รวมบันทึกอันเนื่องมาจากลูกๆ
- 2. สิ่งที่ประทับใจจากงานวันแรกพบกับโรงเรียน
มอ.ว.
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
21 กุมภาพันธ 2006 01:16 น.
http://www.gotoknow.org/posts/16172
วันเสารที่ผานมา ไดเขาฟงคําบรรยายเกี่ยว กับ โรงเรียนมอ.วิทยานุสรณ สําหรับระดับม.4 ไดเขาใจ
หลักการและวัตถุประสงคของการจัดตั้งโรงเรียนนี้ รูสึกประทับใจและชื่นชม เพราะหลังจากที่ลูกๆ
กลับมาใชชีวิตนักเรียนประถม และมัธยมที่บานเราไดสองสามเดือนแลว ตัวเราเองรูสึกสงสารชีวิต
ของเคาเมื่อเทียบกับตอนอยูที่ออสเตรเลีย แตตองบอกวาการเรียนที่โนนก็คงมีสวนทําใหพวกเคา
รูสึกสนุกสนานกับการเรียนที่นี่ (ทั้งๆที่รูเรื่องบางไมรูเรื่องบาง กับศัพทภาษาไทยในหนังสือซึ่งเปน
ภาษาเขียนที่ลูกไมคุนเลย) จากการที่เคาไดเรียนแบบสนุกสนานที่โรงเรียน การบานเล็กนอย สุด
สัปดาหไมมีการบานเปนเวลาอานหนังสืออานเลนอะไรก็ได มาเปนเรียนเต็มที่ การบานเพียบ ทํา
กันตั้งแตกลับถึงบานจนเกือบสองทุม บางครั้งก็ยังไมเสร็จดวยซํ้า
รูสึกวามอว.กําลังจะมาเปนทางเลือกใหม ที่แสดงใหเห็นวาการเรียนใหสนุกก็สามารถสัมฤทธิ์ผลได
ไดฟงอาจารย ปริญญา อรุณวิสุทธิ์ ทานรองผอ.โรงเรียนเปรียบเทียบเด็กสองแบบ คือ แบบแรก
เปรียบเปนสีแดงเปนพวกที่ชอบเรียน มีการบานก็ขยันทํา ชอบอานหนังสือ ไปหองสมุดแลวมี
ความสุข กับอีกแบบเปนสีเหลือง แบบนี้ชอบเฮฮาสนุกสนาน เลนเกมสคอมพิวเตอร แบบนี้พอ
แมตองบริหารปากกันเสมอ เมื่อไหรจะทําการบาน เมื่อไหรจะอานหนังสือ ทานบอกวา หนาที่ของ
เราพอแม และโรงเรียนคือทําใหลูกของเราเปนสีสม คือรูจักเรียนและมีความสุนทรียใน
การใชชีวิตดวย ระแวดระวังดูแลไมใหสารพัดสีเลอะเทอะอื่นๆในสังคมมาปนเปอนพวกเขา ปรับ
แตงลูกๆใหเปนคนดีมีความสุข ไดเปนไดทําสิ่งที่เคาสามารถทําไดใหเต็มศักยภาพแตเปน
ไปอยางมีความสุข ไมใชจัดการใหเคาเปนแบบที่เราคิดวาดีกับตัวเคา ลูกตองเปนผูเลือกตัดสินใจ
เอง โดยมีเราเปนผูใหขอมูลและคําปรึกษา สงเสริมเคาใหรูศักยภาพของตัวเอง คนพบวาตัวเองชอบ
อะไร ไมใชพอแมอยากใหเปนอะไร
เปนบายวันแนะนําโรงเรียนที่มีคุณคาสําหรับตัวเอง และหวังวาทางโรงเรียนจะสามารถพิสูจนใหคน
ไดรูวา การเรียนรูแบบบูรณาการเปนการเรียนรูที่ยั่งยืน เราควรจะชวยกันทําใหระบบการ
ศึกษาของเราปรับเปลี่ยนไปไดแลว เชื่อวาจะเปนแบบอยางที่ดีของโรงเรียนอื่นๆไดหากผลผลิตที่
ออกมาเปนพลังที่ดีของสังคม
- 3. ภาษาไทยไมงายอยางที่คิด
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
22 กุมภาพันธ 2006 00:00 น.
http://www.gotoknow.org/posts/16285
เจาตัวโตเอามาทายใหอานใหฟง เราก็อานดวยความมั่นใจ แตเชื่อไหมวาสองคํานี้ สตรี ไมไดอาน
วา สะ-ตรี และ เสวก ไมไดอานวา สะ-เหวก หากทานอานแบบนี้อยูขอใหรูวาไมตรงตามที่บอกไวใน
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานนะคะ
- 4. ตั้งกฎในการเลนคอมพ...ฝกวินัยใหลูก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
24 กุมภาพันธ 2006 23:50 น.
http://www.gotoknow.org/posts/16732
ไดฟงขาววันนี้เรื่องเด็กเปนโรคนิ้วมือหงิกงอเพราะเลนคอมพนานๆแลว นึกดีใจที่เราตั้งกฎประจํา
บานมานานแลวจนเปนธรรมเนียมวา ทุกคนจะอยูหนาคอมพไดครั้งละไมเกินครึ่งชั่วโมง ถาใครมีลูก
เล็กๆที่กําลังเริ่มจะติดคอมพ ถายึดขอปฎิบัตินี้ไว สรางนิสัยใหลูกรูวา เลนไดแตควรลุกไปทําอยาง
อื่นบาง (ใหหามเลยก็ดูจะเปนไปไดยาก สําหรับบานสวนใหญ) เลนนานๆเกินครึ่งชั่วโมงจะมีผลเสีย
เคาจะไดคิดไดเองวาที่เราบอกนั้นเปนสิ่งที่เปนประโยชนกับตัวลูกเอง
- 5. การอานภาษาไทยของเด็กไทยที่ไปโต
เมืองนอก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
27 กุมภาพันธ 2006 21:45 น.
http://www.gotoknow.org/posts/17044
นองฟุง ลูกชายคนเล็ก ติดตามไปตอนคุณแมไปเรียนตอที่ออสเตรเลียตั้งแตเคา อายุ 2 ขวบ ยังพูด
ไมไดเลย (เปนเด็กพูดชา) ดังนั้นจึงไปเริ่มพูดเอาที่โนน แตดีที่เคาขอใหพวกเราพอแมและพี่ชาย 2
คนพูดไทยกับเคาที่บาน เราจึงมีกฎวา ตองพูดไทยในบาน หามพูดภาษาอังกฤษ ที่ตองมีกฎนี้
เพราะเจาพี่ชายทั้งสองที่อายุ 7 และ 8 ขวบตอนไป โดนเพื่อนที่โรงเรียนวา เวลาพูดกันเปนภาษา
ไทย (เพราะเคาฟงไมรูเรื่อง) ก็เลยชอบคุยกันเวลาเลนดวยกันเปนภาษาอังกฤษ แลวก็ติดมาที่บาน
นองฟุงจะเปนคนคอยดุวาใหพูดไทย เคาจึงสามารถฟงและพูดภาษาไทยไดดี (เราคิดกันเอง) แต
ปรากฎวาครั้งแรกๆที่เจอนาๆนักเรียนไทย มีบางคนมาถามคุณแมวา นองฟุงพูดภาษาอะไรคะ
ฟงไมคอยรูเรื่อง จะวาภาษาอังกฤษก็ไมใช ตองฟงกันสักพักจึงเขาใจ เพราะจริงๆนองฟุงพยายามพูด
ไทย (ที่พวกเราพอแมคิดวาพูดไดดี เพราะเราฟงรูเรื่อง แตจริงๆมันไมใชแบบที่คนไทยทั่วๆไปพูดกัน
เคาจะพูดแบบประโยคภาษาอังกฤษแปลมาเปนไทย)
กลับมาแลวไดสามสี่เดือน นองฟุงอานภาษาไทยไดคลองแลว แตก็ยังมีอะไรใหเราไดฮาเสมอ เชน
นองฟุงจะอาน ปาดังเบซาร วา ปา-ดัง-บะ-เซา แลวก็เถียงเวลาเราบอกเสียงที่ถูกวา ก็เหมา, เศรายัง
อานวา เหมากับเสา เลย ไมใช เห-มา หรือ เส-รา
ปายทางเขาที่เขียนเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวเอาไว นองฟุงก็อานวา ที-คา-ยุ-โก-
โหด-มะ-หา-รา-ชา พอบอกวา โห-ตุ นองก็ยกตัวอยางวาทําไมไมเหมือน เหตุละ
ทําใหนึกถึงที่มีอาจารยมาบนใหฟงวาเจอเด็กมหาวิทยาลัยแลว อาน one, misuse วา ออน-เน กับ มิ-
ซู-ซี
นึกไมออกเหมือนกันวาจะโทษอะไรดี ก็คง ตองชวยๆกันแกไขและบอกตอ เหมือนๆกับที่พวกเรา
กําลังชวยนองฟุงกันอยู
- 6. AAR ชวนลูกไปวายนํ้า
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
10 มีนาคม 2006 23:50 น.
