี้
(1) ระบบบาทเน็ต เป็นการให้บริการโอนเงินระหว่างบัญชีเงินฝากที่ฝากไว้กับธนาคารแห่ง
ประเทศไทยทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ธนาคารพาณิชย์สถาบันการเงิน และส่วนของราชการ
(2) ระบบการหักบัญชีเช็คเป็นบริการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีไว้หักบัญชีเช็คระหว่าง
ธนาคารสมาชิกในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยธนาคารสมาชิกจะส่งข้อมูลเช็คเรียก
เก็บให้แก่ศูนย์หักบัญชีอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์และทางศูนย์หักบัญชีอิเล็กทรอนิกส์จึงจะ
คานวณดุลและชาระดุลผ่านระบบบาทเน็ต
3.4 กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ)
(3) ระบบการโอนเงินรายย่อย การให้บริการในระบบนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับ
ธนาคารสมาชิกระบบมีเดียเคลียริง (Media Clearing) ให้บริการแก่ลูกค้าในการโอนเงินที่มี
ข้อตกลงล่วงหน้าจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารหนึ่งไปยังบัญชีเงินฝากของลูกค้าอีกธนาคาร
หนึ่ง ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสาหรับรายการชาระเงินที่แน่นอนและมีปริมาณมาก
3.5 กฎหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ
กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างสารสนเทศ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ร่าง
พระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ พ.ศ… เป็นกฎหมายที่ยก
ร่างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 78 ในรัฐธรรมนูญ โดยมีแนวคิดหลักเพื่อให้
เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งได้แก่
โครงข่ายโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ และโครงสร้าง
อื่นๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสาคัญในการพัฒนาสังคมและชุมชนโดยอาศัยกลไกของรัฐ และ
กาหนดมาตรการในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เข้าถึงได้โดยง่าย สะดวก และ
ต้องไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการรวบรวมและประมวล
สารสนเทศให้มีประสิทธิผล
3.5 กฎหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ (ต่อ)
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศตามกฎหมายนี้จึงแบ่งออกได้
4 ประเภท คือ
1) การพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม
2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
3) การพัฒนาสารสนเทศ
4) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา
เนื่องด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันทาให้เกิดการละเมิด
ทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property) กันมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้
ทาให้เกิดช่องทางใหม่ในการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นทรัพย์สินทางปัญหาได้ง่าย และ
นาไปสู่การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบต่างๆ ได้แก่ การละเมิดลิขสิทธิ์
เครื่องหมายการค้า และสิทธิบัตร
ลิขสิทธิ์ เป็นการให้สิทธิแก่ผู้ผลิต หรือผู้ผลิต หรือผู้ประดิษฐ์แต่เพียงผู้เดียว ที่
จะสามารถทาซ้า ดัดแปลง แก้ไข หรือจาหน่ายจ่ายแจกสิ่งผลงานที่ตนสร้างขึ้น
4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (ต่อ)
ตัวอย่างของการละเมิดลิขสิทธิ์
การทาซ้าไฟล์เพลงซึ่งจัดเก็บอยู่ในรูปของเอ็มพีสาม เพื่อเผยแพร่หรือจัด
จาหน่าย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของลิขสิทธิ์
การดาวน์โหลดโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้งานในเครื่อง
คอมพิวเตอร์ส่วนตัว ซึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะมีลาดับหมายเลข
(serial number) ไว้ให้ผู้ใช้ป้อนลงไปก่อนการใช้งาน เพื่อยืนยันว่าเป็น
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์
4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (เพิ่มเติม)
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ได้จัดให้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์มี
ลักษณะเป็นวรรณกรรม จึงทาให้การคุ้มครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ จึงมีลักษณะเป็นการคุ้มครองถึงการ
แสดงออก (expression) กล่าวคือ เป็นการคุ้มครองวิธีการเขียนคาสั่ง
การดาเนินเค้าโครงของโปรแกรม การเรียบเรียงประโยคคาสั่ง
4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (เพิ่มเติม)
การคุ้มครองผู้สร้างสรรค์
สาหรับการคุ้มครองผู้สร้างสรรค์งานสร้างโปรแกรม
คอมพิวเตอร์มีลักษณะที่คล้ายกับการคุ้มครองงานวรรณกรรมทั่วไป
กล่าวคือ กฎหมายกาหนดให้ผู้สร้างสรรค์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และมี
ระยะเวลาคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้สร้างสรรค์ บวกอีก 50 ปี หลังการ
เสียชีวิตของผู้สร้างสรรค์
ข้อยกเว้นที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีดังนี้
(1) วิจัย หรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(2) ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงาน โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชน โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของ
ลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น
(5) ทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจานวนที่สมควร โดยบุคคลผู้ซึ่งได้ซื้อ
หรือได้รับโปรแกรมนั้นมาจากบุคคลอื่นโดยถูกต้อง เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการ
บารุงรักษา หรือป้องกันการสูญหาย
ข้อยกเว้นที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีดังนี้ (ต่อ)
(6) ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการ
พิจารณาของศาล หรือเจ้าพนักงาน ซึ่งมีอานาจตามกฎหมาย หรือในการ
รายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(7) นาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบ
ในการสอบ
(8) ดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีที่จาเป็นแก่การใช้
(9) จัดทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บรักษาไว้สาหรับการอ้างอิง
หรือค้นคว้า เพื่อประโยชน์ของสาธารณชน
5. จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ
จริยธรรมกับกฎหมายเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่คนในสังคมสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุม
พฤติกรรมของคนในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทั้งจริยธรรม
และกฎหมายจึงมีบทบาทเสริมซึ่งกันและกัน และเป็นสิ่งที่ไม่
สามารถแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเปรียบเทียบกัน
จริยธรรมแตกต่างจากกฎหมายหลายประการ
5. จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ (ต่อ)
นอกจากจริยธรรมกับกฎหมายเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่าง
ใกล้ชิดแล้ว จริยธรรมยังเป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า จรรยาบรรณ ซึ่งเป็น
หลักประพฤติปฏิบัติสาหรับผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ วิชาชีพหลาย
สาขาต่างก็มีจรรยาบรรณเป็นของตนเอง เพื่อควบคุมความประพฤติ
และเป็นแนวปฏิบัติสาหรับผู้ที่ประกอบวิชาชีพนั้นๆ เช่น แพทย์
วิศวกร ทนายความ
5. จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ (ต่อ)
ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างกฎหมาย จริยธรรม จรรยาบรรณ
6. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร
ของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกาเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง
เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
ติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ซึ่งข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ที่สาคัญก็
คือ หมายเลขไอพี หรือไอพีแอดเดรส (Internet Protocol Address -- IP
Address) ที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ต่ออยู่บนเครือข่ายจะมีหมายเลขรหัสประจา
เครื่อง และคอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่องทั่วโลกจะต้องไม่ซ้ากัน
6. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
ผู้ให้บริการแก่บุคคลทั่วไปในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต สามารถจาแนกได้4 ประเภท
1) ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและการกระจายภาพและเสียง
(telecommunication and broadcast carrier)
2) ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (access service provider)
3) ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ หรือให้เช่าบริการโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
4) ผู้ให้บริการร้านอินเทอร์เน็ต มีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคล
เวลาของการเข้าใช้ และเลิกใช้บริการ และหมายเลขไอพี
6. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
ผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการจัดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่ง กาหนดว่าผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการ
จัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยว่า 90 วัน นับตั้งแต่ที่ข้อมูลนั้นได้
เข้าสู่ระบบ เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการ สืบสวนสอบสวน และ
ติดตามผู้กระทาผิดมาลงโทษ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่
18 กรกฎาคม 2550 เรามาทาความเข้าใจว่าทาอย่างไรถึงจะไม่
เสี่ยงกับ ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ควร
ทราบ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 5
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการ
ป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ
ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน
10,000บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 6
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่
ผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผย
โดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ผู้อื่น ต้อง
ระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ
ทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 7
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการ
ป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ
ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน40,000
บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 8
ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของ ผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งใน
ระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น มิได้มีไว้เพื่อประโยชน์
สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้อง ระวางโทษจาคุก
ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 9
ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม
ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินข้อมูลคอมพิวเตอร์ห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่ง
แสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 10
ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางาน
ของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือ
รบกวนจนไม่สามารถทางานตามปกติได้ต้องระวางโทษจาคุก
ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 11
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่
บุคคล อื่นโดยปกปิด หรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่ง
ข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์
ของ บุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
100,000 บาท
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 12 ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10
(1) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะ
เกิดขึ้นในทันที หรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับไม่เกิน 200,000 บาท
มาตรา 12 (ต่อ)
(2) เป็นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบ คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง
ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจ
ของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทาข้อมูลคอมพิวเตอร์
หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุก
ตั้งแต่ 30 ถึง 50 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาทถึง 300,000 บาท
ถ้าการกระทาความผิดตาม (2) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวาง
โทษจาคุกตั้งแต่ 10 ถึง 20 ปี
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 13
ผู้ใดจาหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไป
ใช้เป็นเครื่องมือ ในการกระทาความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7
มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 ต้องระวางโทษจาคุกไม่
เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 14 ผู้ใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวาง
โทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
(1) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่า
ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่
น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
มาตรา 14 (ต่อ)
(2) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือ
ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็น
ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับ
การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 14 (ต่อ)
(4) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มี
ลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจ
เข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ(4)
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 15
ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มี การกระทา
ความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของ
ตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิดตาม มาตรา 14
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 16
ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการ
สร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่น
ใด ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง
หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน
60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 17 ผู้ใดกระทาความผิดตามพ.ร.บ.นี้ นอกราชอาณาจักรและ
(1) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้
เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(2) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทย หรือคนไทยเป็น
ผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ จะต้องรับโทษภายใน
ราชอาณาจักร
LOGO

