โค่นล้มเผด็จการมาร์กอส ระบอบทักษิณจะต้องหมดไป
- 1. ย้ อนรอยการโค่นเผด็จการมาร์ กอส ---- สิทธิชย หยุน 21 กุมภาพันธ์ 2549
ั ่
เดือนกุมภาพันธุ์ เมื่อ 20 กว่าปี ก่อน พลังประชาชน ขับไล่เผด็จการจอมโกงกิน .... ออกไป!
กุมภาพันธ์ เป็ นเดือนแห่งการรวมตัวเป็ นเรื อนล้ านของคนฟิ ลิปปิ นส์ เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีชื่อ เฟอร์ ดินานด์ มาร์ กอส
มาร์ กอสอ้ างว่า ประชาชนเลือกเขามาอย่างท้ วมท้ น แต่ก็โกงกินบ้ านเมืองอย่างไร้ ยางอายเพราะมีอานาจล้ นฟา สร้ าง
้
เครื อข่ายรอบตัวอย่างน่ากลัว ครอบครัวของตัวเองมีบารมีคบบ้ านคับเมือง ภรรยาชื่อ อีเมลดา สามารถสังงานด้ าน
ั
่
การเมืองแทนสามีได้ อย่างน่าหวาดกลัว คนรอบข้ างคอยบอกมาร์ กอสว่า “ท่านเก่งที่สดแล้ ว ไม่มีใครมาแทนท่านได้ ”
ุ
การชุมนุมของประชาชนคนฟิ ลิปปิ นส์ เรื อนหมื่นขยายเป็ นเรื อนแสนและล้ านในที่สุด ถูกจารึกไว้ ใน
ประวัตศาสตร์ วาเป็ น People Power หรื อ the Philippine Revolution of 1986 เป็ นการรวมตัวของประชาชนผู้
ิ
่
มองไม่ เห็นหนทางว่ าจะยับยังไม่ ให้ ผ้ ูนาเผด็จการ ที่อ้างเสียงส่ วนใหญ่ ของประชาชน มากินบ้ านโกงเมืองได้
้
อย่ างไร จึงต้ องใช้ วธีรวมตัวกันอย่ างอหิงสาเพื่อขับไล่ ผ้ ูนาอันไม่ พงประสงค์
ิ
ึ
การชุมนุมที่เรี ยกอีกชื่อหนึงว่า EDSA (ชื่อถนนสายหลังกลางกรุงมะนิลา ที่เป็ นที่ชมนุมของประชาชนผู้อดอัดและงุ่นง่าน)
่
ุ
ึ
Revolution ยืดเยื ้อถึง 4 วัน
ด้ านหนึง ประชาชนตะโกนพร้ อมๆ กันให้ “มาร์ กอส....ออกไป” อีกด้ านหนึงคนใกล้ ชิดมาร์ กอส ระดมประชาชนอีกส่วน
่
่
หนึงตะโกน “มาร์ กอส สู้ๆ” ขณะที่ผ้ นาเผด็จการ โกงการเลือกตังครังล่าสุด พยายามจะทาพิธีสาบานตนเข้ ารับตาแหน่งอีก
่
ู
้ ้
สมัยหนึง
่
ผู้นาศาสนา และผู้นาทหารเข้ าร่วมกับนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจและชนชันกลาง เข้ าร่วมต่อต้ านและ
้
เรี ยกร้ องให้ มาร์ กอสลงจากตาแหน่ง มาร์ กอสประกาศแข็งกร้ าว ยืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่อยู่ข้างหลังเขา เมินเสียเถิดที่
เข้ าจะลาออก เพราะเขาสังทหารได้ สังตารวจได้ สัง ส.ส. ในสภาได้ สังได้ แม้ กระทังอัยการและผู้พิพากษา แต่เสียง
่
่
่
่
่
ประชาชนดังก้ องกังวานไปทัวประเทศแล้ ว มาร์ กอสไม่ฟังใครที่แนะนาให้ เขาก้ าวลงด้ วยความสมัครใจ
่
