SlideShare a Scribd company logo
1 of 17
คำำร้องที่ ๖๒๒/๒๕๕๒
คำำสั่งที่
๗๓/๒๕๕๓
ในพระปรมำภิไธยพระมหำ
กษัตริย์
ศำลปกครอง
สูงสุด
วันที่ ๒๓ เดือน
มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๓
นำยสมำน คงวำรินทร์
ผู้ฟ้องคดี
สำำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ ที่ ๑
คณะกรรมกำรควบคุมคุณภำพและ
มำตรฐำนบริกำรสำธำรณสุข ที่ ๒
ผู้ถูกฟ้องคดี
เรื่อง คดีพิพำทเกี่ยวกับควำมรับผิดอย่ำงอื่นของหน่วยงำนทำง
ปกครองและเจ้ำหน้ำที่
ของรัฐอันเกิดจำกคำำสั่งทำงปกครอง (คำำร้องอุทธรณ์คำำ
สั่งไม่รับอุทธรณ์คำำพิพำกษำ)
คำำสั่ง (ต. ๒๑)
ระหว่ำ
ง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยื่นคำำร้องอุทธรณ์คำำสั่ง ในคดี
หมำยเลขดำำที่ ๒๙๓/๒๕๔๙ หมำยเลขแดงที่ ๑๑๒/๒๕๕๒
ของศำลปกครองชั้นต้น (ศำลปกครองนครรำชสีมำ)
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่ำ ผู้ฟ้องคดีเป็นสำมีโดยชอบด้วย
กฎหมำยของ
นำงวันเพ็ญ วงษ์น้อย (นำมสกุลเดิม) เมื่อวันที่ ๒๓ มกรำคม
๒๕๔๙ เวลำประมำณ
๑๓.๐๐ นำฬิกำ ผู้ฟ้องคดีได้นำำนำงวันเพ็ญเข้ำรับกำรรักษำที่
โรงพยำบำลสุรินทร์ เนื่องจำกมีอำกำรแน่นหน้ำอก เดินได้ พูด
ได้ปกติ แล้วเสียชีวิตในเวลำต่อมำของวันเดียวกัน
โดยใบมรณบัตรระบุเหตุที่ตำยว่ำภำวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำนำงวันเพ็ญเสียชีวิตเพรำะแพทย์ไม่รีบตรวจ
และทำำกำรรักษำ และไม่มีแพทย์ที่ชำำนำญกำรอยู่ที่
ห้องฉุกเฉินในขณะนั้น ต่อมำ เมื่อวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ ผู้
ฟ้องคดีจึงยื่นคำำร้อง
ต่อสำำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดสุรินทร์ เพื่อขอรับเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตำมมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำช
บัญญัติหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะ
อนุกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัยคำำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้อง
ต้นของผู้รับบริกำร
หรือทำยำทจังหวัดสุรินทร์มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๔๙
และมีหนังสือที่ สร ๐๐๒๗.๐๐๕/๙๗๓ ลงวันที่ ๓๐ มีนำคม
๒๕๔๙ แจ้งผลกำรวินิจฉัยคำำร้องของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ว่ำไม่เข้ำ
หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เพื่อเป็นกำรช่วย
เหลือทำงด้ำนศีลธรรมและบรรเทำควำมเดือดร้อนจึงมีมติจ่ำย
เงินจำำนวน ๒๐,๐๐๐ บำท ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นกำรช่วยด้วย
เหตุสุดวิสัย โดยผู้ฟ้องคดีได้รับเงินจำำนวนดังกล่ำวไว้แล้ว เมื่อ
วันที่ ๑๒ เมษำยน ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๒๐
เมษำยน ๒๕๔๙ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
มีมติในกำรประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๔๙ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎำคม
2
/เสียชีวิต...
๒๕๔๙ โดยมีหนังสือที่ สปสช.๐๓/๑๐๘๐๐ ลงวันที่ ๔ สิงหำคม
๒๕๔๙ แจ้งผลกำรพิจำรณำอุทธรณ์ให้ผู้ฟ้องคดีทรำบว่ำ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีมติให้จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มขึ้นอีก
เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บำท โดยเห็นว่ำเป็นควำมเสียหำยที่เกิดจำก
เหตุสุดวิสัยในระบบกำรให้บริกำรสำธำรณสุข ผู้ฟ้องคดีได้รับ
เงินจำำนวน ๘๐,๐๐๐ บำท จำกผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองแล้วเห็นว่ำ
สำเหตุจำกกำรเสียชีวิตของนำงวันเพ็ญเกิดจำกควำมบกพร่อง
ในกำรรักษำของโรงพยำบำลสุรินทร์ และจำำนวนเงิน
ที่ได้รับน้อยกว่ำที่กำำหนดในมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำชบัญญัติ
หลักประกันสุขภำพแห่งชำติ
พ.ศ. ๒๕๔๕ ในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภำพจ่ำยไม่เกิน
๒๐๐,๐๐๐ บำท ซึ่งน้อยกว่ำ
ขั้นสูงของกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิกำรซึ่งจ่ำยไม่เกิน
๑๒๐,๐๐๐ บำท จึงยื่นฟ้องคดี
ขอให้ศำลมีคำำพิพำกษำหรือคำำสั่ง ดังนี้
(๑) ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ำยเงินที่เหลือจำำนวน
๑๒๐,๐๐๐ บำท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี
(๒) ให้ปฏิบัติตำมกฎกติกำข้อบังคับโดยเคร่งครัดเพื่อ
เป็นแบบอย่ำง
ของสังคมต่อไป
ศำลปกครองชั้นต้นเห็นว่ำ คำำวินิจฉัยที่เป็นเหตุให้ผู้
ฟ้องคดีได้รับ
ควำมเดือดร้อนเสียหำย คือ คำำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะ
กรรมกำรควบคุมคุณภำพ
และมำตรฐำนบริกำรสำธำรณสุขที่มีมติให้จ่ำยเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี
เพิ่มอีกเพียง ๖๐,๐๐๐ บำท เพื่อประโยชน์แห่งควำมยุติธรรมจึง
มีคำำสั่งเรียกให้คณะกรรมกำรควบคุมคุณภำพและมำตรฐำน
บริกำรสำธำรณสุขเข้ำมำเป็นคู่กรณี
ฝ่ำยผู้ถูกฟ้องคดี โดยกำำหนดให้เป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
3
/คณะกรรมกำร...
ศำลปกครองชั้นต้นได้ดำำเนินกระบวนพิจำรณำ
แสวงหำข้อเท็จจริง
จนครบตำมขั้นตอนที่กฎหมำยกำำหนดแล้ววินิจฉัยในประเด็นที่
ว่ำ กำรที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำำอุทธรณ์เงินช่วยเหลือ
เบื้องต้นของผู้ฟ้องคดีโดยมีมติให้จ่ำยเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก
เป็นเงินจำำนวน ๖๐,๐๐๐ บำท เป็นกำรใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วย
กฎหมำยหรือไม่นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำ ผู้ฟ้องคดีเป็น
สำมีโดยชอบด้วยกฎหมำยของนำงวันเพ็ญ วงษ์น้อย
(นำมสกุลเดิม) ซึ่งถือบัตรประกันสุขภำพถ้วนหน้ำ เลขที่บัตร
๐๕๐๒๙-๗๙๘ เมื่อวันที่ ๒๓ มกรำคม ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้นำำ
นำงวันเพ็ญเข้ำรับกำรรักษำและตรวจอำกำรที่โรงพยำบำล
สุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ด้วยอำกำรแน่นหน้ำอก ขณะเข้ำรับกำร
รักษำนำงวันเพ็ญยังเดินได้และพูดได้ตำมปกติ แต่ได้เสียชีวิตใน
วันเดียวกัน และในวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่น
คำำร้องต่อสำำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ สำขำจังหวัด
สุรินทร์ เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีกำรเสียชีวิต
ของนำงวันเพ็ญซึ่งเป็นผู้ถือบัตรประกันสุขภำพ
ถ้วนหน้ำดังกล่ำว คณะอนุกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัยคำำร้อง
ขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
ของผู้รับบริกำรหรือทำยำทจังหวัดสุรินทร์มีมติในกำรประชุม
เมื่อวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๔๙ ให้จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้
ฟ้องคดีเป็นเงินจำำนวน ๒๐,๐๐๐ บำท โดยให้เหตุผลว่ำ
ไม่เข้ำหลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เพื่อเป็นกำร
ช่วยเหลือทำงด้ำนศีลธรรมและบรรเทำควำมเดือดร้อนของ
ครอบครัว ผู้ฟ้องคดีได้รับเงินจำำนวนดังกล่ำวแล้วเมื่อวันที่ ๑๒
เมษำยน ๒๕๔๙ และได้อุทธรณ์คำำสั่งต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ โดย
คณะกรรมกำรเฉพำะกิจเพื่อพิจำรณำเรื่องกำรอุทธรณ์ตำมมำตรำ
๔๑ แห่งพระรำชบัญญัติหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ.
๒๕๔๕ คณะที่ ๓ ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจำรณำเสนอให้ผู้
ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก
4
/๖๐,๐๐๐ บำท...
เป็นเงินจำำนวน ๖๐,๐๐๐ บำท รวมกับที่ได้รับไปแล้ว ๒๐,๐๐๐
บำท เป็นเงินทั้งสิ้นจำำนวน ๘๐,๐๐๐ บำท โดยให้เหตุผลว่ำเกิด
จำกเหตุสุดวิสัย
ในระบบกำรให้บริกำรสำธำรณสุข เพื่อบรรเทำควำมเดือดร้อน
เสียหำยประกอบกับครอบครัวมีฐำนะค่อนข้ำงยำกจน ซึ่งผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ ได้ประชุมและมีมติในกำรประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๔๙
เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎำคม ๒๕๔๙ เห็นชอบตำมควำมเห็นของคณะ
กรรมกำรเฉพำะกิจ
เพื่อพิจำรณำเรื่องอุทธรณ์ตำมมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำชบัญญัติ
หลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะที่ ๓ ให้จ่ำยเงิน
ช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มขึ้นอีกเป็นเงิน
๖๐,๐๐๐ บำท และผู้ฟ้องคดีได้รับเงินจำำนวนดังกล่ำวแล้วเมื่อ
เดือนสิงหำคม ๒๕๔๙
แต่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำเงินที่ได้รับเนื่องจำกกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้นในกรณีดังกล่ำว
ไม่เป็นไปตำมข้อ ๖ (๑) ของข้อบังคับสำำนักงำนหลักประกัน
สุขภำพแห่งชำติ ว่ำด้วยหลักเกณฑ์ วิธีกำรและเงื่อนไขในกำร
จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริกำรได้รับ
ควำมเสียหำยจำกกำรรักษำพยำบำล พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งกำำหนด
อัตรำกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีเสียชีวิตหรือ
ทุพพลภำพอย่ำงถำวรในอัตรำไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท
เมื่อข้อบังคับสำำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ ว่ำด้วยหลัก
เกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไข
ในกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริกำรได้รับควำมเสีย
หำยจำกกำรรักษำพยำบำล พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๕ กำำหนดไว้ว่ำ
ควำมเสียหำยที่เกิดจำกกำรรักษำพยำบำลของหน่วยบริกำร
ที่จะเป็นเหตุให้ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตำมข้อบังคับนี้ให้
รวมถึงเหตุสุดวิสัยในระบบ
กำรรักษำพยำบำล แต่มิใช่ควำมเสียหำยที่เกิดจำกกำรดำำเนินไป
ตำมพยำธิสภำพหรือเหตุแทรกซ้อนของโรคที่เป็นไปตำมสภำพ
5
ปกติธรรมดาของโรคนั้นอยู่แล้ว ฉะนั้น เมื่อมี
ความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัยในระบบการรักษาพยาบาล
จึงถือเป็นความเสียหายที่เกิดจากการรักษาพยาบาลของหน่วย
บริการด้วย เมื่อข้อ ๖ ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติดังกล่าว ได้กำาหนดประเภทของความเสียหายที่
เกิดจากการรักษาพยาบาล
ของหน่วยบริการและอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น โดย (๑)
กำาหนดให้ค่าเสียหาย
สำาหรับการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวรจ่ายเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นได้ไม่เกิน
๒๐๐,๐๐๐ บาท (๒) สูญเสียอวัยวะหรือพิการจ่ายเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้นได้ไม่เกิน
๑๒๐,๐๐๐ บาท ดังนั้น ในกรณีของความเสียหายเกิดจาก
เหตุสุดวิสัยในระบบ
การรักษาพยาบาลเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับความเสียหาย
จึงมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามข้อ ๖ (๑) ซึ่งกำาหนด
ให้ค่าเสียหายสำาหรับการเสียชีวิตไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทเช่น
กัน และการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามข้อ ๖ (๑) คือ เสีย
ชีวิตหรือทุพพลภาพ
อย่างถาวรซึ่งเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงกว่าการสูญเสียอวัยวะ
หรือพิการตามข้อ ๖ (๒)
ก็จะต้องกำาหนดเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้สูงกว่าการจ่ายเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นตาม
ความสูญเสียในข้อ ๖ (๒) เพราะความสูญเสียตามข้อ ๖ (๑)
เป็นความสูญเสียและมีความเสียหายที่ร้ายแรงกว่าความสูญเสีย
และความเสียหายตามข้อ ๖ (๒) เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดี
ได้อุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ โดยคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเรื่องการ
อุทธรณ์ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะที่ ๓ ได้พิจารณาอุทธรณ์ของผู้
6
/สุขภาพแห่งชาติ...
ฟ้องคดีแล้วเสนอความเห็น
ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี
เพิ่มอีกเป็นเงินจำานวน
๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัยในระบบการ
ให้บริการสาธารณสุข
และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ประชุมและมีมติในการประชุมครั้งที่
๗/๒๕๔๙ เห็นชอบตาม
ความเห็นของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเรื่องอุทธรณ์
และในคำาให้การ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ได้ให้การไว้ตอนหนึ่งว่า คดีนี้ความเสียหายเกิด
ขึ้นจากเหตุสุดวิสัยจากระบบการให้บริการสาธารณสุข ศาล
ปกครองชั้นต้นจึงเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ยอมรับแล้วว่า
ความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับจากการที่นางวันเพ็ญ วงษ์น้อย
ภริยาของผู้ฟ้องคดีซึ่งได้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล
สุรินทร์ แล้วได้เสียชีวิตในวันเดียวกันกับวันที่เข้ารับการตรวจ
รักษาโดยที่แพทย์ยังมิได้ทำาการตรวจรักษานั้น เกิดจาก
เหตุสุดวิสัยในระบบการให้บริการสาธารณสุข ความเสียหายที่
ผู้ฟ้องคดีได้รับดังกล่าวจึงเป็นกรณีความเสียหายที่เกิดจากการ
รักษาพยาบาลของหน่วยบริการที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
ตามอัตราที่กำาหนดไว้ใน
ข้อ ๖ ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติข้าง
ต้น เพราะตามข้อ ๕
ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังกล่าว
ได้กำาหนดให้ความเสียหาย
ที่เกิดจากการรักษาพยาบาลให้รวมถึงเหตุสุดวิสัยในระบบการ
รักษาพยาบาลด้วย เมื่อความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับคือการ
เสียชีวิตของนางวันเพ็ญ วงษ์น้อย ซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วย
กฎหมายของผู้ฟ้องคดี และเป็นความเสียหายที่เกิดจากการ
รักษาพยาบาลของหน่วยบริการซึ่งเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงกว่า
ความเสียหายตามข้อ ๖ (๒) ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกัน
7
สุขภาพข้างต้น ซึ่งเป็นความเสียหายเพียงสูญเสียอวัยวะหรือ
พิการ การกำาหนดจำานวนเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจึงควรสูงกว่า
อัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการ
คือ ไม่น่าจะตำ่ากว่า ๑๒๐,๐๐๐ บาท เพราะการสูญเสียชีวิต
เป็นการสูญเสีย
ที่ร้ายแรงกว่าการสูญเสียอวัยวะหรือพิการ ดังนั้น การที่ผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยอุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ฟ้อง
คดีแล้วมีมติให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก
เป็นเงินจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมกับที่ผู้ฟ้องคดีได้รับไปจาก
สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาจังหวัดสุรินทร์ อีก
๒๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งสิ้นจำานวน
๘๐,๐๐๐ บาท ซึ่งมีจำานวนน้อยกว่าอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้อง
ต้นสูงสุดในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการซึ่งจ่ายเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้นได้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่มี
เหตุผลอันสมควรจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นสมควรกำาหนด
เงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสียใหม่เป็นเงินจำานวน
๑๘๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากภริยาผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตจาก
เหตุสุดวิสัยของระบบการให้บริการสาธารณสุข มิใช่เสียชีวิต
จากการรักษาพยาบาลของแพทย์โดยตรง แต่ผู้ฟ้องคดีได้รับ
เงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้วจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท ผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ ๑ จึงต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก
จำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นต้นจึงมีคำาพิพากษา
ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีกจำานวน
๑๐๐,๐๐๐ บาท คืนค่าธรรมเนียมศาลแก่ผู้ฟ้องคดีตามส่วนแห่ง
การชนะคดี คำาขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่เห็นด้วยกับคำาพิพากษาของศาล
ปกครองชั้นต้น จึงได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒
สรุปได้ว่า การที่ภริยาของผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตระหว่างการรักษา
ของแพทย์มีเพียงส่วนหนึ่งและเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ความเสีย
8
/เบื้องต้น...
หายเกิดจากการรักษาพยาบาลโดยตรง ส่วนความเสียหายอื่นๆ
มาจากเหตุสุดวิสัยที่เป็นข้อจำากัด
ทางการแพทย์ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วยรายอื่นที่มีอาการหนักกว่า
อีกทั้งตามพยาธิสภาพ
ของโรคเกิดค่อนข้างเฉียบพลันและเกิดขึ้นก่อนที่แพทย์จะ
เยียวยา การจ่ายเงินช่วยเหลือ
๘๐,๐๐๐ บาท นั้น เป็นไปตามหลักเหตุผลแล้ว จึงขอให้ศาล
ปกครองสูงสุดกลับคำาพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น
ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาคำาอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ ๒ ฉบับลงวันที่
๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องขอให้ผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากกรณีที่ภริยาของผู้
ฟ้องคดีเสียชีวิตจากการรักษาพยาบาลเพิ่มอีกจำานวน
๑๒๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยศาลได้เรียกผู้ถูกฟ้องคดีที่
๒ เข้ามาเป็นคู่กรณีในคดีเนื่องจากเป็นผู้มีอำานาจในการวินิจฉัย
อุทธรณ์ และได้มีคำาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีกจำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ส่วนคำาขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแม้ผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ จะเป็นคู่กรณีในคดีตาม คำานิยามในมาตรา ๓
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒ ก็ตาม แต่คำาพิพากษาของศาลมีผลผูกพันเฉพาะผู้
ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ต้องปฏิบัติตามคำาบังคับในคำาพิพากษาของ
ศาลตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
หามีผลผูกพันไปถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะต้องปฏิบัติตามคำา
บังคับของศาลแต่ประการใดไม่ แม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะไม่พอใจ
ผลของคำาพิพากษาคดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ไม่ใช่ผู้มีสิทธิ
อุทธรณ์คัดค้านคำาพิพากษาของศาลที่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่าย
เงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดี ทั้งไม่ปรากฏเอกสาร
หลักฐานว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับการมอบอำานาจ
9
/ให้แก่...
ให้ดำาเนินคดีในชั้นอุทธรณ์แทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ศาลจึงไม่อาจ
รับคำาอุทธรณ์ของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไว้ได้ จึงมีคำาสั่งเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม
๒๕๕๒ ไม่รับคำาอุทธรณ์ของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยื่นคำาร้องอุทธรณ์คำาสั่งของศาล
ปกครองชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำาพิพากษาไว้พิจารณา ความว่า
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เป็นผู้ถูกฟ้องคดี ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่าคณะกรรมการ
ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขเป็นผู้มีอำานาจ
ในการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำาร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้อง
ต้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข การจ่ายเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้น ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงได้เรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีในคดีนี้ด้วย
โดยกำาหนดให้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งการพิจารณามีการตั้ง
ประเด็นวินิจฉัยว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำาอุทธรณ์
เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของ ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกเป็นจำานวน
๖๐,๐๐๐ บาท เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
จากการพิจารณาศาลปกครองชั้นต้นได้พิเคราะห์ถึงกระบวนการ
และขั้นตอนของการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ โดย
ตลอดว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยอุทธรณ์การขอรับเงิน
ช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ฟ้องคดีและมีมติให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้อง
ต้นเพิ่มอีกเป็นจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมกับที่ผู้ฟ้องคดีได้รับจาก
คำาสั่งตามผลการวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการพิจารณาคำาร้อง
ขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจังหวัดสุุรินทร์ อีก ๒๐,๐๐๐ บาท
เป็นเงินทั้งสิ้น ๘๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินที่น้อยกว่าอัตราจ่ายเงิน
ช่วยเหลือเบื้องต้นสูงสุดในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการซึ่งจ่าย
เงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท เป็นการที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้ดุลพินิจที่ไม่มีเหตุผลสมควร จึงไม่ชอบด้วย
10
/เหตุสมควร...
กฎหมาย ศาลปกครองชั้นต้นจึงวินิจฉัยกำาหนดให้จ่ายเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสียใหม่เป็นเงิน
๑๘๐,๐๐๐ บาท ซึ่งผู้ฟ้องคดีรับเงินไปแล้ว ๘๐,๐๐๐ บาท จึง
พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานธุรการของผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี
เพิ่มอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เห็นว่า คำา
พิพากษาของศาลที่ให้
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำาหน้าที่ธุรการของผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีก
๑๐๐,๐๐๐ บาท นั้น มีสาเหตุมาจากการที่ศาลปกครองชั้นต้นได้
มีคำาวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้ดุลพินิจ
จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไม่มีเหตุสมควรไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นนี้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เห็นว่า
ผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรง เนื่องจาก
เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็น
แห่งคดีเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ว่ามีเหตุ
สมควรและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อศาลปกครองชั้นต้น
วินิจฉัยว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้ดุลพินิจไม่มีเหตุสมควรและ
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงส่งผลให้ศาลมีคำาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงาน
ทำาหน้าที่ธุรการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้อง
ต้นเพิ่มขึ้นอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่เห็นด้วยกับ
คำาพิพากษาจึงมีการอุทธรณ์คำาพิพากษาดังกล่าว เพื่อขอให้
ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ ๒ ได้มีโอกาสอธิบายและชี้แจงถึงเจตนารมณ์ หลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขของการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตาม
มาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแตกต่างจากคำาวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้น
โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้กล่าวไว้ในคำาอุทธรณ์ของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ แล้ว
