More Related Content
Similar to รายงานOil (20)
รายงานOil
- 4. 3
ประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
1.พวกมือใหม่หรือมือสมัครเล่นอยากทดลองความรู้ และส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้ที่เป็น
อาชญากรโดยนิสัย ไม่ได้ดารงชีพ โดยการกระทาความผิด
2.นักเจาะข้อมูล ผู้ที่เจาะข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นพยายามหาความท้าทายทาง
เทคโนโลยีเข้าไปในเครือข่ายของผู้อื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
3.อาชญากรในรูปแบบเดิมที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเช่นพวกลักเล็กขโมยน้อยที่
พยายามขโมยบัตรเอทีเอ็ม ของผู้อื่น
4.อาชญากรมืออาชีพ คนพวกนี้จะดารงชีพจากการกระทาความผิด เช่น พวกที่มักจะใช้
ความรู้ทางเทคโนโลยีฉ้อโกง สถาบันการเงิน หรือการจารกรรมข้อมูลไปขาย เป็นต้น
5.พวกหัวรุนแรงคลั่งอุดมการณ์หรือลัทธิมักก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เพื่อ
อุดมการณ์ทางการเมืองเศรษฐกิจศาสนาหรือสิทธิมนุษยชนเป็นต้นความเสียหายที่
เกิดขึ้นจากอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นั้นคงจะไม่ใช่มีผลกระทบเพียงแต่ความ
มั่นคงของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงเท่านั้นแต่ยังมีผลกระทบไปถึงเรื่องความมั่นคงของ
ประเทศชาติเป็นการส่วนรวมทั้งความมั่นคงภายใน และภายนอกประเทศโดยเฉพาะ
ในส่วนที่เกี่ยวกับข่าวกรองหรือการจารกรรมข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับความมั่นคงของ
ประเทศซึ่งในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิม เช่น
1.ในปัจจุบันความมั่นคงของรัฐนั้นมิใช่จะอยู่ในวงการทหารเพียงเท่านั้นธรรมดาก็
สามารถป้องกัน หรือทาลาย ความมั่นคงของประเทศได้
2.ในปัจจุบันการป้องกันประเทศอาจไม่ได้อยู่ที่พรมแดนอีกต่อไปแล้วแต่อยู่ที่ทา
อย่างไรจึงจะไม่ให้มีการคุกคามหรือทาลายโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ3.การทาจาร
กรรมในสมัยนี้มักจะใช้วิธีการทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเกี่ยวกับเทคโนโลยี
อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์บนโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ ความผิดต่างๆล้วน
แต่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นการจารกรรมการก่อการร้ายการค้ายาเสพติดการแบ่งแยก
ดินแดนการฟอกเงินการโจมตีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศที่มีระบบ
คอมพิวเตอร์ควบคุมเช่นระบบจราจรหรือระบบรถไฟฟ้าเป็นต้นซึ่งทาให้เห็นว่า
- 6. 5
รูปแบบของการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นทั่วไป มีดังนี้
1. การลักลอบเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกลุ่มคนที่ลักลอบเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้
รับอนุญาตสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ
· แฮกเกอร์ (Hacker) คือกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถและต้องการทดสอบ
ความสามารถของตนเอง โดยไม่มีประสงค์ร้าย
· แครกเกอร์ (Cracker) คือกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถคล้ายกับ Hacker แต่กลุ่มนี้
จะเป็นผู้ที่ประสงค์จะทาลายและสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น
· สคริปต์คิดดี้ (Script Kiddy) คือกลุ่มเด็กหรือนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ โดยกลุ่มนี้จะมี
ความต้องการอยากทดลอง อยากรู้อยากเห็น โดยหลังจะก่อกวนผู้อื่น
2. การขโมยและทาลายอุปกรณ์ (Hardware Theft and Vandalism)
3. การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software Theft)
4. การก่อกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย (Malicious Code)
เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ หนอนอินเตอร์เน็ต ม้าโทรจัน
5. การก่อกวนระบบด้วยสปายแวร์ (Spyware) สร้างความราคาญ
6. การก่อกวนระบบด้วยสแปมเมล์ (Spam Mail) เมล์โฆษณา