เมื่อเขาไม่เชื่อคนฟิ ลิปปิ นส์เอง มาร์ กอสโทรศัพท์ไปหาวุฒิสมาชิกมะกันที่เคยเป็ นเพื่อนสนิทคนหนึงที่วอชิงตัน ชื่อพอล ลา
่
ซัลท์ ซึงแนะนาเขาผ่านทางโทรศัพท์ด้วยประโยคที่ยงจารึกในประวัติศาสตร์ วา “Cut and cut cleanly…” หากแปลเป็ น
่
ั
่
ภาษาไทยก็ต้องบอกว่า “ตัด...ตัด...ให้ ขาดเถิด” หรื ออีกนัยหนึงก็คือให้ กระโดดลงจากตาแหน่งโดยปราศจากเงื่อนไข
่
มาร์ กอสอึ ้งไปพักใหญ่ บ่ายวันเดียวกันนัน มาร์ กอสคุยกับรัฐมนตรี กลาโหม ฮวน เอนริเล ขอให้ ทางทหารช่วยให้ เขาและ
้
ครอบครัวออกนอกประเทศอย่างปลอดภัย เวลา 3 ทุมของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1986 มาร์ กอสกับเมียและลูกๆ ขึน
่
้
เฮลิคอปเตอร์ มะกัน 4 ลาบินไปสู่สนามบินคลาก ก่ อนที่จะมุ่งสู่เกาะกวม และท้ ายสุดไปลงที่เกาะฮาวายเพื่อลี ้
ภัยทางการเมือง กระบวนการยึดทรั พย์ ท่ ีมาร์ กอสและครอบครั วปล้ นไปจากประเทศชาติด้วยวิธีแยบยล แบบ
ศรี ธนญชัย ก็เริ่มขึนอย่ างกะทันหัน เพราะประชาชนต้ อง “คิดบัญชี” กับเผด็จการผู้ทาร้ ายประเทศชาติอย่ างไม่
้
มีข้อให้ อภัยได้
- 2. ผมยังจาประโยคของคนนาเสนอข่าวชื่อ Bob Simon ทางสถานีโทรทัศน์ CBS เย็นวันนันได้ อย่างดี (สุทธิชย หยุน กล่าว)
้
ั ่
พออ่านข่าวเรื่ องมาร์ กอสหนีออกนอกประเทศจบ คนข่าวมะกันคนนี ้หันมามองคนดูทวประเทศและบอกว่า “พวกเราคน
ั่
อเมริกันมักจะคิดว่ า เราสอนคนฟิ ลิปปิ นส์ ให้ ร้ ู จักเนือแท้ แห่ ง ประชาธิปไตย แต่ คืนนีคนฟิ ลิปปิ นส์ พสูจน์ แล้ วว่ า
้
้
ิ
พวกเขากาลังสอนชาวโลกทังมวลว่ า ประชาธิปไตยคืออะไรในภาคปฏิบัตกันแน่ ...”
้
ิ
คืนนัน ไม่ มีคนฟิ ลิปปิ นส์ คนอื่นอยู่บ้าน ต่ างออกมาเต็มท้ องถนน ต่ างจับไม้ จับมือสวมกอดกันทังนาตา เป็ น
้
้ ้
นาตาของผู้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขผ่ านร้ อนผ่ านหนาว ผ่ านการถูกอานาจรั ฐคุกคาม กลั่นแกล้ ง ปล้ นสะดมมาด้ วยกัน
้
อย่ างมุ่งมั่นและเสียสละ เป็ นนาตาของเพื่อนร่ วมชาติท่ ีเสี่ยงภัยเสี่ยงชีวิต เพื่อร่ วมกันขับไล่ เผด็จการผู้ปล้ น
้
สมบัตของชาติอย่ างที่ไม่ เคยปรากฏมาก่ อน
ิ
เมื่อทหารประชาชนตัดสินใจไม่ปกปองผู้นาปล้ นชาติ ครบรอบ 20 กว่าปี ของการโค่นล้ มจอมเผด็จการ เฟอร์ ดินานด์
้
มาร์ กอส ของฟิ ลิปปิ นส์ อันเกิดจากการชุมนุมใหญ่อย่างอหิงสาของประชาชนนับล้ านคน ที่เรี ยกว่า People Power นัน มี
้