11
นอกจากนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
อุทธรณ์ว่าการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินกองทุนหลัก
ประกันสุขภาพแห่งชาติ
ที่กันมาจากหน่วยบริการ สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่มีอำานาจในการใช้เงินกองทุนนี้ และผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ ๑ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการจ่ายหรือไม่จ่ายเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้นนี้แต่อย่างใด การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากกองทุน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังกล่าว เป็นอำานาจตามกฎหมาย
ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะสั่งจ่ายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รับ
บริการที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการ ตามหลักเกณฑ์ที่
กำาหนด ดังนั้น จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อหน่วยบริการเพราะ
หากมีการใช้เงินนี้ออกไปจำานวนมาก ก็ต้องมีการกันเงินที่จะ
จ่ายให้หน่วยบริการ เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือมากตามไปด้วย คำา
พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น จึงมีผลผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
ที่จะต้องใช้ดุลพินิจตามแนว คำาพิพากษาของศาล ด้วย
เหตุผลดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุด
พิจารณาและมีคำาสั่งให้ยกคำาสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำา
อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และมีคำาสั่งให้รับอุทธรณ์ของผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ ไว้พิจารณาต่อไป
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้ว คดีมีประเด็นที่จะ
ต้องวินิจฉัยว่าศาลปกครองมีอำานาจรับอุทธรณ์คำาพิพากษาของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒
ไว้พิจารณาพิพากษาหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำา
พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นนั้น แม้ตามมาตรา ๗๓ วรรค
หนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้บัญญัติเกี่ยวกับการยื่น
อุทธรณ์คัดค้านคำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ไว้เพียงว่า ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้น
12
/พิเคราะห์...
/ทำาให้...
ที่มีคำาพิพากษาหรือคำาสั่งนั้นภายในกำาหนดสามสิบวันนับแต่วัน
ที่ได้มีคำาพิพากษาหรือคำาสั่ง ถ้ามิได้ยื่นอุทธรณ์ตามกำาหนด
เวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคดีนั้นเป็นอันถึงที่สุด โดยบทบัญญัติดัง
กล่าวมิได้กำาหนดว่าบุคคลใดที่จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ไว้ก็ตาม
แต่โดยที่คำาอุทธรณ์เป็นการเสนอข้อหาต่อศาลปกครอง จึงถือ
เป็นคำาฟ้องตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
และบทบัญญัตินี้ให้คำานิยามคำาว่า คู่กรณี หมายความว่า ผู้ฟ้อง
คดี ผู้ถูกฟ้องคดี และให้หมายความรวมถึงบุคคล หน่วยงาน
ทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเข้ามาเป็นคู่กรณีด้วย
การร้องสอด ไม่ว่าจะโดยความสมัครใจเองหรือโดยถูกคำาสั่ง
ศาลปกครองเรียกเข้ามา
ในคดี ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจาก
ผลแห่งคดีนั้น และ
เพื่อประโยชน์แห่งการดำาเนินกระบวนพิจารณา ให้รวมถึงผู้มี
สิทธิกระทำาการแทนด้วย
จึงเห็นได้ว่า จากบทบัญญัติดังกล่าวแม้จะมิได้กำาหนดตัวบุคคล
ที่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์
คำาพิพากษาไว้ แต่การที่จะพิจารณาว่าบุคคลใดจะมีสิทธิยื่น
อุทธรณ์คำาพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นต้นได้นั้น จะต้องพิจารณาในประการแรกว่า ผู้
ที่ยื่นอุทธรณ์คำาพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นจะต้องเป็น
บุคคลที่มีข้อพิพาทกันในคดีซึ่งก็คือคู่กรณีในคดีนั่นเอง
ประการต่อมา คู่กรณีที่โต้แย้งคัดค้านคำาพิพากษาของศาล
ปกครองชั้นต้นที่จะมีสิทธิ
ยื่นอุทธรณ์คำาพิพากษาของศาล จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับผลก
ระทบกระเทือนจาก
คำาพิพากษาหรือคำาวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้นนั้น กล่าวคือ
อาจได้รับผลกระทบตาม
คำาพิพากษาอันถือได้ว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย
หรืออาจจะเดือดร้อน
หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากผลบังคับตามคำา
พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นนั้น หรือคำาวินิจฉัยของศาล
13
ปกครองชั้นต้นในคำาพิพากษานั้นอาจไปมีผลกระทบกระเทือน
ต่อคำาสั่งหรือคำาวินิจฉัยของคู่กรณีที่ยื่นอุทธรณ์คำาพิพากษาก็ได้
เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ขอให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้รับ
บริการที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลตามมาตรา
๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๕ เพิ่มขึ้นอีกจำานวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท จากกรณีแพทย์
ที่โรงพยาบาลสุรินทร์
ไม่รีบตรวจและทำาการรักษาภริยาของผู้ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๒๓
มกราคม ๒๕๔๙ ทำาให้
ภริยาของผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตในวันเดียวกัน ซึ่งศาลปกครองชั้น
ต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุที่ทำาให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือด
ร้อนเสียหายคือ คำาวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการควบคุม
คุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขที่มีมติให้จ่ายเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นให้แก่
ผู้ฟ้องคดีเพิ่มเพียง ๖๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นต้นจึงมีคำาสั่ง
เรียกให้คณะกรรมการดังกล่าว เข้ามาในคดีเป็นคู่กรณีฝ่ายผู้ถูก
ฟ้องคดี โดยกำาหนดให้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ดังนั้น
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงเป็นคู่กรณีในคดีตามนัยมาตรา ๓ แห่งพระ
ราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.
๒๕๔๒ จึงมีปัญหาพิจารณาต่อไปว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับ
ผลกระทบกระเทือนจากคำาพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
หรือไม่ เห็นว่า ในส่วน
คำาพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นได้กำาหนดประเด็นวินิจฉัย
ในเนื้อหาของคดีว่า การที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำาอุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้น
ของผู้ฟ้องคดี โดยมีมติให้จ่ายเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกจำานวน
๖๐,๐๐๐ บาท เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โดยศาลปกครองชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวว่า การที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
ได้วินิจฉัยอุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ฟ้องคดีแล้วมีมติ
ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกเป็นเงิน
14
จำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมกับที่ผู้ฟ้องคดีได้รับไปจากสำานักงาน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาจังหวัดสุรินทร์ อีก ๒๐,๐๐๐
บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งสิ้นจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท
ซึ่งมีจำานวนน้อยกว่าอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นสูงสุดใน
กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการซึ่งจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้
ไม่เกิน
๑๒๐,๐๐๐ บาท นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร
จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จึงเห็นสมควรกำาหนดเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสีย
ใหม่เป็นเงินจำานวน
๑๘๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากภริยาผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตจาก
เหตุสุดวิสัยของระบบการให้บริการสาธารณสุขมิใช่เสียชีวิต
จากการรักษาพยาบาลของแพทย์โดยตรง แต่ผู้ฟ้องคดีได้รับ
เงิน
ช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้วจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท จึงพิพากษาให้
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดี
อีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท นั้น แม้ศาลปกครองชั้นต้น
จะมีคำาพิพากษาให้เฉพาะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ต้องจ่ายเงินช่วย
เหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกจำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่ง
คำาพิพากษามีผลผูกพันเฉพาะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
ที่จะต้องปฏิบัติตามคำาบังคับในคำาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก็ตาม แต่ประเด็นแห่งคดีที่ศาล
ปกครองชั้นต้นนำามาวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ต้องจ่ายเงินให้
แก่ ผู้ฟ้องคดีเพิ่มขึ้นก็มีว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำา
อุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของ ผู้ฟ้องคดีโดยมีมติให้จ่าย
เงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นการใช้
ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็น
ดังกล่าว ย่อมมีผลผูกพันต่อคำาสั่งของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่วินิจฉัย
ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มแก่ผู้ฟ้องคดีจำานวนข้างต้น ซึ่งถือได้
ว่ามีผลกระทบต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ แล้ว เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่เห็น
15
/ไม่ชอบ...
พ้องกับคำำวินิจฉัยของ
ศำลปกครองชั้นต้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำำ
พิพำกษำของศำลปกครองชั้นต้น กำรที่ศำลปกครองชั้นต้นเห็น
ว่ำคำำพิพำกษำของศำลมีผลผูกพันเฉพำะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่
ต้องปฏิบัติตำมคำำบังคับในคำำพิพำกษำของศำลตำมมำตรำ ๗๐
วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติเดียวกัน ไม่มีผลผูกพันไปถึงผู้ถูก
ฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะต้องปฏิบัติตำมคำำบังคับของศำลแต่ประกำรใด แม้
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะไม่พอใจผลของคำำพิพำกษำคดีนี้ ผู้ถูกฟ้อง
คดีที่ ๒ ก็ไม่ใช่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้ำนคำำพิพำกษำของศำลที่ให้
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดี
จึงมีคำำสั่งไม่รับคำำอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และให้คืนค่ำ
ธรรมเนียมศำลทั้งหมดแก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ นั้น ศำลปกครอง
สูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย
จึงมีคำำสั่งให้รับอุทธรณ์คำำพิพำกษำของผู้ถูกฟ้องคดี
ที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนำยน ๒๕๕๒ ไว้พิจำรณำ โดยให้
ศำลปกครองชั้นต้นดำำเนินกำรตำมกฎหมำยและระเบียบว่ำด้วย
วิธีพิจำรณำคดีปกครองต่อไป
นำยวรำวุธ ศิริยุทธ์วัฒนำ
ตุลำกำรเจ้ำของสำำนวน
ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด
นำยปรีชำ ชวลิตธำำรง
ตุลำกำรหัวหน้ำคณะศำลปกครองสูงสุด
นำยชำญชัย แสวงศักดิ์
ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด
นำยวรพจน์ วิศรุตพิชญ์
ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด
นำยวิษณุ วรัญญู
16
ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด
17
วันที่อ่ำน
นำลิณี : ผู้พิมพ์

