More Related Content
Featured
Featured (20)
20190407 Queen Esther
- 2. 20 – 21 March 2019
- 6. ในปีที่สามแห่งรัชสมัยของอาหสุเอรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ทรงแสดงราชสมบัติอันรุ่งเรือง ของพระองค์ ทั้งความโอ่อ่าตระการ อันรุ่งโรจน์ เป็ นเวลาถึง 180 วัน แล้วพระองค์ก็ประทานเลี้ยงแก่ประชาชน ในลานอุทยานแห่งราชสานัก เป็ นเวลา 7 วัน พระราชินีวัชทีก็พระราชทาน การเลี้ยงแก่สตรีในราชสานักด้วย เอสเธอร์ 1
- 8. ขันทีจึงทูลว่า พระราชินีได้ทรงกระทาผิด มิใช่ต่อพระราชาเท่านั้น แต่ต่อเจ้านาย และประชาชนทั้งปวง ผู้อยู่ในมณฑลทั้งสิ้น เพราะหญิงทั้งปวงจะรู้ถึงการกระทา ของพระนาง และจะพากันดูแคลนสามี จะทาให้ขาดความเคารพ และเกิดความขัดแย้งไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้นขอให้ร่างพระราชโองการเป็ นกฎหมายซึ่งจะล้มเลิกไม่ได้ ห้ามพระนางวัชทีเข้าเฝ้ าฝ่ าพระบาทอีก ทั้งให้ฝ่ าพระบาทประทานตาแหน่งพระราชินีแก่คนอื่น เมื่อประกาศพระราชโองการนี้แล้ว หญิงทั้งปวงจะเคารพสามี ตั้งแต่ ผู้น้อยที่สุดไปจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด
- 9. กษัตริย์อาหสุเอรัช ทรงนึกถึงพระราชินีของพระองค์ ข้าราชการของกษัตริย์จึงทูลว่า “ขอทรงแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ให้ เสาะหาหญิงสาวพรหมจารีที่งดงาม มายังฮาเร็มในสุสาเมืองป้ อม และ ขอให้หญิงสาวผู้ที่กษัตริย์พอพระทัย ได้เป็ นพระราชินี” พระองค์จึงทรงทาตามนั้น เอสเธอร์ 2
- 11. มียิวคนหนึ่งชื่อ โมรเดคัย ท่านได้เลี้ยงดู ฮาดาชาห์ คือ เอสเธอร์ บุตรสาวของลุง เพราะเธอไม่มีพ่อแม่ สาวคนนี้รูปงามและน่าดู เมื่อบิดามารดาของเธอสิ้นชีวิตแล้ว โมรเดคัยก็รับเธอมาเลี้ยงเป็ นบุตรี
- 13. เอสเธอร์ก็ถูกรวบรวมเข้ามาไว้ในราช สานัก เธอไม่ได้บอกให้ใครรู้ถึงชาติ กาเนิดตามที่โมเดคัยกาชับไว้ หญิงสาวทุกคนจะถูกถวายตัวให้กับ กษัตริย์ ครั้งเดียวและจะไม่ได้เข้าเฝ้ า อีก ถ้าไม่มีรับสั่งเป็ นการเฉพาะ เอสเธอร์ก็ได้รับการถวายเช่นเดียวกัน หญิงสาวที่ได้รับคัดเลือกมา
- 16. พระราชาได้ทรงเลื่อนยศ ฮามาน บุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ทรงตั้งเก้าอี้ของท่าน ไว้เหนือ เจ้านายทั้งปวง พระราชาได้ทรงบัญช่าให้แสดง ความเคารพต่อฮามาน ข้าราชการต่าง ๆ ก็กราบลง แสดง ความเคารพ เอสเธอร์ 3
- 18. ฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลง หรือแสดงความเคารพต่อท่าน ก็เดือดดาล แต่ท่านเห็นว่าเป็ นการเสียเกียรติที่ จะจับกุมโมรเดคัย คนเดียว ฮามานจึงหาช่องที่จะทาลายยิวทั้งหมด คือชนชาติของ โมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส
- 19. แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายอยู่ทั่ว และแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายในมณฑล แห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของเขาผิดกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกนี้ ไม่รักษากฎหมายของพระราชา การที่พระราชาทรงปล่อยเขาไว้นี้ไม่บังเกิด ประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็ นที่พอพระทัยพระราชา ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทาลายล้างเขาเสียเถิด และข้าบาทจะถวายเงิน หนึ่งหมื่นตะลันต์ ใส่มือบรรดาผู้ที่ดูแลพระราชกิจของ พระราชาเพื่อเขาจะได้ใส่ในพระคลังของ พระราชา”
- 20. พระราชาจึงถอดพระธามรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ ของพระองค์ มอบแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว และตรัสกับฮามานว่า “เรามอบเงินนั้นให้แก่ท่าน และมอบประชาชน แก่ท่านด้วย เพื่อจะทาแก่เขาตามที่ท่านเห็นดี”
