More Related Content
Similar to อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
Similar to อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ (20)
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
- 2. พล็อตเตอร์ (plotter) พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการ
เขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทามาเฉพาะงานเหมาะสาหรับงาน
เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สาหรับ
วิศวกรรมและสถาปนิก พล็อตเตอร์ทางานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ
เครื่องพิมพ์ดอตเมตริกซ์ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ พล็อตเตอร์
- 3. - Microphone (ไมโครโฟน)
ไมโครโฟน คือ อุปกรณ์รับเสียงแล้วทาการแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
เพื่อประมวลผลในเครื่องขยายเสียงหรืออุปกรณ์ผสมเสียงอื่นๆ
ไมโครโฟนจะประกอบด้วยขดลวดและแม่เหล็กเป็นหลัก เมื่อเสียง
กระทบตัวรับในไมโครโฟนจะทาให้ขดลวดสั่นสะเทือนตัดกับ
สนามแม่เหล็ก จึงทาให้เกิดสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งเป็นหลักการทางานตรง
ข้ามกับลาโพง โดยทั่วไปไมโครโฟนใช้รับเสียงพูดหรือเสียงร้องเพลง
- 4. - Touch screen (ทัชสกรีน)
ทัชสกรีน คือ จอภาพแบบสัมผัส ซึ่งเป็นจอภาพแบบพิเศษที่เป็นทั้ง
อุปกรณ์แสดงผลข้อมูล และอุปกรณ์นาเข้าข้อมูล มักนาไปใช้กับธุรกิจ
ร้านค้า โรงแรม สายการบิน พิพิธภัณฑ์ สถานบันเทิงคาราโอเกะ รวมถึง
ธุรกิจธนาคาร เช่น เครื่องเอทีเอ็ม ซึ่งผู้ใช้งานเพียงแต่นานิ้วหรือใช้แท่ง
คล้ายดินสอหรือปากกา แตะ/กดลงบนตาแหน่งที่ต้องการบนจอภาพ
- 5. Scanner (สแกนเนอร์)
สแกนเนอร์ คือ อุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ จากรูปแบบ
ของแอนาลอกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง,
เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ,
ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ
- 6. ชนิดของไมโครโฟน
ไมโครโฟนแบ่งตามชนิดของการใช้วัสดุอุปกรณ์นามาสร้างได้5 ชนิด คือ
1. ไมค์ไดนามิค ( Dynamic Microphon )
มีโครงสร้างประกอบด้วย ดังนี้
แม่เหล็กถาวร ( magnet )
ไดอะแฟรม ( Diaphragm )
ขดลวด ( Coil )
หลักการทางาน ดังนี้ คือ เมื่อเสียงมากระทบที่แผ่นไดอะแฟรมบางๆ จะเกิดการสั่นขึ้นผลจากการสั่นเพียงเล็กน้อยทาให้ขดลวดเขย่า เกิดการเคลื่อนที่ผ่าน
สนามแม่เหล็กทาให้ขดลวดเกิดกระแสไฟฟ้า ( Current ) ขึ้นตามผลการสันของไดอะแฟรม แตสัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนเป็นขนาดความแรง
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงต้องมีการขยายขึ้นเป็นพิเศษที่เครื่องขยายเสียง โดยวงจรขยายสัญญาณไมโครโฟนเท่านั้น เรียกว่า ปรีไมโครโฟน( Pre
Microphone ) ไมโครโฟนชนิดนี้ มีอิมพิแดนซ์ 600 โอห์มมีความไวในทิศทางด้านหน้าและในรัศมีสั้นๆ ประมาณ4 เซนติเมตร จนบางที
เรียกว่าไมค์ร้อง เหมาะสาหรับการแสดงการขับร้อง
2. ไมค์คอนเดนเซอร์ ( Condensor Microphone )
มีโครสร้างประกอบด้วย ดังนี้
แบตเตอรี่ ( Battery )
ไดอะแฟรม ( Diaphragm )
Back plate
วงจรขยายสัญญาณ ( Amplifier )
คอนเดนเซอร์ไมโครโฟนนี้ต้องมีไฟฟ้าDC เลี้ยงจึงจะทางาน แรงดันตั้งแต่ 1.5 ถึง 48 โวลท์ ไมค์คอนเดนเซอร์ใช้หลักการค่าความจุของคาปาซิเตอร์
เปลี่ยนแปลงโดยเมื่อมีเสียงปะทะที่ไดอะแฟรม จึงจะทาให้เกิดการสั่นไหว ทาให้มีการขยับตัวของระยะห่างชองแผ่นเพลทที่เป็นไดอะแฟรมกับแผ่น
เพลทแผ่นหลัง ( Back Plate ) ทาให้ค่าความจุมีการเปลี่ยนแปลงตามแรงปะทะจากคลื่นเสียง ทาให้เกิดสัญญาณไฟฟ้าของเสียงนั้นส่งมาที
Amplifier ทาการขยายสัญญาณเสียงเป็นกระแสไฟฟ้าที่แรงส่งออกไปตามสายนาสัญญาณ ดังนั้น ไมโครโฟนชนิดนี้จึงมีความไวมามีอิมพิ
แดนซ์ต่ามาก เมื่อยังไม่มีการออกแบบพิเศษ ความถี่ตอบสนองได้ดีที่ความถี่ปานกลางขึ้นไป และทิศทางการรับ รอบทิศทาง
สายต่อนากระแสไฟฟ้าสัญญาณเสียง
- 7. • หน้าจอ Touch Screen แบบ Resistive