More Related Content

Viewers also liked

คำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตาย
คำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตายคำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตาย
คำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตาย
Watcharaphat Maneechaeye
 
การชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่น
การชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่นการชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่น
การชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่น
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
 
คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาค
คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาคคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาค
คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาค
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
 

Viewers also liked (18)

คู่มือหมอใหม่
คู่มือหมอใหม่คู่มือหมอใหม่
คู่มือหมอใหม่
 
แถลงการณ์คดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์
แถลงการณ์คดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์แถลงการณ์คดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์
แถลงการณ์คดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์
 
คำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตาย
คำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตายคำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตาย
คำพิพากษาคดีแพทย์ฉีดยาชา คนไข้ตาย
 
การชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่น
การชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่นการชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่น
การชดเชยความเสียหายในประเทศญี่ปุ่น
 
คำแถลงของแพทยสมาคมโลกว่าด้วยการปฏิรูปความรับผิดทางกฎหมายของแพทย์
คำแถลงของแพทยสมาคมโลกว่าด้วยการปฏิรูปความรับผิดทางกฎหมายของแพทย์คำแถลงของแพทยสมาคมโลกว่าด้วยการปฏิรูปความรับผิดทางกฎหมายของแพทย์
คำแถลงของแพทยสมาคมโลกว่าด้วยการปฏิรูปความรับผิดทางกฎหมายของแพทย์
 
ประสบการณ์การชดเชยความเสียหายให้คนไข้ใน 6 ประเทศ
ประสบการณ์การชดเชยความเสียหายให้คนไข้ใน 6 ประเทศประสบการณ์การชดเชยความเสียหายให้คนไข้ใน 6 ประเทศ
ประสบการณ์การชดเชยความเสียหายให้คนไข้ใน 6 ประเทศ
 
ระบบชดเชยความเสียหายโดยไม่พิสูจน์ความผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา
ระบบชดเชยความเสียหายโดยไม่พิสูจน์ความผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ระบบชดเชยความเสียหายโดยไม่พิสูจน์ความผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา
ระบบชดเชยความเสียหายโดยไม่พิสูจน์ความผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา
 
สำนวนคดีน้องหมิว
สำนวนคดีน้องหมิว สำนวนคดีน้องหมิว
สำนวนคดีน้องหมิว
 
มติแพทยสภา คดีนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ร้องเรียนจริยธรรม แพทย์ของรพ.พญาไท 1
มติแพทยสภา คดีนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ร้องเรียนจริยธรรม แพทย์ของรพ.พญาไท 1มติแพทยสภา คดีนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ร้องเรียนจริยธรรม แพทย์ของรพ.พญาไท 1
มติแพทยสภา คดีนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ร้องเรียนจริยธรรม แพทย์ของรพ.พญาไท 1
 
คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาค
คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาคคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาค
คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคุณพรสรัญ ปริญญาวิภาค
 
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีศัลยกรรม-คนไข้ชนะ
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีศัลยกรรม-คนไข้ชนะคำพิพากษาศาลฎีกาคดีศัลยกรรม-คนไข้ชนะ
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีศัลยกรรม-คนไข้ชนะ
 
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีฟ้องแพทยสภาทั้งคณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีฟ้องแพทยสภาทั้งคณะคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฟ้องแพทยสภาทั้งคณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีฟ้องแพทยสภาทั้งคณะ
 
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แพทยสภาผู้ถูกฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แพทยสภาผู้ถูกฟ้องคดีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แพทยสภาผู้ถูกฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด แพทยสภาผู้ถูกฟ้องคดี
 