เหตุจะต้ องย้ อนไปดูเพื่อประกอบการพิจารณาสถานการณ์บ้านเมืองไทยวันนี ้ในหลายประการ เพราะเหตุปัจจัยที่ละม้ าย
คล้ ายกันหลายประเด็นเมื่อ 20 กว่าปี ก่อน กับวันนี ้
ผู้นามาจากการเลือกตัง้ อ้ างว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเขา ผู้นาถูกกล่าวหาว่าไร้ จริยธรรม และมีผลประโยชน์ทบซ้ อน
ั
มหาศาล ประชาชนทนภาวะการโกงกินบ้ านเมืองอย่างกว้ างขวางไม่ได้ ทนเห็นการไร้ จริยธรรมในผู้นาไม่ไหวอีกตอ่ไป ผู้นา
ดูถกสติปัญญาชาวบ้ าน แก้ ตวไปวันๆ ไม่ยอมตอบคาถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทบซ้ อนอันรุนแรงของตัวเอง
ู
ั
ั
มาร์ กอส ประกาศเลือกตังใหม่ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1986 ฝ่ ายค้ านส่ง คอราซาน อคิโน เข้ าแข่ง เธอคือภรรขาของผู้นา
้
ฝ่ ายค้ าน เบนิกโน อคิโน ซึงถูกลอบสังหารที่สนามบินมะนิลา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1983 อันเป็ นวันที่กลับจากการลี ้ภัย
่
การเมืองที่อเมริ กา 3 ปี เพราะอานาจมือของมาร์ กอส การเลือกตังครังนันโกงกินกันมหาศาล เพราะมาร์ กอสกุมกลไกรัฐ
้ ้ ้
คณะกรรมการเลือกตัง้ (COMELEC) ก็กลายเป็ นเครื่ องมือของรัฐ ประกาศให้ มาร์ กอสชนะการเลือกตังด้ วยคะแนนเฉียด
้
ฉิว 10,807,197 ต่อ 9,291,761 แต่องค์กรกลางที่เฝาติดตามผลการเลือกตังประกาศว่ามาร์ กอสชนะอคิโน เพียงแค่
้
้
7,835,070 ต่อ 7,053,068 หรื อแค่เจ็ดแสนกว่าเสียงเท่านัน คณะผู้นาศาสนาออกแถลงการณ์ประณามการโกงคะแนน
้
เลือกตัง้ และวุฒิสภาสหรัฐก็ลงมติให้ ไม่ยอมรับผลการเลือกตังเช่นกัน
้
การปฏิวติประชาชนเพื่อโค่นเผด็จการ ผู้มีอานาจเกือบเบ็ดเสร็จในประเทศ เริ่ มด้ วยการรวมตัวของประชาชนผู้สิ ้นหวังใน
ั
“ระบอบมาร์ กอส” ที่ปล่อยวางให้ วงศ์วานว่านเครื อใช้ อานาจรัฐเข้ าไปทามาหากินอย่างโจ๋งครึ่มเป็ นผู้นาไร้ จริ ยธรรม แม้ วา
่
รัฐธรรมนูญฟิ ลิปปิ นส์ ตอนนันจะกาหนดให้ ผ้ ดารงตาแหน่งประธานาธิบดีได้ ไม่เกิน 2 สมัยๆ ละ 4 ปี แต่มาร์ กอสก็หาทาง
้
ู
แก้ กฏหมายจนตัวเองสามารถดารงตาแหน่งผู้นาสูงสุดของประเทศได้ ยาวนานถึง 20 ปี (ด้ วยการประกาษภาวะฉุกเฉิน
ระงับการใช้ รัฐธรรมนูญเก่า ให้ เนติบริกรของตัวเองเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ สอดคล้ องกับความต้ องการของท่านผู้นา)
ก่อนที่ประชาชนจะรวมตัวกันเป็ น People Power เพื่อขับไล่ออกจากตาแหน่งและถึงกับลี ้ภัยไปต่างประเทศจนไม่มี
