Jewelry industry analysis final2. Expert Gems ก่อตั้ง 20 ปี เริ่มต้นในธุรกิจด้านพลอยไพลิน สถานที่ 919/1 Silom Galleria, RM.241AB, 2 nd FL., Jewelry Trade Centre Bldg., Silom Road., Bangrak, Bangkok 10500 Thailand สาขา 3 แห่ง กรุงเทพมหานคร จันทบุรี เกาะช้าง 9. Source : The Mining Journal, Ltd . Source : Conflict-Free Diamond Council Diamond Pipeline : Value Added The Diamond Pipeline 2002 (in $ billions) Value added in Value chain 15. Key Drivers อดีต ปัจจุบัน อนาคต เทคโนโลยีการผลิต ยังไม่มีเครื่องจักรทันสมัยมากนัก รูปแบบเครื่องประดับไม่ทันสมัยและหลากหลาย มีเครื่องจักรที่ทันสมัย สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ทันสมัยตามแฟชั่น วงจรของ supply สั้นลง การผลิตจากเครื่องจักร สามารถตอบโจทย์การผลิตแบบตามสั่งได้ กลยุทธ์ทางการตลาดของผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม De Beers สร้างมูลค่าเพชร และเปลี่ยนความนิยมในอัญมณีสีในตลาด กว่า 90% ของมูลค่าตลาดอัญมณี คือเพชร สืบเนื่องจากกลยุทธ์ทางการตลาดกว่า 10 ปีอย่างต่อเนื่องของ De Beers Swarovski จะเข้ามาทำตลาดอัญมณีสี และเป็น trend setter ของตลาดแฟชั่นเครื่องประดับอัญมณีสี ผู้บริโภค ซื้อเพื่อสะสมและแสดงความมั่งคั่ง นิยมพลอยสี สวมใส่เครื่องประดับตามแฟชั่น หรือเป็นแหวนหมั้นเพชร การบริโภคเพื่อสะสมลดน้อยลง เครื่องประดับอัญมณีสี กลับมาได้รับความนิยม ผู้บริโภคสวมใส่ตามแฟชั่น ไม่บริโภคเพื่อสะสม 17. Key Drivers Scenario 1 เทคโนโลยี Scenario 2 พฤติกรรมการบริโภค Future Industry Structure มีผู้แข่งขันใหม่น้อยราย เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนในโทคโนโลยีสูง ผู้เล่นรายใหญ่จะมีอำนาจการต่อรองกับ suppliers มากขึ้น มีผู้แข่งขันมากราย อำนาจต่อรองกับ suppliers น้อยลง Structural Attractiveness ปานกลาง สูง Source of competitive advantage ชี่อเสียงของยี่ห้อ การออกแบบ ชี่อเสียงของยี่ห้อ การออกแบบ Competitor behavior ทำกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น ทำกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น 19. แนวโน้มและลู่ทางการขยายตลาด 8.1 แนวโน้มและลู่ทางการขยายตลาด 8.1 สิงคโปร์เป็นตลาดที่มีศักยภาพและผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง แต่การซื้ออัญมณีและเครื่องประดับที่ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยได้ชะลอตัวลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทั้งในปี 2551 และ 2552 ซึ่งสิงคโปร์ได้รับผลกระทบอย่างมาก การค้าปลีกภายในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ( GDP) ขยายตัวลดลง และคาดการณ์ว่า ปี 2552 จะลดลงร้อยละ -2 จึงทำให้ผู้บริโภคพึงต้องระวังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ คาดว่า การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงชะลอตัวต่อไปในปี 2553-2554 แม้ว่าภาครัฐได้ประกาศว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดการณ์ GDP ในปี 2553 ประมาณร้อยละ 5.5 และภาคการค้าส่งและค้าปลีกจะขยายตัวร้อยละ 7 ก็ตาม 8.2 กลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญสำหรับสินค้าเครื่องประดับ คือ กลุ่มวัยรุ่นทำงาน ( ซึ่งยังคงจับจ่ายโดยคำนึงถึงความพึงพอใจส่วนตัว ไม่ระมัดระวังถึงภาวะเศรษฐกิจ ) อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มของการจำหน่ายสินค้าฯ จะชะลอตัวลงต่อไปในปี 2553-2554 เนื่องจากกลุ่มนี้จะมีความสนใจพิเศษต่อสินค้า IT High Tech ที่แต่ละบริษัทได้ออกสินค้าตัวใหม่ๆเข้าสู่ตลาด 8.3 กลุ่มผู้ซื้อสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ นักท่องเที่ยว ซึ่งซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับประมาณปีละ 424 ล้านเหรียญสิงคโปร์ คิดเป็นประมาณร้อยละ 13 ของการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ซึ่งนิยมซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอันดับ 3 รองจากสินค้าแฟชั่น - เครื่องประดับ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทค 8.4 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ ได้แก่ 1) ประเภทเครื่องประดับทอง จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันปีใหม่ของชาวมุสลิมและชาวอินเดีย อีกทั้งชาวสิงคโปร์มีประเพณีในการมอบของขวัญเครื่องประดับทองให้แก่เด็กแรกเกิดและในวันเกิดด้วย 2) ประเภทเครื่อง ประดับเงินประดับด้วยเพชร / พลอย จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ 8.5 ลู่ทางและโอกาสสำหรับสินค้าไทยที่จะส่งออกมายังตลาดสิงคโปร์ คือ เครื่องประดับที่มีดีไซน์ ได้แก่ อัญมณี เพชรพลอยและรูปพรรณต่างๆ ที่ทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะทำจากเงินลงยาประดับด้วยพลอยสี ลักษณะเป็นแฟนซี ( หลายๆ สี ) และที่ออกแบบในลักษณะเพื่อนำโชค เช่น กบกระโดด ( Jumping Success) หมายถึงให้ประสบความสำเร็จ และเครื่องประดับเงินประเภท กำไล สร้อยคอ ต่างหู จี้ และเครื่องประดับครบชุด ( สร้อยคอ จี้ เข็มกลัด แหวน และต่าง แต่การซื้ออัญมณีและเครื่องประดับที่ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยได้ชะลอตัวลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทั้งในปี 2551 และ 2552 ซึ่งสิงคโปร์ได้รับผลกระทบอย่างมาก การค้าปลีกภายในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ( GDP) ขยายตัวลดลง และคาดการณ์ว่า ปี 2552 จะลดลงร้อยละ -2 จึงทำให้ผู้บริโภคพึงต้องระวังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ คาดว่า การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงชะลอตัวต่อไปในปี 2553-2554 แม้ว่าภาครัฐได้ประกาศว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดการณ์ GDP ในปี 2553 ประมาณร้อยละ 5.5 และภาคการค้าส่งและค้าปลีกจะขยายตัวร้อยละ 7 ก็ตาม 8.2 กลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญสำหรับสินค้าเครื่องประดับ คือ กลุ่มวัยรุ่นทำงาน ( ซึ่งยังคงจับจ่ายโดยคำนึงถึงความพึงพอใจส่วนตัว ไม่ระมัดระวังถึงภาวะเศรษฐกิจ ) อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มของการจำหน่ายสินค้าฯ จะชะลอตัวลงต่อไปในปี 2553-2554 เนื่องจากกลุ่มนี้จะมีความสนใจพิเศษต่อสินค้า IT High Tech ที่แต่ละบริษัทได้ออกสินค้าตัวใหม่ๆเข้าสู่ตลาด 8.3 กลุ่มผู้ซื้อสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ นักท่องเที่ยว ซึ่งซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับประมาณปีละ 424 ล้านเหรียญสิงคโปร์ คิดเป็นประมาณร้อยละ 13 ของการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ซึ่งนิยมซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอันดับ 3 รองจากสินค้าแฟชั่น - เครื่องประดับ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทค 8.4 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ ได้แก่ 1) ประเภทเครื่องประดับทอง จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันปีใหม่ของชาวมุสลิมและชาวอินเดีย อีกทั้งชาวสิงคโปร์มีประเพณีในการมอบของขวัญเครื่องประดับทองให้แก่เด็กแรกเกิดและในวันเกิดด้วย 2) ประเภทเครื่อง ประดับเงินประดับด้วยเพชร / พลอย จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ 8.5 ลู่ทางและโอกาสสำหรับสินค้าไทยที่จะส่งออกมายังตลาดสิงคโปร์ คือ เครื่องประดับที่มีดีไซน์ ได้แก่ อัญมณี เพชรพลอยและรูปพรรณต่างๆ ที่ทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะทำจากเงินลงยาประดับด้วยพลอยสี ลักษณะเป็นแฟนซี ( หลายๆ สี ) และที่ออกแบบในลักษณะเพื่อนำโชค เช่น กบกระโดด ( Jumping Success) หมายถึงให้ประสบความสำเร็จ และเครื่องประดับเงินประเภท กำไล สร้อยคอ ต่างหู จี้ และเครื่องประดับครบชุด ( สร้อยคอ จี้ เข็มกลัด แหวน และต่าง 20. แนวโน้มและลู่ทางการขยายตลาด 8.1 แนวโน้มและลู่ทางการขยายตลาด 8.1 สิงคโปร์เป็นตลาดที่มีศักยภาพและผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง แต่การซื้ออัญมณีและเครื่องประดับที่ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยได้ชะลอตัวลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทั้งในปี 2551 และ 2552 ซึ่งสิงคโปร์ได้รับผลกระทบอย่างมาก การค้าปลีกภายในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ( GDP) ขยายตัวลดลง และคาดการณ์ว่า ปี 2552 จะลดลงร้อยละ -2 จึงทำให้ผู้บริโภคพึงต้องระวังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ คาดว่า การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงชะลอตัวต่อไปในปี 2553-2554 แม้ว่าภาครัฐได้ประกาศว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดการณ์ GDP ในปี 2553 ประมาณร้อยละ 5.5 และภาคการค้าส่งและค้าปลีกจะขยายตัวร้อยละ 7 ก็ตาม 8.2 กลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญสำหรับสินค้าเครื่องประดับ คือ กลุ่มวัยรุ่นทำงาน ( ซึ่งยังคงจับจ่ายโดยคำนึงถึงความพึงพอใจส่วนตัว ไม่ระมัดระวังถึงภาวะเศรษฐกิจ ) อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มของการจำหน่ายสินค้าฯ จะชะลอตัวลงต่อไปในปี 2553-2554 เนื่องจากกลุ่มนี้จะมีความสนใจพิเศษต่อสินค้า IT High Tech ที่แต่ละบริษัทได้ออกสินค้าตัวใหม่ๆเข้าสู่ตลาด 8.3 กลุ่มผู้ซื้อสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ นักท่องเที่ยว ซึ่งซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับประมาณปีละ 424 ล้านเหรียญสิงคโปร์ คิดเป็นประมาณร้อยละ 13 ของการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ซึ่งนิยมซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอันดับ 3 รองจากสินค้าแฟชั่น - เครื่องประดับ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทค 8.4 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ ได้แก่ 1) ประเภทเครื่องประดับทอง จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันปีใหม่ของชาวมุสลิมและชาวอินเดีย อีกทั้งชาวสิงคโปร์มีประเพณีในการมอบของขวัญเครื่องประดับทองให้แก่เด็กแรกเกิดและในวันเกิดด้วย 