Comparison: "Different Worlds and "Metacognition"
- 2. ในเรื่องแรก เรื่องคนละโลก ประพันธ์โดย มาลัย ชูพินิจ ได้ใช้การเทศนาโวหารซึ่งเป็นการผสมระหว่างพรรณาโวหาร และ บรรยายโวหาร เพื่อเล่าถึงเนื้อเรื่องให้ผู้อ่านฟังตามขั้นตอน เหมือนบรรยายยโวหาร แต่ยังมีจุดหมายให้ความแจ่มแจ้ง ละเอียดละออ เหมือนพรรณาโวหาร เพื่อให้ผผู้อ่านเกิดอารมณ์ซาบซาบเพลิดเพลิน กับข้อความนั้นๆที่ผู้เขียนได้เขียน และต้องมุ่งให้เห็นภาพและอารมณ์ จึงมีการใช้การเล่นคำ เล่นเสียง ใช้ภาพพจน์ เช่น “จึงต้องพยายามตรองชีวิตต่อไปอย่างหวานอมขมกลืน” “ความมั่งคลั่งกัลับเป็นคำสาป” หรือ “สภาพของเขาไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเหยื่อชิ้นใหญ่” ให้อ่านได้รสชาติ
- 6. มีชาวนาคนหนึ่งกำลังเกี่ยวข้าว และหันไปเห็นรถเก๋งแล่นผ่านบนถนน เขามีความรู้สึกอิจฉาคนขับรถเก๋งขันนั้นมาก ถึงความร่ำรวยและความสุขของคนที่ขณะขับรถอยู่ และอยากเป็นแบบชายผู้ขับบ้าง ในขณะเดียวกัน คนที่คับรถอยู่นั้น ซึ่งเป็นผู้ชายร่างกำลังรู้สึก ท้อแท้ และสิ้นหวังเกี่ยวกับอนาคต และกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปในภายภาคหน้า เพราะบริษัทของเขากำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย และชีวิตชั่งไม่เป็นสุขเอาซะเลย ต้องคอยกังวลว่าจะทำอย่างไรในวันต่อไป อยากเป็นเหมือนชาวหน้าที่ไม่ต้องร้อนใจอะไร ไม่ต้องมีความทุกข์ใจต่างคนต่างไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีอยู่ แต่อยากเป็นเหมือนอีกคน ชาวนาอยากมีความร้ำรวย แต่นักธุรกิจอยากได้ชีวิดอิสระ ไม่ต้องมีการแข่งขันแก่งแย่งกัน
- 8. หลายคนมักจะมีความคิดที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับความคิดว่าการระดความคิด หรือ การแยกคิดกันแน่ ที่จะเหมาะสมที่จะใช้ในการแก้ปัญหา บางคนคิดว่า การมีสองหัวดีกส่าหัวเดียว แต่อีกหลายคนคิดว่ามันอาจจะมากเกิน และจากหลักฐานการทดลอง สามารถพูดได้ว่า การระดมความคิดไม่ได้ช่วยในการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ดีๆเสมอไป แต่การระดมคาวมคิดจะช่วยให้งานที่มีคำตอบถูกหรือผิดไปได้อย่างถูกต้อง เหมาะกับปัญหาที่มีคำตอบเป็นขาวดำชัดเจนดีกว่าการแยกคิด แต่ว่าการระดมความจะใช้เวลานานกว่า และอยากที่จะตอบปัญหาที่ไม่มีถูกหรือผิด แต่แม้กระนั้น คุณภาพของความคิดของทั้งความคิดเห็นของคนทั้งกลุ่มก็ดีพอๆกับความคิดเห็นของคนๆเดียว สรุปได้ว่าทั้งระดมความคิด หรือการแยกคิดตากก็มีข้อดีข้อเสียของมันเอง