แผ่นดินอยู่
- 3. มาร์ กอส มีความสามารถเป็ นพิเศษในการ “ปั่ น” ความเห็นชาวบ้ าน สร้ างภาพด้ วยการเอาเงินภาษี ประชาชนแจกเงินไม่
อัน เป็ นยอดนักบริหารให้ เกิดการโกงกินอย่างไร้ เทียมทาน ใช้ กลเม็ดแยบยลทังด้ านกฏหมายและช่องว่างของระเบียบ เพื่อ
้
้
สร้ างความมันคงให้ กบตัวเองและครอบครัวของตน
่
ั
มาร์ กอส บริหารประเทศเหมือนสโมสรส่วนตัว สามารถควบคุมกองทัพ สภา ศาล ข้ าราชการประจา สื่อมวลชน และธุรกิจ
ผูกขาดยักษ์ ๆ ของประเทศทังหมด
้
มาร์ กอสและพรรคพวก สร้ างความร่ ารวยให้ กับกลุ่มของตัวเองอย่ างมหาศาล ขณะที่ประเทศชาติและคนนอก
สังกัดของมาร์ กอสยากจนลง
หลังการเลือกตังวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1986 อคิโนเสนอ “แผนต่อต้ านแบบอหิงสาเจ็ดข้ อ” เพื่อเชิญชวนประชาชนมาประท้ วง
้
เผด็จการ แผนต่อสู้เผด็จการโกงกินนี ้รวมถึงการหยุดงานอาทิตย์ละหนึงวัน และคว่าบาตรไม่ใช้ บริกรของธนาคาร ร้ านรวง
่
และหนังสือพิมพ์ของมาร์ กอส และคนรอบข้ างมาร์ กอสทังหลายทังปวง เธอประกาศให้ ชาวบ้ านที่มาชุมนุมว่า “หากยักษ์
้
้
ใหญ่ โกลีเอี๊ยด ไม่ ยอมลงจากตาแหน่ ง เราก็จะใช้ ความอดทนมุ่งมั่นและสามัคคีของประชาชน เพื่อกระตุ้นให้
การต่ อสู้อย่ างสงบศึกของเราดาเนินไปอย่ างไม่ หยุดยัง... ไม่ ชนะ เราไม่ เลิก...” นั่นคือจุดเริ่มต้ นของขบวนการสู้
้
กับเผด็จการมาร์ กอสแล้ ว
เมื่อประชาชนมารวมตัวกันเป็ นจานวนมาก เพื่อแสดงความไม่พอใจกับเผด็จการ คอร์ รัปชันและการขาดจริยธรรมอย่าง
่
รุนแรง กองทัพก็เริ่มพิจารณาจุดยืนของตัวเองที่จะต้ องเข้ าข้ างประชาชน ไม่ใช่เป็ นเครื่ องมือของนักการเมืองคลังอานาจ
่
และทุจริต จุดผันเปลี่ยนอันสาคัญของขบวนการประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคราวนัน คือการตัดสินใจของนายทหารสอง
้
คนที่เดินข้ ามไปหาประชาชนผู้ประท้ วงพร้ อมกับประกาศว่า “กองทัพอยูข้างประชาชนผู้เรี ยกร้ องความโปร่งใสและความ
่
สุจริต...” คนแรกคือ รัฐมนตรี กลาโหมฮวน พอนซ์ เอ็นริเล่ และคนที่สองคือ รองเสนาธิการทหารในตอนนัน นามว่า ฟิ เดล
้
รามอส (ซึงต่อมาเป็ นประธานาธิบดีจากการเลือกตังและยังมีบทบาทสาคัญในการเมืองระดับชาติของฟิ ลิปปิ นส์ในวันนี )้
่
้
นายทหารผู้รักชาติกลุมนี ้ตัดสินใจประกาศจุดยืนไม่ยอมปกปองผู้นาที่สร้ างความร่ ารวยจากการปล้ นทรัพย์สมบัติของชาติ
