การสูญเสียดินแดงของไทย
- 4. ครั้งที่ ๑ เสียเกาะหมาก (ปีนัง) ให้กับประเทศอังกฤษ เมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๓๒๙
พื้นที่ ๓๗๕ ตร.กม. ในสมัย ร.๑ เกิด จาก พระยาไทรบุรี ให้อังกฤษเช่าเกาะหมาก เพื่อหวังจะ
ขอให้อังกฤษคุ้มครองเกาะหมากจากกองทัพของกรมพระราชวังบวรสถาน มงคล ซึ่งยกทัพมา
จัดระเบียบหัวเมืองปักษ์ใต้ ในที่สุดอังกฤษก็ยึดเอาไป
- 5. ครั้งที่ ๒ มะริด ทวาย ตะนาวศรี ให้กับพม่า เมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๓๓๖
พื้นที่ ๕๕,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัย ร.๑ แต่เดิมเป็นของไทยครั้งสมัยสุโขทัย มังสัจจา
เจ้าเมืองทวายเป็นไส้ศึกให้พม่า รัชกาลที่ ๑ ไม่สามารถตีคืนจากพม่าได้ ประกอบกับ
ชาวเมืองทวายไม่พอใจกองทัพไทยที่เข้ายึดครอง จึงตกเป็นของพม่าไป
- 7. ครั้งที่ ๔ แสนหวี เมืองพง เชียงตุง ให้กับพม่าเมื่อ พ.ศ.๒๓๖๘ พื้นที่
๖๒,๐๐๐ ตร.กม.ในสมัย รัชกาลที่ ๓ แต่เดิมเราได้ดินแดนนี้มาในสมัยรัชกาลที่ ๑
โดยพระเจ้ากาวิละ ยกทัพไปตีมาขึ้นอยู่กับไทยได้ ๒๐ ปี เนื่องจากเป็นดินแดนที่อยู่
ไกล ประกอบกับเกิดกบฏเจ้าอนุเวียงจันทร์และเกิดกบฏทางหัวเมืองปักษ์ใต้ (กลัน
ตัน ไทรบุรี) ไทยจึงห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่มีกาลังใจจะยึดครอง หลังจากนั้นพม่าเป็น
เมืองขึ้นของอังกฤษ เชียงตุงก็เป็นของอังกฤษโดยสิ้นเชิง
- 8. ครั้งที่ ๕ รัฐเปรัค ให้กับอังกฤษเมื่อ พ.ศ.๒๓๖๙ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นการ
สูญเสียที่ทาร้ายจิตใจ คนไทยทั้งชาติ จากครั้งก่อนไม่ถึง ๑ ปี
- 9. ครั้งที่ ๖ สิบสิงปันนา ให้กับจีนเมื่อ ๑ พฤษภาคม ๒๓๙๗ พื้นที่ ๙๐,๐๐๐ ตร.
กม. ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นดินแดนในยูนานตอนใต้ของประเทศจีน เมืองเชียงรุ้งเป็นเมือง
หลวงของไทยสมัยรัชกาลที่ ๑ ต่อมาเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันเอง แสนหวีฟ้ า มหาอุปราช
หนีลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้เกณฑ์ทัพเชียงใหม่ ลาปาง ลาพูน ไป
ตีเมืองเชียงตุง (ต้องตีเมืองเชียงตุงให้ได้ก่อนจึงจะได้เชียงรุ้ง) แต่ไม่สาเร็จเพราะไม่พร้อม
เพรียงกัน มาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้ให้กรมหลวงลวษาธิราชสนิท (ต้นตระกูลสนิทวงศ์) ยก
ทัพไปตีเชียงตุงเป็นครั้งที่ ๒ แต่ไม่สาเร็จจึงต้องเสียให้จีนไป
- 10. ครั้งที่ ๗ เขมรและเกาะ ๖ เกาะ ให้กับฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๑๐
พื้นที่ ๑๒๔,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัย ร.๔ ฝรั่งเศสบังคับให้เขมรทาสัญญารับความคุ้มครองจาก
ฝรั่งเศส หลังจากนั้นได้ดาเนินการทางการฑูตกับไทย ขอให้มีการปักปันเขตแดนเขมรกับ
ญวน แต่กลับตกลงกันไม่ได้ ขณะนั้นพระปิ่นเกล้า แม่ทัพเรือสวรรคต ไทยจึงอ่อนแอ ฝรั่งเศส
จึงฉวยโอกาสบังคับทาสัญญารับรองความอารักขาจากฝรั่งเศสต่อเขมร ในช่วงนี้เอง อังกฤษ
กับฝรั่งเศสได้ทาสัญญากันเมื่อ ๑๕ มกราคม ๒๔๓๘ โดยตกลงกันให้ไทยเป็นรัฐกันชน
ประกอบกับ การดาเนินนโยบายของ ร.๕ ที่ไปประพาสยุโรปถึง ๒ ครั้ง ทาให้อังกฤษ
เยอรมัน รัสเซียเห็นใจไทย ฝรั่งเศสจึงยึดดินแดนไป
- 11. ครั้งที่ ๘ สิบสองจุไทย (เมืองไล เมืองเชียงค้อ) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ ๒๒
ธันวาคม ๒๔๓๑ พื้นที่ ๘๗,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัย รัชกาลที่ ๕ พวกฮ่อ ก่อกบฏ ทางฝ่ายไทย
จัดกาลังไปปราบ ๒ กองทัพ แต่ปฏิบัติเป็นอิสระแก่กัน อีกทั้งแม่ทัพทั้งสองไม่ถูกกัน จึงเป็น