2) ประเภทเครื่อง ประดับเงินประดับด้วยเพชร / พลอย จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ 8.5 ลู่ทางและโอกาสสำหรับสินค้าไทยที่จะส่งออกมายังตลาดสิงคโปร์ คือ เครื่องประดับที่มีดีไซน์ ได้แก่ อัญมณี เพชรพลอยและรูปพรรณต่างๆ ที่ทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะทำจากเงินลงยาประดับด้วยพลอยสี ลักษณะเป็นแฟนซี ( หลายๆ สี ) และที่ออกแบบในลักษณะเพื่อนำโชค เช่น กบกระโดด ( Jumping Success) หมายถึงให้ประสบความสำเร็จ และเครื่องประดับเงินประเภท กำไล สร้อยคอ ต่างหู จี้ และเครื่องประดับครบชุด ( สร้อยคอ จี้ เข็มกลัด แหวน และต่าง แต่การซื้ออัญมณีและเครื่องประดับที่ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยได้ชะลอตัวลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทั้งในปี 2551 และ 2552 ซึ่งสิงคโปร์ได้รับผลกระทบอย่างมาก การค้าปลีกภายในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ( GDP) ขยายตัวลดลง และคาดการณ์ว่า ปี 2552 จะลดลงร้อยละ -2 จึงทำให้ผู้บริโภคพึงต้องระวังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ คาดว่า การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงชะลอตัวต่อไปในปี 2553-2554 แม้ว่าภาครัฐได้ประกาศว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดการณ์ GDP ในปี 2553 ประมาณร้อยละ 5.5 และภาคการค้าส่งและค้าปลีกจะขยายตัวร้อยละ 7 ก็ตาม 8.2 กลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญสำหรับสินค้าเครื่องประดับ คือ กลุ่มวัยรุ่นทำงาน ( ซึ่งยังคงจับจ่ายโดยคำนึงถึงความพึงพอใจส่วนตัว ไม่ระมัดระวังถึงภาวะเศรษฐกิจ ) อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มของการจำหน่ายสินค้าฯ จะชะลอตัวลงต่อไปในปี 2553-2554 เนื่องจากกลุ่มนี้จะมีความสนใจพิเศษต่อสินค้า IT High Tech ที่แต่ละบริษัทได้ออกสินค้าตัวใหม่ๆเข้าสู่ตลาด 8.3 กลุ่มผู้ซื้อสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ นักท่องเที่ยว ซึ่งซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับประมาณปีละ 424 ล้านเหรียญสิงคโปร์ คิดเป็นประมาณร้อยละ 13 ของการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ซึ่งนิยมซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอันดับ 3 รองจากสินค้าแฟชั่น - เครื่องประดับ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทค 8.4 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ ได้แก่ 1) ประเภทเครื่องประดับทอง จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันปีใหม่ของชาวมุสลิมและชาวอินเดีย อีกทั้งชาวสิงคโปร์มีประเพณีในการมอบของขวัญเครื่องประดับทองให้แก่เด็กแรกเกิดและในวันเกิดด้วย 2) ประเภทเครื่อง ประดับเงินประดับด้วยเพชร / พลอย จำหน่ายได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ 8.5 ลู่ทางและโอกาสสำหรับสินค้าไทยที่จะส่งออกมายังตลาดสิงคโปร์ คือ เครื่องประดับที่มีดีไซน์ ได้แก่ อัญมณี เพชรพลอยและรูปพรรณต่างๆ ที่ทำด้วยโลหะ โดยเฉพาะทำจากเงินลงยาประดับด้วยพลอยสี ลักษณะเป็นแฟนซี ( หลายๆ สี ) และที่ออกแบบในลักษณะเพื่อนำโชค เช่น กบกระโดด ( Jumping Success) หมายถึงให้ประสบความสำเร็จ และเครื่องประดับเงินประเภท กำไล สร้อยคอ ต่างหู จี้ และเครื่องประดับครบชุด ( สร้อยคอ จี้ เข็มกลัด แหวน และต่าง