่
้
และโกงกินภาษี ประชาชน เพราะพวกเขาถือตนเป็ น “ทหารของประชาชน”
ภาพการต่อสู้ของ “พลังประชาชน” ในฟิ ลิปปิ นส์เมื่อ 20 กว่าปี ก่อน ยังคงติดตราตรึงใจผู้คนทัวโลก ไม่วาจะเป็ นภาพแม่ชี
่
่
คุกเข้ าสวดมนต์หน้ ารถถัง หรื อภาพชาวบ้ านที่มีแต่มือเปล่าพยายามเข็นรถทหารออกไปจากพื ้นที่ชมนุม ถึงแม้ วาความ
ุ
่
กล้ าหาญที่แสดงออกมา ได้ ช่วยอาพรางความกลัวของหลายคน ณ จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ ของฟิ ลิปปิ นส์ตอนนัน
้
“ผมเฝารอให้ แม่ชีวิ่งหนี” อากาปิ โต อาคีโน น้ องชายเบนินโญ อาคีโน ผู้นาฝ่ ายค้ านที่ถกลอบสังหารระหว่างที่แคนตากาล็
้
ู
อกประกาศกฏอัยการศึก ราลึกเหตุการณ์ครังนัน “เพราะผมทาใจไม่ได้ ที่จะเป็ นคนแรกที่วิ่งหนี เราชุมนุมกันต่อไปเพราะ
้ ้
ละอายใจเกินกว่าจะหนี”
- 4. 2 ทศวรรษหลังจากผู้นาทรราช เฟอร์ ดินนด์ มาร์ กอส ถูกขับไล่ ฟิ ลิปปิ นส์กลายเป็ นประเทศประชาธิปไตยที่ไร้ กฏเกณฑ์ ซ ้า
ั
มีปัญหาเกาะกินจากความยากจน การคอร์ รัปชันและความรุนแรง เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ซึงผู้นาฝ่ ายค้ านนัดหมาย
่
่
จัดชุมนุมใหญ่ เพื่อระลึกการครบรอบ 20 ปี ของ “พลังประชาชน” คราวนัน ตลอดจนเพื่อประท้ วงต่อต้ านประธานาธิบดี
้
กลอเรี ย มาคาปากาล อาร์ โรโย ที่พวกเขากล่าวหาว่าโกงเลือกตังและคอร์ รัปชันโกงกิน อาร์ โรโยก็ได้ ประกาศภาวะฉุกเฉิน
้
่
ทหารและรถถังออกรักษาการณ์ตามท้ องถนนในกรุงมะนิลาอีกคารบหนึง
่
ไม่วาดินแดนที่เคยตกเป็ นอาณานิคมของสเปนและอเมริกาแห่งนี ้จะยังคงมีปัญหามากมายแค่ไหนก็ตาม มรดกแห่งการ
่
ต่อสู้ของ “พลังประชาชน” อันเป็ นขบวนการรากหญ้ าที่เคลื่อนไหวอย่างสันติและสามารถโค่นอานาจมาร์ กอสสาเร็จ
หลังจากถูกกดขี่มาหลายปี นัน ก็ยงคงเป็ นแหล่งที่มาของความภาคภูมิใจและอัตลักษณ์ของฟิ ลิปปิ นส์อยูนั่นเอง
้ ั
่
บรรยากาศของการต่อสู้ “พลังประชาชน” แตกต่างกันอย่างมากกับขบวนการต่อสู้ทานองเดียวกันในส่วนอื่นๆ ของเอเชีย
ไล่ตงแต่การเปลี่ยนถ่ายอานาจจากระบอบเผด็จการสูประชาธิปไตยในอินโดนีเซีย ปี 1998 ที่ไม่ได้ ขาดแคลนความรุนแรง
ั้
่
เลย หรื อการชุมนุมเรี ยกร้ องประชาธิปไตยในจตุรัสเทียนอันเหมิน ปี 1989 ที่จบลงด้ วยการที่ทหารยิงใส่นกศึกษา
ั
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากการต่อต้ านมาร์ กอสอย่างสันติยงมิได้ มีความแน่นอนมันคงอะไร และการเคลื่อนไหวอย่างกล้ า