http://www.gotoknow.org/posts/18474
พวกเราทําบัตรวายนํ้าของศูนยกีฬากันมาตั้งแต ปลายมกราฯ บอกหนุมนอยนักวายนํ้าทั้งสองวา
สระอยูตรงนี้นะลูก อยากไปเมื่อไหรไปไดเลย เดินไปใกลนิดเดียว กอนเราจะกลับมา ทั้งสองหนุม
วายนํ้าเปนประจําอาทิตยละ อยางนอย 4 วัน ระยะทางไปสระก็อยูไมใกลไมไกลไปกวาสระที่นี่ แต
ปรากฎวาไมมีใครไปลงสระเลย แตอาทิตยนี้เราไดไปวายกันมาแลว คุณแมเลยขอ After Action
Review (AAR) เสียหนอย (ฟรีสไตลอีกตามเคยคะ)
สิ่งที่คาดวาจะไดรับ
ตอนแรกที่บอก คิดวาลูกๆจะไปกันในไมชาหลังจากมีบัตรแลว แตเวลาผานมาเกือบสองเดือน ลูกๆ
ไมถึงสระสักที เลยคิดวาเอาละ เราจะไปวายนํ้าแลวชวนเขาไปดวย ทั้งสองหนุมไปอยาง happy
พอใจกันหมดกับการตื่นแตเชา กอน 6 โมงแลวก็เดินคุยกันไปถึงสระ วายกันไมเลิก ชวนใหขึ้น
เพราะแมตองไปทํางาน สองหนุมบอกวาจะกลับกันเอง ^o^
ทําไมถึงไมสําเร็จในตอนแรก
เพราะเราไมไดลงมือทําเปนผูนํา แคแนะนําชี้ชวนไมเพียงพอ
ขอคิดสําหรับตัวเองในฐานะพอแม
อยากใหลูกทําอะไร เราตองทําเปนตัวอยางกอน อะไรๆที่เราบอกวาดี ถาเราเองไมลงมือทําหรือทํา
ยังไมได ก็คงยากที่จะเข็นใหลูกทํา
ทําใหนึกถึง ขําขัน ที่เพิ่งอานมาไมนานนี้จาก forward mail (เลยไมสามารถอางที่มาได) ขอนํามาเลา
ตอนะคะ
ลูก: ทําไมเราไมมีบานใหญๆ รถสวยๆเหมือนคนอื่นละพอ
พอ: ถาลูกอยากมีแบบนั้น ลูกตองตั้งใจเรียนใหเกงๆจะไดมีงานดีๆ ทําเงินไดเยอะๆ นะลูก
ลูก: แลวทําไมตอนเด็กๆพอไมตั้งใจเรียนละ พอ
- 7. การอานภาษาไหนๆก็ไมงายหรอก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
11 มีนาคม 2006 16:53 น.
http://www.gotoknow.org/posts/18514
วันนี้นอกจากไดอาน ความคิดเห็นที่ทําใหขํา (โปรดอยาคิดวาเปนการดูถูก ถามีคนขําเวลาเราพูด
ภาษาผิดๆ เราควรดูใหเปนเรื่องสนุก เพราะเราเองก็ตองเคยผิด ไมอะไรก็อะไรสักอยาง) โดยเฉพาะ
ที่คุณขจิต เลาวาเด็กอาน sometimes วา โซมีติเมต ทั้งๆที่รับรองวา ตองเขาใจแนนอน ถาไดยินเรา
พูดวา ซัม ไทม (อานไท แบบมีม. ตามนิดๆ) วันนี้เด็กไทยที่บานก็มีเรื่องใหขํา เคารูจักคําวา อมตะ
(พูดแลวเขาใจรูความหมาย) แตไมเคยอานที่เปนตัวหนังสือมากอน เคาอานวา อม-ตะ แลวก็สงสัย
กันวา อม-ตะ นะ คือ อม อะไร ตะ คืออะไร พอบอกวามันคือ อัม มะ ตะ ที่เคารูจักไง ไดขํากันอีก
ขอยํ้าวา การที่เราหัวเราะอะไรแบบนี้ ควรมองใหเปนเรื่องขําขันสนุกสนาน ไมใชการดูถูก ก็เหมือน
เวลาเราเห็นคนเหยียบกลวยหกลม มันตลก เราก็ขํา แตไมไดแปลวาเราสนุกที่เขาเจ็บ ตองหัวเราะ
ใหเบาๆอยาใหเขาเขินเพราะถาเราลมแบบนั้น เราก็คงไมคิดวาขําเหมือนกัน
- 8. อันตรายจากสนามบาสรอนๆตอนบาย
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
13 มีนาคม 2006 23:36 น.
http://www.gotoknow.org/posts/18712
เย็นวันอาทิตยที่ผานมา เจาตัวโตบอกวาไปดูเพื่อนๆเลน หายไปสักพัก วิ่งเขยงเทากลับมาบาน
แผนเนื้อที่ฝาเทาเปดเปนแผง เหมือนเราปอกเปลือกมะละกอหรือมะมวงแบบมือไมอาชีพ (แผน
หนาพอใชได) ขนาดประมาณอุงมือ บอกวาลางนํ้าไปรอบหนึ่งแลว เลือดหยดมาเปนทาง ตองพาไป
ER หมอบอกวาเย็บไมไหวเพราะแผนมันไมหนามาก มีเฉพาะตรงปลายสุดที่เนื้อฉีกเขาไปลึกหนอย
จะเย็บก็ลําบาก หลังจากฉีดยาชาให เลยตัดสินใจตัดทิ้งทั้งแผน แลวก็ตองพันผาไวแลวไปทําแผล
ทุกวัน คงจะตองใชเวลาประมาณ 3 อาทิตย เปนอยางนอยจึงจะเปดตลอดได
ปรากฏวา หลังจากเกิดเรื่อง เราไดทราบวา มีเด็กคนอื่นๆ อยางนอยก็ 2 รายแลวที่เคยเกิด
เหตุเชนนี้ เพราะไปวิ่งบนสนามบาสที่รอนๆดวยเทาเปลา พอวิ่งแลวหนังซึ่งโดนความรอนจะ
ไถไปกับพื้น แลวเปดออก เหมือนคนไข burn ถาไมทันรูสึกทีแรกก็จะยิ่งเปนแผลใหญ เจาตัวโต
บอกวาตอนแรกไมรูสึก มีเด็กคนอื่นบอกวาเลือดออกที่เทาถึงรู
เห็นแผลแลวหวาดเสียวมาก เพราะเหมือนแผล burn เราดีๆนี่เอง อยากเตือนทุกคนที่มี
ลูกหลานทั้งเล็กทั้งโต อยาใหไปวิ่งเลนบนสนามบาส เทาเปลา ตอนที่พื้นยังรอนๆ เตือนให
เด็กๆรูถึงอันตรายที่อาจจะเกิดไดเชนนี้เสียกอน ไมตองรอใหเจ็บเองเพื่อจะจํา เจาตัวโตบอกวาอยาก
เลนแตใสรองเทาแตะอยูแลวมันไมสะดวก ก็เลยถอดรองเทาเลน คราวนี้จําแลววา จะกลับมาใส
รองเทาผาใบกอนไปวิ่งบนสนามรอนๆ
- 9. เร็วกวาที่คาดจากสามหนุมนอย
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
20 มีนาคม 2006 23:18 น.