More Related Content

What's hot

กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)
กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)
กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)Jiraprapa Noinoo
 
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550Piw ARSENAL
 
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550Sitdhibong Laokok
 
อาชญากรรม
อาชญากรรมอาชญากรรม
อาชญากรรมJariya Huangjing
 
คุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ต
คุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ตคุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ต
คุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ตohhomm
 
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์อาชญากรทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์123chompoo
 
อาชญากรรม บอล
อาชญากรรม บอลอาชญากรรม บอล
อาชญากรรม บอลAY'z Felon
 
บทท 11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษา
บทท   11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษาบทท   11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษา
บทท 11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษาJ-Kitipat Vatinivijet
 
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศNawanan Theera-Ampornpunt
 
Computer law 1
Computer law 1Computer law 1
Computer law 1atid604
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศKrieangsak Pholwiboon
 
พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอม
พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอม
พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมNut Kongprem
 
รายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องรายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องMind Candle Ka
 
2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์
2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์
2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์Naruepon Seenoilkhaw
 

What's hot (19)

กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)
กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)
กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์(ณัฐกิจ)
 
โบว์Pdf
โบว์Pdfโบว์Pdf
โบว์Pdf
 
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550
 
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
 
อาชญากรรม
อาชญากรรมอาชญากรรม
อาชญากรรม
 
คุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ต
คุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ตคุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ต
คุยเฟื่องเรื่องอินเทอร์เน็ต
 
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์อาชญากรทางคอมพิวเตอร์
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์
 
รายงาน
รายงานรายงาน
รายงาน
 
อาชญากรรม บอล
อาชญากรรม บอลอาชญากรรม บอล
อาชญากรรม บอล
 
บทท 11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษา
บทท   11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษาบทท   11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษา
บทท 11 จรรยาบรรณท__เก__ยวก_บการร_กษา
 
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
Computer law 1
Computer law 1Computer law 1
Computer law 1
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
รายงาน
รายงานรายงาน
รายงาน
 
พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอม
พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอม
พรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอม
 
รายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องรายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รายงานอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
 
2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์
2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์
2.2.4 : การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องตามจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์
 
Health IT Laws and PDPA (October 12, 2021)
Health IT Laws and PDPA (October 12, 2021)Health IT Laws and PDPA (October 12, 2021)
Health IT Laws and PDPA (October 12, 2021)
 
บทที่8กฎหมายคอมพิวเตอร์[1]
บทที่8กฎหมายคอมพิวเตอร์[1]บทที่8กฎหมายคอมพิวเตอร์[1]
บทที่8กฎหมายคอมพิวเตอร์[1]
 

Similar to Lesson7

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1Nukaem Ayoyo
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1Kamonchapat Boonkua
 