ั
่
หาญของผู้ชมนุมชาวตากาล็อกในปี 1986 หลังจากช่วงเวลาหลายปี ของการละเมิดสิทธิทนุษยชนนัน ก็ถือเป็ นการฉกฉวย
ุ
้
โอกาสมากกว่าการวางแผนมาอย่างรอบคอบ
ความเคลือบแคลงว่า มาร์ กอสกาลังเตรี ยมการเพื่อยึดอานาจการปกครองไว้ ในมือเริ่มต้ นขึ ้นในเดือนสิงหาคม 1971 เมื่อ
ประธานาธิบดีผ้ นี ้สังระงับใช้ กฏหมายซึงกาหนดให้ ต้องส่งตัวผู้ต้องหา ฟองร้ องต่อศาลและทาให้ ตารวจสามารถจับกุมใคร
ู ่
่
้
ก็ได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับ เดือนกันยายน 1972 หรื อหนึงปี ก่อนครบกาหนดดารงตาแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ซึงตาม
่
่
รัฐธรรมนูญก็จะต้ องเป็ นสมัยสุดท้ ายของเขาด้ วย มาร์ กอสก็ได้ ออกมาประกาศใช้ กฏอัยการศึก และจากนันมาอีก 14 ปี
้
เขาปกครองฟิ ลิปปิ นส์แบบผู้นาเผด็จการ ประชาชนนับพันถูกคุมขัง ฝ่ ายต่อต้ านมากมายไม่หายสาบสูญก็ถกอุ้มฆ่าโดย
ู
กองกาลังรักษาความปลอดภัย การเผด็จการอานาจของมาร์ กอสถูกสันคลอนอย่างรุนแรงในวันที่ 21 ตุลาคม 1983 เมื่อ
่
เบนิญโญ นีนอย อาคีโน วุฒิสมาชิกฝ่ ายค้ านซึงได้ รับความนิยมจากประชาชนมาก ถูกลอบสังหารที่ทาอากาศยาน
่
่
นานาชาติกรุงมะนิลา ขณะเดินทางกลับประเทศภายหลังไปลี ้ภัยอยู่ 3 ปี ในสหรัฐฯ ความไม่พอใจภายในประเทศซึงสังสม
่ ่
เพิ่มพูนขึ ้นทุกที่ ทาให้ สหรัฐฯ ผู้เป็ นมหามิตรของมาร์ กอสในตอนนันกดดันให้ เขาต้ องยอมประกาศในปลายปี 1985 ว่าจะ
้
จัดการเลือกตังประธานาธิบดีขึ ้นก่อนกาหนดเดิม 1 ปี แต่แล้ วการเลือกตังในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1986 กลับมัวหมองขาด
้
้
ความน่าเชื่อถือด้ วยข่าวคราวกลโกงต่างๆ ทาให้ เกิดการประท้ วงฮือขึ ้นมา คูท้าชิงของมาร์ กอสในขณะนันคือ คอราซอน
่
้
อาคีโน ภรรยาหม้ ายของเบนินโญ โจมตีวามีการโกงการเลือกตังกันอย่างกว้ างขวาง และเรี ยกร้ องให้ ประชาชนลุกขึ ้นมา
่
้
กระทาการอารยะขัดขืน
ทหารบางส่วนในกองทัพที่เคยเป็ นเครื่ องมือในการกดขี่ข่มเหงประชาชนของมาร์ กอส เป็ นอีกหนึงฟั นเฟื องสาคัญที่โค่นล้ ม
่
บัลลังค์ของผู้นาเผด็จการ
- 5. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ อกาปิ โต อาคีโน กาลังดื่มสังสรรค์กบเพื่อนๆ ตอนที่ได้ ยินข่าวว่า ฮวน ปอนเซ เอนริเล และฟิ เดล รา
ั