http://www.gotoknow.org/posts/20025
วันอาทิตยตอนเย็น หนุมนอยคนกลางบอกวา แมสอนสรางบล็อกหนอยนะ เขาอยากเขียนบาง
สมัครเรียบรอยแลวแตไมเขาใจวาจะเริ่มยังไง เจาตัวโตก็บอกวา สอนดวยแม มี password แลว
เหมือนกัน เสร็จแลวเจาตัวเล็กก็บอกวาฟุงดวย ตองจับตัวคุยกันหนอยวา เอาอยางพี่เคาเฉยๆไมได
นะ ลูกตองรูวาจะเขียนอะไร อยากเขียนอะไร และตองเขียนเปนประจํา ไหนบอกหนอยซิวา
จะเขียนอะไร พอฟงแลวก็ไมอยากจะขัด เพราะ เขามีจุดที่คิดไวแลวจริงๆ เจาสองตัวโตตางก็มี ความ
ตั้งใจของตัวเองวาอยากจะเขียนอะไรที่คอนขางแจมชัด สรุปวาลูกๆลงมือกอนที่แมจะตั้งตัวเสียอีก
เพราะตั้งใจไววาจะชวนเขาเขียนกันบาง เพราะดูเหมือนเรื่องที่พวกเขาขยันเลาใหฟงนั้นมีหลาย
มุมมองที่นาจะเขียนเก็บไว
ตองขอขอบคุณ GotoKnow รวมถึงสคส.ที่ไดจัดใหมีเวทีนี้ขึ้น
หวังไววาเด็กๆจะไดเรียนรูไปดวยจากการลงมือเขียนจากความคิดของตัวเอง
ทั้งสามคนบอกวาขอสมัครเขาชุมชนเดียวกับที่แมอยูไดไหม ตองรีบบอกจุดประสงควา Smart Path
จะเกี่ยวกับการพัฒนางาน (ถึงแมบล็อกพูดถึงภาษาอังกฤษจะเกี่ยวไมตรงนัก แตแมก็พยายามไม
ออกนอกเรื่องมาก แกตัวเอาไวกอน) สวน Path Variety ถึงจะเขียนเรื่องหลากหลายได ก็จะ
เปนของคนในภาควิชาฯ เพราะฉะนั้นลูกควรตั้งชุมชนเองเลย
เหนนก็คิดวางั้นเอาเปนชุมชนที่รวมเรื่องของคนที่เคยอยูที่ออสเตรเลียแลวกัน คุณแมก็เลยตกลงจะ
สมัครเขารวมดวย แลวลูกๆจะชวนนาๆอาๆทั้งที่เรียนจบกลับมาแลว และที่ยังเรียนอยูมารวมขบวน
ดวย ฟงดูดีเชียว
ตัวเองไดชวยเฉพาะนองฟุงบางในการพิมพ เพราะนองยังหาตัวหนังสือไมคอยเจอ จะทําไมทันใน
เวลาสวนตัวที่มี (คนละไมเกินครึ่งชั่วโมงตอครั้ง) และภาษาไทยยังไมคอยแข็งแรง คุณแมเองยังตอง
แปลความดวยอยูเลย แตก็ชื่นใจกับความตั้งใจของลูกจริงๆคะ เปนตัวอยางหนึ่งวา การชักจูงให
ใครทําอะไร การทําเปนตัวอยางคือสิ่งที่ดีที่สุด
- 10. ลูกนารักเพราะใคร
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
28 มีนาคม 2006 00:04 น.
http://www.gotoknow.org/posts/21216
ไดยินคําเปรยจากลูกชายผูนารัก วาเหนนไมอยากเปนลูกพอกับแมเลย ถามกลับไปวา ทําไมละลูก
(ดูรูวาเขาพูดแบบ positive) เขาตอบวาเหนนไมอยากนารัก ฟงแลว....จะวาเขาใจ ก็ไมคอย...แตก็
ทําใหเก็บเอามาคิด รวมทั้งไดยินจากคําชมของคนอื่นๆวาลูกๆนารัก ทําใหอยากวิเคราะหเหมือนกัน
วาลูกนารัก เพราะใคร.....
อันดับแรก นาจะเปนเพราะ นิสัยพื้นฐานของเขาเอง อันนี้จะเห็นไดงายวาลูก 3 คนนารักไมเหมือน
กัน ขึ้นกับวามองมุมไหน
อันดับสอง คงเปนเพราะ วิธีที่เราพอแมใชในการเลี้ยงลูก เราพบวาวิธีที่เราใช ทําใหเราไดลูกที่คอน
ขางมีเหตุผล มีวินัยในตัวเอง เคารพกฎระเบียบ ตัวเองเห็นวา มีคนอื่นๆอีกหลายคนที่เปนตัวอยางให
เราในเรื่องนี้ ซึ่งตางคนตางก็มีเทคนิคที่ดีๆของตัวเอง ที่บางอยางก็สามารถใชไดเปนสากล
แตอยางไรก็ตาม ตัวเองก็ยังระลึกถึงและเห็นดวยกับ The Prophet (ปรัชญาชีวิต) ของคาริล ยิล
ราน ที่พูดถึง เด็ก วา
พวกเขามาทางทาน แตไมใชมาจากทาน,
และถึงแมเขาจะอยูกับทาน เขาก็ไมใชของทาน
ทานอาจใหความรักแกเขาได แตไมใชความคิดของทาน เพราะพวกเขามีความคิดของ
ตัวเอง
คุณอาจไดตัวของเขาไว แตไมใชจิตวิญญาณของเขา ,
เพราะวิญญาณของเขาอยูในโลกแหงอนาคต ที่คุณไมสามารถจะไปถึงได แมในความฝน
คุณอาจพยายามจะเปนแบบเขาได แตอยาทําใหเขาเหมือนทาน
เพราะฃีวิตไมเดินถอยหลังหรือผูกติดกับวันวาน
บันทึกวันนี้เพียงเพราะตองการปลดปลอยสิ่งที่ติดอยูในใจ พวกเขาจะนารักเพราะใคร ก็ไมสําคัญ
เทากับการที่พวกเขาจะคงความนารักที่มีอยูตอๆไปในอนาคต เปนคนดี มีคุณคา รักตัวเองและเพื่อน
มนุษย จึงจะทําใหตัวเอง ในฐานะ แม เชื่อวาไดทําหนาที่ที่สําคัญที่สุดของการเกิดเปนมนุษยแลว
โชคดีมีโอกาสสรางพวกเขาขึ้นมา
- 12. อันเนื่องมาจากบันทึกของ Dr .Ka-Poom เกี่ยว
กับ constructivism
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
29 มีนาคม 2006 22:06 น.
http://www.gotoknow.org/posts/21634
อานบันทึกของคุณ Dr .Ka-Poom ตอนแรกวาจะเขียนในความคิดเห็นแตรูสึกวาอาจจะยาวไปหนอย
เลยขอยกมาตรงนี้
นองฟุง อายุจะ 9 ขวบ แสดง ตัวอยางของ constructivism เกี่ยวกับการใชภาษาไทย ใหพวก
เราไดขํากันบอยมากคะ เนื่องจากเขาไปอยูออสเตรเลียเมื่ออายุ 2 ขวบ (ยังไมพูดภาษาไทยเลย
เพราะเปนเด็กพูดชา) ตลอดเวลา 6 ปเขาพูดภาษาไทยไดจากการที่ฟงพวกเราพูดกันในบานเทานั้น
ตลอดทั้งวันสวนใหญจะพูดและฟงแตภาษาอังกฤษ ดังนั้นเขาจะตีความคําในภาษาไทยเอาเอง โดย
ประมวลกับสิ่งที่ไดยินไดฟงพวกเราพูดกัน
ยกตัวอยางเรื่องที่ชอบเลามาแลวหลายหนในหมูเพื่อนฝูงคือ เมื่อนองฟุงอายุ 7 ขวบเลนกับนาจี โดย
ยกเบาะพิงหลังในรถออก เอามาพิงไวเฉยๆแลวบอกวา "นาจี พิงสิ" พอนาจีพิง เขาก็ดึงเบาะออกให
นาจีหนาหงาย นาจีผูแสนดีก็ยอมพิงอยูหลายครั้ง กอนจะพูดวา "นองฟุง เปลี่ยนมุข บางสิ อันนี้เบื่อ
แลว" นองฟุงจัดแจงใช constructivism ทันที โดยไปดึง ที่พิงของเบาะอันอื่น มาตั้งใหนาจีพิง แลว
บอกวา "นาจีๆ ฟุงเปลี่ยนมุขแลว นาจีพิงเร็ว" พวกเราหัวเราะกันใหญ ถามวา"นองฟุงรูมั้ยวา มุข
คืออะไร" นองฟุงมองหนาพวกเราดวยความงุนงง เดือดรอนคุณแมตองอธิบายกันยาว ตอนนี้นองฟุง
เขาใจแลวคะ วา "มุข" คือ "gag" (แถมรูเพิ่มอีกดวยวา "มุก" คือ "pearl")
ตอจากเรื่อง"มุข" นาจีก็เลยสอนนองฟุงวา "แกลงผูใหญไมดีนะ มัน บาป " วาแลวก็นึกได ถามไปอีก
วา "นองฟุง รูมั้ยวาบาป คืออะไร" นองฟุงตอบทันทีดวย constructivismประจําตัว " ฟุงรู ที่บานมีตัว
นึง " เลนเอาพวกเราหัวเราะกันกลิ้งอีก กวาจะไดรูเฉลยวานองฟุงหมายถึง เหรียญ" บาท "
ตองขอขอบคุณ คุณ Dr .Ka-Poom ที่ทําใหไดเรียนรูการเรียนรูของนองฟุงอีกทีคะ
- 13. วิเคราะหวิธีการเลี้ยงลูก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
31 มีนาคม 2006 21:33 น.