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ Vi Vik Viv
 
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ Vi Vik Viv
 
พรบ(1)
พรบ(1)พรบ(1)
พรบ(1)Wuttipat
 
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศNawanan Theera-Ampornpunt
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องKamonchapat Boonkua
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องKamonchapat Boonkua
 
อาชญากรรม เอ๋
อาชญากรรม เอ๋อาชญากรรม เอ๋
อาชญากรรม เอ๋AY'z Felon
 

Similar to Lesson7 (20)

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1
 
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
 
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
 
Computer law
Computer lawComputer law
Computer law
 
IT Laws & Nursing (July 4, 2017)
IT Laws & Nursing (July 4, 2017)IT Laws & Nursing (July 4, 2017)
IT Laws & Nursing (July 4, 2017)
 
พรบ(1)
พรบ(1)พรบ(1)
พรบ(1)
 
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบทางจริยธรรม และประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
 
พรบ
พรบพรบ
พรบ
 
Poopdf
PoopdfPoopdf
Poopdf
 
ครูจุ๋ม Poopdf
ครูจุ๋ม Poopdfครูจุ๋ม Poopdf
ครูจุ๋ม Poopdf
 
ครูจุ๋ม Poopdf
ครูจุ๋ม Poopdfครูจุ๋ม Poopdf
ครูจุ๋ม Poopdf
 
ธิดารัตน์Pdf
ธิดารัตน์Pdfธิดารัตน์Pdf
ธิดารัตน์Pdf
 
ธิดารัตน์Pdf
ธิดารัตน์Pdfธิดารัตน์Pdf
ธิดารัตน์Pdf
 
อาชญากรรม เอ๋
อาชญากรรม เอ๋อาชญากรรม เอ๋
อาชญากรรม เอ๋
 
Law & Complaints in the Digital Age
Law & Complaints in the Digital AgeLaw & Complaints in the Digital Age
Law & Complaints in the Digital Age
 