โอกาสให้ฝรั่งเศสส่งทหารเข้าเมืองไล โดยอ้างว่า มาช่วยไทยปราบฮ่อ แต่หลังจากปราบได้
แล้ว ก็ไม่ยอมยกทัพกลับ อีกทั้งไทยก็ไม่ได้จัดกาลังไว้ยึดครองอีกด้วย จนในที่สุด ไทยกับ
ฝรั่งเศสได้ทาสัญญากันที่เมืองแถง(เบียนฟู) ยอมให้ฝรั่งเศสรักษาเมืองไลและเมืองเชียงค้อ
- 12. ครั้งที่ ๙ ฝั่งซ้ายแม่น้าสาละวิน ให้กับประเทศอังกฤษในสมัย รัชกาลที่ ๕ ใน
ห้วงปี ๒๔๓๓ เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทางด้านรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจและทรัพยากร อัน
อุดมด้วยดินแดนผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ยิ่ง
- 13. ครั้งที่ ๑๐ ฝั่งซ้ายแม่น้าโขง (อาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาว) ให้กับ
ฝรั่งเศส เมื่อ ๓ ตุลาคม ๒๔๓๖ พื้นที่ ๑๔๓,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นของไทยมา
ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร ต้องเสียให้กับฝรั่งเศสตามสัญญาไทยกับฝรั่งเศส เท่านั้นยังไม่
พอ ฝรั่งเศสเรียกเงินจากไทย ๑ ล้านบาท เป็นค่าเสียหายที่ต้องรบกับไทย เสียค่าประกันว่า
ไทยต้องปฏิบัติตามสัญญาอีก ๓ ล้านบาท และยังไม่พอ ฝรั่งเศสได้ส่งทหารมายึดเมือง
จันทบุรีและตราด ไว้ถึง ๑๕ ปี นับว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุดของไทยถึงขนาดที่เจ้านายฝ่าย
ในต้องขายเครื่อง แต่งกายเพื่อนาเงินมาถวาย ร.๕ เป็นค่าปรับ ร.๕ ต้องนาถุงแดง(เงินพระ
คลังข้างที่) ออกมาใช้
- 14. ครั้งที่ ๑๑ ฝั่งขวาแม่น้าโขง (ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ดินแดนในทิศ
ตะวันออกของน่าน,จาปาศักดิ์, ,มโนไพร) ให้กับฝรั่งเศสเมื่อ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ พื้นที่
๒๕,๕๐๐ ตร.กม. ในสมัย.ร.๕ ไทยทาสัญญากับฝรั่งเศสเพื่อขอให้ฝรั่งเศสคืนจันทบุรีให้ไทย
แต่ฝรั่งเศสถอนไปแต่จันทบุรีแล้วไปยึดเมืองตราดแทนอีก ๕ ปี แล้วเมื่อฝรั่งเศสได้หลวงพระ
บางแล้วยังลุกล้าย้านนาดี, ด่านซ้าน จ.เลย และยังได้เอาศิลาจารึกที่พระเจดีย์ศรีสองรักษ์ไป
ด้วย
- 15. ครั้งที่ ๑๒ มลฑลบูรพา (พระตะบอง,เสียมราฐ,ศรีโสภณ) ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ
๒๓ ๒๔๔๙ พื้นที่ ๕๑,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัย ร.๕ ไทยได้ทาสัญญากับฝรั่งเศส เพื่อแลกกับ
ตราด,เกาะกง,ด่านซ้าย ตลอดจนอานาจศาลไทยที่จะบังคับต่อคนในบังคับของฝรั่งเศสใน
ประเทศไทย เพราะขณะนั้นมีคนจีนญวนไปพึ่งธงฝรั่งเศสกันมากเพื่อสิทธิการค้าขาย
ฝรั่งเศสก็เพียงแต่ถอนทหารออกจากตราดเมื่อ ๖ กรกฎาคม ๒๔๕๐ กับด่านซ้าย คงเหลือแต่
เกาะกงไม่คืนให้ไทย
- 16. ครั้งที่ ๑๓ รัฐกลันตัน,ตรังกานู,ไทรบุรี, ปริส ให้กับอังกฤษเมื่อ ๓๐ มีนาคม
๒๔๕๑ พื้นที่ ๘๐,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัย ร.๕ ไทยได้ทาสัญญากับอังกฤษ เพื่อให้ได้มาซึ่ง
อานาจศาลไทยที่จะบังคับคดีความผิดของคนอังกฤษในไทย
- 17. ครั้งที่ ๑๔ เขาพระวิหาร ให้กับเขมรเมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ พื้นที่ ๒ ตร.กม.
ในสมัย ร.๙ ตามคาพิพากษาของศาลโลก ให้เขาพระวิหารตกเป็นของเขมร เนื่องมาจาก
หลักฐานสาคัญของเขมร ในสมัยที่เป็นของฝรั่งเศส เมื่อรู้ว่ากรมพระยาดารงราชานุภาพจะ
เสด็จเขาพระวิหาร จึงไปก่อนแล้วชักธงชาติฝรั่งเศสรับเสด็จ แล้วจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
จึงนามาใช้เป็นหลักฐานสาคัญที่แสดงต่อศาลโลก ด้วยเสียง 9 ต่อ 3