More Related Content Similar to กระบวนการตรึงคาร์บอกไดออกไซด์พองพืช c3 c4 cam Similar to กระบวนการตรึงคาร์บอกไดออกไซด์พองพืช c3 c4 cam (20) กระบวนการตรึงคาร์บอกไดออกไซด์พองพืช c3 c4 cam1. การตรึงคาร์บอนไดออกไซค์ของพืช C4
พืช C4 ปรับตัวโดยมีการตรึง CO2 2 ครั้ง ครั้งแรก เกิดขึ้น
ที่มีโซฟิลล์ (Mesophyll) มีการตรึงCO2 จากบรรยากาศเข้า
สู่มีโซฟิลล์ใช้ Phosphoenol pyruvate (PEP: C3) เป็นสาร
ตั้งต้น และโดยใช้เอนไซม์ PEP Carboxylase เป็นเอนไซม์
เร่งปฏิกิริยา ได้ Oxaloacetate (OAA: C4) แล้วเปลี่ยนเป็น
Malate (C4) แล้ว Malate กลับไปเป็น PEP เพื่อให้ได้ CO2
ออกมา
2. การตรึงคาร์บอนไดออกไซค์ของพืช CAM
พืช CAM (Crassulacean Acid Metabolism)
คือพืชทนแล้งและอวบน้า จะปรับตัวโดย
จะตรึง CO2 ตอนกลางคืน เข้ากับ PEP ด้วย
PEP carboxylase ได้ OAA ซึ่งจะเปลี่ยนเป็น
Malic acid แล้วเก็บไว้ใน vacuole จนถึงเวลา
กลางวัน malic acid ก็จะปล่อย CO2 เข้า calvin
cycle ใน chloroplast ต่อไป ความเข้มข้นของ
CO2 จึงสูงตลอดเวลา
3. ตัวอย่างพืชแต่ละชนิด
พืช C3
พืชทั่วๆไป เช่น มะม่วง กล้วย ข้าวเจ้า ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ข้าวเหนียว มีจานวน
มากกว่า 90% ในโลก
พืช C4
พืชเมืองร้อน เช่น อ้อย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง เป็นต้น
พืช CAM (Crassulacean Acid Metabolism)
พืชที่สามารถเจริญเติบโตในที่แห้งแล้ง เช่น กระบองเพชร สับปะรด ป่านศรนารายณ์
(Agave) กล้วยไม้ กุหลาบหิน เป็นต้น
4. ลักษณะ พืช C3 พืช C4 พืช CAM
ช่วงเวลาที่เกิดกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง
กลางวัน กลางวัน กลางวัน
จานวนครั้งในการตรึง CO2 1 ครั้ง 2 ครั้ง 2 ครั้ง
การตรึง CO2 จากอากาศ
- เอนไซม์ที่ใช้
- สารตั้งต้นที่ใช้
- ผลิตภัณฑ์ที่เกิด
- ช่วงเวลาที่เกิด
Rubisco
RuBP
PGA (C3)
กลางวัน
PEP carboxylase
PEP
OAA (C4)
กลางวัน
PEP carboxylase
PEP
OAA (C4)
กลางคืน
เซลล์ที่เกิด Calvin cycle Mesophyll Bundle sheath Mesophyll
อัตราการเกิด Photorespiration สูง ต่า ต่า
6. การลาเลียงสารของพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊สของพืช
แก๊สต่างๆที่พืชต้องการ เช่น CO2 O2 ethylene หรือ ไอน้า จะแลกเปลี่ยนกับพืชด้วย
การแพร่ จากบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นต่า
การคายน้า คือการสูญเสียน้าในรูปแก๊สผ่านทางปากใบ โดยปัจจัยที่ทาให้พืชคายน้า
คือ อุณหภูมิ อากาศแห้ง ลมพัดแรง ความเข้มแสงมาก แต่ถ้ามากเกินไปจะทาให้พืชสูญเสีย
น้ามากเกินไปจะทาให้พืชสูญเสียน้าเกินความจาเป็น ปากใบก็จะปิดเพื่อสงวนน้าเอาไว้
7. การลาเลียงสารของพืช
การเปิดปิดของปากใบ ถูกควบคุมโดยแสงและ K+
ตอนเช้า แสงจะกระตุ้นให้ K+ แพร่เข้าเซลล์คุม ในเซลล์จึงเข้มข้น น้าจึงแพร่เข้า
เซลล์คุม ปากใบจึงเปิด เมื่อมีแก๊สและแสง เซลล์คุมจึงสังเคราะห์ด้วยแสงได้น้าตาล ในเซลล์
จึงยิ่งมีความเข้มข้น ปากใบจึงยิ่งเปิด ตอนเย็น แสงหมด ความเข้มข้นในเซลล์ จึงน้อยลง
การเปิดปิดของปากใบทาให้เกิดการแลกเปลี่ยนแก๊ส และในขณะเดียวกันก็ต้อง
สูญเสียไอน้าภายใน mesophyll เมื่อพืชขาดน้าหรือน้าในดินมีน้อย ฮอร์โมน abscisic acid
จะควบคุมให้ปากใบปิด แม้ว่าจะมีแสงก็ตาม
*** น้าในดินน้อย ปากใบปิด ลดการคายน้า น้าในอากาศน้อย (อากาศแห้ง) เพิ่มการ
คายน้า
8. การลาเลียงสารของพืช
การดูดแร่ธาตุของพืช
เกิดที่ขนราก ให้ทั้งแบบ passive และ active transport เซลล์บริเวณนี้จึงพบ
mitochondria มาก และต้องได้รับ O2 อย่างเพียงพอ active transport ทาให้พืชสะสมธาตุ
บางชนิดในรากได้ ธาตุอาหารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ธาตุอาหารหลัก (Macronutrients) ที่พืชต้องการมากมี 9 ชนิด คือ C H O N P K
Ca Mg S
2. ธาตุอาหารรอง (Micronutrients) ที่พืชต้องการน้อยมี 9 ชนิด คือ B Fe Cu Zn
Mn Mo Cl Ni Si