World Cup Qualification Prediction - How to use itBayesiaWC2010
Those slides describe how using the web application available on http://worldcup.bayesialab.com. This application used Bayesian networks to compute the Stage 2 qualification probabilities of any team of any Group of the next FIFA World Cup. To compute these probabilities, the user has just to define his/her belief with probabilities on match results (win, draw, and loss).
World Cup Qualification Prediction - How it worksBayesiaWC2010
Those slides describe how the probabilistic computations are handle in the application http://worldcup.bayesialab.com. This application computes the Stage 2 qualification probability of any team of any Group of the next FIFA World Cup. Based on the user input (with probability distributions on the Group matches' result: win, draw, and loss), a Bayesian Network is used to rigorously compute the qualification probabilities.
This document shows the career path for people who are working in software QA and RM area. It shows what possible roles are and what kind of skills and competences are needed towards each role.
World Cup Qualification Prediction - How to use itBayesiaWC2010
Those slides describe how using the web application available on http://worldcup.bayesialab.com. This application used Bayesian networks to compute the Stage 2 qualification probabilities of any team of any Group of the next FIFA World Cup. To compute these probabilities, the user has just to define his/her belief with probabilities on match results (win, draw, and loss).
World Cup Qualification Prediction - How it worksBayesiaWC2010
Those slides describe how the probabilistic computations are handle in the application http://worldcup.bayesialab.com. This application computes the Stage 2 qualification probability of any team of any Group of the next FIFA World Cup. Based on the user input (with probability distributions on the Group matches' result: win, draw, and loss), a Bayesian Network is used to rigorously compute the qualification probabilities.
This document shows the career path for people who are working in software QA and RM area. It shows what possible roles are and what kind of skills and competences are needed towards each role.
5. มีบทความของผมในนิตยสาร Competitiveness Review ฉบับที่สอง เป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจมีอยู่ในข้อสอบบ้างบางส่วน ปัจจุบัน Digital Divide นับว่าเป็นปัญหาหลักของการพัฒนาอุตสาหกรรมไอทีในประเทศไทย รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น E - Commerce, E - Learning, E - Government, Online Advertising ถ้าดูที่ตัว Root Cause ของปัญหาว่าทำไม E - Commerce ถึงเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำไม Online Advertising ถึงเติบโตต่ำ การทำธุรกรรมออนไลน์ของประเทศไทยยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ ทั้งหมดมันมุ่งไปที่ประเด็นในเรื่องของความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง Digital Technology หรือที่เรียกว่า Digital Divide ความหมายของ Digital Divide คือ เป็นช่องว่างระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงดิจิตอลเทคโนโลยีได้กับกลุ่มคนที่ไม่สามารถจะเข้าถึงได้ ช่องว่างเหล่านั้นมีความสำคัญเนื่องมาจากว่ามันนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในด้านอื่นๆ เช่น ด้านการศึกษา สังคม สถานภาพทางเศรษฐกิจ เแน่นอนว่าคนที่จะสามารถเข้าถึงดิจิตอลเทคโนโลยีได้คือคนที่เข้าถึงข้อมูลหรือองค์ความรู้ได้มากกว่าคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
6. Digital Divide ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่เป็นในระดับโลกด้วย ประชากรในโลกเรามีประมาณ 6 พันล้านคน ถ้าแบ่งตามสถานะภาพทางเศรษฐกิจ จะมีประมาณ 1 พันล้านคนที่มีความเป็นอยู่ที่ดี หมายถึงมีสถานภาพที่ไม่มีความเดือดร้อนในเรื่องของเงิน โดยปกติจะมีรายได้มากกว่า 2 หมื่นเหรียญ US dollar หรือ ประมาณ 7 แสนบาทต่อปี แต่นี้เป็นเกณฑ์ของ UN ที่กำหนดไว้ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ใน 1 พันล้านคนเป็นคนที่มีความสามารถในการเข้าถึง Digital Technology ได้ แต่อีก 5 พันล้านคนประกอบไปด้วย 2 พันล้านคนที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจ หรือ พูดง่ายๆ คือ พออยู่ได้ไปวันๆ มีประมาณ 2 พันล้านคน รวมไปถึงประชากรที่เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น ประเทศไทย เวียดนาม เป็นต้น แต่ก็ยังมีอีก 3 พันล้านคนซึ่งถือว่าเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตไปวันๆ พูดง่ายๆ ก็คือรายได้จะอยู่ที่ประมาณ 1 ดอลล่าร์ต่อวันหรือประมาณ 30 บาทต่อวัน และที่แน่นอนไม่ใช่เฉพาะ Digital Technology อย่างเดียวแต่หมายถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานด้วย คนเหล่านี้ก็ไม่สามารถจะเข้าถึงได้ ปัญหาของ Digital Divide ก็คือในโลกนี้มีเฉพาะคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง Digital Technology ได้ ถึงแม้ว่าเราจะ
7. เห็นการเจริญเติบโตของ E - Commerce หรือ การเติบโตของ Social Media นั้นก็เพราะพวกเราส่วนใหญ่อยู่ในส่วนบนของพิรามิด แต่ถ้าเราได้มีโอกาสเดินทางไปต่างจังหวัดเราก็จะได้เห็นชัดว่า คนในต่างจังหวัดเนี่ยยังเข้าไม่ถึง Digital Technology นี่ยังเป็นปัญหาหลักในส่วนของโลกเลยก็ว่าได โดยเฉพาะ Digital Divide จะเกิดในประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ไม่ใช่ว่าจะประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังมีปัญหานี้อยู่แต่ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา ทาง UN ได้จัดลำดับชื่อว่า E - Readiness โดยดูจากโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีในแต่ละประเทศ โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 47 ก็ถือว่าปานกลาง เราดีกว่าฟิลิปปินส์แต่ก็ยังด้อยกว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ และแมกซิโกด้วยซ้ำ Digital Divide ในส่วนของอาเซียน จะพบว่า โครงสร้างพื้นฐานของเรายังมีความไม่เท่าเทียมกันมาก มีความห่างไกลระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วยกตัวอย่างเช่น สิงคโปร์กับประเทศที่เหลือ จะเห็นได้ว่าอย่างในกรณีของ Internet Users ของไทยเมื่อเทียบตามจำนวนประชากรของประเทศเรายังถือว่าน้อยอยู่ น้อยกว่าฟิลิปปินส์และเวียดนามในปัจจุบัน
8. ดูที่โครงสร้างพื้นฐานของโทรศัพท์ จะเห็นว่าประเทศในเอเชียและแปซิฟิกก็ยังคงมีค่อนข้างต่ำอยู่ Digital Divide ยังเป็นผลกระทบของความแตกต่างในการเข้าถึง Digital Technology ซึ่งนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำอื่นๆ เพราะมันทำให้คนมีความแตกต่างในการเรื่องของการเข้าถึงข้อมูล สาเหตุหลักๆ ของ Digital Divide สามารถแบ่งได้หลายมิติด้วยกันได้แก่ 1 . ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของประเทศ 2 . ปัจจัยด้านราคา และคุณภาพของการให้บริการ 3 . ปัจจัยด้านการศึกษา 4 . ปัจจัยด้านอายุ 5 . ปัจจัยด้านวัฒนธรรม สังคม และภาษา : โดยบางวัฒนธรรมอาจมีการปิดกั้นไม่ให้คนใช้ หรือการเข้าถึง Digital Technology ปัจจัยด้านภาษาก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากภาษาส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