http://www.gotoknow.org/posts/21652
ผานไปอานบันทึกอันแสนจะมีประโยชนของคุณจตุพร แลวเก็บไปคิดไดทั้งวัน อยากใหใครตอใครที่
อยากใหอนาคตของชาติเจริญกาวหนาไดอานแลวชวยกันคิดตอ โดยสวนตัวแลวคิดวาตัวเองเลี้ยง
ลูกโดยใชสิ่งที่คุณจตุพรนํามารอยเรียงไวในบทบันทึกนี้โดยไมรูตัว เห็นวาเปนวิธีการที่แสนจะ เปน
เรื่องธรรมดาแตเปนเหตุเปนผลและมีประโยชนอยางใหญหลวงตอเด็กๆของเรา
ขอแนะนําใหลองเขาไปอานกันดูนะคะ เชื่อวาเด็กทุกคนสามารถพัฒนาไดจนเปนกําลังสําคัญของ
สังคม หากเราผูใกลชิดหรือผูที่มีหนาที่เกี่ยวของกับเด็ก ทําความเขาใจกระบวนการตางๆที่คุณ
จตุพรไดพูดถึง สนับสนุนใหเด็กรูจักอาหารที่มีประโยชนแกตัวเอง รูจักรักสุขภาพ สรางสิ่งแวดลอมที่
เอื้อตอการเรียนรูแบบเปดกวาง เปดโอกาสใหเขาสามารถไดลองผิดลองถูก ลงมือทํา ไมปด
กั้น สงเสริมสนับสนุนใหเด็กรักดนตรีไมวาจะเปนเพียงรองตามหรือลงมือเลนเอง ไดขีดเขียนทํางาน
ศิลปะในรูปแบบที่ไมจํากัด สอนใหเขารูวิธีการจัดการกับอารมณไมวาจะเมื่อดีหรือราย
จากความเขาใจปจจัยพื้นฐานตางๆเหลานี้อยางเปนระบบ เปนแนวทางในการพัฒนาการเรียนรูของ
ลูกหลาน เด็กๆผูซึ่งจะเปนอนาคตของชาติไทย เราทุกคน ทุกระดับสามารถทําได ตั้งแตพอแม คุณ
ครู ไปจนถึงผูวางระบบเพื่อพัฒนาการศึกษาของเด็กทั้งประเทศ นอกจากจะชวยใหเราพัฒนา
เด็กไดถูกวิธีแลว ตัวเราเองก็จะไดเรียนรูการชวยใหตัวเราเองมีสุขภาพชีวิตที่ดี เพราะสิ่ง
เหลานี้เปนพื้นฐานของชีวิตที่มีคุณภาพ
- 14. ทําไมคุณครูไมสอนแบบที่มันไมยากบางนะ
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
6 เมษายน 2006 23:46 น.
http://www.gotoknow.org/posts/22859
ชวงนี้ นองฟุง ยุงกับการเรียนภาคฤดูรอนที่โรงเรียนก็เลยมีเวลานั่งเขียนบล็อกนอยลง แถมยังพิมพ
ภาษาไทยไมคอยคลองอีกดวย จึงฝากใหเขียนเรื่องนี้แทนที เนนวาใหบอกดวยนะครับวา ฟุงเปน
เจาของเรื่อง เขาบอกวาเขาอานบล็อกที่แมเขียนดวยนะ (เปนทีวา ตองทําตามที่ฟุงบอกดวยนะ
แม)
นองฟุงอยากบอกคุณครูสอนภาษาอังกฤษวา คําที่คุณครูใหใชพูดเวลาขอไปเขาหองนํ้า กับขอเขา
หอง รวมทั้งเวลาขานชื่อนั้น มันเปนแบบยากไป นาจะเปลี่ยนเปนแบบที่ในหองเรียนฝรั่งเขาใชกัน
จริงๆ งายกวา
แบบของเรา: Excuse me, may I be excused. (ขอไปหองนํ้า)
เด็กฝรั่ง (ออสซี่): Excuse me, may I go to the toilet. (ถึงจะยาว แตก็พูดงายกวา)
แบบของเรา: Excuse me, do you mind if I come in?
เด็กฝรั่ง (ออสซี่): Excuse me, may I come in? (สั้นและงายกวา)
แบบของเรา: present, absent (ขานชื่อวา มา กับ ไมมา)
เด็กฝรั่ง (ออสซี่): here, not here (สั้นและงายกวาอีกเหมือนกัน)
สําหรับประโยคแรก คุณครูก็ใหพูดวา เอกซ คิ้วซ มี (ออกเสียงซ ยาวเชียวทั้งสองตัว) พอมี
excused ตัวหลังดวย ก็ยิ่ง ซือ.....ยาวกันไปใหญ นองฟุงบอกวา บางคนก็พูดวา เอก คิ้ว มี (ไมมี
เลยซักกะ ซ...) ตามความเห็นของนองฟุง บอกวา อานผิดแบบหลัง ที่ไมมี ซ...จะดีกวา แตจะ
ดีที่สุด ถาอานถูกเปน ซึ สั้นๆทั้งสองตัว นี่คือเหตุที่นองฟุงบอกวา พูดวาใชคําวา toilet เลยงายกวามี
excused อีกตัวใหพูดยาก
เห็นดวยกับนองฟุงวา คงมีคุณครูอีกหลายคนทําแบบนี้เหมือนกัน นองฟุงเลยอยากเขียนเสนอแนะ
คะ
- 15. ใครรูความหมายของคําวา "ปทัฏฐาน" และ
"วัชชะ" ของคุณชายขอบบาง
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
20 เมษายน 2006 11:31 น.