คำพิพากษาศาลฎีกา คดีดญ.มาริสา ทินนึง-กระทรวงสาธารณสุข
คำพิพากษาศาลฎีกา คดีดญ.มาริสา ทินนึง-กระทรวงสาธารณสุขคำพิพากษาศาลฎีกา คดีดญ.มาริสา ทินนึง-กระทรวงสาธารณสุข
คำพิพากษาศาลฎีกา คดีดญ.มาริสา ทินนึง-กระทรวงสาธารณสุข
 
คำพิพากษาคดีอาญา ผ่าไส้ติ่งรพ.ร่อนพิบูลย์
คำพิพากษาคดีอาญา ผ่าไส้ติ่งรพ.ร่อนพิบูลย์คำพิพากษาคดีอาญา ผ่าไส้ติ่งรพ.ร่อนพิบูลย์
คำพิพากษาคดีอาญา ผ่าไส้ติ่งรพ.ร่อนพิบูลย์
 
คำพิพากษาศาลฎีกา(แพ่ง)คดีร่อนพิบูลย์ 11พ.ค.59
คำพิพากษาศาลฎีกา(แพ่ง)คดีร่อนพิบูลย์ 11พ.ค.59คำพิพากษาศาลฎีกา(แพ่ง)คดีร่อนพิบูลย์ 11พ.ค.59
คำพิพากษาศาลฎีกา(แพ่ง)คดีร่อนพิบูลย์ 11พ.ค.59
 
สำนวนคดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์ (คดีอาญา)
สำนวนคดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์ (คดีอาญา)สำนวนคดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์ (คดีอาญา)
สำนวนคดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์ (คดีอาญา)
 
คำฟ้องแพทยสภา-ฟ้องปรียนันท์
คำฟ้องแพทยสภา-ฟ้องปรียนันท์คำฟ้องแพทยสภา-ฟ้องปรียนันท์
คำฟ้องแพทยสภา-ฟ้องปรียนันท์
 

More from ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุข
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุข
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุข
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
 
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Media
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Mediaกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Media
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Media
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
 
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
 
คำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHiv
คำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHivคำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHiv
คำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHiv
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
 

More from ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา (15)

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ คดีแพทยสภา&นางปรียนันท์ฯ
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ คดีแพทยสภา&นางปรียนันท์ฯคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ คดีแพทยสภา&นางปรียนันท์ฯ
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ คดีแพทยสภา&นางปรียนันท์ฯ
 
คำพิพากษาคดีฟ้องดร.อานนท์ฯ
คำพิพากษาคดีฟ้องดร.อานนท์ฯคำพิพากษาคดีฟ้องดร.อานนท์ฯ
คำพิพากษาคดีฟ้องดร.อานนท์ฯ
 
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุข
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุข
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดญ.เจนจิรา-กระทรวงสาธารณสุข
 
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Media
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Mediaกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Media
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Social Media
 
คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ครูประเสริฐ&สปสช+สินแพทย์
คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ครูประเสริฐ&สปสช+สินแพทย์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ครูประเสริฐ&สปสช+สินแพทย์
คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ครูประเสริฐ&สปสช+สินแพทย์
 
คำพิพากษาศาลชั้นต้น-คดีรพ.ธนบุรี&นางสำรวย โสภจารีย์
คำพิพากษาศาลชั้นต้น-คดีรพ.ธนบุรี&นางสำรวย โสภจารีย์คำพิพากษาศาลชั้นต้น-คดีรพ.ธนบุรี&นางสำรวย โสภจารีย์
คำพิพากษาศาลชั้นต้น-คดีรพ.ธนบุรี&นางสำรวย โสภจารีย์
 
กฎหมายที่ต้องจัดทำนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี59
กฎหมายที่ต้องจัดทำนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี59กฎหมายที่ต้องจัดทำนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี59
กฎหมายที่ต้องจัดทำนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี59
 
ร่างพรบ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบฯ ฉบับสธ.
ร่างพรบ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบฯ ฉบับสธ.ร่างพรบ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบฯ ฉบับสธ.
ร่างพรบ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบฯ ฉบับสธ.
 
Powerpoint ประชาพิจารณ์ของกระทรวงสธ.
Powerpoint ประชาพิจารณ์ของกระทรวงสธ.Powerpoint ประชาพิจารณ์ของกระทรวงสธ.
Powerpoint ประชาพิจารณ์ของกระทรวงสธ.
 
ตารางปรียบเทียบร่างพรบ.ฉบับเดิมกับฉบับสธ.(ปรับปรุง)
ตารางปรียบเทียบร่างพรบ.ฉบับเดิมกับฉบับสธ.(ปรับปรุง)ตารางปรียบเทียบร่างพรบ.ฉบับเดิมกับฉบับสธ.(ปรับปรุง)
ตารางปรียบเทียบร่างพรบ.ฉบับเดิมกับฉบับสธ.(ปรับปรุง)
 
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ......
 
คำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHiv
คำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHivคำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHiv
คำพิพากษาศาลภูเก็ตคดีHiv
 
แพทยสภาต่างประเทศ
แพทยสภาต่างประเทศ แพทยสภาต่างประเทศ
แพทยสภาต่างประเทศ
 
โครงการ 112 ภาคประชาชน
โครงการ 112 ภาคประชาชนโครงการ 112 ภาคประชาชน
โครงการ 112 ภาคประชาชน
 
คดีจังหวัดตากอุทธรณ์ยืนคนไข้ชนะคดี
คดีจังหวัดตากอุทธรณ์ยืนคนไข้ชนะคดีคดีจังหวัดตากอุทธรณ์ยืนคนไข้ชนะคดี
คดีจังหวัดตากอุทธรณ์ยืนคนไข้ชนะคดี
 