พ.ร.บ. คอมฯ
พ.ร.บ. คอมฯพ.ร.บ. คอมฯ
พ.ร.บ. คอมฯ
 
รายงาน
รายงานรายงาน
รายงาน
 

Lesson7

  • 1. LOGO Information Technology for Life Name: Teacher / Contact GESC103
  • 2. เนื้อหาการเรียนรู้  กฎหมายเบื้องต้น  ลาดับขั้นกฎหมาย  ที่มาของกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ  กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา  จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ  หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์  พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
  • 3. 1. กฎหมายเบื้องต้น กฎหมาย หมายถึง คาสิ่งหรือข้อบังคับของรัฐ ซึ่งบัญญัติขึ้นเพื่อใช้ควบคุม ความประพฤติของบุคคลซึ่งอยู่ในรัฐหรือในประเทศของตน หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ ประพฤติปฏิบัติตาม ก็จะมีความผิดและถูกลงโทษ หรือได้รับผลเสียหายนั้น ด้วย และได้มีผู้ให้ความหมายของกฎหมายไว้ดังนี้ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย "กฎหมาย คือ คาสั่งทั้งหลายของผู้ปกครองว่าการแผ่นดินต่อราษฏรทั้งหลาย เมื่อไม่ทาตาม ธรรมดาต้องลงโทษ"
  • 4. 1.1 ลักษณะของกฎหมายเป็นข้อบังคับแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ 1. บังคับไม่ให้กระทา เช่น ห้ามลักทรัพย์ห้ามทาร้ายร่างกาย ห้ามเสพ สิ่งเสพย์ติด 2. บังคับให้กระทา เช่น ประชาชนชาวไทยเมื่อมีอายุ 15 ปี ต้องมีบัตร ประจาตัวประชาขน ผู้มีรายได้ต้องเสียภาษีอากร เป็นต้น
  • 5. 1.2 บทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืน ได้แก่ 1. ความผิดทางอาญากาหนดโทษไว้5 สถาน คือ ประหารชีวิต จาคุก กักขัง ปรับและริบทรัพย์สิน 2. วิธีการเพื่อความปลอดภัย เป็นมาตรการเพื่อให้สังคมปลอดภัยจากการกระทา ของผู้กระทาผิดที่ติดเป็นนิสัยไม่มีความเข็ดหลาบ ตามประมวลกฎหมายอาญา กาหนดไว้5 ประการ คือ การกักกัน ห้ามเข้าเขตกาหนด เรียกประกันทัณฑ์บน คุมตัวไว้ในสถานพยาบาล และห้ามประกอบอาชีพบางอย่าง 3. กฎหมายต้องมาจากรัฏฐาธิปัตย์คือ กฎหมายที่บัญญัติออกมาต้องมาจากรัฐที่ มีเอกราช
  • 6. 1.2 บทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืน ได้แก่ (ต่อ) 4. พนักงานของรัฐเป็นผู้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย หมายความว่า เมื่อมีการ กระทาผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ดาเนินการลงโทษ ผู้กระทาผิด ผู้เสียหายจะแก้แค้นหรือลงโทษกันเองไม่ได้บุคคลเหล่านี้ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตารวจ ผู้พิพากษา เป็นต้น
  • 7. 2. ลาดับขั้นกฎหมาย - กฎหมายรัฐธรรมนูญ - พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) - ประมวลกฎหมาย - พระราชกาหนด (พ.ร.ก.) - พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)
  • 8. 2. ลาดับขั้นกฎหมาย (ต่อ) - กฎกระทรวง - ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ และคาสั่ง - กฎหมายที่ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง
  • 9. 3.ที่มาของกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่เดิม กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศมี 6 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
  • 10. 3.ที่มาของกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ ต่อมา จึงได้รวมเอากฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายว่าด้วยลายมือชื่อิเล็กทรอนิกส์ ผนวกเข้าไว้เป็นฉบับเดียวกัน ดังนั้นกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยในปัจจุบันจึงมีทั้งสิ้น 5 ฉบับ ได้แก่ 1. พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 2. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ… 4. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ… และ 5. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ จากข้างต้นก็จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน มีกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพียง 2 ฉบับ ที่มีผลบังคับใช้
  • 11. 3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 นับเป็น กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศฉบับแรกที่ใช้บังคับกับการทาธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการทาธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์บางประเภท เช่น การทาสัญญา กฎหมายกาหนดว่าต้องมีการลง ลายมือชื่อคู่สัญญาจึงจะมีผลสมบูรณ์และใช้บังคับได้ตามกฎหมาย กฎหมายทั้ง สองส่วนจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
  • 12. 3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ต่อ) ตัวอย่างการกระทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมการค้าต่างประเทศนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีดีไอ (Electronic Data Interchange -- EDI) เป็นการส่งหรือรับข้อความโดย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้มาตรฐานที่กาหนดไว้ล่วงหน้ามาใช้ สาหรับการให้บริการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออกและนาเข้าสินค้าอื่นๆ การซื้อขายสินค้าบนเว็บไซต์ มีลักษณะที่ร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตเสนอขายสินค้าให้แก่ ผู้บริโภคโดยตรง โดยเว็บไซต์จะระบุราคาสินค้าและค่าขนส่งอย่างชัดเจน มีการรับคาสั่งซื้อ กระทาโดยระบบอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์และมีการรับชาระเงินด้วยบัตรเครดิตหรืออาจเป็นการ ชาระเงินแบบดั้งเดิมคือหักจากบัญชีธนาคารโดยผู้ซื้อต้องไปดาเนินการโอนเงินที่ธนาคารซึ่งตน เปิดบัญชีไว้เพื่อเข้าสู่บัญชีของผู้ขายอีกทีหนึ่ง
  • 13. 3.2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เป็น กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศที่มุ่งควบคุมการกระทาความผิดต่อระบบคอมพิวเตอร์และ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ เนื่องจากในอดีตที่ ผ่านมากฎหมายอาญาที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้นไม่ สามารถรองรับหรือครอบคลุมถึงการกระทาความผิดรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี สารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เนื่องจากการกระทาความผิดที่อาศัยคอมพิวเตอร์ในการ กระทาความผิดนั้นมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น การบุกรุกทางคอมพิวเตอร์ หรือแฮกกิง (hacking) ซึ่งเป็นการเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยที่ผู้กระทา ผิดและเครื่องคอมพิวเตอร์อาจอยู่คนละแห่งกัน
