More Related Content
Similar to ใบงานที่2.. (20)
More from Teerapat Jittiwat
More from Teerapat Jittiwat (10)
ใบงานที่2..
- 1. ความหมาย ความสาคัญของโครงงาน
คอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษา
ปัญหาที่ตนสนใจ โดยนักเรียนจะต้องวางแผนการดาเนินงานศึกษา พัฒนาโปรแกรม
หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์เครือง ่
คอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงานเรื่องที่
นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน
หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้วนักเรียนสามารถทา
โครงงานเรืองดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษาการวิเคราะห์
่
ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้
จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับ
ประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้า
หาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพือการศึกษา ประดิษฐ์
่
ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์เพือฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้
่
การพัฒนาความคิดใหม่ๆความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อน
มนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีผลกระทบต่อ
ความเจริญก้าวหน้าของทุก ๆ สังคมในโลกปัจจุบันนี้เทคโนโลยีด้านนี้มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องยากที่ประชาชนจะคอยติดตามความก้าวหน้า
อยู่ตลอดเวลาและเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่าอีกด้วยดังนั้นการศึกษาเทคโนโลี
ของคอมพิวเตอร์จึงต้องศึกษาหลักการและเนื้อหาพื้นฐานเป็นสาคัญการศึกษาด้าน
วิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจาเป็นเสมือนกับการศึกษาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
คอมพิวเตอร์ได้เปลี่ยนแปลงโลกของเราในด้านต่าง ๆ มากมายได้แก่
- สังคมโดยส่วนใหญ่เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมเป็นสังคมสารสนเทศ
- การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มักขึ้นอยู่กับข้อมูลซึ่งได้จากระบบคอมพิวเตอร์
- คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือที่สาคัญแทนเครืองมืออื่น ๆ ในอดีต เช่น เครือง
่ ่
พิมพ์ดีด เครื่องคิดเลขเป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ถูกใช้ในการออกแบบสถานการณ์หรือปัญหาที่ซับซ้อนต่าง ๆ
- คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารของโลกปัจจุบัน
- 2. โครงงานคอมพิวเตอร์ที่จะทาในระดับมัธยมศึกษาควรเป็นประเด็นหรือปัญหาที่
นักเรียนสนใจใคร่รู้และสามารถใช้ความรู้ ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์ในระดับของ
นักเรียนเพื่อคิดแนวทางในการแก้ปัญหาและการพัฒนาโปรแกรม เพื่อให้โครงงาน
คอมพิวเตอร์นั้นมีคุณค่ายิ่งอย่างไรก็ตาม เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดที่จะทา
โครงงานอาจมีผู้สนใจทามาก่อนหรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้า
และพัฒนามาแล้วแต่นักเรียนก็ยังสามารถทาโครงงานดังกล่าวได้ เพียงแต่คิด
ดัดแปลงแนวทางในการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษา
เพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้กิจกรรมที่จัดว่าเป็นโครงานคอมพิวเตอร์ควร
มีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้
- เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอต์ฟแวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
- นักเรียนเป็นผู้รเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษาค้นคว้า พัฒนาด้วยตนเองตาม
ิ
ความสนใจและระดับความรู้ความสามารถ
- นักเรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า ตลอดจนการพัฒนาเก็บรวบรวม
ข้อมูลหรือประดิษฐ์คดค้นิ
รวมทั้งการสรุปผล และการนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยมีครู
อาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คาปรึกษา
การทาโครงงานคอมพิวเตอร์มีของเขตกว้างขวางมาก ตั้งแต่เรื่องที่ง่าย ๆไปจนถึง
เรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน โครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องอาจใช้เวลาสั้นในการพัฒนา
จนถึงเรื่องที่ใช้เวลาเป็นภาคเรียนหรือปีการศึกษาโครงงานคอมพิวเตอร์บางเรือง ่
เสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยจนถึงนับพันบาทนักเรียนจึงควรศึกษารายละเอียดและ
งบประมาณต่างๆ ของโครงงานก่อนจึงค่อยเลือกทาโครงงานที่เหมาะสมกับระดับ
ความรู้ ความสามารถและความสนใจของนักเรียนโดยทั่ว ๆ ไป การทาโครงงาน
คอมพิวเตอร์จัดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนรายวิชาคอมพิวเตอร์ทุกระดับ
การศึกษา โดยอาจจะทาเป็นกลุ่มหรอทาเป็นรายบุคคลทังนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของ
้
นักเรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มเป็นสาคัญจุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงาน
คอมพิวเตอร์ไม่ได้อยู่ที่การส่งเข้าประกวดเพื่อรับรางวัล
แต่เป็นโอกาสที่นักเรียนจะได้ประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ ตลอดจนการแสดงผลงานของตนเอง
เพื่อให้นักเรียน
ผู้ปกครองและผู้ที่สนใจในชุมชนเมื่อมีการจัดกิจกรรมของโรงเรียนหรืองานอื่น ๆ
- 3. แหล่งที่มา : http://www.lks.ac.th/kuanjit/s4.htm
http://kruarisara.wordpress.com/2010/03/30/
http://www.learners.in.th/blogs/posts/331802
http://kroosuveera.blogspot.com/2011/09/blog-post_13.html
http://www.rayongwit.ac.th/chanarat/unit1/unit1-1.html