1. Present : นางสาว นิตยา ทองจันทร์
52011111032

2. 
 ความเคลือนไหวด้ านศิลปะนิยม เช่ น
่
Roman,Renaissance,Baroque,
Victorian
 แนวคิดและค่ านิยมทีมีต่อธรรมชาติ
่

3. 
รู ปแบบสวนถูกปิ ดล้อมภายในตัวอาคาร
 ไม่สามารถเปิ ดมุมมองสู่ภายนอกได้นอกจากท้องฟ้ า
 องค์ประกอบหลักจะประกอบด้วย ภาพเขียน,น้ าพุ,คลองน้ า,กระถาง
ุ่
ดอกไม้ ไม้พมและไม้ยนต้น
ื

4. 
 การออกแบบตามสภาพแวดล้ อม(ทะเลทราย)
 องค์ประกอบหลักคือน ้าพุ ต้ นไม้ สายน ้าและอาคาร
 สวนจะถูกแบ่งเป็ น ส่วน(ตามความเชื่อ)
โดยทางเดินหรื อองค์ประ
กอบอื่นๆของสวน

5. Medieval Gardens

 สวนของโบสถ์ ท่ ีมีรูปทรง Symestry และเป็ นรู ปเรขาคณิต
 มีขอบเขตชัดเจน
 ใช้ ไม้ พ่ ุม,หญ้ า,ทางเดินและกระบะต้ นไม้ เป็ นองค์ ประกอบหลัก
 เป็ นไม้ สมุนไพรและไม้ ผลสาหรั บใช้ ในโบสถ์

6. Italian Renaissance
Gardens

รูปแบบมีความกลมกลืนระหว่ างอาคารกับพืชพรรณ
 เป็ นสวนแบบปิ ดล้ อมและมีนาเป็ นองค์ ประกอบหลัก
้
 ตังอยู่บริเวณเนินเขา เพื่อเปิ ดมุมมองได้ ไกล
้

7. 
 แสดงถึงความมั่งคั่งมีอานาจ
 เพื่อความรื่ นรมย์ และสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อ
มองจากที่สูง


8. 
เป็ นสวนแบบ Formal แต่ มี Slope และขอบเขตชัดเจน
 ประกอบด้ วยนา,Landmark,มีทางเดินและส่ วนที่
้
ลดหลั่น
 เหมือนฉากละคร

9. English landscape
movement

 เป็ นสวนแบบธรรมชาติ(Informal)
 เน้ นการจัดมุมมองที่สวยงาม
 ประกอบด้ วยป่ า ทุ่งหญ้ า สายนา classic
้
building และสัตย์ ป่า

10. Victorian Gardens

 เป็ นสวนแบบผสมระหว่ าง Informal กับ Formal
Style โดยมีการจัดลาดับ
 สร้ างพืนที่แบบ Garden Room โดยการปิ ดล้ อมเป็ น
้
ส่ วนๆ
 มีการใช้ ไม้ ดอก ไม้ ประดับ

11. Rococo Gardens

 เป็ นส่ วนแบบผสมระหว่ าง Informal กับ Formal Style
 เน้ นรูปทรงธรรมชาติของหินและสภาพสูงต่าของพืนที่
้
 มีแกนมุมมองที่ตรงแบบ Formal
 เน้ นความเด่ นของรูปทรงอาคาร

12. แผนการนาเสนอ เรื่อง สวนตะวันตก
กล่าว
บทนา สวัสดี พูดเรื่องราวเนือหาโดยคร่ าวๆ
้ 1
Roman Gardens :
รู ปแบบสวนถูกปิ ดล้อมด้วยตัว

Italian Renaissanc:รู ปแบบ
มีความกลมกลืนระหว่างอาคารกับพืช
English Landscape
Movement:เป็ นสวนแบบ
อาคารเปิ ดมุมมองสู่ ภายนอกไม่ได้ พรรณเป็ นสวนแบบปิ ดล้อมตั้งอยู่ ธรรมชาติเน้นจัดมุมมองที่สวยงาม
หัวข้ อที่ Islamic and Persian : บริ เวณเนินเขาเปิ ดมุมมองได้ไกล Victorian:เป็ นสวนแบบผสม
นาเสนอ ออกแบบตามสภาพแวดล้อม French Formal:แสดงถึงความ ระหว่างInformalกับFormal
(ทะเลทราย)สวนถูกแบ่งออกเป็ น4 มีอานาจ จัดเพื่อความรื่ นรมย์สวยงาม Styleสร้างพื้นที่แบบGarden
ส่ วนโดยทางเดิน Baroque:เป็ นสวนแบบFormal Roomโดยการปิ ดล้อมเป็ นส่ วนๆ
Medieval Gardens : แต่มีSlopeและขอบเขตชัดเจนมี Rococo:เหมือนVictorianแต่ 3
สวนของโบสถ์มีรูปทรง ทางเดินและส่ วนลดหลันเหมือนฉาก
่ เน้นรู ปทรงธรรมชาติของหินและ
Symestry และเป็ นเรขาคณิ ต ละคร ความเด่นของรู ปทรงอาคาร
ภาพ
ตัวอย่ าง
สรุป
เนือหา
้
สวนตะวันตกอาจมีการจัดตกแต่ งทีแตกต่ างกันออกไปขึนอยู่กบภูมประเทศ
่ ้ ั ิ
และสิ่ งแวดล้อมโดยรอบ รวมทั้งการเปลียนแปลงตามอิทธิพล ค่ านิยม
่
ถาม-ตอบ
กล่าวขอบคุณ 1