7. การหลอกลวงเหยื่อเพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัว (Phishing)
การรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์
1. การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส (Antivirus Program)
2. การใช้ระบบไฟล์วอลล์ (Firewall System)
3. การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption)
4. การสารองข้อมูล (Back Up)
- 8. 7
ปัจจัยอย่างหลังนี่เอง ที่ก่อให้เกิดปัญหา"อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์" (Computer
Crime) อันเป็นปัญหาหลักที่นับว่ากาลังทวีความรุนแรงกว่าปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์
เสียด้วยซ้า ซึ่งแหล่งที่เป็นจุดโจมตีมากที่สุดอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือ "อินเทอร์เน็ต" ที่เป็น
เช่นนี้เกิดจากความต้องการเก็บข้อมูลต่างๆทั้งในวงการธุรกิจและแวดวงราชการไว้ใน
คอมพิวเตอร์ แล้วสามารถติดต่อเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ จนกลายเป็นระบบ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกจานวนมาก และเปิดโอกาส
ให้สมาชิกคนหนึ่งในเครือข่ายนั้น นาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาก่อให้เกิดปัญหา
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น
- 9. 8
อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทาผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็น
ส่วนสาคัญ มีการจาแนกไว้ดังนี้
1.Novice เป็นพวกเด็กหัดใหม่(newbies)ที่เพิ่งเริ่มหัดใช้คอมพิวเตอร์มาได้ไม่นาน หรือ
อาจหมายถึง
พวกที่เพิ่งได้รับความไว้วางใจให้เข้าสู่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.Darnged person คือ พวกจิตวิปริต ผิดปกติ มีลักษณะเป็นพวกชอบความรุนแรง
และอันตรายมักเป็นพวกที่ชอบทาลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นบุคคลสิ่งของหรือ
สภาพแวดล้อม
3.Organized Crime พวกนี้เป็นกลุ่มอาชญากรที่ร่วมมือกันทาผิดในลักษณะของ
องค์กรใหญ่ๆ ที่มีระบบ พวกเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน โดยส่วนหนึ่งอาจใช้เป็น
เครื่องหาข่าวสาร เหมือนองค์กรธุรกิจทั่วไป ส่วนหนึ่งก็จะใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นตัว
ประกอบสาคัญในการก่ออาชญากรรม หรือใช้เทคโนโลยี
กลบเกลื่อนร่องร่อย ให้รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่
4.Career Criminal พวกอาชญากรมืออาชีพ เป็นกลุ่มอาชญากรคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่
มาก กลุ่มนี้น่าเป็นห่วงมากที่สุด เนื่องจากนับวันจะทวีจานวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจับผิด
แล้วจับผิดเล่า บ่อยครั้ง
5. Com Artist คือพวกหัวพัฒนา เป็นพวกที่ชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์
เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน อาชญากรประเภทนี้จะใช้ความก้าวหน้า เกี่ยวกับ
ระบบคอมพิวเตอร์ และความรู้ของเพื่อหาเงินมิชอบทางกฎหมาย
6.Dreamer พวกบ้าลัทธิ เป็นพวกที่คอยทาผิดเนื่องจากมีความเชื่อถือสิ่งหนึ่งสิ่งใด
อย่างรุ่นแรง
7.Cracker หมายถึง ผู้ที่มีความรู้และทักษะทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี จนสามารถ
ลักลอบเข้าสู่ระบบได้ โดยมีวัตถุประสงค์เข้าไปหาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง มัก
เข้าไปทาลายหรือลบไฟล์ หรือทาให้คอมพิวเตอร์ใช้การไม่ได้ รวมถึงทาลาย
ระบบปฏิบัติการ
- 11. 10
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ ๒๕๕๐ ซึ่งมีผล
บังคับใช้แล้วน่าจะเป็นความหวังของบรรดาเหยื่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ในการใช้
เพื่อต่อสู้กับการถูกกระทาย่ายีโดยโจรคอมพิวเตอร์ได้๕ฐานความผิดอาชญากร
คอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ "ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดิอน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ"
มาตรา๖ "ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็น
การเฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความ
เสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจาทั้งปรับ"
มาตรา ๗ " ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ"
มาตรา ๘ "ผู้ใดกระทาด้วยประการใดๆ โดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์เพื่อ
ดักรับไว้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์
และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อให้บุคคลทั่วไป
ใช้ประโยชน์ได้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ
ทั้งจา ทั้งปรับ" คาอธิบาย ในกลุ่มความผิดนี้ เป็นเรื่องของแฮกเกอร์ (Hacker) คือ การ
เจาะเข้าไปใน"ระบบ"คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติ
บุคคล ซึ่งระดับความร้ายแรงของโทษ ไล่ขึ้นไปจากการใช้ mail ของคนอื่น เข้าไปใน
ระบบ หรือเผยแพร่ mail ของคนอื่น การเข้าไปใน "ข้อมูล" คอมพิวเตอร์ ของบุคคลอื่น
จนกระทั่งการเข้าไปจารกรรมข้อมูลส่วนบุคคล โดยวิธีการทางอิเล็คทรอนิกส์ เช่น
ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการค้า (Corporate Eepionage) ๒.ทาลายซอฟท์แวร์
- 12. 11
มาตรา ๙ "ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด
หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ"
มาตรา ๑๐ "ผู้ใดกระทาด้วยประการใดๆ โดยมิชอบ เพื่อให้การทางานของระบบ
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทางาน
ตามปกติได้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจา
ทั้งปรับ" คาอธิบาย เป็นลักษณะความผิดเช่นเดียวกับ ความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ใน
ประมวลกฎหมายอาญา แต่กฎหมายฉบับนี้หมายถึงซอฟท์แวร์ หรือโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ ๓ ปกปิด หรือปลอมชื่อส่ง Mail
มาตรา ๑๑ "ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดย
ปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้
ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินไม่เกินหนึ่ง
แสนบาท" คาอธิบาย เป็นการส่งข้อมูล หรือ Mail โดยปกปิดหรือปลอมแปลงชื่อ
รบกวนบุคคลอื่น เช่น จดหมายลูกโซ่ ข้อมูลขยะต่างๆ ๔.ผู้ค้าซอฟท์แวร์ สนับสนุน
การทาผิด
มาตรา ๑๓ "ผู้ใดจาหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อนาไปใช้เป็น
เครื่องมือ ในการกระทาความผิดตามมาตรา ๕ -๖ -๗ -๘ -๙ -๑๐ และ ๑๑ ต้องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ"
คาอธิบาย เป็นความผิดที่ลงโทษผู้ค้าซอฟท์แวร์ ที่นาไปใช้เป็นเครื่องมือกระทา
ความผิดตาม มาตรา ๕ -๑๑ ๕.ตัดต่อ เผยแพร่ ภาพอนาจาร
- 13. 12
มาตรา๑๖"ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้าง
ขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดย
ประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความ
เสียหาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้ง
ปรับถ้าการกระทาตามวรรคหนึ่ง เป็นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทา
ไม่มีความผิด คาอธิบาย เป็นเรื่องของการตัดต่อ หรือตกแต่งภาพดารา ภาพบุคคลอื่น
ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในลักษณะอนาจาร และเผยแพร่ไปยังบุคคลที่สาม คาว่า
ประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความ
เสียหายนั้น เพียงเห็นภาพก็น่าเชื่อแล้ว ไม่จาเป็นต้องยืนยันด้วยหลักฐาน หรือบุคคล
โดยทั่วไปจะต้องเข้าใจในทันทีว่าบุคคลที่สามนั้นจะต้องได้รับความเสียหายอย่าง
แน่นอน จากการเผยแพร่ภาพนั้น สาหรับผู้ที่ได้รับภาพ ไม่มีความผิด ยกเว้นจะ
Forward หรือเผยแพร่ต่อ ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้ถึงแม้จะมี
กฎหมายที่ตราขึ้นไว้เฉพาะความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แล้วก็ตาม แต่ความผิดใน
ลักษณะนี้ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าซึ่งสามารถรู้ตัวผู้กระทาความผิดได้ในฉับพลัน
เช่นเดียวกับความผิดอาญาโดยทั่วไป นอกจาก "รอยเท้าอิเล็กทรอนิกส์" (electronic
footprints) อันได้แก่ IP หรือร่องรอยที่ทิ้งไว้ในซอฟท์แวร์