- 21. โมรเดคัยทราบทุกอย่างแล้ว ก็ฉีกเสื้อของตน สวมผ้ากระสอบ และใส่ขี้เถ้า และออกไปกลางนคร คร่าครวญด้วยเสียงดังอย่างขมขื่น มีการไว้ทุกข์อย่างใหญ่หลวง ท่ามกลางพวกยิว ด้วยการอด อาหาร ร้องไห้และคร่าครวญ และ คนเป็ นอันมากนอนในผ้ากระสอบ และมีขี้เถ้า เอสเธอร์ 4
- 24. แล้วพระนางเอสเธอร์ก็บอกฮาธาค ให้ส่งข่าวไปให้โมรเดคัยว่า “ข้าราชการของพระราชาทั้งสิ้น และประชาชนในบรรดามณฑลของพระราชาทราบอยู่ ว่า ถ้าชายหรือหญิงคนใดเข้าเฝ้ าพระราชาภายในพระลานชั้นในโดยมิได้ทรงเรียก ก็มี กฎหมายอยู่ข้อเดียวเหมือนกันหมด ให้ลงโทษถึงตาย เว้นเสียแต่ผู้ซึ่งพระราชายื่นพระ คทาสุวรรณออกรับคนนั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนฉันพระราชาก็มิได้ตรัสเรียกให้เข้าเฝ้ า มาสามสิบวันแล้ว”
- 27. เอสเธอร์ตรัสบอกเขาให้ไปบอกโมร เดคัยว่า “ไปเถิด ให้รวบรวมพวกยิวทั้งสิ้น ที่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทาน อย่าดื่มสามวัน กลางคืนหรือกลางวัน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหาร อย่างท่านด้วย แล้วฉันจะเข้าเฝ้ าพระราชา แม้ว่าเป็ นการฝ่ าฝืนกฎหมาย ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ”
- 29. อยู่มาในวันที่สาม พระนางเอสเธอร์ประทับยืน ที่ในลานชั้นใน ท้องพระโรงใหญ่ พระราชาประทับบนราชบัลลังก์ เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระราชินี เอสเธอร์ ประทับยืนอยู่ในพระลาน พระนางก็เป็ นที่โปรดปรานในสาย พระเนตรของพระองค์ พระองค์จึง ทรงยื่นพระคทาสุวรรณซึ่งอยู่ใน พระหัตถ์ของ พระองค์แก่พระนาง เอสเธอร์ พระนางก็เสด็จเข้ามา แตะยอดพระคทา เอสเธอร์ 5
- 31. พระนางเอสเธอร์ทูลว่า “ถ้าเป็ นที่พอพระทัย ขอพระราชาเสด็จมาพร้อมกับฮามาน เพื่อเสวยพระกระยา หารที่หม่อมฉันเตรียมไว้ เพื่อใต้ฝ่ าพระบาท” ในขณะที่เสวยพระกระยาหาร พระราชาทรงถามพระนางเอสเธอร์อีกถึงสิ่งที่พระราชินีทรงประสงค์ และพระนางทรงตอบว่า “ขอพระราชาเสด็จมายังการเลี้ยง ซึ่งหม่อมฉันจะเตรียมไว้พร้อมกับฮามาน และ พรุ่งนี้หม่อมฉันจะกระทาตามที่พระราชาตรัสนั้น”
- 32. ฮามานก็กลับไปด้วยความยินดี ฮามานพรรณนาถึงความโอ่โถงแห่งความมั่งมี และเกียรติยศต่างๆ แล้วฮามานเสริมว่า “แม้พระราชินีเอสเธอร์ก็มิได้ทรงให้ผู้ใดไปกับพระราชาในการเลี้ยง ซึ่งพระนางทรงจัดขึ้นนอกจากตัวข้า และพรุ่งนี้พระนางทรงเชิญข้ากับพระราชาอีก แต่สิ่งเหล่านี้หาเป็ นประโยชน์แก่ข้าไม่ ตราบใดที่ข้าเห็นโมรเดคัยคนยิวนั่งอยู่ที่ ประตูของพระราชา”
- 35. พระราชาจึงตรัสกับฮามานว่า “รีบเข้าเถอะ เอาเสื้อและม้าอย่างที่ท่านว่า แล้วให้เกียรติแก่โมรเดคัยคนยิว ซึ่งนั่งที่ประตูพระราชวัง อย่าเว้นสิ่งใดที่ท่านกล่าวมานั้นเลย” ฮามานจึงนาฉลองพระองค์กับม้า และตกแต่ง โมรเดคัย และให้ท่านขึ้นม้าไปตามถนนในกรุง ป่ าวร้องไปว่า “คนที่พระราชาพอพระทัย จะประทานเกียรติยศ ก็เป็ นอย่างนี้แหละ”
- 36. เอสเธอร์ 7 พระราชาตรัสกับเอสเธอร์อีกว่า “พระราชินีเอสเธอร์ คาร้องขอของพระนางคืออะไร ราชินีเอสเธอร์ทูลตอบว่า “ข้าแต่พระราชา ถ้าหม่อมฉันเป็ นที่โปรดปราน ในสายพระเนตรของพระองค์ และถ้าเป็ นที่พอพระทัย ขอพระราชทานชีวิตของหม่อมฉันและ ของชนชาติ ตามคาทูลขอของหม่อมฉัน เพราะพวกเราถูกขายทั้งหม่อมฉัน และชนชาติของหม่อมฉันให้ถูกทาลาย ให้ถูกสังหารและให้ถูกล้างผลาญ ถ้าพวกเราถูกขายเพียงให้เป็ นทาสชายและหญิง หม่อมฉันก็จะอดกลั้นสงบไว้ เพราะความทุกข์ยากของเรา จะเปรียบกับผลเสียหายของ พระราชานั้นก็ไม่ได้”
- 41. God bless you