เทคโนโลยี Resistive ถือว่าเป็นแบบที่ประหยัดและเหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆได้กว้างขวาง เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าที่ใช้เครื่อง POS
งานควบคุมทางด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งใช้ในอุปกรณ์พกพาอย่าง PDA, Mobile เป็นต้น จอTouch Screen แบบ Resistive จะ
ประกอบด้วย เลเยอร์ด้านบนที่ยืดหยุ่นและเลเยอร์ด้านล่างที่อยู่บนพื้นแข็งคั่นระหว่าง 2 เลเยอร์ด้วยเม็ดฉนวนซึ่งทาหน้าที่แยกไม่ให้ด้านในของ 2
เลเยอร์สัมผัสกันเพราะด้านในของ 2 เลเยอร์นี้จะเคลือบด้วยสารตัวนาไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติโปร่งแสงในเวลาสัมผัสจะมีการปล่อยกระแสที่เลเยอร์
สารตัวนา และเมื่อคุณกดที่ Touch Screen จะทาให้วงจร 2 เลเยอร์ต่อถึงกัน จากนั้นวงจรควบคุมก็จะคานวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งจะ
แตกต่างไปตามตาแหน่งที่สัมผัสเมื่อคานาณค่ากระแสตามแนวตั้งและแนวนอนก็จะได้ตาแหน่งที่สัมผัสบนหน้าจอ
-หน้าจอ Touch Screen แบบ Surface-acoustic-wave (SAW)
ด้วยความโดดเด่นในเรื่องความคมชัดสูงความเม่นยาทาไห้มีการใช้งานเทคโนโลยี
Acousttic wave ใน Application Kiosk Touh Screen แบบนี้จะมีตัว
ส่งสัญญานซึ่งยึดติดไว้ที่ขอบกระจกเพื่อส่งสัญญานอุลตร้าโซนิกส์ไปทั้งสองระนาบ คลื่น
เสียงนี้จะสะท้อนผ่านไปทั้งพื้นผิวของกระจกมายังเซ็นเซอร์อีกด้านหนึ่ง เมื่อมีการสัมผัส
ด้วยนิ้วหรือสไตตัลที่มีปลายอ่อน จะมีการดูดซับพลังงานจากคลื่นเสียง ทาให้แผงควบคุม
สามารถวัดตาแหน่งการสัมผัสได้จากการเปลี่ยนแปลงขนาดของคลื่นเสียง
- 8. ชนิดของเครื่องสแกนเนอร์
สแกนเนอร์สามารถจัดแบ่งตามลักษณะทั่วๆ ไป ได้ 2 ชนิด คือ
Flatbed scanners, ซึ่งใช้สแกนภาพถ่ายหรือภาพพิมพ์ต่าง ๆ สแกนเนอร์ ชนิดนี้มีพื้นผิวแก้วบนโลหะที่เป็นตัว
สแกน เช่น ScanMaker III Transparency and slide scanners, ซึ่งถูกใช้สแกนโลหะโปร่ง เช่น ฟิล์มและ
สไลด์
ประเภทของภาพที่เกิดจากการสแกน แบ่งเป็นประเภทดังนี้
1. ภาพ Single Bit
ภาพ Single Bit เป็นภาพที่มีความหยาบมากที่สุดใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล น้อยที่สุดและ นามาใช้ประโยชน์
อะไรไม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือ ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที่ ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลา
ในการสแกนภาพน้อยที่สุด Single-bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ
- Line Art ได้แก่ภาพที่มีส่วนประกอบเป็นภาพขาวดา ตัวอย่างของภาพพวกนี้ ได้แก่ ภาพที่ได้จากการสเก็ต
- Halftone ภาพพวกนี้จะให้สีที่เป็นโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท Single-bit
เนื่องจากเป็นภาพหยาบๆ
2. ภาพ Gray Scale
ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดา โดยจะประกอบด้วยเฉดสีเทาเป็นลาดับขั้น ทาให้เห็น
รายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึกมากขึ้นกว่าเดิมภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ละจุดของภาพอาจประกอบด้วยจานวนบิต
มากกว่า
ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
3. ภาพสี
หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วยจานวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ควาามสามารถในการสแกน
ภาพออกมาได้ละเอียดขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใช้สแกนเนอร์ขนาดความละเอียดเท่าไร
4. ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือในที่นี้ ได้แก่ เอกสารต่างๆ เช่น ต้องการเก็บเอกสารโดยไม่ต้อง พิมพ์ลงในแฟ้มเอกสารของ
เวิร์ดโปรเซสเซอร์ ก็สามารถใช้สแกนเนอร์สแกนเอกสาร ดังกล่าว และเก็บไว้เป็นแฟ้มเอกสารได้ นอก จากนี้ด้วยเทคโนโลยี
ปัจจุบันสามารถใช้ โปรแกรมที่สนับสนุน OCR (Optical Characters Reconize) มาแปลงแฟ้มภาพเป็น เอกสาร
ดังกล่าวออกมาเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถแก้ไขได้