มอส รัฐมนตรี กลาโหม และรองผู้บญชาการทหารสูงสุดในขณะนันแถลงเรี ยกร้ องให้ มาร์ กอสลาออก ตอนแรกพวกผู้นาฝ่ าย
ั
้
ค้ านยังระแวงระไวว่าเกิดความแตกแยกระหว่างมาร์ กอสกับอดีตผู้สนบสนุนเช่นนี ้จริงหรื อไม่ มีคนหนึงแนะนา อกาปิ โต
ั
่
อาคีโน ซึงขณะนันเป็ นสมาชิกวุฒิสภาว่า “ปล่อยพวกเขายิงกันเองเถอะ” “แต่ผมบอกว่า ศัตรูของศัตรูของเราก็คือ
่
้
พันธมิตรของเรา ดังนัน เราจึงต้ องช่วยกลุมนี ้ให้ แยกตัวออกมาอย่างเด็ดขาด” อาคีโนเล่า
้
่
แผนการคือ เรี ยกร้ องประชาชนไปชุมนุมกันหน้ าห้ างอิเซตัน และเดินขบวนไปยังค่ายทหาร 2 แห่งที่เป็ นศูนย์บญชาการของ
ั
นายทหารแตกแถว เพื่อกดดันไม่ให้ มาร์ กอสและลิ่วล้ อในกองทัพอีกส่วนปราบปรามทหารกบฏ เพราะจะเป็ นการโจมตี
ประชาชนไปด้ วย อาคีโนเล่าว่า เขาตรงไปหน้ าห้ างอิเซตันประมาณ 5 ทุม และเห็นมีผ้ มาชุมนุมแค่ 5 คน “ตอนนันผมไม่ร้ ู
่
ู
้
ว่า คนพวกนันเป็ นม็อบจริงๆ หรื อมาสอดแนม” แต่ไม่นาน คนก็เริ่มทยอยกันมาจาก 5 เป็ น 10 คนและถึงหลักร้ อย ราว
้
เที่ยงคืน การเดินขบวนเริ่มต้ นด้ วยคนหลายพัน “เรารู้สกเข้ มแข็งขึ ้นมาอย่างง่ายดาย เพราะขณะที่ก้าวไปข้ างหน้ า คุณรู้วา
ึ
่
มีคนเป็ นร้ อยๆ สนับสนุนอยูข้างหลัง”
่
และแล้ วคาร์ ดินล ไฮเม ซิน อาร์ คบิช็อปแห่งมะนิลา ก็ออกแถลงการณ์ทางวิทยุเรี ยกร้ องชาวฟิ ลิปปิ นส์ปกปองกลุมทหารที่
ั
้
่
แยกตัวออกมาจากรัฐบาล แม่ชีนิกายคาทอลิกตรงดิ่งไปที่ถนนใกล้ คายทหารทันที เพื่อตังเต็นท์ให้ บริการอาหารแก่ผ้ ชมนุม
่
้
ูุ
รุ่งเช้ า คนนับหมื่นรวมตัวกันหน้ าค่ายทหารทัง้ 2 แห่ง ฝูงชนขยายกลายเป็ นแสนหรื อกระทังอาจถึงล้ าน ระหว่างช่วงเวลา 4
่
วันของการชุมนุม เย็นวันอาทิตย์ มาร์ กอสส่งรถถังของหน่วยนาวิกโยธินเข้ าไปข่มขู่ผ้ ชมนุม ท่ามกลางข่าวลือว่ากองกาลังที่
ูุ
ยังภักดีตอเขาอาจกวาดล้ างผู้ประท้ วง แต่ประชาชนไม่ยอมถอยแม้ สกก้ าว ขณะที่ทหารก็ไม่ได้ ลนกระสุนออกมา
่
ั
ั่
นัสเซอร์ มาโรฮอมเซอิก ทนายความและสมาชิกกลุมมุสลิมใต้ ดินที่ต้อต้ านมาร์ กอส ชวนภรรยา ลูกชาย และเพื่อนบ้ านไป
่
ร่วมชุมนุม เขาเล่าว่า ผู้ชมนุมส่วนใหญ่ไม่ใช่นกเคลื่อนไหวแต่เป็ นราษฎรธรรมดา “ชาวบ้ านโกรธเกรี ยวมาร์ กอส ไม่
ุ
ั
้
ต้ องเชิญชวนพวกเขาก็มา เพราะรู้ ว่าโอกาสแบบนีผ่านแล้ วจะผ่ านเลย”
้
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ มาร์ กอสสาบานตนเข้ ารับตาแหน่งอีกสมัย แต่ไม่กี่ชวโมงหลังจากนันก็เป็ นที่ร้ ูกนว่าอเมริกามหามิตร