คำสั่งศาลปกครองคดีนายสมาน คงวารินทร์

  • 1. คำำร้องที่ ๖๒๒/๒๕๕๒ คำำสั่งที่ ๗๓/๒๕๕๓ ในพระปรมำภิไธยพระมหำ กษัตริย์ ศำลปกครอง สูงสุด วันที่ ๒๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๓ นำยสมำน คงวำรินทร์ ผู้ฟ้องคดี สำำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ ที่ ๑ คณะกรรมกำรควบคุมคุณภำพและ มำตรฐำนบริกำรสำธำรณสุข ที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพำทเกี่ยวกับควำมรับผิดอย่ำงอื่นของหน่วยงำนทำง ปกครองและเจ้ำหน้ำที่ ของรัฐอันเกิดจำกคำำสั่งทำงปกครอง (คำำร้องอุทธรณ์คำำ สั่งไม่รับอุทธรณ์คำำพิพำกษำ) คำำสั่ง (ต. ๒๑) ระหว่ำ ง
  • 2. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยื่นคำำร้องอุทธรณ์คำำสั่ง ในคดี หมำยเลขดำำที่ ๒๙๓/๒๕๔๙ หมำยเลขแดงที่ ๑๑๒/๒๕๕๒ ของศำลปกครองชั้นต้น (ศำลปกครองนครรำชสีมำ) คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่ำ ผู้ฟ้องคดีเป็นสำมีโดยชอบด้วย กฎหมำยของ นำงวันเพ็ญ วงษ์น้อย (นำมสกุลเดิม) เมื่อวันที่ ๒๓ มกรำคม ๒๕๔๙ เวลำประมำณ ๑๓.๐๐ นำฬิกำ ผู้ฟ้องคดีได้นำำนำงวันเพ็ญเข้ำรับกำรรักษำที่ โรงพยำบำลสุรินทร์ เนื่องจำกมีอำกำรแน่นหน้ำอก เดินได้ พูด ได้ปกติ แล้วเสียชีวิตในเวลำต่อมำของวันเดียวกัน โดยใบมรณบัตรระบุเหตุที่ตำยว่ำภำวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำนำงวันเพ็ญเสียชีวิตเพรำะแพทย์ไม่รีบตรวจ และทำำกำรรักษำ และไม่มีแพทย์ที่ชำำนำญกำรอยู่ที่ ห้องฉุกเฉินในขณะนั้น ต่อมำ เมื่อวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ ผู้ ฟ้องคดีจึงยื่นคำำร้อง ต่อสำำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดสุรินทร์ เพื่อขอรับเงินช่วย เหลือเบื้องต้นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตำมมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำช บัญญัติหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะ อนุกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัยคำำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้อง ต้นของผู้รับบริกำร หรือทำยำทจังหวัดสุรินทร์มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๔๙ และมีหนังสือที่ สร ๐๐๒๗.๐๐๕/๙๗๓ ลงวันที่ ๓๐ มีนำคม ๒๕๔๙ แจ้งผลกำรวินิจฉัยคำำร้องของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ว่ำไม่เข้ำ หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เพื่อเป็นกำรช่วย เหลือทำงด้ำนศีลธรรมและบรรเทำควำมเดือดร้อนจึงมีมติจ่ำย เงินจำำนวน ๒๐,๐๐๐ บำท ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นกำรช่วยด้วย เหตุสุดวิสัย โดยผู้ฟ้องคดีได้รับเงินจำำนวนดังกล่ำวไว้แล้ว เมื่อ วันที่ ๑๒ เมษำยน ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๔๙ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีมติในกำรประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๔๙ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎำคม 2 /เสียชีวิต...
  • 3. ๒๕๔๙ โดยมีหนังสือที่ สปสช.๐๓/๑๐๘๐๐ ลงวันที่ ๔ สิงหำคม ๒๕๔๙ แจ้งผลกำรพิจำรณำอุทธรณ์ให้ผู้ฟ้องคดีทรำบว่ำ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีมติให้จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มขึ้นอีก เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บำท โดยเห็นว่ำเป็นควำมเสียหำยที่เกิดจำก เหตุสุดวิสัยในระบบกำรให้บริกำรสำธำรณสุข ผู้ฟ้องคดีได้รับ เงินจำำนวน ๘๐,๐๐๐ บำท จำกผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองแล้วเห็นว่ำ สำเหตุจำกกำรเสียชีวิตของนำงวันเพ็ญเกิดจำกควำมบกพร่อง ในกำรรักษำของโรงพยำบำลสุรินทร์ และจำำนวนเงิน ที่ได้รับน้อยกว่ำที่กำำหนดในมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำชบัญญัติ หลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภำพจ่ำยไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท ซึ่งน้อยกว่ำ ขั้นสูงของกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิกำรซึ่งจ่ำยไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บำท จึงยื่นฟ้องคดี ขอให้ศำลมีคำำพิพำกษำหรือคำำสั่ง ดังนี้ (๑) ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ำยเงินที่เหลือจำำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บำท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี (๒) ให้ปฏิบัติตำมกฎกติกำข้อบังคับโดยเคร่งครัดเพื่อ เป็นแบบอย่ำง ของสังคมต่อไป ศำลปกครองชั้นต้นเห็นว่ำ คำำวินิจฉัยที่เป็นเหตุให้ผู้ ฟ้องคดีได้รับ ควำมเดือดร้อนเสียหำย คือ คำำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะ กรรมกำรควบคุมคุณภำพ และมำตรฐำนบริกำรสำธำรณสุขที่มีมติให้จ่ำยเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี เพิ่มอีกเพียง ๖๐,๐๐๐ บำท เพื่อประโยชน์แห่งควำมยุติธรรมจึง มีคำำสั่งเรียกให้คณะกรรมกำรควบคุมคุณภำพและมำตรฐำน บริกำรสำธำรณสุขเข้ำมำเป็นคู่กรณี ฝ่ำยผู้ถูกฟ้องคดี โดยกำำหนดให้เป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ 3 /คณะกรรมกำร...
  • 4. ศำลปกครองชั้นต้นได้ดำำเนินกระบวนพิจำรณำ แสวงหำข้อเท็จจริง จนครบตำมขั้นตอนที่กฎหมำยกำำหนดแล้ววินิจฉัยในประเด็นที่ ว่ำ กำรที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำำอุทธรณ์เงินช่วยเหลือ เบื้องต้นของผู้ฟ้องคดีโดยมีมติให้จ่ำยเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก เป็นเงินจำำนวน ๖๐,๐๐๐ บำท เป็นกำรใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วย กฎหมำยหรือไม่นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำ ผู้ฟ้องคดีเป็น สำมีโดยชอบด้วยกฎหมำยของนำงวันเพ็ญ วงษ์น้อย (นำมสกุลเดิม) ซึ่งถือบัตรประกันสุขภำพถ้วนหน้ำ เลขที่บัตร ๐๕๐๒๙-๗๙๘ เมื่อวันที่ ๒๓ มกรำคม ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้นำำ นำงวันเพ็ญเข้ำรับกำรรักษำและตรวจอำกำรที่โรงพยำบำล สุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ด้วยอำกำรแน่นหน้ำอก ขณะเข้ำรับกำร รักษำนำงวันเพ็ญยังเดินได้และพูดได้ตำมปกติ แต่ได้เสียชีวิตใน วันเดียวกัน และในวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่น คำำร้องต่อสำำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ สำขำจังหวัด สุรินทร์ เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีกำรเสียชีวิต ของนำงวันเพ็ญซึ่งเป็นผู้ถือบัตรประกันสุขภำพ ถ้วนหน้ำดังกล่ำว คณะอนุกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัยคำำร้อง ขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ของผู้รับบริกำรหรือทำยำทจังหวัดสุรินทร์มีมติในกำรประชุม เมื่อวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๔๙ ให้จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ ฟ้องคดีเป็นเงินจำำนวน ๒๐,๐๐๐ บำท โดยให้เหตุผลว่ำ ไม่เข้ำหลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เพื่อเป็นกำร ช่วยเหลือทำงด้ำนศีลธรรมและบรรเทำควำมเดือดร้อนของ ครอบครัว ผู้ฟ้องคดีได้รับเงินจำำนวนดังกล่ำวแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ เมษำยน ๒๕๔๙ และได้อุทธรณ์คำำสั่งต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ โดย คณะกรรมกำรเฉพำะกิจเพื่อพิจำรณำเรื่องกำรอุทธรณ์ตำมมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำชบัญญัติหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะที่ ๓ ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจำรณำเสนอให้ผู้ ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก 4 /๖๐,๐๐๐ บำท...
  • 5. เป็นเงินจำำนวน ๖๐,๐๐๐ บำท รวมกับที่ได้รับไปแล้ว ๒๐,๐๐๐ บำท เป็นเงินทั้งสิ้นจำำนวน ๘๐,๐๐๐ บำท โดยให้เหตุผลว่ำเกิด จำกเหตุสุดวิสัย ในระบบกำรให้บริกำรสำธำรณสุข เพื่อบรรเทำควำมเดือดร้อน เสียหำยประกอบกับครอบครัวมีฐำนะค่อนข้ำงยำกจน ซึ่งผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ ได้ประชุมและมีมติในกำรประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๔๙ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎำคม ๒๕๔๙ เห็นชอบตำมควำมเห็นของคณะ กรรมกำรเฉพำะกิจ เพื่อพิจำรณำเรื่องอุทธรณ์ตำมมำตรำ ๔๑ แห่งพระรำชบัญญัติ หลักประกันสุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะที่ ๓ ให้จ่ำยเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มขึ้นอีกเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บำท และผู้ฟ้องคดีได้รับเงินจำำนวนดังกล่ำวแล้วเมื่อ เดือนสิงหำคม ๒๕๔๙ แต่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำเงินที่ได้รับเนื่องจำกกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นในกรณีดังกล่ำว ไม่เป็นไปตำมข้อ ๖ (๑) ของข้อบังคับสำำนักงำนหลักประกัน สุขภำพแห่งชำติ ว่ำด้วยหลักเกณฑ์ วิธีกำรและเงื่อนไขในกำร จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริกำรได้รับ ควำมเสียหำยจำกกำรรักษำพยำบำล พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งกำำหนด อัตรำกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีเสียชีวิตหรือ ทุพพลภำพอย่ำงถำวรในอัตรำไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท เมื่อข้อบังคับสำำนักงำนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ ว่ำด้วยหลัก เกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไข ในกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริกำรได้รับควำมเสีย หำยจำกกำรรักษำพยำบำล พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๕ กำำหนดไว้ว่ำ ควำมเสียหำยที่เกิดจำกกำรรักษำพยำบำลของหน่วยบริกำร ที่จะเป็นเหตุให้ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตำมข้อบังคับนี้ให้ รวมถึงเหตุสุดวิสัยในระบบ กำรรักษำพยำบำล แต่มิใช่ควำมเสียหำยที่เกิดจำกกำรดำำเนินไป ตำมพยำธิสภำพหรือเหตุแทรกซ้อนของโรคที่เป็นไปตำมสภำพ 5
  • 6. ปกติธรรมดาของโรคนั้นอยู่แล้ว ฉะนั้น เมื่อมี ความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัยในระบบการรักษาพยาบาล จึงถือเป็นความเสียหายที่เกิดจากการรักษาพยาบาลของหน่วย บริการด้วย เมื่อข้อ ๖ ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติดังกล่าว ได้กำาหนดประเภทของความเสียหายที่ เกิดจากการรักษาพยาบาล ของหน่วยบริการและอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น โดย (๑) กำาหนดให้ค่าเสียหาย สำาหรับการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวรจ่ายเงินช่วย เหลือเบื้องต้นได้ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท (๒) สูญเสียอวัยวะหรือพิการจ่ายเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นได้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท ดังนั้น ในกรณีของความเสียหายเกิดจาก เหตุสุดวิสัยในระบบ การรักษาพยาบาลเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับความเสียหาย จึงมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามข้อ ๖ (๑) ซึ่งกำาหนด ให้ค่าเสียหายสำาหรับการเสียชีวิตไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทเช่น กัน และการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามข้อ ๖ (๑) คือ เสีย ชีวิตหรือทุพพลภาพ อย่างถาวรซึ่งเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงกว่าการสูญเสียอวัยวะ หรือพิการตามข้อ ๖ (๒) ก็จะต้องกำาหนดเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้สูงกว่าการจ่ายเงินช่วย เหลือเบื้องต้นตาม ความสูญเสียในข้อ ๖ (๒) เพราะความสูญเสียตามข้อ ๖ (๑) เป็นความสูญเสียและมีความเสียหายที่ร้ายแรงกว่าความสูญเสีย และความเสียหายตามข้อ ๖ (๒) เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดี ได้อุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ โดยคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเรื่องการ อุทธรณ์ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะที่ ๓ ได้พิจารณาอุทธรณ์ของผู้ 6 /สุขภาพแห่งชาติ...