  • 14. 3.2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ตัวอย่างการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ของทางราชการได้ถูกแฮกเกอร์การเจาะเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับ อนุญาต และมีรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการอื่นๆทั่วประเทศ ซึ่ง ส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ การปล่อยซอฟต์แวร์บางชนิดที่เป็นไวรัสเพื่อทาลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ และทา ให้การใช้บริการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องชะงักเช่น ไวรัสไฟล์ (virus file) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์ โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต หรือม้าโทรจัน (trojan horse) ซึ่งเป็น โปรแกรมจาพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝงกระทาการบางอย่างในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่เจ้าของคอมพิวเตอร์นั้นรับมาโดยไม่รู้ตัว
  • 15. 3.3 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แม้ว่ากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยมีด้วยกัน หลายฉบับ แต่ไม่อาจครอบคลุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ทุกประเภท เนื่องจากกฎหมาย เหล่านี้มีลักษณะเป็นการให้ความคุ้มครองแก่ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะเรื่อง เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในการครอบครองของสถาบันการเงินอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 การคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534
  • 16. 3.3 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ต่อ) ตัวอย่างการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ในการสมัครใช้บัตรเครดิต และการขอสินเชื่อต่างๆ ผู้ขอใช้บริการต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับ ชื่อ อายุที่อยู่รายได้ประวัติทางการเงิน ฯลฯ ซึ่งบางครั้งธนาคารหรือสถาบันการเงินบางแห่งอาจ นาข้อมูลดังกล่าวไปเปิดเผยแก่บริษัทในเครือข่าย หรืออาจส่งต่อไปให้ผู้อื่นได้ ในการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ ผู้ซื้อต้องกรอกข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์เกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิตฯลฯซึ่งเว็บไซต์บางแห่งอาจนาข้อมูลบัตรเครดิต ดังกล่าวไปใช้ในทางที่มิชอบ หรือนาไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่นสร้างความเสียหายให้กับผู้ซื้อได้
  • 17. 3.4 กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การโอนเงินโดยอาศัยระบบการชาระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของไทยได้เริ่มนามาใช้เป็น ระยะเวลานานแล้ว ตั้งแต่ระบบการโอนเงินผ่านเครื่องเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ หรือที่เรียก ทั่วไปว่า เครื่องเอทีเอ็ม และมีวิวัฒนาการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยทั่วไปการโอนเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์จะมีบทบาทเป็นอย่างมากในการทาธุรกรรมทางการค้า เช่น การใช้บัตร เครดิต (credit card) และบัตรเดบิต (debit card) จึงมีความจาเป็นในการออกกฎหมาย เกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายกับ การโอนเงินรายใหญ่ รายย่อย และเงินอิเล็กทรอนิกส์
  • 18. 3.4 กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ) สาหรับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของที่สาคัญของประเทศไทยในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ระบบ ได้แก่ ระบบบาทเน็ต (BATHNET) ระบบการหักบัญชีเช็ค และระบบการโอนเงินรายย่อย (คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ 2544: 71-72) ดังนี้ (1) ระบบบาทเน็ต เป็นการให้บริการโอนเงินระหว่างบัญชีเงินฝากที่ฝากไว้กับธนาคารแห่ง ประเทศไทยทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ธนาคารพาณิชย์สถาบันการเงิน และส่วนของราชการ (2) ระบบการหักบัญชีเช็คเป็นบริการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีไว้หักบัญชีเช็คระหว่าง ธนาคารสมาชิกในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยธนาคารสมาชิกจะส่งข้อมูลเช็คเรียก เก็บให้แก่ศูนย์หักบัญชีอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์และทางศูนย์หักบัญชีอิเล็กทรอนิกส์จึงจะ คานวณดุลและชาระดุลผ่านระบบบาทเน็ต
  • 19. 3.4 กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ) (3) ระบบการโอนเงินรายย่อย การให้บริการในระบบนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับ ธนาคารสมาชิกระบบมีเดียเคลียริง (Media Clearing) ให้บริการแก่ลูกค้าในการโอนเงินที่มี ข้อตกลงล่วงหน้าจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารหนึ่งไปยังบัญชีเงินฝากของลูกค้าอีกธนาคาร หนึ่ง ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสาหรับรายการชาระเงินที่แน่นอนและมีปริมาณมาก
  • 20. 3.5 กฎหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างสารสนเทศ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ร่าง พระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ พ.ศ… เป็นกฎหมายที่ยก ร่างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 78 ในรัฐธรรมนูญ โดยมีแนวคิดหลักเพื่อให้ เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ โครงข่ายโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ และโครงสร้าง อื่นๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสาคัญในการพัฒนาสังคมและชุมชนโดยอาศัยกลไกของรัฐ และ กาหนดมาตรการในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เข้าถึงได้โดยง่าย สะดวก และ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการรวบรวมและประมวล สารสนเทศให้มีประสิทธิผล