http://www.gotoknow.org/posts/24574
จากบันทึกวันนี้เรื่องการทิ้งระยะหาง...ของคุณชายขอบ ชอบความคิดคะ แตที่ทําใหนํามาเขียน
บันทึกนี้คือสวนประกอบภายในบันทึก 2 อยาง อันแรกคือ ที่คุณชายขอบ ยกตัวอยางเรื่อง เวลา
โกรธ ควรจะหลีกเลี่ยงการปะทะเพราะเราอาจจะทําอะไรที่แรงกวาควร ซึ่งจะไมสามารถแกไขได จุด
นี้ตัวเองมักจะใชสอนลูกๆและตัวเองดวย พบวาเปนสิ่งที่เมื่อปฏิบัติแลวไดผลดีคะ เพราะเมื่อเราหาย
โกรธแลว เรามองกลับไป เรื่องบางเรื่องเปนเรื่องตลกดวยซํ้า เราควรจะเผยแพรวิธีปฏิบัตินี้ให
กับคนรอบๆตัวเราเปนการชวยยกระดับอารมณ ไดไปในตัว
สวนอีกเรื่องที่เปนหลักของบันทึกนี้คือ สองคําที่คุณชายขอบใช ที่เอาจั่วหัวไวในชื่อบันทึกนี้แหละ
คะ ถามหนอยเถอะวามีใครเพิ่งเคยเห็นบาง ตัวเองเปนคนหนึ่งหละ เจาตัวโตซึ่งอานอยูใกลๆ บอกวา
รูจักคําวา "วัชชะ" แลวก็สําทับวา ไหนแมบอกวา เกงภาษาไทย ไงละ (อีกแลว)
เรื่องของเรื่องก็คือ ตัวเองเปนคนรักภาษามาก โดยเฉพาะภาษาไทย เมื่อตอนกลับจากเรียนตอใหมๆ
พาลูกซึ่งกําลังถนัดภาษาอังกฤษมากกวาภาษาไทยมาเขาโรงเรียน โดนถามตลอดวาทําไมไมใหลูก
เรียนโรงเรียนนานาชาติหรือสองภาษา เหตุผลก็คือ ตัวเองเชื่อวา ภาษาไทยยากที่สุด แลว ถา
เรียนภาษาไทยเกง ภาษาไหนก็เรียนได และ อยากใหลูกเรียนรูภาษาไทยใหมากที่สุด หากใหเขา
เรียนโรงเรียนที่เนนภาษาอังกฤษซึ่งเขาถนัดกวาอยูแลว โอกาสที่จะไดภาษาไทยก็นอยลง จึงตั้งใจ
สอนและตอบคําถามลูกเกี่ยวกับภาษาใหมากที่สุด และยืนยันใหลูกมั่นใจวา แม เกงภาษาไทย จึง
โดนลองภูมิอยูเสมอ แตยังยืนยันและพยายามทําใหตัวเอง "เกง" ไดจริงๆ (เปนอยางเดียวมังคะที่
อยากจะเกง)
อานบันทึกคุณชายขอบแลวทําใหตองไปเปดหาความหมายของสองคํานี้จากพจนานุกรมฉบับเฉลิม
พระเกียรติ พ.ศ.๒๕๓๐ พบวา
คําวา " ปทัฏฐาน " หรือ " ปทัสถาน " คือ แบบแผนสําหรับยึดถือเปนแนวทางปฏิบัติ
สวน " วัชชะ " คือ การพูด, ถอยคํา, สิ่งที่ควรละทิ้ง, โทษ, ความผิด
คําวา "วัชชะ"นั้น เคยไดยินแตในความหมายในคําวา วัชพืช เทานั้น สวนปทัฏฐานก็ดูเหมือนตัวเอง
จะเขาใจไปวาเปนคําวา บรรทัดฐาน
ขอบคุณ คุณชายขอบ สําหรับการใชคํานี้ และขอบคุณ Goto Know .org ที่ทําใหไดเรียนรูอะไรๆ
เพิ่มขึ้นทุกวันคะ
- 17. แปลไป แลวก็แปลมา...เรื่องภาษานาสนุก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
24 เมษายน 2006 00:58 น.
http://www.gotoknow.org/posts/25181
โชคดีที่ไดมีประสบการณ ติดตามวิธีการเรียนรูภาษาของลูกๆ ซึ่งมีทั้งแบบ เริ่มเรียนภาษาไทย
จนถึง ป.3 และ ป.4 แลวไปตอ Year 3 และ Year 4 แลวเรียนจนจบ Year 8 และ Year 9 ที่เมือง
Perth ออสเตรเลีย กับเจาตัวเล็กสุดที่ ยังไมทันพูดไทยไดเลยแลวไปเริ่มเขาโรงเรียนที่โนน ตั้งแต
Child care center, Pre-Kindy จนถึง Year 3
ทําใหไดเห็นและเขาใจ วิธีการเรียนรูภาษาของมนุษยแบบธรรมชาติ มีหลายๆเรื่องที่ ชวนให
คิด เชนเรื่องที่อยากเลาวันนี้คือ เจาหนุมนอยคนโต ซึ่งตอนนี้นาจะเรียกไดวาเกงภาษาไทยที่สุดใน
บรรดาสามหนุม บอกวา "แม ครูบอกวาชุดพละจะมาเมื่อ ครึ่งทางของเดือนที่แลว แตตอนนี้ก็ยัง
ไมมานะ" เชื่อไดวาคุณครูตองใชคําวา "กลางเดือน" แนนอน แตพระเอกของเรา รับรูแบบภาษา
อังกฤษในหัว แลวพอแปลกลับมาใหเราฟงเลยกลายเปน "ครึ่งทางของเดือน" ไปได
สวน หนุมนอยคนกลาง ก็ยังแปลภาษาอังกฤษเปนไทยแบบตรงตัวอยูบอยๆ เชน ถาถามวา ทําอะไร
อยู เขาจะไมตอบวา เลนอยู หนาคอมพิวเตอร แตจะตอบวา อยูบนคอมพิวเตอร คุยโทรศัพท ก็
จะเปน อยูบนโทรศัพท ขอให สง อะไรให ก็จะพูดวา ผาน อันนั้นใหหนอยไดไหม เปนตน
สําหรับ เจาตัวเล็ก ยิ่งไมตองสงสัย แปลตลอดแตตามใจฉัน ทั้งจากไทยเปนฝรั่ง และฝรั่งเปนไทย
บอกให กลั้นหายใจใตนํ้า เขาจะพูดวา หายใจเขาแลวก็ถือเอาไวใตนํ้า (แปลมาจาก take a
breath and hold under the water)
อันนี้ชวนใหสรุปวา การแปลไมนาจะเปนวิธีที่ดีในการพูดสื่อสารภาษา (อยางนอยก็สองภาษานี้
แหละ) ควรจะหัดพูดประโยคที่เขาพูดกันเปนธรรมชาติอยูแลวดีกวา ( หรือเปลานะ... )
- 18. นักเรียนสมัยนี้ ตองเรียนพิเศษกันทุกคนหรือ
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
25 เมษายน 2006 01:06 น.
http://www.gotoknow.org/posts/25266
เปนคําถามสําหรับคุณพอ คุณแมทั้งหลายคะ จําไดวาตัวเองจะตอตานการเรียนพิเศษ ไมวาจะเปน
รูปแบบใดๆมาตั้งแตตอนเปนเด็ก ไมเคยสนใจจะไปหาเรียนอะไรพิเศษ แตมักจะ ชอบอานหนังสือ
เรียนเอง อานไปเรื่อยๆ อานทุกอยางที่มีหรือเกี่ยวของกับเรื่องที่เรียน ถึงแมจะไมใชนักเรียน
นักศึกษาที่เรียนไดคะแนนยอดเยี่ยมอยูเสมอ แตก็ไมเคยรูสึกวาตัวเองดอยกวาใครจนตองไปหาที่
เรียนพิเศษ
แตสมัยนี้ เห็น เด็กๆเรียนพิเศษกันเปนกิจวัตรประจําวัน ตั้งแตรุนจิ๋วจนถึงกอนเขามหาวิทยาลัย ทั้ง
ตอนเปดเทอมและปดเทอม แลว แปลกใจวาเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เจาตัวโตซึ่งก็เรียนถือวาใชไดดี เปน
คนชอบอานเหมือนกัน หาความรูเรื่องที่สงสัยไดจาก Internet เลาวาเพื่อนๆเขาเรียนพิเศษกันทั้งนั้น
คนเกงๆที่ลูกตองไปขอใหชวยอธิบายสิ่งที่เขาไมเขาใจ ไปลอกคําตอบการบานที่ตอบไมได ลูกบอก
วาเพื่อนๆรูวิธีการ รูคําตอบมาจากการเรียนพิเศษ แปลกใจวาทําไมจึงไมมีสอนในการเรียนธรรมดา
เราสอนอะไรกันในโรงเรียน และอะไรที่เราจะเรียนไดเฉพาะจากการเรียนพิเศษเทานั้น
ตอนนี้ยังดีใจอยูที่เมื่อถามลูกวา อยากไปเรียนบางไหม แลวลูกตอบวา "ไม" แตสงสัยวาลูกจะทน
กระแสนี้ไดอีกนานเทาใด
เปรียบลูกหรือเด็กๆวาเปนเหมือนตนไม ถา เราปลูกฝงเขามาใหรูจักการเรียนรูดวยตัวเอง ก็
คือมีดินที่ดีใหเขามาตลอด เราก็คงจะไดเห็นตนไมเติบโตตามที่เขาควรจะเปน ไมอยากใหตองปลูก
ตนไมไป คิดถึง ปุยหรือยาฆาแมลง กันอยูตลอดเวลาเลย เปนไปไดไหมหนอ
อยากทราบความคิดเห็นของทานอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งคนเปนคุณครูทั้งหลายดวย
คะ
- 19. สื่อสรางสรรคสําหรับเด็กทําไมถึงไมสนุก สื่อ
ทีวี สื่ออะไร...