ั่
้
ั
จะไม่แทรกแซงเพื่อค ้าจุนเขา ผู้นาเผด็จการจึงตัดสินใจลงจากหลังเสือ โดยอาศัยเฮลิคอปเตอร์ ทหารของสหรัฐฯ พา
ครอบครัวไปลี ้ภัยในฮาวาย ขณะที่ฝงชนถาโถมเข้ าสูทาเนียบมาลากันยังเพียงเพื่อจะตะลึงงันกับความหรูหราอลังการที่
ู
่
ปรนเปรอชีวิตของผู้นาเผด็จการ และลูกเมียที่ร่วมกันโกงกินบ้ านเมือง
2 ทศวรรษต่อมา ปั ญหาการคอร์ รัปชัน การแตกร้ าวลึกทางการเมือง กลุมกบฏติดอาวุธ และช่องว่างกว้ างใหญ่ไพศาล
่
่
ระหว่างคนรวยกับคนจน ยังคงรุมเร้ าฟิ ลิปปิ นส์ไม่เสื่อมคลาย กระนัน เครสเซนเซีย ลูเซโร แม่ชีซงเป็ นหนึงในผู้ที่เชื่อว่า
้
ึ่
่
มาร์ กอสสมควรไป ยังมันคงกับความรู้สกของตัวเอง
่
ึ
“ไม่ ว่าบ้ านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปหรื อไม่ อย่ างไร ฉันยังคงอยากเป็ นส่ วนหนึ่งของพลังประชาชน”
- 6. ขอบคุณทุกท่านที่พยายามอ่านบทความของคุณสุทธิชย หยุน ที่เคยได้ เผยแพร่ไว้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ซึงผมขอนา
ั ่
่
บทความนี ้มาเป็ นความรู้ให้ กบพวกเราคนไทยทุกคนได้ อานครังอีกครัง ผมมีความประสงค์ให้ ผ้ ูที่ทานยังไม่ร้ ูวาจุดยืนของ
ั
่
้
้
่
่
ตัวท่านเองคืออะไรนัน สาหรับการเป็ นไทยเฉยของท่านหรื อการคัดค้ านทุกการร่วมใจของพลังมวลมหาประชาชนที่เค้ า
้
พร้ อมจะเสียสละความเป็ นส่วนตนออกไปได้ อย่างน่าชื่นชม แน่นอนครับ พวกเราไม่ได้ ต้องการเป็ นฮีโร่ พวกเราไม่ได้
ต้ องการถูกจารึก แต่สงที่พวกเราต้ องการอย่างสุดหัวใจต่อการออกมารวมตัวของเราในครังนี ้คือ การจะดารงค์ไว้ ซงความ
ิ่
้
ึ่
ถูกต้ องและความศักดิ์สทธิ์ของกฎหมาย การหลุดพ้ นจากการถูกกดขี่ข่มเหงและถูกเอารัดเอาเปรี ยบจากผู้ที่คิดว่าตนเองมี
ิ
อานาจเหนือคนอื่น การขับไล่รัฐบาลนอมินีที่ไร้ จริยธรรม และการขับไล่ระบอบทักษิณ ที่จะเป็ นเหตุการณ์เดียวกับระบอบ
มาร์ กอส หากเราคนไทยทุกคนยังคงเป็ นไทยเฉย และยังเคลือบแคลงสงสัยลังเลใจว่าจะพวกเรามวลมหาประชาชน
ออกมาทาบ้ าอะไรให้ คนอื่นเดือดร้ อนกัน ผมหวังเป็ นอย่างยิ่งว่า หากท่านจะอ่านให้ จบ ท่านจะพบคาตอบที่ทานอยากรู้
่
ทุกๆคาถามครับ ขอบคุณอย่างสุดซึ ้งในการเปิ ดตาเปิ ดหูเปิ ดใจของท่านทุกคนครับ และผมจะรอวันที่พวกท่านออกมาสู้
เคียงบ่าเคียงไหล่ขบไล่รัฐบาลทรราชนี ้ให้ ออกไปจากแผ่นดินไทยครับ
ั