  • 21. 3.5 กฎหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ (ต่อ) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศตามกฎหมายนี้จึงแบ่งออกได้ 4 ประเภท คือ 1) การพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม 2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ 3) การพัฒนาสารสนเทศ 4) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
  • 22. 4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันทาให้เกิดการละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property) กันมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้ ทาให้เกิดช่องทางใหม่ในการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นทรัพย์สินทางปัญหาได้ง่าย และ นาไปสู่การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบต่างๆ ได้แก่ การละเมิดลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เป็นการให้สิทธิแก่ผู้ผลิต หรือผู้ผลิต หรือผู้ประดิษฐ์แต่เพียงผู้เดียว ที่ จะสามารถทาซ้า ดัดแปลง แก้ไข หรือจาหน่ายจ่ายแจกสิ่งผลงานที่ตนสร้างขึ้น
  • 23. 4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (ต่อ) ตัวอย่างของการละเมิดลิขสิทธิ์ การทาซ้าไฟล์เพลงซึ่งจัดเก็บอยู่ในรูปของเอ็มพีสาม เพื่อเผยแพร่หรือจัด จาหน่าย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของลิขสิทธิ์ การดาวน์โหลดโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้งานในเครื่อง คอมพิวเตอร์ส่วนตัว ซึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะมีลาดับหมายเลข (serial number) ไว้ให้ผู้ใช้ป้อนลงไปก่อนการใช้งาน เพื่อยืนยันว่าเป็น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์
  • 24. 4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (เพิ่มเติม) พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ได้จัดให้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์มี ลักษณะเป็นวรรณกรรม จึงทาให้การคุ้มครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ จึงมีลักษณะเป็นการคุ้มครองถึงการ แสดงออก (expression) กล่าวคือ เป็นการคุ้มครองวิธีการเขียนคาสั่ง การดาเนินเค้าโครงของโปรแกรม การเรียบเรียงประโยคคาสั่ง
  • 25. 4. กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (เพิ่มเติม) การคุ้มครองผู้สร้างสรรค์ สาหรับการคุ้มครองผู้สร้างสรรค์งานสร้างโปรแกรม คอมพิวเตอร์มีลักษณะที่คล้ายกับการคุ้มครองงานวรรณกรรมทั่วไป กล่าวคือ กฎหมายกาหนดให้ผู้สร้างสรรค์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และมี ระยะเวลาคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้สร้างสรรค์ บวกอีก 50 ปี หลังการ เสียชีวิตของผู้สร้างสรรค์
  • 26. ข้อยกเว้นที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีดังนี้ (1) วิจัย หรือศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น (2) ใช้เพื่อประโยชน์ของเจ้าของสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น (3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงาน โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น (4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชน โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของ ลิขสิทธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น (5) ทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจานวนที่สมควร โดยบุคคลผู้ซึ่งได้ซื้อ หรือได้รับโปรแกรมนั้นมาจากบุคคลอื่นโดยถูกต้อง เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการ บารุงรักษา หรือป้องกันการสูญหาย
  • 27. ข้อยกเว้นที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีดังนี้ (ต่อ) (6) ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือทาให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการ พิจารณาของศาล หรือเจ้าพนักงาน ซึ่งมีอานาจตามกฎหมาย หรือในการ รายงานผลการพิจารณาดังกล่าว (7) นาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบ ในการสอบ (8) ดัดแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในกรณีที่จาเป็นแก่การใช้ (9) จัดทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บรักษาไว้สาหรับการอ้างอิง หรือค้นคว้า เพื่อประโยชน์ของสาธารณชน
  • 28. 5. จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ จริยธรรมกับกฎหมายเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่คนในสังคมสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุม พฤติกรรมของคนในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทั้งจริยธรรม และกฎหมายจึงมีบทบาทเสริมซึ่งกันและกัน และเป็นสิ่งที่ไม่ สามารถแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเปรียบเทียบกัน จริยธรรมแตกต่างจากกฎหมายหลายประการ
  • 29. 5. จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ (ต่อ) นอกจากจริยธรรมกับกฎหมายเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่าง ใกล้ชิดแล้ว จริยธรรมยังเป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า จรรยาบรรณ ซึ่งเป็น หลักประพฤติปฏิบัติสาหรับผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ วิชาชีพหลาย สาขาต่างก็มีจรรยาบรรณเป็นของตนเอง เพื่อควบคุมความประพฤติ และเป็นแนวปฏิบัติสาหรับผู้ที่ประกอบวิชาชีพนั้นๆ เช่น แพทย์ วิศวกร ทนายความ
  • 30. 5. จริยธรรม กฎหมายและจรรยาบรรณ (ต่อ) ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างกฎหมาย จริยธรรม จรรยาบรรณ
  • 31. 6. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกาเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ ติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ซึ่งข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ที่สาคัญก็ คือ หมายเลขไอพี หรือไอพีแอดเดรส (Internet Protocol Address -- IP Address) ที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ต่ออยู่บนเครือข่ายจะมีหมายเลขรหัสประจา เครื่อง และคอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่องทั่วโลกจะต้องไม่ซ้ากัน