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
26 เมษายน 2006 00:19 น.
http://www.gotoknow.org/posts/25474
Website สอนภาษาอังกฤษใหเด็กนั้น สวนใหญผูใหญดูแลวคิดวาเด็กนาจะชอบ ในความเปนจริง
กลับไมใช จากที่เห็นก็คือ สวนใหญแลวจะเปนของฝรั่งซึ่งเด็กๆอานไมรูเรื่อง ไมรูวาจะคลิก
อะไรที่ไหน ดังนั้นผูปกครองจึงตองเปนคนแนะนํา ชี้ชวนใหเด็กเรียนเสียมากกวา และ หากเมื่อใดไม
มีผูใหญอยูดวย ก็เปนอันจบ เด็กๆก็จะกลับไปเลนเกมสเดิมๆที่ไมประเทืองปญญาแตเขาเขาใจวิธี
เลน
นาแปลกใจที่สิ่งนี้เกิดเปนสากล เพราะเมื่อตัวเองจะ หัดใหลูกเรียนภาษาไทยในยามอยูตาง
ประเทศ โดยใชโปรแกรมสําหรับเด็ก ลูกก็จะ สนใจอานเฉพาะเมื่อเราอยูดวย ชวยอานเทานั้น
เมื่อใดไมมีเรา เขาก็จะกลับไปสนใจเกมสเดิมๆ
นาแปลกที่เกมสที่เด็กๆสนใจเลนก็ชางไมมีเกมสสรางสรรคสักเทาไหรเลย เคยนั่งดูลูกๆเลนเกมส
on-liine ที่เขาชอบ เปนเกมสที่เขาไปตอสูกันในสมรภูมิ เราดูแลวก็ไมเขาใจวามันสนุกตรงไหน จะใช
วิธีไมหามแตถามเขาวา เกมสนี้มันสรางสรรคไหม เจาตัวโต เคยตอบวา ก็สรางสรรคนะแม ตอง
คิดวาจะหาวิธียังไงถึงจะยิงคนอื่นๆได แลวก็ทําหนายิ้มๆที่ทําใหเรารูวา เขาก็เห็นดวยวา มันไม
สรางสรรคหรอก แตมันสนุกนี่นา
ที่บานเราโชคดีที่มีกัน 3 หนุมดังนั้นเราจึงตองมีกฎกติกาในการใชคอมพิวเตอร เรากําหนดกันวาทุก
คนตอง ไมเลนติดตอกันนานเกินครึ่งชั่วโมง ในหนึ่งวันตองมีการสลับระหวางเกมสที่ไม
สรางสรรค และอะไรที่สรางสรรคบาง (เชน การเขียนบล็อก) ซึ่งเราพอแมเชื่อวาลูกๆรูวาอะไร
สรางสรรคอะไรไมใช
เชนเดียวกับการดูทีวี เราจะ ไมหามดูสิ่งที่ไมเหมาะกับเด็กแบบเด็ดขาด แตจะใชวิธี ดูดวยชวยกัน
คิด ชวนคุยวาเขาคิดอยางไรกับสิ่งนั้นๆ อันนี้ทําใหนึกถึงคําปรารภของหนุมนอยสองคนโตที่วา
ทําไมที่เมืองไทยตองมีเบลอๆที่บุหรี่ ที่เหลา ที่อาวุธ แตในสังคมจริงๆหาได เห็นได
เยอะแยะกวามาก ไมเห็นมีใครทําอะไร
ยกขึ้นมาเพราะนึกไมออกวาเราจะมีบทบาทอยางไรไดบาง นอกเหนือจากพยายามสงผานการรูจัก
คิดตัดสินใจใหลูกของเรา เพื่อใหเขามีภูมิตานทานตอสิ่งที่ไมดีดวยตัวเอง แลวเด็กอื่นๆที่ไมมีใครคอย
ชวยชี้แนะเลา เราจะชวยอะไรเขาไดบาง
- 20. ภาษาไทยไมยากเทาไหร...หรือเปลานะ?
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
30 เมษายน 2006 21:19 น.
http://www.gotoknow.org/posts/26169
วันนี้เราเขาไปในเมืองเพื่อซื้อของตามปกติของวันสุดสัปดาห ตลอดเวลา 4-5 เดือนที่ผานมา
ตัวเองจะตองชี้ชวนใหลูกๆ อานปายภาษาไทย ตางๆ เพื่อจะดูความคืบหนาในการอานภาษาไทย
เพราะเมื่อแรกๆที่เรามาถึง ทั้ง 3 หนุมแทบจะมองผานภาษาไทยเปนปกติ อานกันแตสวนที่เปน
ภาษาอังกฤษ (เหมือนกับพวกเราที่ ถนัดภาษาไทยก็จะมองไมเห็นภาษาอังกฤษที่มักจะเขียนอยูคูกัน
ตามปายถนน ปายชี้ทาง และชื่อหางรานตางๆ) แลวก็จะเกิดคําถามกันไมไดหยุดหยอนวา ทําไมเคา
ไมเขียนใหอานออกเปนเสียงที่ใชในภาษาไทย นะ เชน พัทลุง ที่ลูกๆรูกันวาเปนจังหวัดที่ติดกับ
หาดใหญ แตพอเขาอานจากปาย โดยไมมองภาษาไทย เราจะ " เปนงง" ... ฟาธาลัง นี่มันที่ไหนนะแม
นึกแลวก็ใหสงสัยวา หลักการแปลคําไทยเปนเสียงภาษาอังกฤษของเรานี่เริ่มมาจากไหน
จะเปลี่ยนใหเปนเสียงที่ฝรั่งกับเราไดยินตรงกันไดเมื่อไหรกันหนอ
วันนี้เปนครั้งแรก ที่ไดยินนองฟุ งอานปายตางๆเปนภาษาไทย อยางรวดเร็ว แทบไมมีผิดเลยโดย
ไมตองชี้ชวน จนกระทั่งมาถึง สระวายนํ้า นองฟุงอาน " สะ-หระ -วาย-นํ้า" เขาอานเสร็จก็หัวเราะ
เลนเอง พอเราจะทัก เขาก็รีบบอกทันทีวา "ฟุงรูแลว วาตองเปน สะ -วาย-นํ้า เพราะมันเปน อักษร
ควบไมแท " เอากับเขาสิ รูไปถึงโนน แตก็สังเกตเห็นวาเขามักจะบอก หลักการและเหตุผลในการ
อาน เชน บอกวาตัวนี้เปนอักษรสูงไมใชไมตรี (บางทีฟุงก็เรียก ไมเลขเจ็ด) เปนตน
หากยอนนึกไปวา นองฟุงไมไดเรียนภาษาไทยตามแบบฉบับพื้นฐานมาเลย เนื่องจากตอนที่เริ่มดวย
การใหดู chart ตัวอักษรภาษาไทยแลวทองไปดวยกัน เอาสมุดคัดไทย เขียนก.ไกมาใหหัดเขียน จะ
ไมมีปญหาในการเขียนเลย เขียนตามไดสวยงามมาก ยกเวนที่ตองชี้ใหดูวาตัวเล็กตัวนอยทั้งหลายที่
ตองอยูบนกับลางจะอยูไมคอยถูกที่ แต การอาน เขาจะไดหนาลืมหลัง ไปไมถึงไหนเลย และ
ดูเหมือนไมมีอะไรที่เขาจะสามารถดัดแปลงใหชวยตัวเองใหจําไดเลย จึงตอง เปลี่ยนวิธีเปนสอน
โดยวิธีการเขียนคําที่พูดบอยๆใหหัดอาน (ใหเขาเลือกเองวาจะเอาคําอะไรบาง) เขาจะอานได
เชน พอ แม บาน ฟุง แตพอเอามาเรียงตอกัน ก็อานไมคอยได ตองคอยเอานิ้วกันไวใหเห็นเปนคําๆ
สรุปวาเรา ยอมแพ เอาเทาที่ได แตพอกลับมาเริ่มเขาเรียน คุณครูทดสอบดวยการเอาขอสอบให
ทํา นองฟุงก็ อานไมออกเลย จึงตองไปเริ่มเรียนป.1 กันใหม ไมใชป.3 ตามที่ควรจะเปน
จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็เกือบ 6 เดือนแลว นองฟุง อานไดคลองแคลว สอบขอสอบชั้นป.1, ป.2 ผาน
เรียบรอย ไดไปเรียนป. 3 แลวปนี้ เหตุที่ตองเรียนซํ้าป. 3 ก็เพราะเนื้อหาวิชาตางๆของบานเรา
ละเอียดและมีศัพทแสงมากมาย ไมนาจะขามไปป. 4 เลย
สรุปวา ภาษาไทย ก็ไมยากเทาไหร...หรอกนะ แต...