  • 7. ฟ้องคดีแล้วเสนอความเห็น ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี เพิ่มอีกเป็นเงินจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัยในระบบการ ให้บริการสาธารณสุข และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ประชุมและมีมติในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๔๙ เห็นชอบตาม ความเห็นของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ และในคำาให้การ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ได้ให้การไว้ตอนหนึ่งว่า คดีนี้ความเสียหายเกิด ขึ้นจากเหตุสุดวิสัยจากระบบการให้บริการสาธารณสุข ศาล ปกครองชั้นต้นจึงเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ยอมรับแล้วว่า ความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับจากการที่นางวันเพ็ญ วงษ์น้อย ภริยาของผู้ฟ้องคดีซึ่งได้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล สุรินทร์ แล้วได้เสียชีวิตในวันเดียวกันกับวันที่เข้ารับการตรวจ รักษาโดยที่แพทย์ยังมิได้ทำาการตรวจรักษานั้น เกิดจาก เหตุสุดวิสัยในระบบการให้บริการสาธารณสุข ความเสียหายที่ ผู้ฟ้องคดีได้รับดังกล่าวจึงเป็นกรณีความเสียหายที่เกิดจากการ รักษาพยาบาลของหน่วยบริการที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามอัตราที่กำาหนดไว้ใน ข้อ ๖ ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติข้าง ต้น เพราะตามข้อ ๕ ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังกล่าว ได้กำาหนดให้ความเสียหาย ที่เกิดจากการรักษาพยาบาลให้รวมถึงเหตุสุดวิสัยในระบบการ รักษาพยาบาลด้วย เมื่อความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับคือการ เสียชีวิตของนางวันเพ็ญ วงษ์น้อย ซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วย กฎหมายของผู้ฟ้องคดี และเป็นความเสียหายที่เกิดจากการ รักษาพยาบาลของหน่วยบริการซึ่งเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงกว่า ความเสียหายตามข้อ ๖ (๒) ของข้อบังคับสำานักงานหลักประกัน 7
  • 8. สุขภาพข้างต้น ซึ่งเป็นความเสียหายเพียงสูญเสียอวัยวะหรือ พิการ การกำาหนดจำานวนเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจึงควรสูงกว่า อัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการ คือ ไม่น่าจะตำ่ากว่า ๑๒๐,๐๐๐ บาท เพราะการสูญเสียชีวิต เป็นการสูญเสีย ที่ร้ายแรงกว่าการสูญเสียอวัยวะหรือพิการ ดังนั้น การที่ผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยอุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ฟ้อง คดีแล้วมีมติให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก เป็นเงินจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมกับที่ผู้ฟ้องคดีได้รับไปจาก สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาจังหวัดสุรินทร์ อีก ๒๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งสิ้นจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท ซึ่งมีจำานวนน้อยกว่าอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้อง ต้นสูงสุดในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการซึ่งจ่ายเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นได้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่มี เหตุผลอันสมควรจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นสมควรกำาหนด เงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสียใหม่เป็นเงินจำานวน ๑๘๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากภริยาผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตจาก เหตุสุดวิสัยของระบบการให้บริการสาธารณสุข มิใช่เสียชีวิต จากการรักษาพยาบาลของแพทย์โดยตรง แต่ผู้ฟ้องคดีได้รับ เงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้วจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท ผู้ถูกฟ้อง คดีที่ ๑ จึงต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก จำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นต้นจึงมีคำาพิพากษา ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีกจำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท คืนค่าธรรมเนียมศาลแก่ผู้ฟ้องคดีตามส่วนแห่ง การชนะคดี คำาขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่เห็นด้วยกับคำาพิพากษาของศาล ปกครองชั้นต้น จึงได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ สรุปได้ว่า การที่ภริยาของผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตระหว่างการรักษา ของแพทย์มีเพียงส่วนหนึ่งและเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ความเสีย 8 /เบื้องต้น...
  • 9. หายเกิดจากการรักษาพยาบาลโดยตรง ส่วนความเสียหายอื่นๆ มาจากเหตุสุดวิสัยที่เป็นข้อจำากัด ทางการแพทย์ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วยรายอื่นที่มีอาการหนักกว่า อีกทั้งตามพยาธิสภาพ ของโรคเกิดค่อนข้างเฉียบพลันและเกิดขึ้นก่อนที่แพทย์จะ เยียวยา การจ่ายเงินช่วยเหลือ ๘๐,๐๐๐ บาท นั้น เป็นไปตามหลักเหตุผลแล้ว จึงขอให้ศาล ปกครองสูงสุดกลับคำาพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาคำาอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้อง คดีที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องขอให้ผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากกรณีที่ภริยาของผู้ ฟ้องคดีเสียชีวิตจากการรักษาพยาบาลเพิ่มอีกจำานวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยศาลได้เรียกผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เข้ามาเป็นคู่กรณีในคดีเนื่องจากเป็นผู้มีอำานาจในการวินิจฉัย อุทธรณ์ และได้มีคำาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วย เหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีกจำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนคำาขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จากข้อเท็จจริงดังกล่าวแม้ผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ จะเป็นคู่กรณีในคดีตาม คำานิยามในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี ปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก็ตาม แต่คำาพิพากษาของศาลมีผลผูกพันเฉพาะผู้ ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ต้องปฏิบัติตามคำาบังคับในคำาพิพากษาของ ศาลตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน หามีผลผูกพันไปถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะต้องปฏิบัติตามคำา บังคับของศาลแต่ประการใดไม่ แม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะไม่พอใจ ผลของคำาพิพากษาคดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ไม่ใช่ผู้มีสิทธิ อุทธรณ์คัดค้านคำาพิพากษาของศาลที่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่าย เงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดี ทั้งไม่ปรากฏเอกสาร หลักฐานว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับการมอบอำานาจ 9 /ให้แก่...
  • 10. ให้ดำาเนินคดีในชั้นอุทธรณ์แทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ศาลจึงไม่อาจ รับคำาอุทธรณ์ของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไว้ได้ จึงมีคำาสั่งเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ไม่รับคำาอุทธรณ์ของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยื่นคำาร้องอุทธรณ์คำาสั่งของศาล ปกครองชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำาพิพากษาไว้พิจารณา ความว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องสำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องคดี ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่าคณะกรรมการ ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขเป็นผู้มีอำานาจ ในการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำาร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้อง ต้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข การจ่ายเงินช่วยเหลือ เบื้องต้น ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงได้เรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีในคดีนี้ด้วย โดยกำาหนดให้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งการพิจารณามีการตั้ง ประเด็นวินิจฉัยว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำาอุทธรณ์ เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของ ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกเป็นจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จากการพิจารณาศาลปกครองชั้นต้นได้พิเคราะห์ถึงกระบวนการ และขั้นตอนของการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ โดย ตลอดว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยอุทธรณ์การขอรับเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ฟ้องคดีและมีมติให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้อง ต้นเพิ่มอีกเป็นจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมกับที่ผู้ฟ้องคดีได้รับจาก คำาสั่งตามผลการวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการพิจารณาคำาร้อง ขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจังหวัดสุุรินทร์ อีก ๒๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๘๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินที่น้อยกว่าอัตราจ่ายเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นสูงสุดในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการซึ่งจ่าย เงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท เป็นการที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้ดุลพินิจที่ไม่มีเหตุผลสมควร จึงไม่ชอบด้วย 10 /เหตุสมควร...
  • 11. กฎหมาย ศาลปกครองชั้นต้นจึงวินิจฉัยกำาหนดให้จ่ายเงินช่วย เหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสียใหม่เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท ซึ่งผู้ฟ้องคดีรับเงินไปแล้ว ๘๐,๐๐๐ บาท จึง พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานธุรการของผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี เพิ่มอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เห็นว่า คำา พิพากษาของศาลที่ให้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำาหน้าที่ธุรการของผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท นั้น มีสาเหตุมาจากการที่ศาลปกครองชั้นต้นได้ มีคำาวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้ดุลพินิจ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไม่มีเหตุสมควรไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นนี้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เห็นว่า ผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรง เนื่องจาก เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็น แห่งคดีเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ว่ามีเหตุ สมควรและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อศาลปกครองชั้นต้น วินิจฉัยว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้ดุลพินิจไม่มีเหตุสมควรและ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงส่งผลให้ศาลมีคำาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้อง คดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงาน ทำาหน้าที่ธุรการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้อง ต้นเพิ่มขึ้นอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่เห็นด้วยกับ คำาพิพากษาจึงมีการอุทธรณ์คำาพิพากษาดังกล่าว เพื่อขอให้ ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกฟ้อง คดีที่ ๒ ได้มีโอกาสอธิบายและชี้แจงถึงเจตนารมณ์ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตาม มาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแตกต่างจากคำาวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้น โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้กล่าวไว้ในคำาอุทธรณ์ของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ แล้ว 11
