ไม่นานมานี้ทางหน่วยงานได้เปิดเผยต้นแบบ” Driver Alcohol Detection System for Safety” (DADSS) หรือ “ระบบตรวจจับแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัย” เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งจะถูกนำมาติดไว้กับพวงมาลัยหรือประตูด้านคนขับเพื่อให้ได้รับ”กลิ่น” จากลมหายใจของคุณแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้อุปกรณ์ก็ตาม (ระบบคล้ายๆกับเครื่องเป่าแอลกอฮอล์)นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ที่ปุ่มสตาร์ทหรือเกียร์ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือของคุณเพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ซึ่งถ้าหากมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนดนั่นคือ 0.08 ก็จะไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ของคุณได้

1. เมา!ไม่ start ! ด้วยเทคโนโลยี “DADSS”
ไม่นานมานี้ทางหน่วยงานได้เปิดเผยต้นแบบ”DriverAlcohol DetectionSystemforSafety”(DADSS)
หรือ“ระบบตรวจจับแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัย”เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2008
ซึ่งจะถูกนามาติดไว้กับพวงมาลัยหรือประตูด้านคนขับเพื่อให้ได้รับ”กลิ่น”
จากลมหายใจของคุณแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้อุปกรณ์ก็ตาม
(ระบบคล้ายๆกับเครื่องเป่าแอลกอฮอล์)นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ที่ปุ่มสตาร์ทหรือเกียร์ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือของคุณเพื่
อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดซึ่งถ้าหากมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกาหนดนั่นคือ0.08
ก็จะไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ของคุณได้
ความคิดเห็นของนักเรียน:สะดวกช่วยลดอุบัติเหตุได้
ผลกระทบ: ขณะที่เราขับรถไปดูระบบตรวจแอลกอฮอลล์ไปอาจทาให้เกิดอุบัติเหตุได้
ที่มา : http://www.engadget.com/2015/06/08/nhsta-anti-drunk-driving-technology/