ทําไม ปรารถนา กับ สามารถ ตองเขียนแบบนี้ดวยละ แม ทําไมไมอานวา ปรา-รด-นา กับ สา-มา-
รด
- 22. คิดถึงเจาตัวเล็ก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
12 พฤษภาคม 2006 23:48 น.
http://www.gotoknow.org/posts/28205
นองฟุงไปเขาคายกับวงโยธวาทิตที่โรงเรียนได 3 วันกับ 3 คืน แลว บานเราเงียบเหงาไปเปนกอง
เรื่องก็มีอยูวา เมื่อสักอาทิตยมาแลววันสุดทายของการเรียนซัมเมอรที่โรงเรียน ซึ่งมีการเรียนดนตรี
ดวยในโปรแกรม นองฟุงบอกวา แมคุณครูจะใหฟุงเลน "ทําเปด" แมก็คิดในใจวา ก็ทําไปสิลูก กวาจะ
คิดไดวานองฟุงหมายถึง ทรัมเปต นองฟุงบอกตอวา แลวตองไปซอมเลนและเขาคายดวยชวงกอน
เปดเทอม เราก็บอกวาแลวแตลูกก็แลวกัน ถาอยากไปก็ไปได ตอนนั้นไมทราบเลยวา คายนี้เขามี
แตเด็กที่เลนเปนอยูแลว แตนองฟุงนั้นพวกเรายังไมเคยเห็นเลยวาเขาเคยจับเครื่องดนตรี
ประเภทเปา ที่เคยเลนเมื่อปที่แลวที่ Perth ก็เปน ไวโอลิน (แถมเลนแบบฟุงๆอีกตางหาก ไมตาม
แบบที่เราเห็นนักดนตรีอื่นเขาเลนกัน)
พอถึงตนสัปดาหนี้นองฟุงก็ไปเรียนกับเคาตั้งแต เชาจนถึง 6 โมง 2 วัน แลวถึงจะไปเขาคาย
คางคืน 4 วัน 3 คืน
คืนวันอังคารกอนไปเขาคายนองฟุงก็จัดการเตรียมขาวของดวยตัวเอง แถมทําตามสไตล
ตัวเอง ไมเชื่อที่เราแนะนํา คือเขาจะแยกของใชเสื้อผาใสถุงกอบแกบเปนเซ็ตๆเอง กอน
จะเอาใสกระเปา พอเตรียมเสร็จจึงมาบอกวา แมชวยคิดซิวาฟุงตองใชอะไรอีกบาง สรุป
แลวก็เหลือแตแปรงสีฟนที่ยังไมไดเก็บเขากระเปา ก็เลยจัดการใหเก็บไปเลย ใชอันอื่น
แทนที่บานสําหรับกอนนอนคืนนั้นกับเชาวันรุงขึ้น
เชาวันพุธ เราไปวายนํ้ากันตั้งแตนองฟุงยังไมตื่น และคงกลับมาไมทันนองฟุงไป ก็เลยขอปลุกเพื่อ
บอกลากันเสียกอนนองฟุงก็แคลืมตามากอดจุบ แลวก็หลับตอ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ไมไดเจอ
นองฟุงเลย เปนการอยูหางจากพอแมและพี่ๆหลายๆวันครั้งแรกตั้งแตนองฟุงรูความ พวกเราจึง
เปนหวงนองฟุงพอสมควร คุณพอเลาวาตอนที่ไปสง คุณครูก็บอกเหมือนกันวานองฟุงอายุนอยสุด
และยังไมเคยเลนรวมวงมากอน เลยขอเบอรคุณพอไว ถาเผื่อไมไหวก็จะโทรตาม ปรากฏวาจนสิ้น
วันก็ไมมีเสียงโทรศัพทจากคุณครูเลย คุณพอตองโทรไปถามขาว คุณครูบอกวาอยูไดครับไมมี
ปญหา
เรานัดกันไวแลววาวันนี้ตอนไปรับหนังสือเรียนที่โรงเรียน จะไปแวะหาและเอาเสื้อผาไป
เปลี่ยนใหแตไมไดนัดเวลาแนนอน ก็เลยไดมีโอกาสแวะเวียนไปแอบดูกอนจะพบตัว ได
เห็นนองฟุงตั้งอกตั้งใจฟงคุณครูและฝกเปา คอรเน็ต โดยไมวอกแวกเลย ในขณะที่
เพื่อนๆในกลุมชะเงอชะแงมองดูพวกเราที่ไปดอมๆมองๆที่กระจก จนกระทั่งเวลาผานไป
สักพักนองฟุงจึงหันมาเห็นพวกเรา ก็เดินออกมาหาแบบเฉยๆ ไมไดรูสึกวาเราไมเจอกัน
มาตั้ง 3 วันแลวเลย เลือกเอากางเกงไป 1 ตัวจากชุดที่เตรียมไปเพิ่มให 2 ชุด บอกวาขาด
กางเกงไปอีกตัวเดียว แลวก็เดินเขาหองเอาไปเก็บ กอนจากกันอีกรอบ ก็แคยิ้มๆ พอเรา
- 24. การพูดคุยกับลูก คือวิธีการที่ดีที่สุดในการเลี้ยง
ลูก
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
14 พฤษภาคม 2006 00:07 น.
http://www.gotoknow.org/posts/28374
วันนี้ไปเขารวมประชุมผูปกครองเพื่อรับผลการสอบเรียนปรับพื้นฐานและพบปะผูปกครองของ
นักเรียนหองเดียวกัน ของโรงเรียนมอ.วิทยานุสรณ มีการบรรยายจาก คุณหมอจารุรินทร
ปตานุพงศ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกที่ฟงแลวอยากเขียนบันทึกนี้
สวนที่ประทับใจจากการรับฟงก็คือ การที่คุณหมอเตือนใหคุณพอคุณแมเขาใจวา การพูดคุยกับลูก
คือ สิ่งสําคัญที่จะทําใหเราเขาถึงจิตใจของเขาได รูจักถามเพื่อจะฟง แลวคอยตอบสนอง
ไปตามสถานการณ คุณหมอยกตัวอยางเรื่องการทําสีผม วาถาลูกลุกขึ้นมาบอกวาอยากทําสีผม
เราก็ไมควรจะหามทันที แตใหถามวาทําไมเหรอ ลูกจึงคิดจะทํา ตอดวยการพูดคุยถึงเหตุผล
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หรือเมื่อไมสบายใจกับสิ่งที่ลูกทํา ก็ใหคุยบอกลูกไปตามตรง เชน บอก
ลูกวาแมไมสบายใจเลยที่ลูกขับรถซิ่ง (คุณหมอยกตัวอยางการพูดคุยกับลูกชายเล็กของตัวเอง)
ตัวเองพบวา การรับฟงลูกเปนคาถาสําคัญในการเลี้ยงลูกจริงๆ เราจะไดอะไรๆจากการพูดคุย
กับลูก รวมทั้งพบวาลูกรับฟงเราเมื่อคุยกันมากกวาเมื่อเรา"สั่ง"หรือ"สอน" และการพูดคุยนี้
ทําไดทุกเพศทุกวัย อยาคิดวาลูกเล็กเกินกวาจะคุย เพียงแตเราตองคุยใหเหมาะกับวัยของลูกเทานั้น
เอง นอกจากลูกจะรับสิ่งที่เราตองการสื่อ จากการพูดคุยแลว เราเองก็จะไดเรียนรูสิ่งที่ลูกคิดดวย
ลองดูสิคะ ถาใครยังไมเคยทํา ใครทําแลว ลองเลาประสบการณแลกเปลี่ยนกัน เพื่อชักชวนใหคนที่
ไมเคยทําลองดู
เด็กไมเล็กอยางที่คิดคะ ไมวาจะวัยไหน
- 25. เรารักเมืองไทยมาก...ถึงมากที่สุด
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
21 พฤษภาคม 2006 23:47 น.