  • 12. นอกจากนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ อุทธรณ์ว่าการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินกองทุนหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่กันมาจากหน่วยบริการ สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่มีอำานาจในการใช้เงินกองทุนนี้ และผู้ถูกฟ้อง คดีที่ ๑ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการจ่ายหรือไม่จ่ายเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นนี้แต่อย่างใด การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากกองทุน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังกล่าว เป็นอำานาจตามกฎหมาย ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะสั่งจ่ายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รับ บริการที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการ ตามหลักเกณฑ์ที่ กำาหนด ดังนั้น จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อหน่วยบริการเพราะ หากมีการใช้เงินนี้ออกไปจำานวนมาก ก็ต้องมีการกันเงินที่จะ จ่ายให้หน่วยบริการ เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือมากตามไปด้วย คำา พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น จึงมีผลผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะต้องใช้ดุลพินิจตามแนว คำาพิพากษาของศาล ด้วย เหตุผลดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาและมีคำาสั่งให้ยกคำาสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำา อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และมีคำาสั่งให้รับอุทธรณ์ของผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ ไว้พิจารณาต่อไป ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้ว คดีมีประเด็นที่จะ ต้องวินิจฉัยว่าศาลปกครองมีอำานาจรับอุทธรณ์คำาพิพากษาของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ ไว้พิจารณาพิพากษาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำา พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นนั้น แม้ตามมาตรา ๗๓ วรรค หนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธี พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้บัญญัติเกี่ยวกับการยื่น อุทธรณ์คัดค้านคำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ไว้เพียงว่า ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้น 12 /พิเคราะห์... /ทำาให้...
  • 13. ที่มีคำาพิพากษาหรือคำาสั่งนั้นภายในกำาหนดสามสิบวันนับแต่วัน ที่ได้มีคำาพิพากษาหรือคำาสั่ง ถ้ามิได้ยื่นอุทธรณ์ตามกำาหนด เวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคดีนั้นเป็นอันถึงที่สุด โดยบทบัญญัติดัง กล่าวมิได้กำาหนดว่าบุคคลใดที่จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ไว้ก็ตาม แต่โดยที่คำาอุทธรณ์เป็นการเสนอข้อหาต่อศาลปกครอง จึงถือ เป็นคำาฟ้องตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน และบทบัญญัตินี้ให้คำานิยามคำาว่า คู่กรณี หมายความว่า ผู้ฟ้อง คดี ผู้ถูกฟ้องคดี และให้หมายความรวมถึงบุคคล หน่วยงาน ทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเข้ามาเป็นคู่กรณีด้วย การร้องสอด ไม่ว่าจะโดยความสมัครใจเองหรือโดยถูกคำาสั่ง ศาลปกครองเรียกเข้ามา ในคดี ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจาก ผลแห่งคดีนั้น และ เพื่อประโยชน์แห่งการดำาเนินกระบวนพิจารณา ให้รวมถึงผู้มี สิทธิกระทำาการแทนด้วย จึงเห็นได้ว่า จากบทบัญญัติดังกล่าวแม้จะมิได้กำาหนดตัวบุคคล ที่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ คำาพิพากษาไว้ แต่การที่จะพิจารณาว่าบุคคลใดจะมีสิทธิยื่น อุทธรณ์คำาพิพากษาของ ศาลปกครองชั้นต้นได้นั้น จะต้องพิจารณาในประการแรกว่า ผู้ ที่ยื่นอุทธรณ์คำาพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นจะต้องเป็น บุคคลที่มีข้อพิพาทกันในคดีซึ่งก็คือคู่กรณีในคดีนั่นเอง ประการต่อมา คู่กรณีที่โต้แย้งคัดค้านคำาพิพากษาของศาล ปกครองชั้นต้นที่จะมีสิทธิ ยื่นอุทธรณ์คำาพิพากษาของศาล จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับผลก ระทบกระเทือนจาก คำาพิพากษาหรือคำาวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้นนั้น กล่าวคือ อาจได้รับผลกระทบตาม คำาพิพากษาอันถือได้ว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อน หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากผลบังคับตามคำา พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นนั้น หรือคำาวินิจฉัยของศาล 13
  • 14. ปกครองชั้นต้นในคำาพิพากษานั้นอาจไปมีผลกระทบกระเทือน ต่อคำาสั่งหรือคำาวินิจฉัยของคู่กรณีที่ยื่นอุทธรณ์คำาพิพากษาก็ได้ เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้อง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ขอให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้รับ บริการที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เพิ่มขึ้นอีกจำานวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท จากกรณีแพทย์ ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ไม่รีบตรวจและทำาการรักษาภริยาของผู้ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๙ ทำาให้ ภริยาของผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตในวันเดียวกัน ซึ่งศาลปกครองชั้น ต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุที่ทำาให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือด ร้อนเสียหายคือ คำาวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการควบคุม คุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขที่มีมติให้จ่ายเงินช่วย เหลือเบื้องต้นให้แก่ ผู้ฟ้องคดีเพิ่มเพียง ๖๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นต้นจึงมีคำาสั่ง เรียกให้คณะกรรมการดังกล่าว เข้ามาในคดีเป็นคู่กรณีฝ่ายผู้ถูก ฟ้องคดี โดยกำาหนดให้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงเป็นคู่กรณีในคดีตามนัยมาตรา ๓ แห่งพระ ราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงมีปัญหาพิจารณาต่อไปว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับ ผลกระทบกระเทือนจากคำาพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น หรือไม่ เห็นว่า ในส่วน คำาพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นได้กำาหนดประเด็นวินิจฉัย ในเนื้อหาของคดีว่า การที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำาอุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้น ของผู้ฟ้องคดี โดยมีมติให้จ่ายเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยศาลปกครองชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวว่า การที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยอุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ฟ้องคดีแล้วมีมติ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกเป็นเงิน 14
  • 15. จำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมกับที่ผู้ฟ้องคดีได้รับไปจากสำานักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาจังหวัดสุรินทร์ อีก ๒๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งสิ้นจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท ซึ่งมีจำานวนน้อยกว่าอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นสูงสุดใน กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการซึ่งจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นสมควรกำาหนดเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสีย ใหม่เป็นเงินจำานวน ๑๘๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากภริยาผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตจาก เหตุสุดวิสัยของระบบการให้บริการสาธารณสุขมิใช่เสียชีวิต จากการรักษาพยาบาลของแพทย์โดยตรง แต่ผู้ฟ้องคดีได้รับ เงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้วจำานวน ๘๐,๐๐๐ บาท จึงพิพากษาให้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดี อีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท นั้น แม้ศาลปกครองชั้นต้น จะมีคำาพิพากษาให้เฉพาะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ต้องจ่ายเงินช่วย เหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกจำานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่ง คำาพิพากษามีผลผูกพันเฉพาะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่จะต้องปฏิบัติตามคำาบังคับในคำาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี ปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก็ตาม แต่ประเด็นแห่งคดีที่ศาล ปกครองชั้นต้นนำามาวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ต้องจ่ายเงินให้ แก่ ผู้ฟ้องคดีเพิ่มขึ้นก็มีว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้วินิจฉัยคำา อุทธรณ์เงินช่วยเหลือเบื้องต้นของ ผู้ฟ้องคดีโดยมีมติให้จ่าย เงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีกจำานวน ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นการใช้ ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็น ดังกล่าว ย่อมมีผลผูกพันต่อคำาสั่งของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่วินิจฉัย ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มแก่ผู้ฟ้องคดีจำานวนข้างต้น ซึ่งถือได้ ว่ามีผลกระทบต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ แล้ว เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่เห็น 15 /ไม่ชอบ...
  • 16. พ้องกับคำำวินิจฉัยของ ศำลปกครองชั้นต้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำำ พิพำกษำของศำลปกครองชั้นต้น กำรที่ศำลปกครองชั้นต้นเห็น ว่ำคำำพิพำกษำของศำลมีผลผูกพันเฉพำะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ต้องปฏิบัติตำมคำำบังคับในคำำพิพำกษำของศำลตำมมำตรำ ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติเดียวกัน ไม่มีผลผูกพันไปถึงผู้ถูก ฟ้องคดีที่ ๒ ที่จะต้องปฏิบัติตำมคำำบังคับของศำลแต่ประกำรใด แม้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะไม่พอใจผลของคำำพิพำกษำคดีนี้ ผู้ถูกฟ้อง คดีที่ ๒ ก็ไม่ใช่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้ำนคำำพิพำกษำของศำลที่ให้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ำยเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มให้แก่ผู้ฟ้องคดี จึงมีคำำสั่งไม่รับคำำอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และให้คืนค่ำ ธรรมเนียมศำลทั้งหมดแก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ นั้น ศำลปกครอง สูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำำสั่งให้รับอุทธรณ์คำำพิพำกษำของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๙ มิถุนำยน ๒๕๕๒ ไว้พิจำรณำ โดยให้ ศำลปกครองชั้นต้นดำำเนินกำรตำมกฎหมำยและระเบียบว่ำด้วย วิธีพิจำรณำคดีปกครองต่อไป นำยวรำวุธ ศิริยุทธ์วัฒนำ ตุลำกำรเจ้ำของสำำนวน ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด นำยปรีชำ ชวลิตธำำรง ตุลำกำรหัวหน้ำคณะศำลปกครองสูงสุด นำยชำญชัย แสวงศักดิ์ ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด นำยวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด นำยวิษณุ วรัญญู 16