  • 32. 6. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการแก่บุคคลทั่วไปในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต สามารถจาแนกได้4 ประเภท 1) ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและการกระจายภาพและเสียง (telecommunication and broadcast carrier) 2) ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (access service provider) 3) ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ หรือให้เช่าบริการโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ 4) ผู้ให้บริการร้านอินเทอร์เน็ต มีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคล เวลาของการเข้าใช้ และเลิกใช้บริการ และหมายเลขไอพี
  • 33. 6. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการจัดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทาง คอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่ง กาหนดว่าผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการ จัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยว่า 90 วัน นับตั้งแต่ที่ข้อมูลนั้นได้ เข้าสู่ระบบ เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการ สืบสวนสอบสวน และ ติดตามผู้กระทาผิดมาลงโทษ
  • 34. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เรามาทาความเข้าใจว่าทาอย่างไรถึงจะไม่ เสี่ยงกับ ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ควร ทราบ
  • 35. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการ ป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 36. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ ผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผย โดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ผู้อื่น ต้อง ระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจาทั้งปรับ
  • 37. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการ ป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน40,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 38. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 8 ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของ ผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งใน ระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น มิได้มีไว้เพื่อประโยชน์ สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้อง ระวางโทษจาคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 39. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 9 ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวาง โทษจาคุกไม่เกินข้อมูลคอมพิวเตอร์ห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่ง แสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 40. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 10 ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางาน ของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือ รบกวนจนไม่สามารถทางานตามปกติได้ต้องระวางโทษจาคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 41. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 11 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่ บุคคล อื่นโดยปกปิด หรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่ง ข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ของ บุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  • 42. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 12 ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 (1) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะ เกิดขึ้นในทันที หรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  • 43. มาตรา 12 (ต่อ) (2) เป็นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบ คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทาข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุก ตั้งแต่ 30 ถึง 50 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาทถึง 300,000 บาท ถ้าการกระทาความผิดตาม (2) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวาง โทษจาคุกตั้งแต่ 10 ถึง 20 ปี
  • 44. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 13 ผู้ใดจาหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไป ใช้เป็นเครื่องมือ ในการกระทาความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 ต้องระวางโทษจาคุกไม่ เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 45. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ผู้ใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวาง โทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ (1) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่า ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
  • 46. มาตรา 14 (ต่อ) (2) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน (3) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับ การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
  • 47. มาตรา 14 (ต่อ) (4) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มี ลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจ เข้าถึงได้ (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น ข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ(4)
  • 48. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มี การกระทา ความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของ ตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิดตาม มาตรา 14
  • 49. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 16 ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการ สร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่น ใด ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 50. 7. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 17 ผู้ใดกระทาความผิดตามพ.ร.บ.นี้ นอกราชอาณาจักรและ (1) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้ เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ (2) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทย หรือคนไทยเป็น ผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ จะต้องรับโทษภายใน ราชอาณาจักร
  • 51. LOGO