http://www.gotoknow.org/posts/30070
เมื่อวาน เจาตัวโตคุยเลาเรื่องเพื่อนๆวา มีเพื่อนที่ไปเรียนตางประเทศดวยทุน AFS กันมาคนละป
หลายคน มีบางคนถึงกับพูดไทยไมคอยชัด สวนตัวเขานั้นมีคนทักวาไปอยูออสเตรเลียมาตั้ง 6 ป
ทําไมพูดไทยชัดอยูเลย ดูเขาเลาแบบภูมิใจแลวตองรีบเสริมดวยความชื่นชม
คุยกันแลวทําใหตัวเองเก็บมาคิดวา เราทําไดเชนนี้เพราะเรารักความเปนคนไทยของเรามาก
ตลอดเวลาและเราคงสื่อสิ่งนี้ใหลูกๆรับรูเสมอ เรารักษาความเปนไทยและพยายามสอนลูกให
รับรูวาคนไทย มารยาทไทยเปนอยางไร ระยะแรกๆที่เราอยูไมไดพบคนไทยมากนัก เด็กๆก็จะไดพูด
ไทยกับเราพอแมเทานั้น แตเราก็จะยํ้ากับเจาตัวโตทั้งคูเสมอวา เราจะกลับบานและเราจะตองใช
ภาษาไทยแนนอน ดังนั้นพวกเขาจะตองยังคงรักษาสิ่งที่เขามีมาแลวคือการอานและเขียนไทยใหได
หากจะตองมีการเขียนโนตถึงกันเราก็จะเขียนเปนภาษาไทย ยกเวนแตสําหรับนองฟุงที่ตองเขียน
เปนภาษาอังกฤษใหดวย
เคยไดรับคําชมจากนองคนไทยเมื่อสมัยที่อยูปแรกๆ เมื่อเขาเห็นเจาตัวโตคอยๆคอมตัวคลานเขา
ตอนที่ตองผานดานหลังของพวกเราที่นั่งคุยกันอยูวาพี่สอนลูกดีจัง อยูที่นี่ยังรูจักทําอยางนี้ แตระยะ
หลังเมื่อลูกติดฝรั่งมากขึ้น เขาก็จะละเลยบาง แตพอเราไดพบเจอกลุมคนไทยใหญๆอีกครั้ง เราก็ได
มีโอกาสสอนมารยาทใหพวกเขาไดอีก ตองขอบคุณนองๆพี่ๆคนไทยในตางแดนดวยที่มีสวน
ในการชวยสอนลูกๆใหรักษความเปนไทย
เรื่องที่นายินดีอยางยิ่งอีกเรื่องคือ เมื่อกลับมาใหมๆทั้งสองคนโตไดรับคําชมจากคุณครูวา เขียน
ภาษาไทยไดสวย กวาเด็กที่เรียนที่เมืองไทยอีก ทั้งคูเอามา เลาอยางภาคภูมิใจ (พวกเรารูกันวา
เขียนสวย แตเขาใจไดไมหมดหรอกคะ) เราก็รีบยืนยันวา แมก็วาลูกเขียนภาษาไทยสวย สวนเจาตัว
เล็กก็รีบถามเหมือนกัน อยากใหชมวาเขียนภาษาไทยสวยเหมือนกัน ทั้งที่ยังเขียนไมคลองนัก
โดยสวนตัวก็ ภูมิใจในความเปนไทย จะรูสึกดีใจทุกครั้งที่โดนฝรั่งถามวา ยูเปนคนชาติอะไรทําไม
พูดภาษาอังกฤษไดดีจัง เพราะคําชมนี้ในประเทศออสเตรเลียหมายถึงวาเขารูวาเราไมไดใชภาษา
อังกฤษเปนภาษาแม เพราะประเทศนี้จะมีคนเอเชียมากมายที่เกิดและโตที่นั่น พูดไดภาษาเดียวคือ
ภาษาอังกฤษ ดังนั้นคนทั่วไปจะไมคอยคิดวาเราเปนคนตางชาติเวลารูวาเราเปนนักเรียน PhD แต
ถาโดนชมวาใชภาษาอังกฤษดีแสดงวา ไมเหมือนเจาของภาษาแนนอน ที่ดีใจก็เพราะเราทําใหเขารู
วา เราพูดแบบของเรานี่แหละ (แบบไทยๆ) แตสื่อสารกับเขาได ตัวเองมั่นใจวาไดแสดงใหชาวตาง
ชาติรูเสมอวาเปนคนไทย และรักเมืองไทย จะกลับเมืองไทยแนนอน ที่ที่ดีที่สุดสําหรับเราคือเมือง
ไทย จะเผยแพรสิ่งดีๆของไทยทุกครั้งที่มีโอกาส
เขียนบันทึกนี้ เพราะรูสึกดีใจที่ลูกๆรับรูและซึมซับสิ่งที่เราตองการ และอยากใหคนไทย
ทุกคนชวยกันแสดงความรักความชื่นชมที่เรามีตอความเปนไทยใหคนรอบขางไดรูได
- 27. การใช KM ที่ใกลตัวที่สุด ก็คือ...การเลี้ยงลูก
นี่เอง
โอ-อโณ
(ดร. อโณทัย โภคาธิกรณ)
24 พฤษภาคม 2006 12:57 น.
http://www.gotoknow.org/posts/30659
อานบันทึกของอ.ประพนธทั้ง 2 เรื่องในวันนี้แลวสะกิดใจขึ้นมาทันทีวา การเลี้ยงลูกนี่ไงคือการใช
KM ที่ใกลตัวที่สุด คนเปนพอแมตองรูจัก "ใชกระบวนการ KM และทําตัวเปน "ผูเอื้ออํานวย" การ
เรียนรู คือเปน Facilitator ที่สามารถ "กวน" และ "กระตุน" " ใหลูกเกิดการเรียนรู โดยที่ตัวพอแมเอง
ไดตั้งเปาหมายใหญ ("หัวปลา") ไวแลววากําลังจะพัฒนาลูกไปทางไหน ...อยากใหลูกเกงอยางเดียว
หรือวาเกงดวยดีดวย มีความสุขดวย "หัวปลา" ตองชัดจะไดไมไปผิดทาง สวนที่เปนตัวเอนทั้งหมด
หยิบมาและดัดแปลงจากที่อ.ประพนธเขียนไว ซึ่งอานแลวเห็นภาพชัดมากคะ
นอกจากนั้นบรรดาครูอาจารยทั้งหลาย จะตองไมลืม "เก็บเกี่ยว" สิ่งที่ไดจากกระบวนการดังกลาว
สรางเปน "คลังความรู" ("หางปลา") ในเรื่องนั้นๆ เอาไวดวย ตรงนี้ก็เหมือนกันคะ เรานาจะชวยกัน
ถายทอด เผยแพรสิ่งที่เราไดเรียนรูจากการเลี้ยงดูลูก โดยที่แตละคนก็จะมีผลผลิตที่คนอื่นสามารถ
จะเลือกไดวา อยากใหลูกของตนเปนแบบนั้นๆหรือไม
KM แทๆ นั้นเปนเรื่องที่ยาก เปนเรื่องที่ลึก เปนเรื่องที่ตองใชเวลา ...ทําไป เรียนรูไป ....เปนเรื่อง
ที่ตองใช "ภาวะผูนํา" ที่มีอยูในคนทุกระดับ เพื่อใหสามารถ "หยั่งราก " ลงไปถึงสวนที่เปน
วัฒนธรรมองคกร
นี่ไง...ใชเลย การเลี้ยงลูกนั้นยาก ตองใชเวลา ทําไป เรียนรูไป พอแมทุกคนก็คือ "ผูนํา"
ที่จะตองปลูกฝงสิ่งที่ตนคิดวาดี ใหหยั่งรากลึกลงไปในความคิด และตัวตนของลูก
ขอขอบคุณอ.ประพนธที่ชางคิด ชางเขียนอะไรใหคนอื่นไดคิดตออยูเสมอคะ คราวนี้เจอกับตัวเอง
อยางจัง ชอบจริงๆคะ